Share

วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี
วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี
Author: ทองประกาย

บทที่ 1

Author: ทองประกาย
“นางหญิงชั่ว! เม่ยเอ๋อร์เป็นน้องสาวเจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงลงมือสังหารนาง!”

เจียงซุ่ยฮวนลืมตาขึ้น มองชายหญิงแปลกหน้าตรงหน้าด้วยความงุนงง

นางเป็นแพทย์ระดับยอดฝีมือในยุคปัจจุบัน เชี่ยวชาญทั้งการแพทย์แผนจีน แผนตะวันตก และวิชายุทธ์โบราณ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีมือการรักษาอันล้ำเลิศ

แต่เมื่อตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตนเองมาอยู่ในที่แปลกประหลาดแห่งนี้

ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ ความเจ็บปวดก็แล่นปราดไปที่หน้าอก

เจียงซุ่ยฮวนก้มมอง พบว่ามีกริชปักอยู่ที่อก โลหิตไหลรินไม่หยุด

เสียงเย็นชาของชายผู้นั้นดังขึ้น “ตอนแรกเจ้าแต่งงานกับข้าแทนเม่ยเอ๋อร์ ข้าก็ละเว้นชีวิตเจ้าแล้ว วันนี้เจ้ายังจะฆ่าเม่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะยอมเจ้าได้อย่างไร!”

ความทรงจำพรั่งพรูเข้ามาในสมอง

นางข้ามภพมาเป็นองค์หญิงผู้เป็นภรรยาเอกแห่งวังหนานหมิง

ร่างเดิมคือธิดาแท้ ๆ ของจวนอ๋อง นางถูกสับเปลี่ยนตัวตั้งแต่แรกเกิด กว่าจวนอ๋องจะตามหาจนพบและได้แต่งงานกับองค์ชายฉู่เจวี๋ย ก็ระหกระเหินอยู่ภายนอกหลายปี

น้องสาวที่องค์ชายกล่าวถึง คือธิดาตัวปลอมในจวน

แม้ไม่ใช่บุตรีแท้ ๆ แต่ท่านอ๋องและฮูหยินเสียดายนาง จึงรับไว้เป็นบุตรีบุญธรรม

แต่น้องสาวผู้นี้มิใช่คนธรรมดา

นางเข้าวังมาเป็นอนุภรรยา

เมื่อครู่ ร่างเดิมเดินผ่านสวนหลัง เห็นเจียงเม่ยเอ๋อร์ถือกริชจะฆ่าตัวตายพอดี

นางรีบวิ่งเข้าไปช่วย ใครจะรู้ว่าระหว่างที่ทั้งสองกำลังแย่งชิงกัน ฉู่เจวี๋ยก็ปรากฏตัวขึ้น แย่งกริชมาปักเข้าที่อกของร่างเดิม...

ร่างเดิมสิ้นใจ วิญญาณของเจียงซุ่ยฮวนจึงได้เข้ามาสิงร่างนี้

ขณะนั้น เจียงเม่ยเอ๋อร์กอดฉู่เจวี๋ยพลางสะอื้นอย่างอ่อนแรง “โชคดีที่องค์ชายมาทันเวลา มิเช่นนั้นหม่อมฉันคงหนีความตายไม่พ้น”

เจียงซุ่ยฮวนแอบนึกในใจ ฝีมือการแสดงเยี่ยมขนาดนี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปเป็นดารา

นางเจ็บจนต้องขยับตัวเล็กน้อย แต่กลับถูกฉู่เจวี๋ยเตะอย่างแรง

“ถึงเพียงนี้แล้วยังจะหนีอีกหรือ?”

เตะเพียงครั้งเดียว นางก็ล้มลงกับพื้น กระอักเลือดออกมา

ในสมอง ความทรงจำของร่างเดิมผุดขึ้น

ร่างเดิมเติบโตในไร่นาแต่เล็ก เมื่อเจ็ดปีก่อนกลับสู่จวนอ๋องครั้งแรก ทุกอย่างล้วนแปลกตา

ตอนร่วมงานเลี้ยง บรรดาคุณชายคุณหนูต่างเยาะเย้ยถากถาง มีเพียงฉู่เจวี๋ยที่ไม่เพียงมีท่าทีเป็นมิตร ยังแอบใส่ดอกรุ่งอรุณไว้ในจานของนาง

แต่เมื่อมองฉู่เจวี๋ยในตอนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ ในแววตาไม่มีความรักหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

นี่เป็นคนคนเดียวกันจริงหรือ?

เห็นเจียงเม่ยเอ๋อร์แสดงสีหน้าสงสาร “องค์ชาย ถึงพี่สาวจะพยายามฆ่าหม่อมฉัน แต่ตอนนี้นางก็ใกล้ตายแล้ว พวกเราเป็นพี่น้องกัน หม่อมฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนนางสักครู่”

“ข้ามีหลักฐาน!” เจียงซุ่ยฮวนเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านขังข้าไว้ก็ได้ รอข้าห้ามเลือดแล้ว ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์”

ความจริงยังไม่มีหลักฐาน คำพูดนี้เป็นเพียงการถ่วงเวลา

นางยังไม่คุ้นกับร่างแปลกปลอมนี้ ยังใช้แรงไม่ได้ รอให้นางลงมือได้ เรื่องก็จะจัดการได้ง่าย

“ข้าเห็นกับตา เจ้ายังจะหลอกข้าอีกรึ?”

ฉู่เจวี๋ยสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความรังเกียจ

หลังองค์ชายจากไป เจียงเม่ยเอ๋อร์ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มองเจียงซุ่ยฮวนอย่างเหนือกว่า ดวงตาเต็มไปด้วยความสะใจ

“พี่สาวที่รัก ตอนเจ้ายังอยู่ในไร่นา ข้าเคยเตือนเจ้าไม่ให้กลับมา เจ้าไม่ฟังข้า ตอนนี้เจ้าเสียใจหรือยัง?”

“แค่ก!” เจียงซุ่ยฮวนกระอักเลือดออกมา

ในความทรงจำของร่างเดิม เจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นคนว่านอนสอนง่าย กระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต ร่างเดิมก็ยังคิดว่าเจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นน้องสาวที่ดี

รอยยิ้มของเจียงเม่ยเอ๋อร์บิดเบี้ยว กระชากผมนางขึ้นมา “ก่อนเจ้ากลับมา ข้าเป็นธิดาคนเดียวของท่านพ่อท่านแม่ หลังเจ้ากลับมา ข้ากลายเป็นธิดาบุญธรรม คู่ครองที่ควรเป็นของข้าก็ตกเป็นของเจ้า เหตุใด เหตุใดกัน!”

มองโฉมงามของเจียงซุ่ยฮวน แววตาของเจียงเม่ยเอ๋อร์วาบไหวด้วยความริษยา

นางดึงกริชออกจากอกเจียงซุ่ยฮวนทันที กำด้ามแน่น แล้วฟันลงบนใบหน้าอย่างโหดเหี้ยม

“หากไม่ใช่เพราะใบหน้างดงามของเจ้า คนอื่นก็คงไม่รู้ว่าเจ้าคือธิดาแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะทำลายใบหน้าเจ้า ให้ชาติหน้าเจ้าเกิดมาเป็นได้แค่ตัวประหลาด!”

เจียงซุ่ยฮวนหมดแรง ได้แต่มองเจียงเม่ยเอ๋อร์ฟันใบหน้าตนเป็นแผลแล้วแผลเล่า

เห็นใบหน้างดงามกลายเป็นเลือดเนื้อน่าสยดสยอง เจียงเม่ยเอ๋อร์หัวเราะลั่น

“ตอนนี้เจ้าไม่เหลือแม้แต่รูปโฉมงดงามที่พึ่งพาได้ ยังมีอะไรจะเทียบข้าได้อีก? ใครก็ได้ ทำลายแขนขานางให้ข้า!”

ความเจ็บปวดแล่นปราด เจียงซุ่ยฮวนขดตัวเป็นก้อน

ทั้งที่เป็นสตรีเหมือนกัน เจียงเม่ยเอ๋อร์กลับโหดร้ายถึงเพียงนี้ ความเกลียดชังพลุ่งพล่าน ผสานกับความแค้นของร่างเดิม

ทันใดนั้น นางเกิดความคิดบางอย่าง เงยหน้าขึ้นยั่วยุ

“เจียงเม่ยเอ๋อร์ เจ้าช่างไร้ฝีมือ แค่ฆ่าคนยังต้องให้คนอื่นลงมือ สมแล้วที่เป็นลูกนอกสมรส!”

คำพูดนี้ทำให้เจียงเม่ยเอ๋อร์โกรธจัด “กำลังจะตายยังปากดี ข้าจะส่งเจ้าไปพบยมบาลเดี๋ยวนี้!”

พูดจบ นางกำกริชแน่น แทงเข้าที่อกเจียงซุ่ยฮวนอีกครั้ง

ในชั่วพริบตา เจียงซุ่ยฮวนตาวาว แกล้งดิ้นรน จงใจให้จุดที่ไม่ถึงตายถูกแทง

กริชจมเข้าในร่าง นางกระอักเลือด แสร้งสลบไป

เจียงเม่ยเอ๋อร์ลองดูลมหายใจ แล้วจับชีพจร

ตายเสียง่าย ๆ เช่นนี้ ช่างดีเกินไปสำหรับนาง

นางลุกขึ้นมาหยิบผ้าเช็ดมือด้วยท่าทางรังเกียจ

“องค์หญิงพยายามลงมือสังหาร แต่ไม่สำเร็จ ถูกองค์ชายสั่งประหาร ให้นำร่างไปทิ้งที่ป่าช้าสาธารณะ”

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ฝนที่ตกหนักค่อย ๆ ซาลง

ที่ป่าช้าสาธารณะนอกเมือง องครักษ์สองคนโยนร่างของเจียงซุ่ยฮวนลงบนพื้น

หนึ่งในนั้นจ้องร่างที่นอนนิ่งด้วยสายตาลามก พลางถูมือไปมา

“องค์หญิงแต่งเข้าวังมาสองปี ยังไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากองค์ชาย ตายไปอย่างนี้ช่างน่าเสียดาย ข้าว่าให้พวกเราได้ทำความดีให้องค์หญิงได้สมหวังสักครั้งก่อนตายเสียหน่อยดีกว่า”

องครักษ์อีกคนลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “พูดถูก ถึงอย่างไรศพที่ป่าช้าก็ต้องถูกสุนัขป่ากิน สู้ให้พวกเราสองคนได้สนุกก่อนดีกว่า”

ทั้งสองน้ำลายไหลยืดพร้อมจะทาบทับร่างนาง ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่น

เจียงซุ่ยฮวนที่แอบเก็บแรงมาพักใหญ่ พลันลืมตาขึ้น ดวงตาเยียบเย็นดุจใบมีด

ขณะนี้ นางพอจะคุ้นเคยกับร่างนี้บ้างแล้ว นางฝืนทนความเจ็บปวด ดึงกริชออกจากอก ฉวยจังหวะที่ทั้งสองไม่ทันระวัง ฟันที่ลำคอพวกมันทีละคน

แม้นางจะไม่มีแรงมากนัก แต่คมกริชช่างคมกริบ เพียงฟันครั้งเดียวก็ปาดคอทั้งสองขาด

พวกมันแม้แต่เสียงร้องยังไม่ทันได้เปล่ง เอามือกุมคอ ล้มลงดิ้นอยู่บนพื้นครู่เดียวก็สิ้นลม

สายฟ้าฟาดผ่าเมฆดำ ดวงจันทร์สีนวลปรากฏขึ้นเหนือกลุ่มเมฆ

ในป่าช้า เจียงซุ่ยฮวนทรุดลงข้างศพทั้งสอง ถอนหายใจโล่งอก

โชคดีที่นางมีวิชาลับในการแกล้งตาย

เพื่อความสะดวกในการแก้แค้นภายหลัง นางทบทวนความทรงจำของร่างเดิมอย่างคร่าว ๆ

ชีวิตของร่างเดิมช่างแสนอาภัพ ถูกสลับตัวตั้งแต่เกิด เติบโตในไร่นา ไม่มีทั้งความรักจากพ่อและแม่

กว่าจะได้กลับจวนตอนอายุสิบขวบ แต่เพราะไม่รู้วิชาดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และจิตรกรรม อีกทั้งมักถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์ใส่ร้ายลับหลัง จึงต้องเผชิญกับสายตาผิดหวังของท่านอ๋องและฮูหยินอยู่เสมอ

เมื่ออายุสิบห้า ได้แต่งงานกับฉู่เจวี๋ยที่รักมาห้าปี

เมื่อรู้ว่าฉู่เจวี๋ยได้ลั่นวาจากับเจียงเม่ยเอ๋อร์ไว้แล้ว ร่างเดิมรู้สึกผิด จึงยอมให้ฉู่เจวี๋ยรับเจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นอนุภรรยา แต่กลับต้องตายอย่างอนาถในมือทั้งสองตอนอายุสิบเจ็ด

ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

โชคดีที่นางมีวิชาแพทย์ชั้นเลิศ มิเช่นนั้นแม้จะข้ามภพมา ก็คงต้องตายอยู่ดี

แต่ตอนนี้มีปัญหา นางบาดเจ็บภายนอก หากไม่มีเครื่องมือแพทย์ ก็ต้องตายอยู่ดี

ขณะกำลังคิด จู่ๆ ตรงหน้านางก็ปรากฏห้องหนึ่ง

ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์และยาในขวดโหลมากมาย

นี่คือห้องทดลองเก่าของนาง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
สันติภาพ
น่าติดตามสน
goodnovel comment avatar
Jiratha
แค่บทแรกน่าติดตามชอบตัวละคร
goodnovel comment avatar
Ladyblue
บทแรกก็น่าสนใจแล้วค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 820

    พลันแลเห็นเด็กหญิงน้อยผู้หนึ่งขดตัวอยู่ในหีบ มือทั้งสองประคองหมั่นโถวแห้งก้อนหนึ่งไว้แน่น ข้างกายยังมีถุงผ้าใบใหญ่ตั้งอยู่ใบหนึ่งนางมองไปยังลิ่วลู่ด้วยแววตาว่างเปล่า ใบหน้าน้อยแลดูไร้เดียงสา กะพริบตาปริบ ๆ อย่างน่าสงสารลิ่วลู่ร้องอุทานเสียงหลง ชี้ไปยังนางพลางกล่าวเสียงดังว่า “เจ้า...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”เหล่าผู้คนที่เหลือต่างตกตะลึงกับปฏิกิริยาของเขา พากันขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัยฉู่เฉินยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะตะลึงอุทานว่า “ถังซาซา เจ้าแอบเข้ามาในหีบตั้งแต่เมื่อไรกัน”ถังซาซากอดหมั่นโถวแน่น กล่าวเสียงแผ่วว่า “ตอนที่พวกท่านร่ำลาคราวก่อน ข้าแอบย่องเข้ามาตอนที่พวกท่านเผลอเจ้าค่ะ”บรรดาทหารองครักษ์ต่างมองหน้ากันไปมา พลางคิดในใจว่า เด็กน้อยผู้นี้สามารถเล็ดลอดสายตาพวกเขาเข้ามาได้ ร่างกายเช่นนี้เห็นทีจะเหมาะแก่การฝึกวิชาตัวเบายิ่งนัก!นับเป็นต้นกล้าที่หาได้ยากยิ่งเจียงซุ่ยฮวนถึงกับปวดหัว เดินเข้าไปพลางถามว่า “แม่นมของเจ้า กับพี่ชายเถี่ยหนิว ทราบเรื่องนี้หรือไม่”ถังซาซาแลบลิ้นทำหน้าทะเล้น “ข้าเขียนข้อความทิ้งไว้ให้พวกเขา พวกเขาต้องเห็นแน่ ๆ”“เช่นนี้มิได้” เจียงซุ่ยฮวนโน้

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 819

    นางอาศัยพระนามฝ่าบาทข่มขู่เจ้าเมือง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าเมืองตำแหน่งต่ำต้อย มิอาจพบฝ่าบาทได้โดยง่าย ต่อให้ได้พบ ก็มิกล้าเอ่ยเรื่องในวันนี้ออกไปเป็นแน่ส่วนนางนั้น ยิ่งไม่มีวันไปกราบทูลต่อฝ่าบาทเป็นอันขาด“ท่านพูดถูกต้องแล้ว!” เจ้าเมืองลูบมือตัวเองพลางกล่าว “ไม่ทราบว่าท่านจะโปรดให้ข้ามีโอกาสไถ่โทษ ได้รับใช้ท่านสักสองวันหรือไม่”“ไม่จำเป็น” เจียงซุ่ยฮวนกล่าวปฏิเสธด้วยเสียงเย็นชา “ข้ายังต้องรีบรุดเดินทางต่อ”“ถ้าเช่นนั้นก็ได้” เจ้าเมืองกล่าวประจบอีกสองสามคำ ครั้นจะจากไป เจียงซุ่ยฮวนก็เอ่ยขึ้นว่า “จำไว้ว่าอย่าได้เอนเอียงเข้าข้างคนผิด ข้าจะให้คนไปตรวจดู”“โปรดวางใจ ข้ามิกล้าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!”เมื่อเจ้าเมืองจากไปแล้ว ปาฟางจึงถามว่า “นายหญิง ท่านจะส่งคนไปตรวจดูเมื่อใดหรือ”“ก็แค่ขู่เขาเล่นเท่านั้น อย่าได้ใส่ใจจริงจังไปเลย” เจียงซุ่ยฮวนหันหน้ากลับ แล้วเริ่มตรวจดูของที่พวกเขาซื้อมาวางไว้เถ้าแก่ยิ่งมีท่าทีเอาอกเอาใจยิ่งกว่าเดิม “คุณหนู ตอนค่ำอยากทานสิ่งใดหรือไม่ ข้าจะให้พวกในครัวจัดทำให้ท่าน”“ไม่ต้อง ข้าได้สั่งอาหารไว้แล้ว” เจียงซุ่ยฮวนส่ายหน้าปฏิเสธ“เช่นนั้นข้าจะให้พวกในครั

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 818

    ทันทีที่เจ้าเมืองเห็นแผ่นป้ายทองอร่ามในมือของนาง เดิมทีก็ยังมิทราบว่าเป็นสิ่งใด จนกระทั่งได้ยินนางเอ่ยคำว่า “ฝ่าบาท” ออกมาเจ้าเมืองพลันรู้สึกว่าเข่าอ่อน แทบทรุดลงไปกับพื้นเจียงซุ่ยฮวนถอนหายใจยาว “เฮ้อ หากฝ่าบาทพิโรธขึ้นมา เกรงว่าทุกผู้คนในที่นี้ คงไม่มีผู้ใดหลบหนีรอด”เจ้าเมืองผู้นี้ ปกติก็มิเคยได้พบหน้าฝ่าบาท แต่มีความเคารพยำเกรงเป็นล้นพ้น เพียงได้ยินคำว่า “ฝ่าบาท” ก็ขาแข้งสั่นระริกเขากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เอ่ยถามด้วยเสียงสั่น “ท่านคือผู้ใดกันแน่”เจียงซุ่ยฮวนแย้มยิ้ม “หญิงผู้นี้ไร้ความสามารถนัก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน พึ่งได้รับราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหมอหลวงจากฝ่าบาทโดยตรง”เจ้าเมืองมีท่าทีลนลานอย่างเห็นได้ชัด หมอหลวงที่ได้รับแต่งตั้งโดยฝ่าบาท มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าท่านจองหงวนระดับสูงหมอหลวงทำหน้าที่รักษาฝ่าบาทและพระสนม หากมีใครไปกล่าวร้ายต่อหน้าฝ่าบาท ไม่เพียงแต่จะเสียตำแหน่ง แม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ในใจยังมีความหวังริบหรี่ เอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าเป็นหมอหลวง แล้วมีหลักฐานหรือไม่”เจียงซุ่ยฮวนโยนแผ่นป้ายทองให้เขา “ดูให้ดีเถิด”เขาพลิกดูซ้ายขวา แต่ก็มิอาจแยกแยะว่

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 817

    เจียงซุ่ยฮวนนั่งเท้าคาง เหลียวมองอย่างไม่ใส่ใจ ก็เห็นเจ้าเมืองพุงพลุ้ย เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาเจ้าเมืองหรี่ตา ไว้หนวดบนริมฝีปาก มุมปากห้อยตกดูแล้วเหมือนผู้มีอารมณ์ขุ่นเคืองเขาไขว้มือไว้ด้านหลัง เหลียวมองรอบทิศ แล้วกระแอมขึ้นสองครั้ง “แค่ก! แค่ก!”เจียงซุ่ยฮวนหัวเราะเบาๆ ในใจ เจ้าเมืองตัวกระจ้อยร่อย ความเย่อหยิ่งกลับสูงลิบ”เถ้าแก่รีบเข้ามาคำนับ “ท่านเจ้าเมือง ไม่รู้ว่าท่านจะมาถึงที่นี่ ข้าน้อยเสียมารยาทยิ่งนัก!”ขุนนางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ได้ยินมาว่ามีผู้ก่อเรื่องที่นี่ คนผู้นั้นคือผู้ใดกัน”“เอ่อ…” เถ้าแก่เหลือบมองเจียงซุ่ยฮวน แล้วมองพวกที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น มิรู้จะชี้มือไปทางใด“ข้าถามเจ้าอยู่นะ!” เจ้าเมืองเริ่มหงุดหงิดชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งคลานไปกอดขาขุนนาง ร่ำไห้พลางร้องว่า “ท่านน้า! เป็นนางผู้นั้นที่ทำหน้าหยิ่งยะโส!”“นางใช้กาน้ำชาฟาดหัวข้า ยังขู่จะเชือดลิ้นข้าด้วย!”ครั้นได้ยินคำว่า ‘หยิ่งยะโส’ ทุกสายตาต่างหันไปมองเจียงซุ่ยฮวน"?"หน้าข้าดูหยิ่งยะโสถึงเพียงนั้นหรือเจียงซุ่ยฮวนนั่งตัวตรง เก็บสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วกล่าวเรียบ ๆ ว่า “ใช่ ข้าคือคนที่ลงมือ”“ท่านน้

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 816

    เพียงพริบตาเดียว เหล่าคนชั่วที่เคยท่าทางดุดันล้วนล้มระเนระนาด ครวญครางด้วยความเจ็บปวดแขกเหรื่อคนอื่นต่างพากันหนีออกจากโรงเตี๊ยมไปหมดแล้ว ภายในโรงเตี๊ยมเหลือเพียงความโกลาหล โต๊ะเก้าอี้ระเนระนาดไร้ระเบียบแม้แต่ขนมเปี๊ยะที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ ๆ ยังกลิ้งกระจายอยู่เต็มพื้นนับสิบชิ้นเสี่ยวเอ้อโผล่หัวออกมาจากหลังแท่นต้อนรับ เศษผักยังติดอยู่บนหน้าผาก ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนู โปรดเมตตาเถิด ข้าวของเสียหายปานนี้…”เจียงซุ่ยฮวนหลุบตาลง มองเห็นถุงเงินของพวกอันธพาลที่หล่นเกลื่อนอยู่กับพื้นจากการต่อสู้เมื่อครู่นางหยิบถุงเงินใบหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทีสบายใจ แล้วแย้มยิ้มบางเบา เอ่ยถามเสียงเรียบ “ข้าวของพวกนี้ ใครเป็นคนทุบทำลาย”เสี่ยวเอ้อหัวไว ตอบพลันทันทีว่า “เป็นฝีมือของบุรุษเหล่านี้ขอรับ!”เจียงซุ่ยฮวนถามกลับ “ในเมื่อเป็นพวกเขาทำลาย เช่นนั้นก็ควรให้พวกเขาชดใช้ ใช่หรือไม่”“ถูกแล้วขอรับ!” เสี่ยวเอ้อพยักหน้าอย่างแรงเจียงซุ่ยฮวนโยนถุงเงินให้ “เอาไป”เสี่ยวเอ้อรับถุงเงินมา แล้วรีบนำไปให้เจ้าของโรงเตี๊ยมที่เพิ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นภาพเบื้องหน้า ถึงกับหน้าซีดเผือด ตะโกน

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 815

    “ชิ้นละสิบอีแปะ ห้าสิบอีแปะได้หกชิ้น ท่านอยากได้กี่ชิ้นเล่า” แม่ค้าเอ่ยถามพลางนวดแป้ง มือไม่หยุดหน้าไม่เงยราคาแลดูย่อมเยากว่าเมืองหลวงนัก เจียงซุ่ยฮวนล้วงเอาเงินออกมา “ข้าขอเอาหนึ่งตำลึงพอ”แม่ค้าถึงกับเงยหน้าขึ้น “หนึ่งตำลึงได้กว่าร้อยชิ้น ท่านจะซื้อมากถึงเพียงนี้ มีงานที่บ้านหรือ”“ไม่ใช่ ข้าจะเอาไว้เป็นเสบียงระหว่างเดินทาง”“ได้ ข้าจะย่างให้กรอบนอกนุ่มใน เก็บไว้นานก็ยังอร่อย”“ขอบใจมาก ข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมข้างๆ เสร็จแล้วร้องเรียกข้าด้วย”เจียงซุ่ยฮวนหันหลังกลับเข้าที่พัก เอ่ยกับลิ่วลู่และพรรคพวกที่ตามมาด้านหลัง “กินแต่ขนมเปี๊ยะคงไม่พออิ่ม พวกเจ้าออกไปหาซื้อของกินอย่างอื่นมาด้วย เผื่อไว้กินระหว่างทาง”“เวลามีจำกัด พวกเราไม่อาจกินอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมได้ทุกมื้อ”แม้ในห้องทดลองของนางจะมีของกินมากมาย แต่ไม่อาจหยิบออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนได้ จำต้องออกไปจัดซื้อไว้บ้างจากนั้น เจียงซุ่ยฮวนก็กลับขึ้นห้อง เข้าไปในห้องทดลองของนางนางหยิบกระถางใบหนึ่งออกมา ใช้ดินที่เพาะขึ้นเองปลูกบัวหิมะลงไป รอให้บานสะพรั่ง ครานั้นก็จะได้นำมาทำเป็นยาครั้นเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีหมึก เจียงซุ่ย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status