Share

วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี
วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี
Author: ทองประกาย

บทที่ 1

Author: ทองประกาย
“นางหญิงชั่ว! เม่ยเอ๋อร์เป็นน้องสาวเจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงลงมือสังหารนาง!”

เจียงซุ่ยฮวนลืมตาขึ้น มองชายหญิงแปลกหน้าตรงหน้าด้วยความงุนงง

นางเป็นแพทย์ระดับยอดฝีมือในยุคปัจจุบัน เชี่ยวชาญทั้งการแพทย์แผนจีน แผนตะวันตก และวิชายุทธ์โบราณ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีมือการรักษาอันล้ำเลิศ

แต่เมื่อตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตนเองมาอยู่ในที่แปลกประหลาดแห่งนี้

ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ ความเจ็บปวดก็แล่นปราดไปที่หน้าอก

เจียงซุ่ยฮวนก้มมอง พบว่ามีกริชปักอยู่ที่อก โลหิตไหลรินไม่หยุด

เสียงเย็นชาของชายผู้นั้นดังขึ้น “ตอนแรกเจ้าแต่งงานกับข้าแทนเม่ยเอ๋อร์ ข้าก็ละเว้นชีวิตเจ้าแล้ว วันนี้เจ้ายังจะฆ่าเม่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะยอมเจ้าได้อย่างไร!”

ความทรงจำพรั่งพรูเข้ามาในสมอง

นางข้ามภพมาเป็นองค์หญิงผู้เป็นภรรยาเอกแห่งวังหนานหมิง

ร่างเดิมคือธิดาแท้ ๆ ของจวนอ๋อง นางถูกสับเปลี่ยนตัวตั้งแต่แรกเกิด กว่าจวนอ๋องจะตามหาจนพบและได้แต่งงานกับองค์ชายฉู่เจวี๋ย ก็ระหกระเหินอยู่ภายนอกหลายปี

น้องสาวที่องค์ชายกล่าวถึง คือธิดาตัวปลอมในจวน

แม้ไม่ใช่บุตรีแท้ ๆ แต่ท่านอ๋องและฮูหยินเสียดายนาง จึงรับไว้เป็นบุตรีบุญธรรม

แต่น้องสาวผู้นี้มิใช่คนธรรมดา

นางเข้าวังมาเป็นอนุภรรยา

เมื่อครู่ ร่างเดิมเดินผ่านสวนหลัง เห็นเจียงเม่ยเอ๋อร์ถือกริชจะฆ่าตัวตายพอดี

นางรีบวิ่งเข้าไปช่วย ใครจะรู้ว่าระหว่างที่ทั้งสองกำลังแย่งชิงกัน ฉู่เจวี๋ยก็ปรากฏตัวขึ้น แย่งกริชมาปักเข้าที่อกของร่างเดิม...

ร่างเดิมสิ้นใจ วิญญาณของเจียงซุ่ยฮวนจึงได้เข้ามาสิงร่างนี้

ขณะนั้น เจียงเม่ยเอ๋อร์กอดฉู่เจวี๋ยพลางสะอื้นอย่างอ่อนแรง “โชคดีที่องค์ชายมาทันเวลา มิเช่นนั้นหม่อมฉันคงหนีความตายไม่พ้น”

เจียงซุ่ยฮวนแอบนึกในใจ ฝีมือการแสดงเยี่ยมขนาดนี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปเป็นดารา

นางเจ็บจนต้องขยับตัวเล็กน้อย แต่กลับถูกฉู่เจวี๋ยเตะอย่างแรง

“ถึงเพียงนี้แล้วยังจะหนีอีกหรือ?”

เตะเพียงครั้งเดียว นางก็ล้มลงกับพื้น กระอักเลือดออกมา

ในสมอง ความทรงจำของร่างเดิมผุดขึ้น

ร่างเดิมเติบโตในไร่นาแต่เล็ก เมื่อเจ็ดปีก่อนกลับสู่จวนอ๋องครั้งแรก ทุกอย่างล้วนแปลกตา

ตอนร่วมงานเลี้ยง บรรดาคุณชายคุณหนูต่างเยาะเย้ยถากถาง มีเพียงฉู่เจวี๋ยที่ไม่เพียงมีท่าทีเป็นมิตร ยังแอบใส่ดอกรุ่งอรุณไว้ในจานของนาง

แต่เมื่อมองฉู่เจวี๋ยในตอนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ ในแววตาไม่มีความรักหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

นี่เป็นคนคนเดียวกันจริงหรือ?

เห็นเจียงเม่ยเอ๋อร์แสดงสีหน้าสงสาร “องค์ชาย ถึงพี่สาวจะพยายามฆ่าหม่อมฉัน แต่ตอนนี้นางก็ใกล้ตายแล้ว พวกเราเป็นพี่น้องกัน หม่อมฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนนางสักครู่”

“ข้ามีหลักฐาน!” เจียงซุ่ยฮวนเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านขังข้าไว้ก็ได้ รอข้าห้ามเลือดแล้ว ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์”

ความจริงยังไม่มีหลักฐาน คำพูดนี้เป็นเพียงการถ่วงเวลา

นางยังไม่คุ้นกับร่างแปลกปลอมนี้ ยังใช้แรงไม่ได้ รอให้นางลงมือได้ เรื่องก็จะจัดการได้ง่าย

“ข้าเห็นกับตา เจ้ายังจะหลอกข้าอีกรึ?”

ฉู่เจวี๋ยสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความรังเกียจ

หลังองค์ชายจากไป เจียงเม่ยเอ๋อร์ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มองเจียงซุ่ยฮวนอย่างเหนือกว่า ดวงตาเต็มไปด้วยความสะใจ

“พี่สาวที่รัก ตอนเจ้ายังอยู่ในไร่นา ข้าเคยเตือนเจ้าไม่ให้กลับมา เจ้าไม่ฟังข้า ตอนนี้เจ้าเสียใจหรือยัง?”

“แค่ก!” เจียงซุ่ยฮวนกระอักเลือดออกมา

ในความทรงจำของร่างเดิม เจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นคนว่านอนสอนง่าย กระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต ร่างเดิมก็ยังคิดว่าเจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นน้องสาวที่ดี

รอยยิ้มของเจียงเม่ยเอ๋อร์บิดเบี้ยว กระชากผมนางขึ้นมา “ก่อนเจ้ากลับมา ข้าเป็นธิดาคนเดียวของท่านพ่อท่านแม่ หลังเจ้ากลับมา ข้ากลายเป็นธิดาบุญธรรม คู่ครองที่ควรเป็นของข้าก็ตกเป็นของเจ้า เหตุใด เหตุใดกัน!”

มองโฉมงามของเจียงซุ่ยฮวน แววตาของเจียงเม่ยเอ๋อร์วาบไหวด้วยความริษยา

นางดึงกริชออกจากอกเจียงซุ่ยฮวนทันที กำด้ามแน่น แล้วฟันลงบนใบหน้าอย่างโหดเหี้ยม

“หากไม่ใช่เพราะใบหน้างดงามของเจ้า คนอื่นก็คงไม่รู้ว่าเจ้าคือธิดาแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะทำลายใบหน้าเจ้า ให้ชาติหน้าเจ้าเกิดมาเป็นได้แค่ตัวประหลาด!”

เจียงซุ่ยฮวนหมดแรง ได้แต่มองเจียงเม่ยเอ๋อร์ฟันใบหน้าตนเป็นแผลแล้วแผลเล่า

เห็นใบหน้างดงามกลายเป็นเลือดเนื้อน่าสยดสยอง เจียงเม่ยเอ๋อร์หัวเราะลั่น

“ตอนนี้เจ้าไม่เหลือแม้แต่รูปโฉมงดงามที่พึ่งพาได้ ยังมีอะไรจะเทียบข้าได้อีก? ใครก็ได้ ทำลายแขนขานางให้ข้า!”

ความเจ็บปวดแล่นปราด เจียงซุ่ยฮวนขดตัวเป็นก้อน

ทั้งที่เป็นสตรีเหมือนกัน เจียงเม่ยเอ๋อร์กลับโหดร้ายถึงเพียงนี้ ความเกลียดชังพลุ่งพล่าน ผสานกับความแค้นของร่างเดิม

ทันใดนั้น นางเกิดความคิดบางอย่าง เงยหน้าขึ้นยั่วยุ

“เจียงเม่ยเอ๋อร์ เจ้าช่างไร้ฝีมือ แค่ฆ่าคนยังต้องให้คนอื่นลงมือ สมแล้วที่เป็นลูกนอกสมรส!”

คำพูดนี้ทำให้เจียงเม่ยเอ๋อร์โกรธจัด “กำลังจะตายยังปากดี ข้าจะส่งเจ้าไปพบยมบาลเดี๋ยวนี้!”

พูดจบ นางกำกริชแน่น แทงเข้าที่อกเจียงซุ่ยฮวนอีกครั้ง

ในชั่วพริบตา เจียงซุ่ยฮวนตาวาว แกล้งดิ้นรน จงใจให้จุดที่ไม่ถึงตายถูกแทง

กริชจมเข้าในร่าง นางกระอักเลือด แสร้งสลบไป

เจียงเม่ยเอ๋อร์ลองดูลมหายใจ แล้วจับชีพจร

ตายเสียง่าย ๆ เช่นนี้ ช่างดีเกินไปสำหรับนาง

นางลุกขึ้นมาหยิบผ้าเช็ดมือด้วยท่าทางรังเกียจ

“องค์หญิงพยายามลงมือสังหาร แต่ไม่สำเร็จ ถูกองค์ชายสั่งประหาร ให้นำร่างไปทิ้งที่ป่าช้าสาธารณะ”

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ฝนที่ตกหนักค่อย ๆ ซาลง

ที่ป่าช้าสาธารณะนอกเมือง องครักษ์สองคนโยนร่างของเจียงซุ่ยฮวนลงบนพื้น

หนึ่งในนั้นจ้องร่างที่นอนนิ่งด้วยสายตาลามก พลางถูมือไปมา

“องค์หญิงแต่งเข้าวังมาสองปี ยังไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากองค์ชาย ตายไปอย่างนี้ช่างน่าเสียดาย ข้าว่าให้พวกเราได้ทำความดีให้องค์หญิงได้สมหวังสักครั้งก่อนตายเสียหน่อยดีกว่า”

องครักษ์อีกคนลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “พูดถูก ถึงอย่างไรศพที่ป่าช้าก็ต้องถูกสุนัขป่ากิน สู้ให้พวกเราสองคนได้สนุกก่อนดีกว่า”

ทั้งสองน้ำลายไหลยืดพร้อมจะทาบทับร่างนาง ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่น

เจียงซุ่ยฮวนที่แอบเก็บแรงมาพักใหญ่ พลันลืมตาขึ้น ดวงตาเยียบเย็นดุจใบมีด

ขณะนี้ นางพอจะคุ้นเคยกับร่างนี้บ้างแล้ว นางฝืนทนความเจ็บปวด ดึงกริชออกจากอก ฉวยจังหวะที่ทั้งสองไม่ทันระวัง ฟันที่ลำคอพวกมันทีละคน

แม้นางจะไม่มีแรงมากนัก แต่คมกริชช่างคมกริบ เพียงฟันครั้งเดียวก็ปาดคอทั้งสองขาด

พวกมันแม้แต่เสียงร้องยังไม่ทันได้เปล่ง เอามือกุมคอ ล้มลงดิ้นอยู่บนพื้นครู่เดียวก็สิ้นลม

สายฟ้าฟาดผ่าเมฆดำ ดวงจันทร์สีนวลปรากฏขึ้นเหนือกลุ่มเมฆ

ในป่าช้า เจียงซุ่ยฮวนทรุดลงข้างศพทั้งสอง ถอนหายใจโล่งอก

โชคดีที่นางมีวิชาลับในการแกล้งตาย

เพื่อความสะดวกในการแก้แค้นภายหลัง นางทบทวนความทรงจำของร่างเดิมอย่างคร่าว ๆ

ชีวิตของร่างเดิมช่างแสนอาภัพ ถูกสลับตัวตั้งแต่เกิด เติบโตในไร่นา ไม่มีทั้งความรักจากพ่อและแม่

กว่าจะได้กลับจวนตอนอายุสิบขวบ แต่เพราะไม่รู้วิชาดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และจิตรกรรม อีกทั้งมักถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์ใส่ร้ายลับหลัง จึงต้องเผชิญกับสายตาผิดหวังของท่านอ๋องและฮูหยินอยู่เสมอ

เมื่ออายุสิบห้า ได้แต่งงานกับฉู่เจวี๋ยที่รักมาห้าปี

เมื่อรู้ว่าฉู่เจวี๋ยได้ลั่นวาจากับเจียงเม่ยเอ๋อร์ไว้แล้ว ร่างเดิมรู้สึกผิด จึงยอมให้ฉู่เจวี๋ยรับเจียงเม่ยเอ๋อร์เป็นอนุภรรยา แต่กลับต้องตายอย่างอนาถในมือทั้งสองตอนอายุสิบเจ็ด

ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

โชคดีที่นางมีวิชาแพทย์ชั้นเลิศ มิเช่นนั้นแม้จะข้ามภพมา ก็คงต้องตายอยู่ดี

แต่ตอนนี้มีปัญหา นางบาดเจ็บภายนอก หากไม่มีเครื่องมือแพทย์ ก็ต้องตายอยู่ดี

ขณะกำลังคิด จู่ๆ ตรงหน้านางก็ปรากฏห้องหนึ่ง

ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์และยาในขวดโหลมากมาย

นี่คือห้องทดลองเก่าของนาง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
สันติภาพ
น่าติดตามสน
goodnovel comment avatar
Jiratha
แค่บทแรกน่าติดตามชอบตัวละคร
goodnovel comment avatar
Ladyblue
บทแรกก็น่าสนใจแล้วค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 736

    เจียงซุ่ยฮวนรีบกล่าวทันที "ปาฟาง ใช้เชือกมัดพวกเขาไว้ อย่าให้กลับไปหาสมบัติเหล่านั้นอีก!"ตอนปาฟางลงมา พอดีว่าเอาเชือกป่านติดมาม้วนหนึ่ง เขารีบดึงเชือกป่านออกมา มัดคนเหล่านี้ติดกันแน่นราวกับลูกชิ้นเสียบไม้ลิ่วลู่โยนปิ่นปักผมกลับไป ถูมือทั้งสองแรงๆ บนเสื้อผ้า "พระชายา จะให้กระหม่อมเผาของพวกนี้ทิ้งหมดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""อย่าทำอะไรผลีผลาม องครักษ์ลับคนอื่นๆ ยังอยู่ในอุโมงค์ทางเดินข้าง ๆ " เจียงซุ่ยฮวนชูคบเพลิง สั่งว่า "พาคนเหล่านี้ขึ้นไปก่อน ขึ้นไปแล้วค่อยว่ากัน"ปาฟางและลิ่วลู่จูงเชือกเดินไปข้างหน้า คนเหล่านี้ก็ส่งเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจ"ปล่อยข้ากลับไป!""ข้าต้องการทองของข้า! ข้าอยู่ห่างจากมันไม่ได้!"ฉู่เฉินถึงกับน้ำตาไหลพราก "สมบัติของข้า! พวกมันสำคัญกว่าชีวิตข้าเสียอีก!""อาจารย์ ข้ากลับไปซื้อของที่สวยกว่านี้ให้ท่าน""ข้าต้องการแต่สมบัติเหล่านี้เท่านั้น!"เจียงซุ่ยฮวนปวดหัวยิ่งนัก อยากจะทุบให้พวกเขาสลบไปก่อน แต่กลัวจะกระทบต่อร่างกายพวกเขา จึงต้องอดทนไว้กว่าจะกลับมาถึงใต้ปากถ้ำ เจียงซุ่ยฮวนกระโดดขึ้นไปก่อน จากนั้นบอกองครักษ์ลับห้าคนที่เฝ้าอยู่ข้างๆ ว่า "ดึงคนข้างล่างขึ้นมาท

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 735

    เปลือกไข่เจียงซุ่ยฮวนใจหล่นวูบ อัญมณีสีน้ำเงินที่แตกนี้และของเหลวที่ไหลออกมา ดูเหมือนกับกำลังฟักอะไรบางอย่างออกมาปาฟางใช้ผ้าห่อจี้ทองบนพื้น เตรียมจะโยนไปที่ตัวฉู่เฉิน"ปาฟาง อย่าโยน!" เจียงซุ่ยฮวนห้ามเสียงต่ำ "ปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายไปก่อน ยังไม่ต้องสนใจ"ขณะเดียวกัน นางก็หยิบคบเพลิงขึ้นมาแล้วก้มตัวค้นหารอบๆ แหวนหัวแม่มือหยกลิ่วลู่ค่อยๆ เดินเข้ามา ถามว่า "พระชายา ท่านกำลังหาอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"นางกำลังจะตอบ ก็เห็นแมลงตัวหนึ่งเกาะอยู่บนรองเท้าของลิ่วลู่ แมลงตัวนี้รูปร่างขนาดคล้ายด้วงเต่าทอง แต่ตัวเกือบโปร่งใส แม้แต่ปีกก็โปร่งใสที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ แมลงตัวนี้มีปากแหลมคมมาก และค่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลำตัวก็เล็กลงเรื่อยๆเจียงซุ่ยฮวนไม่ทันคิดอะไรมาก จึงฟาดคบเพลิงในมือไปที่แมลงตัวนั้นได้ยินเพียงเสียง "หึ่ง ๆ " เบาๆ แมลงกลายเป็นน้ำในพริบตา แล้วระเหยไปด้วยความร้อนอย่างรวดเร็วลิ่วลู่เห็นเหตุการณ์นี้ต่อหน้าต่อตา ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วกุมเท้าร้องขึ้นมาอย่างไม่มีเสียง "โอ๊ย! เจ็บ!"เจียงซุ่ยฮวนวางคบเพลิงกลับที่เดิม หยิบกล่องยาขี้ผึ้งจากแขนเสื้อส่งให้ลิ่วลู่ "ทานี้ที่เท้าของเจ้า

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 734

    ไม่รู้ว่าองครักษ์ลับที่นำพาเจียงซุ่ยฮวนและพวกเข้ามาในอุโมงค์ทางเดินนี้ถือแหวนวงหนึ่งเอาไว้เมื่อไหร่ เขายิ้มอย่างโง่ ๆ พลางเดินเข้าไปหากองทรัพย์สมบัตินั้นเจียงซุ่ยฮวนตบหน้าผากเข้าฉาดหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ของพวกนี้มีปัญหาจริงๆ"ในถ้ำอันกว้างใหญ่ มีเพียงนาง ปาฟาง และลิ่วลู่ สามคนเท่านั้นที่ยังมีสติ คนอื่นๆ บ้างก็นั่งบนพื้นแล้วยิ้มอย่างเลื่อนลอย บ้างก็พุ่งเข้าไปกลิ้งเกลือกในภูเขาสมบัติ ราวกับกำลังเสียสติลิ่วลู่และปาฟางเห็นสภาพคนเหล่านี้ ก็ถอยหลังด้วยความตกใจ "บ้าไปแล้ว! พวกเขาบ้ากันหมดแล้ว!"หยวนจิ่วนอนอยู่ในกองทอง แววตาคลุ้มคลั่ง สองมือคว้าภาชนะทองโยนออกไป ตะโกนว่า "ของข้า! ทั้งหมดเป็นของข้า!"แหวนหัวแม่มือทองวงหนึ่งพุ่งไปหาลิ่วลู่ ลิ่วลู่ร้องเสียงหลง กระโดดขึ้นไปบนตัวปาฟางราวกับสปริง "สวรรค์ทรงโปรด อย่าให้ของนั่นโดนตัวข้าเชียว!"แหวนหัวแม่มือทองกระแทกผนังถ้ำ แล้วไถลตกลงมา กลิ้งหลุนหลุนมาหยุดข้างเท้าเจียงซุ่ยฮวนลิ่วลู่เกาะแขนขาแน่นบนตัวปาฟาง ร้อนรนจนเสียงเปลี่ยนไป "ของนั่นโดนตัวข้าหรือไม่"ปาฟางใช้แรงพอสมควรกว่าจะผลักเขาออก กล่าวว่า "ไม่โดน! มันกระแทกผนังถ้ำแล้ว"

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 733

    ไป๋หลีเอ่ยห้ามว่า "พระชายา ข้างล่างอาจจะอันตรายยิ่งนะเพคะ""ไม่เป็นไร ข้าจะเดินแค่อุโมงค์ทางเดินสายนั้นสายเดียว" เจียงซุ่ยฮวนกล่าวจบ ก็กระโดดลงไปอย่างเบาหวิวไป๋หลีและคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็กระโดดตามลงไปด้วย เหลือเพียงองครักษ์ลับห้าคนเฝ้าอยู่ข้างบนหลังจากเจียงซุ่ยฮวนยืนมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้หยุด แต่เดินตรงเข้าไปในอุโมงค์ทางเดินที่ฉู่เฉินทิ้งข้อความไว้ทันทีอุโมงค์ทางเดินแคบยิ่งนัก มากสุดเพียงเดินเคียงข้างกันได้แค่สามคน ผนังถ้ำด้านซ้ายเสียบคบเพลิงไว้เพื่อส่องสว่างเส้นทางข้างหน้าเจียงซุ่ยฮวนมองผนังถ้ำอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อค้นหาข้อความของฉู่เฉินขณะที่เดินไป ในที่สุดนางก็เห็นอักษรขนาดใหญ่สองบรรทัดเจ้าเก้า หากเจ้าลงมาแล้ว และเห็นข้อความนี้ จงเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ มีของดีรออยู่!ลงท้ายด้วยข้อความว่าอาจารย์ที่รักที่สุดของที่สุดของเจ้าเก้านี่คือลายมืออาจารย์ แต่หวัดกว่าปกติมาก ดูออกว่าอาจารย์ตื่นเต้นมากตอนเขียนสองบรรทัดนี้เจียงซุ่ยฮวนคาดเดาว่า ตอนที่อาจารย์เขียนสองบรรทัดนี้ คงไม่รู้ว่ามีคนร้ายอยู่ มิฉะนั้นคงไม่ให้นางลงมาง่ายๆนี่หมายความว่า คนร้ายไม่ได้เดินมาตามทางนี้ใช่หรือ

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 732

    เจียงซุ่ยฮวนเดินมายังข้างปากถ้ำ ก้มหน้ามองลงไปในหลุมลึก ภายในมีแสงกระสือนับสิบดวงลอยละล่องอยู่อย่างเนิบช้า ราวกับหิ่งห้อยที่เปล่งแสงระยิบระยับแสงกระสือหลายดวงลอยออกมาจากปากถ้ำ คนที่อยู่ข้างๆ ต่างถอยหลังตามกันติดๆ โดยเกรงว่าจะไปโดนไฟนั้นเข้าแสงกระสือบางดวงอยู่ห่างกันมาก พอจะมองเห็นได้ว่าพื้นที่ข้างล่างหลุมนั้นกว้างใหญ่ยิ่งนัก แต่แสงสว่างริบหรี่ เกินกว่าจะมองเห็นว่าข้างในเป็นเช่นไรลิ่วลู่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขาสงบสติได้มากแล้ว เอ่ยเสียงแผ่วว่า "แสงกระสือที่พวกเราเห็นเมื่อครู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันลอยออกมาจากในนี้""เป็นไปได้อย่างยิ่ง" เจียงซุ่ยฮวนเม้มปากแน่น ครุ่นคิดว่าต่อไปควรจะทำอย่างไรดีหากว่าองครักษ์ลับคนอื่นๆ รีบมาที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามเศษส่วนคนที่ทำร้ายองครักษ์ลับนั้น บางทีอาจเข้าไปในหลุมแล้ว หากนางไม่ทำอะไรเลย อาจารย์และจางรั่วรั่วก็จะตกอยู่ในอันตรายหลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงหันไปถามปาฟางว่า "เจ้าพกตะบันไฟมาหรือไม่""พกมาพ่ะย่ะค่ะ" ปาฟางหยิบตะบันไฟออกมา "จะให้โยนลงไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""อืม ข้าอยากดูว่าข้างล่างนั้นเป็นเช่นไร"ปาฟางจุดตะบัน

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 731

    ลิ่วลู่ส่งเสียงร้อง “หา” ออกมา "เพราะเหตุใด""ก็ที่นี่เป็นป่าช้าร้างยังไงเล่า" ไป๋หลีมองเขาอย่างเย็นชา "เจ้ารับประกันได้หรือว่าสิ่งที่เรียกชื่อเจ้านั้นเป็นคนแน่"เขากลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า "แล้วทำไมถึงหันหลังกลับไม่ได้""ตำนานเล่าว่าคนเรามีไฟสามดวงในร่างกาย หัวมีไฟหนึ่งดวง ไหล่ซ้ายขวาอีกข้างละดวง หากเจ้า..."ไป๋หลีพูดไปพูดมา เสียงก็ค่อยๆ หยุดลงลิ่วลู่ลูบหูลูบแก้มตนเองอย่างร้อนรน "เจ้าช่วยพูดต่อให้จบสิ""ชู่วว!" ไป๋หลีรีบปิดปากลิ่วลู่ แล้วชี้ไปที่ยอดเขาเล็กๆ ไม่ไกลนัก "เจ้าดูนั่นสิว่ามันคืออะไร!"ลิ่วลู่จ้องดูอย่างตั้งใจ เห็นที่ตรงกลางของยอดเขาเล็กลูกนั้นมีไฟผีสีเขียวลอยอยู่เป็นสิบๆ ดวงดูเพียงแค่แวบเดียว เหงื่อเย็นก็ไหลลงมาจากหน้าผาก เสียงอันสั่นเทากล่าวว่า "นั่นมันไฟผีนี่!"คนอื่นๆ ต่างก็เห็นไฟผี ต่างหยุดย่างเท้า หน้าตาแต่ละคนดูรู้สึกสยดสยองไม่แพ้กันเจียงซุ่ยฮวนพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า "อย่ากลัวไป สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ไฟผี แต่เป็นแสงกระสือ"หลายคนหันมามองนาง ลิ่วลู่ถามด้วยความสงสัย "พระชายา แสงกระสือคืออะไรหรือ"นางกำลังจะอธิบาย ทันใดก็เห็นองครักษ์ที่นำทางข้างหน้าหน้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status