Share

บทที่ 2

Penulis: ทองประกาย
“นี่ข้ากำลังฝันไปกระมัง?”

เจียงซุ่ยฮวน ยื่นมือไปแตะคีมห้ามเลือดด้วยความเลื่อนลอย สัมผัสอันเย็นเฉียบทำให้นางสะท้านไปทั้งกาย

มิใช่ความฝัน เป็นเรื่องจริง! ห้องทดลองของนางได้ย้อนเวลามาพร้อมกับนางด้วย

นางมิอาจเสียเวลาดีใจ รีบคว้ายาห้ามเลือดและยาชา พร้อมเครื่องมือบางอย่างออกมา แล้วเริ่มเย็บแผลของตนเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซุ่ยฮวนต้องเย็บแผลด้วยตนเอง แม้จะยากลำบากอยู่บ้าง แต่ด้วยวิชาแพทย์อันล้ำเลิศ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามนางก็เย็บแผลเสร็จสิ้น

นางทรุดกายพิงต้นไม้ด้วยความอ่อนล้า หยิบขวดยาบำรุงโลหิตออกมาจากห้องทดลอง กลืนลงไปสามเม็ด

ยาบำรุงโลหิตนี้ปรุงขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่ามากมาย หนึ่งขวดมีเพียงห้าเม็ด นางไม่เคยกล้าใช้มาก่อน

ไม่คิดว่าครานี้จะต้องกินถึงสามเม็ดรวดเดียว

นางมองสองเม็ดที่เหลือในขวด ครุ่นคิดว่าต้องหาโอกาสปรุงเพิ่มในภายภาคหน้า

ส่วนรอยแผลบนใบหน้า รอให้ตกสะเก็ดแล้วทายาลบรอยแผลเป็น คงไม่มีอะไรน่ากังวล

ยามรุ่งสาง ขณะที่ฤทธิ์ยาชายังไม่หมด เจียงซุ่ยฮวนค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นโดยอาศัยลำต้นไม้ ตั้งใจจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ทันใดนั้น กระเพาะของนางปั่นป่วนรุนแรง นางโน้มกายลงอาเจียน ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ยาที่นางกินเข้าไปล้วนเป็นตำรับที่นางคิดค้นเอง ไม่น่าจะมีผลข้างเคียง

เจียงซุ่ยฮวนพิงต้นไม้ วางมือซ้ายบนชีพจรข้อมือขวา ครู่ถัดมา สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

ชีพจรมีครรภ์?

เป็นไปไม่ได้!

จากความทรงจำของร่างเดิม นับแต่อภิเษกสมรส นางกับฉู่เจวี๋ยก็มิเคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา จะตั้งครรภ์ได้อย่างไร!

ทันใดนั้น ภาพความทรงจำบางตอนก็แวบเข้ามาในห้วงคำนึง

ร่างเดิมถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์วางอุบายขังไว้ในโรงฟืนมืดทึบ จู่ๆ บุรุษร่างสูงสง่าผู้หนึ่งก็ปรากฏกาย หายใจหอบ มองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน

เห็นเพียงดวงตาคมงามที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ ราวกับถูกยาวิปลาสครอบงำ ทั้งร่างร้อนรุ่มกระสับกระส่าย

เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษผู้นั้นราวกับกำลังข่มกลั้นบางสิ่ง: “เจ้าจงรีบออกไปจากที่นี่!”

ร่างเดิมผู้มีจิตใจเมตตากลับก้าวเข้าไปใกล้: “ท่านมาปรากฏกายในโรงฟืนของวังหนานหมิงได้อย่างไร? เหตุใดลมหายใจท่านจึงหนักหน่วงเช่นนี้ ท่านป่วยหรือ?”

บุรุษผู้นั้นไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป พลันโถมทับร่างเดิมลง

ผ่านไปนาน บุรุษผู้นั้นลุกขึ้น วางแผ่นหยกด้วยความรู้สึกผิดลงบนร่างของร่างเดิมที่กำลังสะอื้นเบาๆ

“ข้าต้องขออภัยในเหตุการณ์วันนี้ นี่คือสิ่งยืนยันตัวตนของข้า หากภายภาคหน้าเจ้ามีความยากลำบากประการใด จงนำสิ่งนี้มาหาข้า”

ความทรงจำจางหาย เจียงซุ่ยฮวนได้สติกลับมา รีบค้นหาสิ่งนั้นบนร่าง

แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าบุรุษผู้นั้นในความทรงจำ แต่ดูจากกิริยาท่าทาง เขาย่อมมิใช่สามัญชนทั่วไป

“เจอแล้ว!” เจียงซุ่ยฮวนล้วงแผ่นหยกสีเขียวใสออกมาจากอก บนนั้นมีอักษรตัวหนึ่งว่า “กู่”

เจียงซุ่ยฮวนเก็บแผ่นหยกใส่อกตามเดิม เก็บกิ่งไม้จากพื้นมาใช้เป็นไม้เท้าพยุงกายเดินไป

ที่นี่คือป่าช้าร้าง เต็มไปด้วยซากศพ นางไม่อยากสะดุดล้ม

เมื่อเกือบจะเดินออกไป กิ่งไม้ในมือบังเอิญแตะถูกร่างที่นอนอยู่บนพื้น

ร่างนั้นส่งเสียงครางแผ่ว จนเจียงซุ่ยฮวนตกใจแทบกระโดด

ในป่าช้าร้างแห่งนี้ นอกจากนางแล้ว ยังมีผู้มีชีวิตอยู่!

นางก้มมองร่างที่นอนอยู่บนพื้น เป็นบุรุษรูปงาม รูปร่างสูงโปร่ง เพียงแต่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

โอ้ น่าสงสารยิ่งกว่านางเสียอีก

เจียงซุ่ยฮวนมองรอบกาย พบศพในชุดดำราวยี่สิบสามสิบศพนอนล้อมรอบบุรุษผู้นั้น ทั้งหมดถูกดาบฟันจนสิ้นใจ

และในมือของบุรุษผู้นั้น กำลังถือดาบที่เปื้อนเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ดูเหมือนเมื่อคืนที่นี่คงเกิดการต่อสู้อันดุเดือด

สัญชาตญาณแพทย์ทำให้นางย่อกายลง ใช้กิ่งไม้ในมือแตะไหล่บุรุษผู้นั้น: “นี่ ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

บุรุษผู้นั้นลืมตา ดวงตาดำสนิทราวสระน้ำลึกไม่เห็นก้น

เมื่อเขาเห็นสตรีใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดแห้งข้างกาย คิดว่าเป็นมือสังหารที่ผู้นั้นส่งมาอีก จึงฟันดาบออกไปโดยสัญชาตญาณ เสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “นายของพวกเจ้าคือผู้ใดกันแน่!”

บุรุษผู้นั้นบาดเจ็บจนอ่อนแรง เจียงซุ่ยฮวนใช้กิ่งไม้ป้องกันดาบอย่างง่ายดาย แล้วฟาดมือลงบนไหล่เขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง

เจียงซุ่ยฮวนคาดเดาว่า บุรุษผู้นี้คงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นพวกเดียวกับมือสังหารที่นอนตายอยู่บนพื้น

นางนำเครื่องมือแพทย์ออกมาจากห้องทดลอง ช่วยเย็บแผลให้เขา แล้วทายาที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

“เรียบร้อยแล้ว ข้าทำได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง”

นางถอดปิ่นบนศีรษะ วางลงในมือเขา: “หากท่านรอดชีวิต อย่าลืมมาตอบแทนบุญคุณข้า”

ปิ่นนี้เป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้เมื่อไม่นานมานี้ หลายหีบใหญ่ เครื่องประดับล้ำค่าอื่นๆ ถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์เลือกไปหมด ร่างเดิมได้เพียงปิ่นเล่มนี้

เครื่องประดับพระราชทานส่วนใหญ่เป็นของชิ้นเดียวในใต้หล้า อีกทั้งร่างเดิมได้สลักชื่อลงบนปิ่น ดังนั้นหากตามหาปิ่น ก็จะพบนางได้ไม่ยาก

บุรุษผู้นั้นดูเหมือนจะได้ยิน กำปิ่นแน่นขึ้น

เจียงซุ่ยฮวนใช้กิ่งไม้พยุงร่าง ค่อยๆ เดินกลับเข้าเมืองหลวง

ถนนเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา นางในชุดเปื้อนเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดแห้ง ทำให้ผู้คนหยุดมองนาง

นางไม่สนใจ ยิ่งมีคนเห็นมากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีต่อนาง

มีผู้คนจำนางได้: “เอ๊ะ? นั่นไม่ใช่ชายาเอกขององค์ชายหนานหมิงหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?”

“น่าสงสารยิ่งนัก ได้ยินว่าองค์ชายหนานหมิงโปรดปรานอนุภรรยา ชายาเอกผู้นี้ตั้งแต่แต่งเข้าวังหนานหมิง ก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานเลย”

“พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก ชายาเอกขององค์ชายหนานหมิงเป็นธิดาแห่งท่านอ๋อง ว่ากันว่าพลัดพรากจากวังมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อรับกลับมาก็ไม่รู้อะไรเลย ทั้งพิณ หมาก อักษร และจิตรกรรม โง่เขลานัก ส่วนน้องสาวนาง ก็คืออนุภรรยาขององค์ชายหนานหมิง เป็นสตรีมากความสามารถที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง”

“มิน่าล่ะ หากข้าเป็นองค์ชายหนานหมิง ข้าก็คงโปรดปรานอนุภรรยาเช่นกัน ใบหน้าชายาเอกที่เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเละเช่นนี้ หากมองยามค่ำคืนคงฝันร้ายแน่”

......

เจียงซุ่ยฮวนเพิกเฉยต่อเสียงซุบซิบรอบกาย เดินมาถึงหน้าประตูจวนอ๋อง

นางเป็นธิดาแท้ๆ ของจวน เป็นหน้าตาของตระกูล

การที่องค์ชายหนานหมิงทำให้ธิดาแห่งจวนอ๋องบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เท่ากับเป็นการตบหน้าตระกูลของนาง

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่นางรู้จักคนทั้งสอง เรื่องนี้ย่อมสำเร็จได้

ทหารยามที่ประตูเห็นสภาพนางที่ดูราวผี แทบจะตกใจจนสติแตก รีบวิ่งเข้าไปรายงาน

ไม่นาน ท่านอ๋องและฮูหยินก็เดินออกมา

เมื่อเห็นเจียงซุ่ยฮวนยืนอยู่หน้าประตูในสภาพเลือดอาบ ทั้งสองตกใจจนสีหน้าซีดขาว

เจียงซุ่ยฮวนทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น: “ท่านพ่อ ท่านแม่ ขอโปรดให้ความเป็นธรรมแก่ลูก!”

แม้ฮูหยินจะผิดหวังในธิดาแท้ๆ ที่ไม่มีความสามารถใดเลยผู้นี้ แต่เมื่อเห็นสภาพนาง ก็อดสงสารมิได้

นางรีบวิ่งไปกอดบุตรี: “ซุ่ยฮวน เกิดอะไรขึ้น? บอกแม่มา แม่จะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง!”

เมื่อเห็นสีหน้าห่วงใยนั้น เจียงซุ่ยฮวนปรุงแต่งอารมณ์ พยายามบีบน้ำตา

“ท่านแม่ องค์ชายหนานหมิงใช้มีดแทงลูก น้องสาวก็ทำลายโฉมลูก แล้วโยนลูกทิ้งไว้ในป่าช้าร้าง...”

ฮูหยินแทบไม่เชื่อหู ส่วนท่านอ๋องโกรธจัด องค์ชายหนานหมิงกล้าปฏิบัติต่อเจียงซุ่ยฮวนเช่นนี้ ช่างไม่เห็นจวนอ๋องอยู่ในสายตาเลย!

ส่วนเจียงเม่ยเอ๋อร์ แม้จะมิใช่ธิดาแท้ๆ แต่เติบโตมาอย่างว่านอนสอนง่าย คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้

ต้องเป็นคำสั่งขององค์ชายหนานหมิงแน่

“ไปเชิญองค์ชายหนานหมิงและเจียงเม่ยเอ๋อร์มาที่นี่ บอกว่าชายาเอกอยู่ที่จวนข้า!”

ท่านอ๋องตวาดใส่องครักษ์ข้างกาย องครักษ์รีบวิ่งไปยังจวนองค์ชายหนานหมิงทันที
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 736

    เจียงซุ่ยฮวนรีบกล่าวทันที "ปาฟาง ใช้เชือกมัดพวกเขาไว้ อย่าให้กลับไปหาสมบัติเหล่านั้นอีก!"ตอนปาฟางลงมา พอดีว่าเอาเชือกป่านติดมาม้วนหนึ่ง เขารีบดึงเชือกป่านออกมา มัดคนเหล่านี้ติดกันแน่นราวกับลูกชิ้นเสียบไม้ลิ่วลู่โยนปิ่นปักผมกลับไป ถูมือทั้งสองแรงๆ บนเสื้อผ้า "พระชายา จะให้กระหม่อมเผาของพวกนี้ทิ้งหมดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""อย่าทำอะไรผลีผลาม องครักษ์ลับคนอื่นๆ ยังอยู่ในอุโมงค์ทางเดินข้าง ๆ " เจียงซุ่ยฮวนชูคบเพลิง สั่งว่า "พาคนเหล่านี้ขึ้นไปก่อน ขึ้นไปแล้วค่อยว่ากัน"ปาฟางและลิ่วลู่จูงเชือกเดินไปข้างหน้า คนเหล่านี้ก็ส่งเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจ"ปล่อยข้ากลับไป!""ข้าต้องการทองของข้า! ข้าอยู่ห่างจากมันไม่ได้!"ฉู่เฉินถึงกับน้ำตาไหลพราก "สมบัติของข้า! พวกมันสำคัญกว่าชีวิตข้าเสียอีก!""อาจารย์ ข้ากลับไปซื้อของที่สวยกว่านี้ให้ท่าน""ข้าต้องการแต่สมบัติเหล่านี้เท่านั้น!"เจียงซุ่ยฮวนปวดหัวยิ่งนัก อยากจะทุบให้พวกเขาสลบไปก่อน แต่กลัวจะกระทบต่อร่างกายพวกเขา จึงต้องอดทนไว้กว่าจะกลับมาถึงใต้ปากถ้ำ เจียงซุ่ยฮวนกระโดดขึ้นไปก่อน จากนั้นบอกองครักษ์ลับห้าคนที่เฝ้าอยู่ข้างๆ ว่า "ดึงคนข้างล่างขึ้นมาท

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 735

    เปลือกไข่เจียงซุ่ยฮวนใจหล่นวูบ อัญมณีสีน้ำเงินที่แตกนี้และของเหลวที่ไหลออกมา ดูเหมือนกับกำลังฟักอะไรบางอย่างออกมาปาฟางใช้ผ้าห่อจี้ทองบนพื้น เตรียมจะโยนไปที่ตัวฉู่เฉิน"ปาฟาง อย่าโยน!" เจียงซุ่ยฮวนห้ามเสียงต่ำ "ปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายไปก่อน ยังไม่ต้องสนใจ"ขณะเดียวกัน นางก็หยิบคบเพลิงขึ้นมาแล้วก้มตัวค้นหารอบๆ แหวนหัวแม่มือหยกลิ่วลู่ค่อยๆ เดินเข้ามา ถามว่า "พระชายา ท่านกำลังหาอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"นางกำลังจะตอบ ก็เห็นแมลงตัวหนึ่งเกาะอยู่บนรองเท้าของลิ่วลู่ แมลงตัวนี้รูปร่างขนาดคล้ายด้วงเต่าทอง แต่ตัวเกือบโปร่งใส แม้แต่ปีกก็โปร่งใสที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ แมลงตัวนี้มีปากแหลมคมมาก และค่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลำตัวก็เล็กลงเรื่อยๆเจียงซุ่ยฮวนไม่ทันคิดอะไรมาก จึงฟาดคบเพลิงในมือไปที่แมลงตัวนั้นได้ยินเพียงเสียง "หึ่ง ๆ " เบาๆ แมลงกลายเป็นน้ำในพริบตา แล้วระเหยไปด้วยความร้อนอย่างรวดเร็วลิ่วลู่เห็นเหตุการณ์นี้ต่อหน้าต่อตา ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วกุมเท้าร้องขึ้นมาอย่างไม่มีเสียง "โอ๊ย! เจ็บ!"เจียงซุ่ยฮวนวางคบเพลิงกลับที่เดิม หยิบกล่องยาขี้ผึ้งจากแขนเสื้อส่งให้ลิ่วลู่ "ทานี้ที่เท้าของเจ้า

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 734

    ไม่รู้ว่าองครักษ์ลับที่นำพาเจียงซุ่ยฮวนและพวกเข้ามาในอุโมงค์ทางเดินนี้ถือแหวนวงหนึ่งเอาไว้เมื่อไหร่ เขายิ้มอย่างโง่ ๆ พลางเดินเข้าไปหากองทรัพย์สมบัตินั้นเจียงซุ่ยฮวนตบหน้าผากเข้าฉาดหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ของพวกนี้มีปัญหาจริงๆ"ในถ้ำอันกว้างใหญ่ มีเพียงนาง ปาฟาง และลิ่วลู่ สามคนเท่านั้นที่ยังมีสติ คนอื่นๆ บ้างก็นั่งบนพื้นแล้วยิ้มอย่างเลื่อนลอย บ้างก็พุ่งเข้าไปกลิ้งเกลือกในภูเขาสมบัติ ราวกับกำลังเสียสติลิ่วลู่และปาฟางเห็นสภาพคนเหล่านี้ ก็ถอยหลังด้วยความตกใจ "บ้าไปแล้ว! พวกเขาบ้ากันหมดแล้ว!"หยวนจิ่วนอนอยู่ในกองทอง แววตาคลุ้มคลั่ง สองมือคว้าภาชนะทองโยนออกไป ตะโกนว่า "ของข้า! ทั้งหมดเป็นของข้า!"แหวนหัวแม่มือทองวงหนึ่งพุ่งไปหาลิ่วลู่ ลิ่วลู่ร้องเสียงหลง กระโดดขึ้นไปบนตัวปาฟางราวกับสปริง "สวรรค์ทรงโปรด อย่าให้ของนั่นโดนตัวข้าเชียว!"แหวนหัวแม่มือทองกระแทกผนังถ้ำ แล้วไถลตกลงมา กลิ้งหลุนหลุนมาหยุดข้างเท้าเจียงซุ่ยฮวนลิ่วลู่เกาะแขนขาแน่นบนตัวปาฟาง ร้อนรนจนเสียงเปลี่ยนไป "ของนั่นโดนตัวข้าหรือไม่"ปาฟางใช้แรงพอสมควรกว่าจะผลักเขาออก กล่าวว่า "ไม่โดน! มันกระแทกผนังถ้ำแล้ว"

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 733

    ไป๋หลีเอ่ยห้ามว่า "พระชายา ข้างล่างอาจจะอันตรายยิ่งนะเพคะ""ไม่เป็นไร ข้าจะเดินแค่อุโมงค์ทางเดินสายนั้นสายเดียว" เจียงซุ่ยฮวนกล่าวจบ ก็กระโดดลงไปอย่างเบาหวิวไป๋หลีและคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็กระโดดตามลงไปด้วย เหลือเพียงองครักษ์ลับห้าคนเฝ้าอยู่ข้างบนหลังจากเจียงซุ่ยฮวนยืนมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้หยุด แต่เดินตรงเข้าไปในอุโมงค์ทางเดินที่ฉู่เฉินทิ้งข้อความไว้ทันทีอุโมงค์ทางเดินแคบยิ่งนัก มากสุดเพียงเดินเคียงข้างกันได้แค่สามคน ผนังถ้ำด้านซ้ายเสียบคบเพลิงไว้เพื่อส่องสว่างเส้นทางข้างหน้าเจียงซุ่ยฮวนมองผนังถ้ำอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อค้นหาข้อความของฉู่เฉินขณะที่เดินไป ในที่สุดนางก็เห็นอักษรขนาดใหญ่สองบรรทัดเจ้าเก้า หากเจ้าลงมาแล้ว และเห็นข้อความนี้ จงเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ มีของดีรออยู่!ลงท้ายด้วยข้อความว่าอาจารย์ที่รักที่สุดของที่สุดของเจ้าเก้านี่คือลายมืออาจารย์ แต่หวัดกว่าปกติมาก ดูออกว่าอาจารย์ตื่นเต้นมากตอนเขียนสองบรรทัดนี้เจียงซุ่ยฮวนคาดเดาว่า ตอนที่อาจารย์เขียนสองบรรทัดนี้ คงไม่รู้ว่ามีคนร้ายอยู่ มิฉะนั้นคงไม่ให้นางลงมาง่ายๆนี่หมายความว่า คนร้ายไม่ได้เดินมาตามทางนี้ใช่หรือ

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 732

    เจียงซุ่ยฮวนเดินมายังข้างปากถ้ำ ก้มหน้ามองลงไปในหลุมลึก ภายในมีแสงกระสือนับสิบดวงลอยละล่องอยู่อย่างเนิบช้า ราวกับหิ่งห้อยที่เปล่งแสงระยิบระยับแสงกระสือหลายดวงลอยออกมาจากปากถ้ำ คนที่อยู่ข้างๆ ต่างถอยหลังตามกันติดๆ โดยเกรงว่าจะไปโดนไฟนั้นเข้าแสงกระสือบางดวงอยู่ห่างกันมาก พอจะมองเห็นได้ว่าพื้นที่ข้างล่างหลุมนั้นกว้างใหญ่ยิ่งนัก แต่แสงสว่างริบหรี่ เกินกว่าจะมองเห็นว่าข้างในเป็นเช่นไรลิ่วลู่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขาสงบสติได้มากแล้ว เอ่ยเสียงแผ่วว่า "แสงกระสือที่พวกเราเห็นเมื่อครู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันลอยออกมาจากในนี้""เป็นไปได้อย่างยิ่ง" เจียงซุ่ยฮวนเม้มปากแน่น ครุ่นคิดว่าต่อไปควรจะทำอย่างไรดีหากว่าองครักษ์ลับคนอื่นๆ รีบมาที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามเศษส่วนคนที่ทำร้ายองครักษ์ลับนั้น บางทีอาจเข้าไปในหลุมแล้ว หากนางไม่ทำอะไรเลย อาจารย์และจางรั่วรั่วก็จะตกอยู่ในอันตรายหลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงหันไปถามปาฟางว่า "เจ้าพกตะบันไฟมาหรือไม่""พกมาพ่ะย่ะค่ะ" ปาฟางหยิบตะบันไฟออกมา "จะให้โยนลงไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""อืม ข้าอยากดูว่าข้างล่างนั้นเป็นเช่นไร"ปาฟางจุดตะบัน

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 731

    ลิ่วลู่ส่งเสียงร้อง “หา” ออกมา "เพราะเหตุใด""ก็ที่นี่เป็นป่าช้าร้างยังไงเล่า" ไป๋หลีมองเขาอย่างเย็นชา "เจ้ารับประกันได้หรือว่าสิ่งที่เรียกชื่อเจ้านั้นเป็นคนแน่"เขากลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า "แล้วทำไมถึงหันหลังกลับไม่ได้""ตำนานเล่าว่าคนเรามีไฟสามดวงในร่างกาย หัวมีไฟหนึ่งดวง ไหล่ซ้ายขวาอีกข้างละดวง หากเจ้า..."ไป๋หลีพูดไปพูดมา เสียงก็ค่อยๆ หยุดลงลิ่วลู่ลูบหูลูบแก้มตนเองอย่างร้อนรน "เจ้าช่วยพูดต่อให้จบสิ""ชู่วว!" ไป๋หลีรีบปิดปากลิ่วลู่ แล้วชี้ไปที่ยอดเขาเล็กๆ ไม่ไกลนัก "เจ้าดูนั่นสิว่ามันคืออะไร!"ลิ่วลู่จ้องดูอย่างตั้งใจ เห็นที่ตรงกลางของยอดเขาเล็กลูกนั้นมีไฟผีสีเขียวลอยอยู่เป็นสิบๆ ดวงดูเพียงแค่แวบเดียว เหงื่อเย็นก็ไหลลงมาจากหน้าผาก เสียงอันสั่นเทากล่าวว่า "นั่นมันไฟผีนี่!"คนอื่นๆ ต่างก็เห็นไฟผี ต่างหยุดย่างเท้า หน้าตาแต่ละคนดูรู้สึกสยดสยองไม่แพ้กันเจียงซุ่ยฮวนพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า "อย่ากลัวไป สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ไฟผี แต่เป็นแสงกระสือ"หลายคนหันมามองนาง ลิ่วลู่ถามด้วยความสงสัย "พระชายา แสงกระสือคืออะไรหรือ"นางกำลังจะอธิบาย ทันใดก็เห็นองครักษ์ที่นำทางข้างหน้าหน้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status