Share

บทที่ 2

Author: ทองประกาย
“นี่ข้ากำลังฝันไปกระมัง?”

เจียงซุ่ยฮวน ยื่นมือไปแตะคีมห้ามเลือดด้วยความเลื่อนลอย สัมผัสอันเย็นเฉียบทำให้นางสะท้านไปทั้งกาย

มิใช่ความฝัน เป็นเรื่องจริง! ห้องทดลองของนางได้ย้อนเวลามาพร้อมกับนางด้วย

นางมิอาจเสียเวลาดีใจ รีบคว้ายาห้ามเลือดและยาชา พร้อมเครื่องมือบางอย่างออกมา แล้วเริ่มเย็บแผลของตนเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซุ่ยฮวนต้องเย็บแผลด้วยตนเอง แม้จะยากลำบากอยู่บ้าง แต่ด้วยวิชาแพทย์อันล้ำเลิศ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามนางก็เย็บแผลเสร็จสิ้น

นางทรุดกายพิงต้นไม้ด้วยความอ่อนล้า หยิบขวดยาบำรุงโลหิตออกมาจากห้องทดลอง กลืนลงไปสามเม็ด

ยาบำรุงโลหิตนี้ปรุงขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่ามากมาย หนึ่งขวดมีเพียงห้าเม็ด นางไม่เคยกล้าใช้มาก่อน

ไม่คิดว่าครานี้จะต้องกินถึงสามเม็ดรวดเดียว

นางมองสองเม็ดที่เหลือในขวด ครุ่นคิดว่าต้องหาโอกาสปรุงเพิ่มในภายภาคหน้า

ส่วนรอยแผลบนใบหน้า รอให้ตกสะเก็ดแล้วทายาลบรอยแผลเป็น คงไม่มีอะไรน่ากังวล

ยามรุ่งสาง ขณะที่ฤทธิ์ยาชายังไม่หมด เจียงซุ่ยฮวนค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นโดยอาศัยลำต้นไม้ ตั้งใจจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ทันใดนั้น กระเพาะของนางปั่นป่วนรุนแรง นางโน้มกายลงอาเจียน ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ยาที่นางกินเข้าไปล้วนเป็นตำรับที่นางคิดค้นเอง ไม่น่าจะมีผลข้างเคียง

เจียงซุ่ยฮวนพิงต้นไม้ วางมือซ้ายบนชีพจรข้อมือขวา ครู่ถัดมา สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

ชีพจรมีครรภ์?

เป็นไปไม่ได้!

จากความทรงจำของร่างเดิม นับแต่อภิเษกสมรส นางกับฉู่เจวี๋ยก็มิเคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา จะตั้งครรภ์ได้อย่างไร!

ทันใดนั้น ภาพความทรงจำบางตอนก็แวบเข้ามาในห้วงคำนึง

ร่างเดิมถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์วางอุบายขังไว้ในโรงฟืนมืดทึบ จู่ๆ บุรุษร่างสูงสง่าผู้หนึ่งก็ปรากฏกาย หายใจหอบ มองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน

เห็นเพียงดวงตาคมงามที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ ราวกับถูกยาวิปลาสครอบงำ ทั้งร่างร้อนรุ่มกระสับกระส่าย

เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษผู้นั้นราวกับกำลังข่มกลั้นบางสิ่ง: “เจ้าจงรีบออกไปจากที่นี่!”

ร่างเดิมผู้มีจิตใจเมตตากลับก้าวเข้าไปใกล้: “ท่านมาปรากฏกายในโรงฟืนของวังหนานหมิงได้อย่างไร? เหตุใดลมหายใจท่านจึงหนักหน่วงเช่นนี้ ท่านป่วยหรือ?”

บุรุษผู้นั้นไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป พลันโถมทับร่างเดิมลง

ผ่านไปนาน บุรุษผู้นั้นลุกขึ้น วางแผ่นหยกด้วยความรู้สึกผิดลงบนร่างของร่างเดิมที่กำลังสะอื้นเบาๆ

“ข้าต้องขออภัยในเหตุการณ์วันนี้ นี่คือสิ่งยืนยันตัวตนของข้า หากภายภาคหน้าเจ้ามีความยากลำบากประการใด จงนำสิ่งนี้มาหาข้า”

ความทรงจำจางหาย เจียงซุ่ยฮวนได้สติกลับมา รีบค้นหาสิ่งนั้นบนร่าง

แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าบุรุษผู้นั้นในความทรงจำ แต่ดูจากกิริยาท่าทาง เขาย่อมมิใช่สามัญชนทั่วไป

“เจอแล้ว!” เจียงซุ่ยฮวนล้วงแผ่นหยกสีเขียวใสออกมาจากอก บนนั้นมีอักษรตัวหนึ่งว่า “กู่”

เจียงซุ่ยฮวนเก็บแผ่นหยกใส่อกตามเดิม เก็บกิ่งไม้จากพื้นมาใช้เป็นไม้เท้าพยุงกายเดินไป

ที่นี่คือป่าช้าร้าง เต็มไปด้วยซากศพ นางไม่อยากสะดุดล้ม

เมื่อเกือบจะเดินออกไป กิ่งไม้ในมือบังเอิญแตะถูกร่างที่นอนอยู่บนพื้น

ร่างนั้นส่งเสียงครางแผ่ว จนเจียงซุ่ยฮวนตกใจแทบกระโดด

ในป่าช้าร้างแห่งนี้ นอกจากนางแล้ว ยังมีผู้มีชีวิตอยู่!

นางก้มมองร่างที่นอนอยู่บนพื้น เป็นบุรุษรูปงาม รูปร่างสูงโปร่ง เพียงแต่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

โอ้ น่าสงสารยิ่งกว่านางเสียอีก

เจียงซุ่ยฮวนมองรอบกาย พบศพในชุดดำราวยี่สิบสามสิบศพนอนล้อมรอบบุรุษผู้นั้น ทั้งหมดถูกดาบฟันจนสิ้นใจ

และในมือของบุรุษผู้นั้น กำลังถือดาบที่เปื้อนเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ดูเหมือนเมื่อคืนที่นี่คงเกิดการต่อสู้อันดุเดือด

สัญชาตญาณแพทย์ทำให้นางย่อกายลง ใช้กิ่งไม้ในมือแตะไหล่บุรุษผู้นั้น: “นี่ ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

บุรุษผู้นั้นลืมตา ดวงตาดำสนิทราวสระน้ำลึกไม่เห็นก้น

เมื่อเขาเห็นสตรีใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดแห้งข้างกาย คิดว่าเป็นมือสังหารที่ผู้นั้นส่งมาอีก จึงฟันดาบออกไปโดยสัญชาตญาณ เสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “นายของพวกเจ้าคือผู้ใดกันแน่!”

บุรุษผู้นั้นบาดเจ็บจนอ่อนแรง เจียงซุ่ยฮวนใช้กิ่งไม้ป้องกันดาบอย่างง่ายดาย แล้วฟาดมือลงบนไหล่เขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง

เจียงซุ่ยฮวนคาดเดาว่า บุรุษผู้นี้คงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นพวกเดียวกับมือสังหารที่นอนตายอยู่บนพื้น

นางนำเครื่องมือแพทย์ออกมาจากห้องทดลอง ช่วยเย็บแผลให้เขา แล้วทายาที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

“เรียบร้อยแล้ว ข้าทำได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง”

นางถอดปิ่นบนศีรษะ วางลงในมือเขา: “หากท่านรอดชีวิต อย่าลืมมาตอบแทนบุญคุณข้า”

ปิ่นนี้เป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้เมื่อไม่นานมานี้ หลายหีบใหญ่ เครื่องประดับล้ำค่าอื่นๆ ถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์เลือกไปหมด ร่างเดิมได้เพียงปิ่นเล่มนี้

เครื่องประดับพระราชทานส่วนใหญ่เป็นของชิ้นเดียวในใต้หล้า อีกทั้งร่างเดิมได้สลักชื่อลงบนปิ่น ดังนั้นหากตามหาปิ่น ก็จะพบนางได้ไม่ยาก

บุรุษผู้นั้นดูเหมือนจะได้ยิน กำปิ่นแน่นขึ้น

เจียงซุ่ยฮวนใช้กิ่งไม้พยุงร่าง ค่อยๆ เดินกลับเข้าเมืองหลวง

ถนนเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา นางในชุดเปื้อนเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดแห้ง ทำให้ผู้คนหยุดมองนาง

นางไม่สนใจ ยิ่งมีคนเห็นมากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีต่อนาง

มีผู้คนจำนางได้: “เอ๊ะ? นั่นไม่ใช่ชายาเอกขององค์ชายหนานหมิงหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?”

“น่าสงสารยิ่งนัก ได้ยินว่าองค์ชายหนานหมิงโปรดปรานอนุภรรยา ชายาเอกผู้นี้ตั้งแต่แต่งเข้าวังหนานหมิง ก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานเลย”

“พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก ชายาเอกขององค์ชายหนานหมิงเป็นธิดาแห่งท่านอ๋อง ว่ากันว่าพลัดพรากจากวังมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อรับกลับมาก็ไม่รู้อะไรเลย ทั้งพิณ หมาก อักษร และจิตรกรรม โง่เขลานัก ส่วนน้องสาวนาง ก็คืออนุภรรยาขององค์ชายหนานหมิง เป็นสตรีมากความสามารถที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง”

“มิน่าล่ะ หากข้าเป็นองค์ชายหนานหมิง ข้าก็คงโปรดปรานอนุภรรยาเช่นกัน ใบหน้าชายาเอกที่เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเละเช่นนี้ หากมองยามค่ำคืนคงฝันร้ายแน่”

......

เจียงซุ่ยฮวนเพิกเฉยต่อเสียงซุบซิบรอบกาย เดินมาถึงหน้าประตูจวนอ๋อง

นางเป็นธิดาแท้ๆ ของจวน เป็นหน้าตาของตระกูล

การที่องค์ชายหนานหมิงทำให้ธิดาแห่งจวนอ๋องบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เท่ากับเป็นการตบหน้าตระกูลของนาง

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่นางรู้จักคนทั้งสอง เรื่องนี้ย่อมสำเร็จได้

ทหารยามที่ประตูเห็นสภาพนางที่ดูราวผี แทบจะตกใจจนสติแตก รีบวิ่งเข้าไปรายงาน

ไม่นาน ท่านอ๋องและฮูหยินก็เดินออกมา

เมื่อเห็นเจียงซุ่ยฮวนยืนอยู่หน้าประตูในสภาพเลือดอาบ ทั้งสองตกใจจนสีหน้าซีดขาว

เจียงซุ่ยฮวนทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น: “ท่านพ่อ ท่านแม่ ขอโปรดให้ความเป็นธรรมแก่ลูก!”

แม้ฮูหยินจะผิดหวังในธิดาแท้ๆ ที่ไม่มีความสามารถใดเลยผู้นี้ แต่เมื่อเห็นสภาพนาง ก็อดสงสารมิได้

นางรีบวิ่งไปกอดบุตรี: “ซุ่ยฮวน เกิดอะไรขึ้น? บอกแม่มา แม่จะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง!”

เมื่อเห็นสีหน้าห่วงใยนั้น เจียงซุ่ยฮวนปรุงแต่งอารมณ์ พยายามบีบน้ำตา

“ท่านแม่ องค์ชายหนานหมิงใช้มีดแทงลูก น้องสาวก็ทำลายโฉมลูก แล้วโยนลูกทิ้งไว้ในป่าช้าร้าง...”

ฮูหยินแทบไม่เชื่อหู ส่วนท่านอ๋องโกรธจัด องค์ชายหนานหมิงกล้าปฏิบัติต่อเจียงซุ่ยฮวนเช่นนี้ ช่างไม่เห็นจวนอ๋องอยู่ในสายตาเลย!

ส่วนเจียงเม่ยเอ๋อร์ แม้จะมิใช่ธิดาแท้ๆ แต่เติบโตมาอย่างว่านอนสอนง่าย คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้

ต้องเป็นคำสั่งขององค์ชายหนานหมิงแน่

“ไปเชิญองค์ชายหนานหมิงและเจียงเม่ยเอ๋อร์มาที่นี่ บอกว่าชายาเอกอยู่ที่จวนข้า!”

ท่านอ๋องตวาดใส่องครักษ์ข้างกาย องครักษ์รีบวิ่งไปยังจวนองค์ชายหนานหมิงทันที
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 820

    พลันแลเห็นเด็กหญิงน้อยผู้หนึ่งขดตัวอยู่ในหีบ มือทั้งสองประคองหมั่นโถวแห้งก้อนหนึ่งไว้แน่น ข้างกายยังมีถุงผ้าใบใหญ่ตั้งอยู่ใบหนึ่งนางมองไปยังลิ่วลู่ด้วยแววตาว่างเปล่า ใบหน้าน้อยแลดูไร้เดียงสา กะพริบตาปริบ ๆ อย่างน่าสงสารลิ่วลู่ร้องอุทานเสียงหลง ชี้ไปยังนางพลางกล่าวเสียงดังว่า “เจ้า...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”เหล่าผู้คนที่เหลือต่างตกตะลึงกับปฏิกิริยาของเขา พากันขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัยฉู่เฉินยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะตะลึงอุทานว่า “ถังซาซา เจ้าแอบเข้ามาในหีบตั้งแต่เมื่อไรกัน”ถังซาซากอดหมั่นโถวแน่น กล่าวเสียงแผ่วว่า “ตอนที่พวกท่านร่ำลาคราวก่อน ข้าแอบย่องเข้ามาตอนที่พวกท่านเผลอเจ้าค่ะ”บรรดาทหารองครักษ์ต่างมองหน้ากันไปมา พลางคิดในใจว่า เด็กน้อยผู้นี้สามารถเล็ดลอดสายตาพวกเขาเข้ามาได้ ร่างกายเช่นนี้เห็นทีจะเหมาะแก่การฝึกวิชาตัวเบายิ่งนัก!นับเป็นต้นกล้าที่หาได้ยากยิ่งเจียงซุ่ยฮวนถึงกับปวดหัว เดินเข้าไปพลางถามว่า “แม่นมของเจ้า กับพี่ชายเถี่ยหนิว ทราบเรื่องนี้หรือไม่”ถังซาซาแลบลิ้นทำหน้าทะเล้น “ข้าเขียนข้อความทิ้งไว้ให้พวกเขา พวกเขาต้องเห็นแน่ ๆ”“เช่นนี้มิได้” เจียงซุ่ยฮวนโน้

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 819

    นางอาศัยพระนามฝ่าบาทข่มขู่เจ้าเมือง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าเมืองตำแหน่งต่ำต้อย มิอาจพบฝ่าบาทได้โดยง่าย ต่อให้ได้พบ ก็มิกล้าเอ่ยเรื่องในวันนี้ออกไปเป็นแน่ส่วนนางนั้น ยิ่งไม่มีวันไปกราบทูลต่อฝ่าบาทเป็นอันขาด“ท่านพูดถูกต้องแล้ว!” เจ้าเมืองลูบมือตัวเองพลางกล่าว “ไม่ทราบว่าท่านจะโปรดให้ข้ามีโอกาสไถ่โทษ ได้รับใช้ท่านสักสองวันหรือไม่”“ไม่จำเป็น” เจียงซุ่ยฮวนกล่าวปฏิเสธด้วยเสียงเย็นชา “ข้ายังต้องรีบรุดเดินทางต่อ”“ถ้าเช่นนั้นก็ได้” เจ้าเมืองกล่าวประจบอีกสองสามคำ ครั้นจะจากไป เจียงซุ่ยฮวนก็เอ่ยขึ้นว่า “จำไว้ว่าอย่าได้เอนเอียงเข้าข้างคนผิด ข้าจะให้คนไปตรวจดู”“โปรดวางใจ ข้ามิกล้าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!”เมื่อเจ้าเมืองจากไปแล้ว ปาฟางจึงถามว่า “นายหญิง ท่านจะส่งคนไปตรวจดูเมื่อใดหรือ”“ก็แค่ขู่เขาเล่นเท่านั้น อย่าได้ใส่ใจจริงจังไปเลย” เจียงซุ่ยฮวนหันหน้ากลับ แล้วเริ่มตรวจดูของที่พวกเขาซื้อมาวางไว้เถ้าแก่ยิ่งมีท่าทีเอาอกเอาใจยิ่งกว่าเดิม “คุณหนู ตอนค่ำอยากทานสิ่งใดหรือไม่ ข้าจะให้พวกในครัวจัดทำให้ท่าน”“ไม่ต้อง ข้าได้สั่งอาหารไว้แล้ว” เจียงซุ่ยฮวนส่ายหน้าปฏิเสธ“เช่นนั้นข้าจะให้พวกในครั

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 818

    ทันทีที่เจ้าเมืองเห็นแผ่นป้ายทองอร่ามในมือของนาง เดิมทีก็ยังมิทราบว่าเป็นสิ่งใด จนกระทั่งได้ยินนางเอ่ยคำว่า “ฝ่าบาท” ออกมาเจ้าเมืองพลันรู้สึกว่าเข่าอ่อน แทบทรุดลงไปกับพื้นเจียงซุ่ยฮวนถอนหายใจยาว “เฮ้อ หากฝ่าบาทพิโรธขึ้นมา เกรงว่าทุกผู้คนในที่นี้ คงไม่มีผู้ใดหลบหนีรอด”เจ้าเมืองผู้นี้ ปกติก็มิเคยได้พบหน้าฝ่าบาท แต่มีความเคารพยำเกรงเป็นล้นพ้น เพียงได้ยินคำว่า “ฝ่าบาท” ก็ขาแข้งสั่นระริกเขากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เอ่ยถามด้วยเสียงสั่น “ท่านคือผู้ใดกันแน่”เจียงซุ่ยฮวนแย้มยิ้ม “หญิงผู้นี้ไร้ความสามารถนัก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน พึ่งได้รับราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหมอหลวงจากฝ่าบาทโดยตรง”เจ้าเมืองมีท่าทีลนลานอย่างเห็นได้ชัด หมอหลวงที่ได้รับแต่งตั้งโดยฝ่าบาท มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าท่านจองหงวนระดับสูงหมอหลวงทำหน้าที่รักษาฝ่าบาทและพระสนม หากมีใครไปกล่าวร้ายต่อหน้าฝ่าบาท ไม่เพียงแต่จะเสียตำแหน่ง แม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ในใจยังมีความหวังริบหรี่ เอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าเป็นหมอหลวง แล้วมีหลักฐานหรือไม่”เจียงซุ่ยฮวนโยนแผ่นป้ายทองให้เขา “ดูให้ดีเถิด”เขาพลิกดูซ้ายขวา แต่ก็มิอาจแยกแยะว่

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 817

    เจียงซุ่ยฮวนนั่งเท้าคาง เหลียวมองอย่างไม่ใส่ใจ ก็เห็นเจ้าเมืองพุงพลุ้ย เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาเจ้าเมืองหรี่ตา ไว้หนวดบนริมฝีปาก มุมปากห้อยตกดูแล้วเหมือนผู้มีอารมณ์ขุ่นเคืองเขาไขว้มือไว้ด้านหลัง เหลียวมองรอบทิศ แล้วกระแอมขึ้นสองครั้ง “แค่ก! แค่ก!”เจียงซุ่ยฮวนหัวเราะเบาๆ ในใจ เจ้าเมืองตัวกระจ้อยร่อย ความเย่อหยิ่งกลับสูงลิบ”เถ้าแก่รีบเข้ามาคำนับ “ท่านเจ้าเมือง ไม่รู้ว่าท่านจะมาถึงที่นี่ ข้าน้อยเสียมารยาทยิ่งนัก!”ขุนนางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ได้ยินมาว่ามีผู้ก่อเรื่องที่นี่ คนผู้นั้นคือผู้ใดกัน”“เอ่อ…” เถ้าแก่เหลือบมองเจียงซุ่ยฮวน แล้วมองพวกที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น มิรู้จะชี้มือไปทางใด“ข้าถามเจ้าอยู่นะ!” เจ้าเมืองเริ่มหงุดหงิดชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งคลานไปกอดขาขุนนาง ร่ำไห้พลางร้องว่า “ท่านน้า! เป็นนางผู้นั้นที่ทำหน้าหยิ่งยะโส!”“นางใช้กาน้ำชาฟาดหัวข้า ยังขู่จะเชือดลิ้นข้าด้วย!”ครั้นได้ยินคำว่า ‘หยิ่งยะโส’ ทุกสายตาต่างหันไปมองเจียงซุ่ยฮวน"?"หน้าข้าดูหยิ่งยะโสถึงเพียงนั้นหรือเจียงซุ่ยฮวนนั่งตัวตรง เก็บสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วกล่าวเรียบ ๆ ว่า “ใช่ ข้าคือคนที่ลงมือ”“ท่านน้

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 816

    เพียงพริบตาเดียว เหล่าคนชั่วที่เคยท่าทางดุดันล้วนล้มระเนระนาด ครวญครางด้วยความเจ็บปวดแขกเหรื่อคนอื่นต่างพากันหนีออกจากโรงเตี๊ยมไปหมดแล้ว ภายในโรงเตี๊ยมเหลือเพียงความโกลาหล โต๊ะเก้าอี้ระเนระนาดไร้ระเบียบแม้แต่ขนมเปี๊ยะที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ ๆ ยังกลิ้งกระจายอยู่เต็มพื้นนับสิบชิ้นเสี่ยวเอ้อโผล่หัวออกมาจากหลังแท่นต้อนรับ เศษผักยังติดอยู่บนหน้าผาก ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนู โปรดเมตตาเถิด ข้าวของเสียหายปานนี้…”เจียงซุ่ยฮวนหลุบตาลง มองเห็นถุงเงินของพวกอันธพาลที่หล่นเกลื่อนอยู่กับพื้นจากการต่อสู้เมื่อครู่นางหยิบถุงเงินใบหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทีสบายใจ แล้วแย้มยิ้มบางเบา เอ่ยถามเสียงเรียบ “ข้าวของพวกนี้ ใครเป็นคนทุบทำลาย”เสี่ยวเอ้อหัวไว ตอบพลันทันทีว่า “เป็นฝีมือของบุรุษเหล่านี้ขอรับ!”เจียงซุ่ยฮวนถามกลับ “ในเมื่อเป็นพวกเขาทำลาย เช่นนั้นก็ควรให้พวกเขาชดใช้ ใช่หรือไม่”“ถูกแล้วขอรับ!” เสี่ยวเอ้อพยักหน้าอย่างแรงเจียงซุ่ยฮวนโยนถุงเงินให้ “เอาไป”เสี่ยวเอ้อรับถุงเงินมา แล้วรีบนำไปให้เจ้าของโรงเตี๊ยมที่เพิ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นภาพเบื้องหน้า ถึงกับหน้าซีดเผือด ตะโกน

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 815

    “ชิ้นละสิบอีแปะ ห้าสิบอีแปะได้หกชิ้น ท่านอยากได้กี่ชิ้นเล่า” แม่ค้าเอ่ยถามพลางนวดแป้ง มือไม่หยุดหน้าไม่เงยราคาแลดูย่อมเยากว่าเมืองหลวงนัก เจียงซุ่ยฮวนล้วงเอาเงินออกมา “ข้าขอเอาหนึ่งตำลึงพอ”แม่ค้าถึงกับเงยหน้าขึ้น “หนึ่งตำลึงได้กว่าร้อยชิ้น ท่านจะซื้อมากถึงเพียงนี้ มีงานที่บ้านหรือ”“ไม่ใช่ ข้าจะเอาไว้เป็นเสบียงระหว่างเดินทาง”“ได้ ข้าจะย่างให้กรอบนอกนุ่มใน เก็บไว้นานก็ยังอร่อย”“ขอบใจมาก ข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมข้างๆ เสร็จแล้วร้องเรียกข้าด้วย”เจียงซุ่ยฮวนหันหลังกลับเข้าที่พัก เอ่ยกับลิ่วลู่และพรรคพวกที่ตามมาด้านหลัง “กินแต่ขนมเปี๊ยะคงไม่พออิ่ม พวกเจ้าออกไปหาซื้อของกินอย่างอื่นมาด้วย เผื่อไว้กินระหว่างทาง”“เวลามีจำกัด พวกเราไม่อาจกินอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมได้ทุกมื้อ”แม้ในห้องทดลองของนางจะมีของกินมากมาย แต่ไม่อาจหยิบออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนได้ จำต้องออกไปจัดซื้อไว้บ้างจากนั้น เจียงซุ่ยฮวนก็กลับขึ้นห้อง เข้าไปในห้องทดลองของนางนางหยิบกระถางใบหนึ่งออกมา ใช้ดินที่เพาะขึ้นเองปลูกบัวหิมะลงไป รอให้บานสะพรั่ง ครานั้นก็จะได้นำมาทำเป็นยาครั้นเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีหมึก เจียงซุ่ย

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status