หลังจากวันนั้น ลมหนาวก็ไม่เคยเจอน่านฟ้าอีกเลย เพราะเช้าวันต่อมาน่านฟ้าก็กลับกรุงเทพฯ ทันที หลังจากที่น่านฟ้าบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ลมหนาวก็รู้สึกมีอาการแปลกๆ ทั้งเวียนหัว อยากจะอาเจียน เธอสงสัยว่าจะท้อง แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะวันนั้น น่านฟ้าให้เธอกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเธอก็ได้กินอีกหนึ่งเม็ดตามเวลาที่กำหนดในเอกสารกำกับยา แต่ก็ไม่มีการคุมกำเนิดชนิดใดที่สามารถคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอรู้เรื่องนี้ดีเพราะอยู่ในบทเรียนที่เธอเคยเรียนมา ลมหนาวไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาสามยี่ห้อจากร้านขายยา ตรวจให้รู้กันไปเลยดีกว่า
สองขีด!! ท้อง!! ลมหนาวมองที่ตรวจครรภ์ทั้งสามอัน มันขึ้นสองขีดเหมือนกันหมดทั้งสามอัน น้ำตาหลั่งไหลลงมา มือบางของเธอกำที่ตรวจครรภ์จนแน่น เธอทรุดลงนั่งกับพื้นห้องน้ำใกล้อ่างล้างหน้า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เธออายุแค่สิบแปด กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือสอบ สุดท้ายเธอสอบติดคณะที่เธอใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังพังทลาย ความฝันของเธอ อนาคตของเธอ มันกำลังจะดับ เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้น อันที่จริงจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ยินยอมพร้อมใจ วันนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ จะทำยังไงดี? ต้องบอกพี่น่าน..ไม่สิ! เธอจำได้เขาเคยบอกเธอว่าไม่ต้องการมีลูกกับเธอ ถ้าเธอบอกเขา ก็กลัวว่าเขาจะบังคับให้เธอทำแท้งและเธอก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เธอทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอไม่ได้ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เกิดจากความรักของเธอ แม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม ในเมื่อพ่อของลูกทำเลวกับเธอได้ขนาดนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกให้เขารู้ และที่สำคัญเธอก็ถอนหมั้นชายหนุ่มไปแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราว เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเองให้ลุกขึ้นแม้จะไร้เรี่ยวแรงเต็มที เธอยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ มือบางเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบหน้า จากนั้นหญิงสาวก็ล้างหน้าเพื่อลบร่องรอยคราบน้ำตา ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ครืด!! ครืด!! เมื่อเห็นว่าใครโทรมา หญิงสาวรีบรับสายทันที เหมือนคนโทรเข้ามาจะรับรู้ว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตนอกจากคุณตาแล้วก็ยังมีคุณน้าวีนา ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่เธอ ที่คอยให้คำปรึกษา คอยดูแล ห่วงใยเธอไม่ต่างจากแม่คนหนึ่ง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วมันกำลังเอ่อออกมาอีกครั้ง หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ก่อนจะเอ่ยออกไป “สวัสดีค่ะ น้านา” (หนาว..เป็นไงบ้างลูก?) สิ้นเสียงของวีนา น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พังทลายลงมา “อึก..อึก..” ลมหนาวพูดไม่ออกได้แต่สะอื้นไห้ออกมาจนปลายสายเป็นห่วง (หนาวเป็นอะไร? บอกน้าสิลูก..ใครทำอะไรหนาว) “หนาวท้อง!!” หญิงสาวกลั้นใจพูดออกไป (ไม่เห็นเป็นไรเลยลูก เพราะหนาวก็หมั้นกับตาน่านแล้ว เดี๋ยวก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี) “หนาวขอถอนหมั้นพี่น่านแล้วค่ะ” จากนั้นลมหนาวก็เล่าเรื่องของเธอกับน่านฟ้าให้น้าวีนาฟัง ยกเว้นเรื่องเลวๆ ที่น่านฟ้าทำกับเธอจนเธอขอถอนหมั้น เรื่องนี้เธอเองก็ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ เธอได้แต่บอกเหตุผลออกไปว่า น่านฟ้าไม่ได้รักเธอ ถ้าแต่งงานกันไปชีวิตของเธอก็คงจะไม่มีความสุข เธอขอเลี้ยงลูกเองดีกว่า เธอไม่อยากให้เขารับผิดชอบเพียงเพราะว่าทำเธอท้อง (เอาแบบนี้มั้ย..หนาวมาอยู่กับน้าที่ฝรั่งเศส มาเรียนต่อที่นี่ น้าจะช่วยหนาวเลี้ยงลูกเอง) วีนายื่นข้อเสนอให้หลานสาวที่ตัวเองรักเหมือนลูก เธอแต่งงานกับสามีชาวฝรั่งเศสและย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศสสิบกว่าปีแล้ว ทั้งสองไม่มีลูก แต่สามีของเธอนั้นมีลูกชายหนึ่งคนซึ่งก็โตแล้วแต่ยังไม่มีครอบครัว “แล้วคุณตาล่ะคะ ถ้าหนาวไปใครจะอยู่ดูแลคุณตา” (เดี๋ยวน้าคุยกับตาให้เอง) “ค่ะ..” หลังจากวางสาย ลมหนาวก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เธอจึงนอนหลับพักผ่อน จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! “หนาว…ออกมาคุยกับตาข้างล่างหน่อยลูก” ตาวีระชัยเรียกหลานสาวมาคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งเขารับรู้มาจากวีนาลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้อยู่กับสามีที่ฝรั่งเศส นานๆ ลูกสาวจะกลับมาเยี่ยมบ้าน และตอนนี้เธอกำลังจะกลับมาเพื่อมารับหลานสาวไปอยู่ที่โน่น เขาเห็นด้วยกับลูกสาวเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวัง การไปอยู่ในที่ไกลๆ อาจจะช่วยให้หลานสาวมีชีวิตที่ดีกว่านี้ “ค่ะ..เดี๋ยวหนาวออกไปค่ะ” หญิงสาวร้องบอกออกมาจากในห้องก่อนจะลุกจากเตียงก่อนจะตามผู้เป็นตาลงไปข้างล่าง “หนาวขอโทษนะคะ..ตา ที่หนาวทำตัวไม่ดี หนาวทำให้ตาต้องเสียใจ” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่พ่อกับเเม่เสียด้วยความรู้สึกผิด เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย “ไม่เป็นไรลูก..ไม่เป็นไร ตาเข้าใจหนาวทุกอย่าง และตาก็เคารพการตัดสินใจของหนาว หนาวคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะถอนหมั้น” ชายชราถามออกไปด้วยอีกใจก็หวังว่าหลานสาวจะเปลี่ยนใจ อย่างน้อยเขาเองก็อยากให้เหลนมีพ่อ “ค่ะ..พี่น่านเขาเกลียดหนาว เขาไม่ได้รักหนาว ถ้าแต่งงานกันไปหนาวคงจะไม่มีความสุข” ผู้เป็นตาพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกรอบ “แล้วเรื่องที่หนาวท้องล่ะ จะบอกตาน่านมั้ย?” ลมหนาวส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะตอบออกไป “หนาวจะเลี้ยงลูกเองค่ะ พี่น่านเค้าคงไม่อยากมีลูกกับหนาว” “ถ้าอย่างนั้น..หนาวก็ไปอยู่ฝรั่งเศสกับน้านานะลูก ไปเรียนต่อที่นู่น อยู่ที่นู่นจนกว่าหนาวจะสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงตา ตายังแข็งแรงอยู่ ตายังมีแม่ภากับตาศร ถ้าพร้อมเมื่อไหร่..หนาวค่อยกลับมา” ชายชราพูดพลางยกมือลูบหัวหลานสาวเบาๆ ลมหนาวกอดคุณตาร้องไห้สะอึกสะอื้น “ค่ะ” “ส่วนเรื่องถอนหมั้นกับของหมั้นของฝ่ายนู้น เดี๋ยวตาจะจัดการเอง” “ขอบคุณค่ะ..ตาอย่าบอกตานนท์เรื่องที่หนาวท้องได้มั้ยคะ” “ตารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับไอ้นนท์มัน” ชายชรารับปากหลานสาว เขาจะไม่บอกเรื่องที่ลมหนาวท้องกับเพื่อนรักถึงแม่ว่าหลานของทั้งคู่จะมีปัญหากันแต่เขากับอานนท์ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม หลังจากนั้น ลมหนาวก็เดินทางไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ส่วนคุณตาวีระชัยก็บอกครอบครัวของน่านฟ้าว่าหลานสาวของเขาขอถอนหมั้นและขอคืนของหมั้นทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของลมหนาวเพราะเห็นว่าคนไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปก็จะทุกข์ใจเสียเปล่า แต่ความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองครอบครัวจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ทางด้านน่านฟ้าไม่ได้รู้สึกตกใจหรือเสียใจแต่อย่างใดเมื่อได้รับข่าวจากครอบครัวว่าคู่หมั้นสาวขอถอนหมั้น เพราะเขารู้อยู่แล้วเพียงแต่แค่รอเวลาให้หญิงสาวเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเอง สำหรับเขา…ได้ความโสดกลับมาอีกครั้ง! แต่สำหรับเธอ…ได้ของขวัญที่มีค่าที่สุด! ในเมื่อวันนี้พี่น่านไม่เห็นค่าความรักของหนาว..วันหน้าหนาวก็จะไม่รักพี่แล้วนะ.. หนาวขอยอมแพ้..คืนอิสระให้พี่น่าน โชคดีนะคะ..ลาก่อนค่ะ ข้อความสุดท้ายที่ลมหนาวส่งให้อดีตคู่หมั้น ก่อนจะตัดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง ชาตินี้คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วหนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง