“อึก” ฟังมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เผลอกลืนน้ำลายเพราะตื่นเต้น
นี่มันอย่างกับนิยายแฟนตาซีตามเว็บไซต์ชื่อดังเลยนี่นา
“แล้วทำไมถึงไม่มีการแจ้งเตือนจากภาครัฐเลยล่ะครับ” ออกข่าวโทรทัศน์ก็ยังดี ไม่ใช่เตือนแค่ประกาศจากทางวิทยุกระจายเสียง เรื่องนี้มันใหญ่โตและร้ายแรงมาก ๆ เลยนะ
“อันนี้จากข่าววงในนะครับ เดิมทีเชื้อไวรัสชนิดนี้มันจะกระจายอยู่ในกลุ่มคนที่ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้ว และที่ไหนมีคนติดเชื้อก็ต้องมีสถานกักกันหรือสถานพยาบาลรองรับ ในตอนแรกเราไม่รู้ว่าเชื้อมันกลายพันธุ์ จึงได้นำศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีและนำไปฝังรวมกันเหมือนที่หลายประเทศทำ แต่วันดีคืนดีศพพวกนั้นกลับลุกขึ้นมาจากหลุมและไล่กัดเจ้าหน้าที่ กลายเป็นการส่งต่อไวรัสอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบนเตียงเองก็กลายเป็นซอมบี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้อย่างทันท่วงที จึงได้แต่ผลักภาระให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการในส่วนของตนเองไปก่อน” ทีโอค้อมตัวลงเล็กน้อยป้องปากกระซิบ
นัยก็คือถ้าจังหวัดจัดการไม่ดีก็จะเป็นอย่างที่เขาเผชิญอยู่สินะ
ต้องโทษว่าเขาอยู่ชนบทจึงรู้ข่าวช้าหรือ?
“ได้ข่าวว่าพวกคนใหญ่คนโตระดับนายกรัฐมนตรีหรือทหารยศสูง ๆ ต่างใช้เครื่องบินส่วนตัวหนีออกนอกประเทศไปหมดแล้วครับ เพราะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อีกทั้งพวกซอมบี้น่ะ ถ้าไม่จัดการที่หัวมันก็จะไม่มีวันตาย ตาแก่พวกนั้นเลยหอบสมบัติหนีตั้งแต่รู้ว่าหลายจังหวัดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าที่จะควบคุมไหว”
“แต่เป็นแบบนี้จะหนีไปไหนได้?” ถ้าต้นเหตุคือฝนอุกกาบาต เรื่องซอมบี้นี่คงไม่จบแค่ในประเทศของเขาหรอก คงเป็นเหมือนกันทั้งโลก
“ไม่รู้สิครับ” ชายหนุ่มยักไหล่ คนพวกนั้นไปที่ไหนเขาก็สุดรู้ นอกจากหนีไปอยู่ในเกาะส่วนตัวที่ไม่มีคนเลยล่ะมั้งถึงจะมีชีวิตรอด
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องการช่วยเหลือ…” จะยังมีอยู่อีกหรือ
เฉินเฟิงมุ่นคิ้ว แบบนี้ก็เท่ากับพวกเขาต้องดิ้นรนหาทางรอดกันเอง?
“ที่เมืองหลวงมีค่ายของกลุ่มรัฐบาลที่ยังเหลืออยู่ ร่วมมือกับทหารและประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้ที่ไม่ติดเชื้ออยู่ครับ เรียกว่าค่ายพันธมิตรเพราะได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ตามจังหวัดต่าง ๆ เองก็เริ่มตั้งค่ายของตัวเองเป็นการให้ความช่วยเหลือชั่วคราว ส่วนพวกเราไม่ใช่ทหารประจำการ แต่เป็นทหารรับจ้างที่จะรับงานจากฐานของกลุ่มพันธมิตรหรือฐานตามต่างจังหวัดอีกที” แต่ก็เพิ่งรับงานนี้เป็นงานที่สี่ เรียกได้ว่าไม่ได้มีผลงานโดดเด่นนัก วันสิ้นโลกมันเพิ่งจะเริ่มเองนี่นา
“ส่วนการช่วยเหลือถึงแหล่งคงต้องรออีกสักพัก แต่ละค่ายยังคงอยู่ในช่วงปรับตัว ถ้าประชาชนสามารถไปที่ค่ายได้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็พร้อมจะรับไว้” หมายความว่าอีกสักพักถึงจะมีความช่วยเหลือ
“แล้วที่นี่มีค่ายที่ว่าไหมครับ ต้องเดินทางเข้าเมืองหรือว่าอยู่ในอำเภออื่น พวกคุณพอจะทราบหรือเปล่า” ถ้าพวกเขาไปอยู่ที่นั่นคงจะดีกว่า ยิ่งตอนนี้อาหารที่สะสมไว้ก็มีจำกัด
อีกทั้งตามค่ายที่จัดตั้งแบบนี้ต้องมีการรวบรวมอาวุธแน่นอน ความปลอดภัยย่อมมากกว่าการอาศัยอยู่บนภูเขา เขาอยากนอนหลับอย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีซอมบี้บุกมางับคอตอนไหน
“เหมือนจะมีนะครับ อยู่ในตัวอำเภอเมืองเลย ดูเหมือนส.ส.ในพื้นที่จะเป็นคนรวบรวมทหารและประชาชนจัดตั้งค่ายชั่วคราว ผมได้ยินคนในเมืองพูดว่ากำลังขยับขยายและเร่งให้ความช่วยเหลือตามหมู่บ้านใกล้เคียง”
“ขอบคุณมากเลยครับ” รู้อย่างนี้เขาค่อยอุ่นใจหน่อย
“คุณจะเดินทางไปขอความช่วยเหลือที่ค่ายในตัวเมืองจังหวัดเหรอครับ” ทีโอที่อธิบายเพลินก็ชวนคุยต่อ
“ครับ” เฉินเฟิงพยักหน้ายอมรับว่าตนจะเดินทางเข้าเมือง
“ก็ดีนะครับ ยังไงการอยู่รวมกันก็สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้มากกว่า” ไม่เหมือนพวกเขาที่เป็นพวกหมาป่าเดียวดาย ถ้าไม่มีโจเซฟที่เป็นหัวหน้ากลุ่มทั้งลากทั้งเข็นก็คงไม่มีทางมารวมกลุ่มกันได้ แถมยังไม่อยากยึดโยงกับทหารแบบเต็มตัว เลือกรับงานแบบทหารรับจ้าง
“แค่ตอนนี้หรือเปล่าที่ดี” หงส์ค่อนขอด
“หงส์” โจเซฟปราม
“เรื่องจริงนี่ เพิ่งจะเกิดโรคระบาดได้ไม่เท่าไร พวกเบื้องบนก็หนีตายกันยิ่งกว่ามดโดนน้ำร้อนลวก หงส์ไม่ได้จะว่าคนที่เขายังให้ความช่วยเหลืออยู่หรอกนะ แต่พวกมันบางตัวก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย ฉากหน้าก็ทำเป็นให้ความช่วยเหลือ เบื้องหลังก็เอาเปรียบลูกน้อง แน่จริงก็ออกไปสู้เองสิ ซอมบี้สักตัวน่ะ เคยฆ่าหรือเปล่า ไม่ใช่เอะอะก็ลงโทษ ๆ ๆ เวลาที่ทำภารกิจผิดพลาด”
“ไม่เป็นไรนะ” ตุ่นเดินเข้าไปกอดแฟนสาวไว้แนบอก รู้ดีว่าอีกคนกำลังโกรธแทนตนเอง “เรื่องมันผ่านมาแล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ ตอนนี้ตุ่นก็อยู่กับหงส์แล้วนี่ไง”
เฉินเฟิงมองคนทั้งคู่กอดกันไม่สนสายตาใคร ระหว่างนี้ในสมองก็ต้องตีความประโยคนั้นของหญิงสาวอีกที หรือว่าการไปอยู่ในค่ายจะเป็นเรื่องที่ควรพับเก็บไว้ก่อน
“เรื่องค่ายสำหรับประชาชนก็ต้องแล้วแต่คนครับ พวกเราเองก็มีบ้านในค่ายเหล่านั้นไว้ใช้พักผ่อนเวลาที่กลับจากภารกิจ เพราะมีการลาดตระเวนแน่นหนา สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนเรื่องราวภายในค่ายส่วนใหญ่ ปัญหาก็จะอยู่ในหน่วยงาน ไม่ค่อยมีอะไรที่ประชาชนรับรู้หรอก เหมือนคลื่นใต้น้ำมากกว่า” ทีโออธิบายเมื่อเห็นว่าคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้กำลังมีสีหน้าคิดไม่ตก “แต่การอยู่ในค่ายขอแค่ทำงานก็สามารถรับแต้มคะแนนเพื่อแลกอาหารกินได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ” เหมาะสำหรับผู้คนที่ยังต้องการใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นและไม่ต้องการออกไปฆ่าซอมบี้หรือรับภารกิจแบบพวกเขา“ขอบคุณมากเลยนะครับ” เฉินเฟิงค้อมศีรษะให้กลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้า“ไม่เป็นไรครับ เป็นข้อมูลที่พวกคุณควรรู้เอาไว้อยู่แล้ว” โจเซฟยกมือทั้งสองข้างกอดอก“เอ่อ งั้นเชิญพวกคุณสำรวจกันต่อเลยครับ” ถึงจะพูดไปคุยไป แต่สายตาก็ไม่ได้กวาดมองกระสอบน้ำตาลเลย มัวแต่มองหน้าคุยกัน“คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอครับ” นิโคลัสเห็นคนตัวเล็กกว่ากำลังสนใจกระสอบน้ำตาลก็เอ่ยชวนคุย“เปล่าครับ ผมข้ามมาจากอีกฝั่งของภูเขา” เฉินเฟิงยกมือชี้ทิศทางประกอบคำพูด ทั้งที่ในโกดังไม่มีหน้าต่างให้เห็นว่าภ
เฉินเฟิงคงไม่รู้ว่าในตัวจังหวัดเองก็ใช่ว่าจะสงบ คนจากเมืองใหญ่ที่เสี่ยงขับรถหนีออกมานั้นมีมาก แต่พวกเขาเลือกที่จะพักอยู่รอบ ๆ เพื่อรอดูสถานการณ์มากกว่าขับออกไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า จึงมีชาวบ้านตามชนบทน้อยมากที่รู้ว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตอย่างวันสิ้นโลกขึ้นและพวกคนในเมืองเองก็เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ต่างจังหวัดมีซอมบี้เพิ่มขึ้นเพราะพาคนติดเชื้อในระยะแรกมาด้วย... โดยไม่รู้ตัว“ครับ แต่เพราะนักการเมืองและทหารที่เหลืออยู่ให้ความร่วมมือกัน จึงสามารถใช้ค่ายทหารเป็นที่พักพิงชั่วคราวและออกช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขอแค่คุณส่ง SMS ขอความช่วยเหลือมาที่เบอร์ฉุกเฉิน ถ้าประเมินว่าไม่อันตรายมาก จะรีบส่งทหารเข้าไปรับตัวมาไว้ในค่ายทันที” อย่างของเขา เพราะอยู่บนดาดฟ้าห้างสรรพสินค้ากับกลุ่มคนจำนวนมากจึงมีเฮลิคอปเตอร์มาลำเลียงไป และไม่นานหลังจากนั้นไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกโชคร้ายตกเป็นของพ่อแม่เขาที่หนีมาไม่ทันและไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยี กว่าที่เขาจะสามารถทำเรื่องขอกำลังเสริมไปช่วย พวกท่านก็กลายเป็นพวกมันไปแล้วทีโอสะบัดไล่เรื่องราวเศร้าหมองออกจากควา
“พวกเราพกอาหารมาแค่พอกิน คุณมีของตัวเองมาหรือเปล่า” โจเซฟไม่ได้อยากแสดงความแล้งน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่พวกเขาเองก็ต้องกันอาหารไว้ให้เพื่อนร่วมทีมก่อน กับคนนอกอย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจมากเกินไปนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมมี” ชายหนุ่มหยิบหัวแครอทกับปลากระป๋องออกมาจากกระเป๋านิโคลัสมองอาหารที่คนตรงหน้าหยิบออกมาด้วยหัวใจปวดหนึบ จินตนาการไปว่าเจ้าตัวคงหยิบฉวยทุกอย่างในขณะหนีหัวซุกหัวซุน พอได้แหล่งกบดานก็เริ่มออกสำรวจหาอาหารมากักตุน“...” กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมของหมีก็ยื่นขนมปังแข็งให้“...” เฉินเฟิงมองก้อนขนมปังตรงหน้าตาปริบ ๆ สมองกำลังประมวลอย่างเร็วรี่ว่าเหตุใดแพทย์ทหารคนนี้จึงแบ่งอาหารมาให้ตนใจดี?หรือแอบวางยา?“!!!” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความคิดสวนไปคนละทาง ผู้เห็นเหตุการณ์เองก็อ้าปากตาค้างกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมทีม‘หงส์ว่ามันทะแม่ง ๆ แล้วนะหัวหน้า’ หญิงสาวหันไปมองหัวหน้าอย่างช้า ๆ พลางหันไปพยักหน้าให้คนรักที่หันหน้ามามองเธออย่างอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน‘ผมว่าหมอนี่ต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่’ ทีโอเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนิโคลัส เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมตอนฝึก อีกฝ่ายมักมีท่าทีเย็
เจ้ากระต่ายขาวลอบพรูลมหายใจออกเมื่อกินขนมปังเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร น่าเสียดายที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าแดงเป็นปื้นของคนให้ขนมปังเฉินเฟิงไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ใช่ พวกเขายังนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเขายังตัวคนเดียว จึงต้องระมัดระวังตัวเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่าส่วนเรื่องที่เผลองับขนมปังเข้าปากไปนั่นก็เพราะสงสารหูกลม ๆ บนศีรษะที่ลู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับผิดหวังที่เขาไม่รับความปรารถนาดีว่ากันตามระบบนิเวศแล้ว ต้องเป็นเขาที่กลัวไม่ใช่เหรอ“ก็กลัวนิดหน่อยมั้งครับ” เฉินเฟิงตอบไปตามความจริง เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ดูลุ้นกับคำตอบของเขาเช่นกัน“...” นิโคลัสเม้มปากอย่างทำอะไรไม่ถูก“เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไร” ชายหนุ่มเห็นคนตัวโตมีสีหน้าราวกับได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจก็รีบแก้คำตอบของตนเองให้เป็นกลางมากที่สุดแต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเพิ่มขึ้นเลย“คือ เราเพิ่งรู้จักกัน อ่า... นี่ไงครับผมกินขนมปังคุณแล้ว” เฉินเฟิงหยิบขนมปังเจ้าปัญหาชิ้นเดิมขึ้นมาเคี้ยวอีกคำ กัดเข้าไปคำใหญ่จนแก้มตุ่ย“กินเนื้อด้วยสิ” นิโคลัสยื่นเ
“แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะคะ” หงส์แย้ง “ส่วนหนึ่งที่คุณหนีไม่ทันน่าจะเป็นเพราะซอมบี้ที่นี่เกิดการวิวัฒนาการ”“แต่มันเพิ่งเริ่มเดือนกว่าไม่ใช่เหรอครับ” วิวัฒนาการเร็วไปแล้ว“อันนี้เป็นสิ่งที่ฉันสังเกตจากที่เคยไปทำภารกิจมานะคะ” หญิงสาวทำหน้านึก “ยิ่งสถานที่ไหนมีคนเปลี่ยนเป็นซอมบี้มาก คุณคิดว่าพวกมันที่ไล่กัดกินเนื้อและมนุษย์จนหมดจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีอาหาร” หงส์หรี่ตาพูดเสียงเรียบ ประกอบกับความมืดโรยตัวเข้ามาทำให้แสงสะท้อนจากตะเกียงบดบังซีกหน้าหญิงสาวไปหนึ่งด้าน ดูลึกลับราวกับกำลังนั่งเล่าเรื่องสยองขวัญในงานกิจกรรมของโรงเรียน“...” เฉินเฟิงเงียบรอฟังประโยคต่อมา“พวกมันจะกินกันเองค่ะ ยิ่งกินมากเท่าไร พวกมันก็จะยิ่งวิวัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น”“...” เกิดความเงียบทันทีแล้วโรงงานแห่งนี้…เจ้ากระต่ายถึงกับขนลุกซู่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้ออกสำรวจคนเดียวและไม่ได้เจอกับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไร“แต่เปอร์เซ็นต์ที่ว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าไรค่ะ ส่วนมากพวกมันจะไม่ค่อยกินกันเอง คล้ายกับว่าเป็นการคัดสรรอย่างหนึ่ง” มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจึงจะดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้ตนอิ่มท้อง“ถ้าอย่างนั้นที่ผ
“แค่นั้นนอนได้เหรอ” หมีหหนุ่มค่อนข้างเป็นกังวล เจ้ากระต่ายไม่ได้เตรียมที่นอนหมอนมุ้งออกมา แค่นอนทับบนกระเป๋าที่แบกมาเท่านั้นเฉินเฟิงตั้งใจจะนอนในสภาพนี้ตั้งแต่แรก บ้านบนภูเขาไม่ได้มีเครื่องนอนมากมายนัก เขากลัวว่ามันจะทำให้พื้นที่ในกระเป๋าลดน้อยลง เวลาต้องการเก็บตุนสิ่งของจำเป็นจะทำได้ลำบากมีแค่ฮู้ดกับกางเกงขายาวก็พอแล้วฟากโจเซฟก็จนปัญญาจะให้ความช่วยเหลือ พวกเขาเป็นทหาร สิ่งที่ต้องพกติดตัวอยู่เสมอเวลาออกไปข้างนอกก็คือถุงนอนส่วนตัวของใครของมัน เป็นการยากที่จะชักชวนให้มาใช้ร่วมกัน ขืนนอนสองคนอัดกันถุงคงปริ“งั้นคุณนอนของผม” นิโคลัสยื่นถุงนอนของตนเองให้อย่างไม่ลังเล“เอ่อ ไม่ดีมั้งครับ แล้วคุณจะนอนยังไง” เฉินเฟิงส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย ทั้งยังเกรงใจมาก ๆ คนคนนี้ช่วยเขาจากซอมบี้ แบ่งขนมปัง แล้วยังแบ่งถุงนอนด้วย ใจดีเกินไปไหม?“ผมต้องอยู่เฝ้าเวร คุณนอนไปก่อนเถอะ” นิโคลัสตอบอย่างไม่คิดมาก เขาได้เวรตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสี่ทุ่ม ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาจะนั่งพิงกำแพง“แต่ว่า…” มันเป็นของใช้ส่วนตัวของคนอื่น“ผมรับประกันว่าไม่มีลูกเล่นอะไรอยู่ในนั้น คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักไปเถอะ” นิโคลัสพย
นิโคลัสเองก็ไม่ใช่คนที่พูดคุยเก่งนัก มีลอบมองชายหนุ่มข้างกายบ้าง เหม่อมองไปข้างหน้าก็มี น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรืออยากให้เวลาเดินเร็วแต่อย่างใด เขากลับอยากให้มันเชื่องช้าลงสักวินาทีก็ยังดีจมูกที่ถูกวิวัฒนาการจนสามารถรับกลิ่นได้ดีสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ นอกจากกลิ่นหวานหอมของน้ำตาลแล้ว ยังมีอีกกลิ่นหนึ่งที่เขาเพิ่งสัมผัสได้หลังจากพบเจอกับอีกฝ่ายกลิ่นป่าเขา…อาจเป็นเพราะระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีแต่กลิ่นเหม็นของเนื้อเน่าลอยคละคลุ้งอยู่ทุกที่ ไหนจะการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่ยังมีชีวิต การอาบน้ำที่เคยเป็นสิ่งจำเป็นในแต่ละวันจึงถูกลดทอนลงเพื่อประหยัดน้ำ บางคนเหม็นเปรี้ยวจนแทบไม่อยากเฉียดผ่านเป็นไปได้เขามักจะภาวนาขอให้มีภารกิจออกไปนอกเมืองมากกว่าอยู่ในค่าย ยังไม่อยากจมูกพังก่อนวัยอันควรหรอกนะและอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดตาก็คือดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นที่ราวกับอัญมณีเม็ดงามเขาตกหลุมรักเข้าอย่างจังสมัยไฮสกูลในประเทศ A เขาเคยมองพวกเพื่อนร่วมคลาสพูดถึงรักแรกพบกันอย่างโรแมนติก พร่ำเพ้อพรรณนาว่าแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มที่ตนพบนั้นวิเศษมากเพียงใด จำได้ไม่ลืมด้วยว่าเขามองพวกมันด้วยสาย
“นั่นสินะครับ” เจ้ากระต่ายข่าวพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนี้ไปโลกคงไม่มีวันกลับไปปกติสุขเช่นทุกวันอีกแล้ว มีแต่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ให้ถึงวันพรุ่งนี้ให้ได้ใกล้หกโมงเช้า กลุ่มทหารรับจ้างทุกคนก็ตื่นจากนิทราแล้วแยกย้ายไปล้างหน้าล้างตาคนละมุมห้อง“วันนี้จะเข้าไปตรวจในโรงงานกันต่อ ถ้าเครื่องจักรยังใช้ได้คงต้องเคลียร์ซอมบี้ด้านในให้เรียบร้อย” จากนั้นก็แจ้งให้ทางฝั่งฐานพันธมิตรส่งคนมาควบคุมดูแลต่อ ส่วนรถบรรทุกที่นำมาด้วยจะขนเสบียงอาหารกลับไปด้วยบางส่วน เพื่อให้ฐานมีแจกจ่ายให้กับประชาชนธรรมดาที่สามารถทำงานแลกอาหารได้ แน่นอนว่าตรงนี้ก็จะมีส่วนแบ่งของพวกเขาด้วย“คุณเฉินจะเข้าไปด้วยกันหรือจะไปสำรวจที่อื่นต่อล่ะ” อธิบายให้คนในทีมฟังเสร็จก็หันไปถามสมาชิกพิเศษ ในระหว่างที่พูดคุยก็สำรวจว่าทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับออกไปด้านนอกหรือยัง เสียงซอมบี้นั้นเหลือไม่มากก็จริง แต่มันก็ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ไม่ได้ไปไหนไกล“ผมว่าจะไปดูโกดังปลากระป๋องถัดไปครับ” ก็คือพวกเขาคงต้องแยกทางกันตรงนี้ แต่ละคนล้วนมีหน้าที่ของตนเอง“โอเค ยินดีที่ได้พบคุณนะ” โจเซฟหันไปยิ้มให้ เขาไม่รู้ว่าคนที่ดูบอบบางนี้จะอยู่ได้นาน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน
ลงมาถึงตีนเขาเฉินเฟิงก็แยกกับกลุ่มของโจเซฟ ชายหนุ่มยืนมองแก๊งจักรยานพากันปั่นเรียงแถวออกไปยังถนนเส้นใหญ่ที่เชื่อมติดกับทางเข้าหมู่บ้าน ยังดีที่บริเวณนี้ไม่มีซอมบี้เพ่นพ่านเพราะถูกกำจัดไปเยอะ อีกทั้งยังอยู่ห่างจากตัวเมืองที่มีประชากรมากก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาอย่างสวัสดิภาพไม่สิต้องกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน!“เอาไปกี่กล่องดี” นิโคลัสยกกล่องยาสมุนไพรออกมาจากหลังรถ“เอาไปสัก 3 กล่องก่อนก็แล้วกันครับ” ถือไปเยอะเดี๋ยวจะเด่นสะดุดตาเกินไป“โอเค” คุณหมอหมีพยักหน้าเข้าใจ ถือติดมือไปน้อยก็ดูไม่สมกับค่าครู แต่ถ้าเอาไปไปเยอะก็อาจทำให้บางคนเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาได้สมุนไพรแห้งเหล่านี้พวกเขาขนกลับมารวมแล้วมีมากกว่า 10 กล่อง นำขึ้นไปเก็บไว้บนภูเขาแล้ว 10 กล่อง ที่อยู่ตรงนี้จึงเป็นส่วนที่กันเอาไว้แบ่งปันให้คนในหมู่บ้านด้านล่างตั้งแต่ต้น แต่จะทยอยให้ทีละไม่มากไม่ให้ผิดสังเกต“ไม่รู้กลับหมู่บ้านครั้งนี้จะได้เจอกับป้ากิ่งแก้วอีกหรือเปล่านะครับ” เฉินเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ พวกเขาเจอกันทีไรมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทุกทีถ้าให้เขาพูดแบบเห็นแก่ตัวหน่อยเขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าหมู่บ้านนี้ขาดกิ่งแก้ว
“จักรยานมีทั้งหมด 5 คัน คนที่จะออกไปสำรวจก็คือ พี่ดา พี่พิม ตุ่น หงส์ และหัวหน้า ถูกต้องไหมคะ” หงส์ทวน พอดาริณียกมือขอไปด้วย โจเซฟก็ไม่รีรอรีบออกตัวว่าจะไปด้วยเช่นกันทันทีแหม… ไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะหัวหน้า“อะไร… ก็แค่เห็นว่ายังมีจักรยานอยู่อีกหลายคัน” คนร้อนตัวรีบพูด“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” หงส์หันไปหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนคู่คนคุยที่หน้าแดงซ่านไปหมดแล้ว“แม่หน้าแดงมากเลย” ขนาดเด็กชายดลยังอดแซวแม่ตัวเองไม่ได้ตกลงเรื่องจำนวนคนกันเสร็จสรรพ ก็ออกไปจัดเตรียมแพ็กกระเป๋าบ้านใครบ้านมัน เฉินเฟิงเองก็เตรียมเก็บของเช่นกัน เพราะเขากับคนรักมีแพลนจะลงไปนอนที่บ้านของตนในหมู่บ้าน และถือโอกาสสอบถามหมอยาสมุนไพรว่าจะสามารถสอนความรู้ให้ตนได้หรือไม่หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้นิโคลัสได้เรียนด้วย“เดี๋ยวนะครับ จะไปกันหมดวันนี้เลยเหรอ” ทีโอคิดว่าจะออกเดินทางในอีกวันหรือสองวันข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าพอตัดสินใจเสร็จปุ๊บก็เก็บของปั๊บ“จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ขืนมัวแต่โอ้เอ้คงมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน” หงส์“ตามใจ” ทีโอถอนหายใจ ดูท่าเย็นนี้คงต้องให้เด็ก ๆ กินปลากระป๋องแล้วล่ะ “ระวังตัวกันด้วยนะครับ”“คราวนี้ไม่ประมาทอีกแน่”
“ก็ดีนะ” นิโคลัสพยักหน้าเห็นด้วย“แต่น้ำมันรถที่มีจะไม่พอให้เราตะลอนหาของได้ตามใจชอบน่ะสิ” โจเซฟส่ายหน้าเห็นต่าง พวกเขาไม่มีถังน้ำมันสำรองกักตุนไว้ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลหากต้องนำรถออกไปตระเวนหาของอย่างไม่รู้ทิศทาง“ขี่จักรยานไปไง” หงส์เสนอ“ไหวหรือ?” โจเซฟไม่ได้มีเจตนาดูถูก แต่ขี่จักรยานไปในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงเอาการ ไหนจะอากาศประเทศ T ที่ไม่ค่อยปกตินัก บางวันก็ร้อนจนอยากจะนั่งแช่น้ำทั้งวัน บางวันก็ฝนตกหวิดจะเกิดโรคระบาดจากน้ำอีกรอบ“ถ้ารู้เส้นทางเข้าเมืองก็ไม่น่าจะยากไม่ใช่เหรอคะ” อีกอย่างจักรยานที่เอามาก็เป็นจักรยานเสือภูเขา มีไว้สำหรับเร่งความเร็วอยู่แล้วถ้าเจอซอมบี้ก็แค่ใช้พลังสู้กับมัน“ถ้าไม่ออกไปหาของตอนนี้ อีกหน่อยก็ไม่เหลืออะไรให้หาแล้วล่ะค่ะ” พอมนุษย์ที่เคยเอาแต่หวาดกลัวเริ่มปรับตัวได้ พวกเขาจะสามารถเรียกความกล้าและออกไปผจญอันตรายเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอเชื่อว่าอย่างนั้นไม่มีใครเอาแต่สั่นกลัวอยู่แต่ในบ้านได้หรอก“ถ้าอย่างนั้นพิมขอไปด้วยได้ไหมคะ” หญิงสาวยกมือ“แม่!” พลอยใสตกใจตาโต “ถ้าแม่ไปพลอยก็จะไปด้วย” เด็กสาวรีบยกมือตาม ก่อนจะ
“อร่อย! อร่อยมาก!!” เขาไม่เคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย“อร่อยก็ดีแล้วครับ ปะ พวกเรายกไปที่โต๊ะเลยดีกว่า” เห็นคนรักไม่บาดเจ็บในปากก็โล่งอก ยิ้มกว้างให้กับเมนูอาหารในวันนี้ ดีที่ตอนนั้นหลังจากได้ชิมต้มหมูชะมวงของเชฟในครัวเขาก็ไปค้นหาสูตรอาหารชนิดนี้ในอินเทอร์เน็ตต่อ ทำพลาดอยู่ 4-5 จานก็ได้รสชาติคล้ายคลึงที่สุดเท่าที่จะทำได้อืม… เขาก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย //ยืดหลังอาหารทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ภาพบรรยากาศแสนสุขก็กลับมาอีกครั้ง เด็ก ๆ ตักแกงกินกับข้าวคำโต ผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ นั่งปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร มีตรงไหนต้องปรับปรุง พอของคาวหมดก็ต่อด้วยเมนูผลไม้ล้างปาก เป็นส้มโอที่ถูกบิเนื้อออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลและน้ำปลา ได้รสชาติหวานเค็มตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของส้มโอเมื่อไม่เหลืออาหารให้จัดการอีก ตุ่น หงส์ และทีโอก็อาสานำภาชนะทุกชิ้นไปล้างโดยมีเด็กซน 3 คนออกตัวว่าอยากไปช่วยล้างด้วย ไม่รู้ว่าไปช่วยหรือไปป่วนกันแน่ฟากมังคุดก็นั่งเลียปากเลียมือ นอนตีพุงอย่างสุขใจ มันเพิ่งเคยกินอาหารที่ชายหนุ่มทำแบบเต็มที่ เครื่องแน่น ๆ เน้น ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกอร่อยมาก… อร่อยจนไ
อีกสาเหตุหนึ่งที่เฉินเฟิงเลือกเมนูนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนอยู่ในค่ายเขาได้ไปแลกบางสิ่งบางอย่างมาจากตลาดนัดในค่ายพันธมิตร ราคาของมันเรียกได้ว่าแพงหูฉี่ กระปุกหนึ่งราคา 8 แต้ม กว่าจะต่อรองมาได้ก็เปลืองน้ำลายไปเยอะ แต่พอแม่ค้าเห็นว่าโจเซฟยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มก็ลดราคาให้อย่างเร็วเหลือเพียง 6 แต้ม สมกับเป็นเทพเดินดินของคนในค่ายพันธมิตรจริง ๆซึ่งเจ้าสิ่งนั้นก็คือ… กะปิและน้ำมันพืชนั่นเอง!ผู้คนส่วนมากในค่ายไม่นิยมทำอาหารกินเองเพราะใช้แต้มคะแนนไปแลกอาหารที่โรงอาหารได้หลากหลายกว่าเฉินเฟิงแทบจะใช้แต้มคะแนนที่มีทั้งหมดแลกมันมาให้ได้มากที่สุด มีน้ำปลากับซีอิ๊วหวานอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย พอเห็นว่าตรงไหนมีวางขายก็อยากจะซื้อมาให้หมดเชฟใหญ่ประจำบ้านตระเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร มองข้าวของบนโต๊ะที่มีครบอย่างที่อาหารจานหนึ่งควรจะเป็นด้วยสีหน้าอิ่มเอิบอา… มีเครื่องปรุงพร้อมนี่มันสวรรค์ชัด ๆอิ่มเอมกับบรรยากาศเครื่องปรุงและวัตถุดิบรอบตัวเรียบร้อยแล้วก็เริ่มจากทำเครื่องแกงก่อนเป็นอันดับแรก โดยคนที่รับหน้าที่นี้คือเฉินเฟิง ส่วนสองสาวจะนั่งฉีกใบชะมวงและหั่นเนื้อตะโขงแดดเดียว ก่อนจะนำไปล้างน้ำเพื่อล้างความเค็ม