“มาครับ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปพบคุณแม่” หัวหน้าโจรปลดเสื้อเกราะกันกระสุนของตน แม้จะเป็นเสื้อกันกระสุนบีบีกันแต่เขาก็รักและหวงแหนมันมากเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาหยิบติดมือมาด้วยในขณะที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ในสนามบีบีกัน“นายเรียกเธอว่าแม่ นายเคยอยู่ที่นี่เหรอ” ทำไมเขาไม่เคยเห็น“ครับ ผมเคยอยู่ที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อน”“หมายความว่าตอนนี้นายอายุ 21 ปี?”“ครับ? ทำไมคุณถึงรู้ล่ะ”“...” โจเซฟพูดไม่ออก หมอนี่มีใบหน้าที่ไปไกลกว่าอายุมากเลยทีเดียว ทำเอาเขานึกว่าเป็นรุ่นเดียวกัน พอได้ยินว่าเพิ่งพ้น 20 หมาด ๆ ก็ยากที่จะเชื่อ‘หนวดโค้งขนาดนั้นเป็นใครก็นึกว่าอยู่มาครึ่งชีวิต’ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามของหัวหน้าโจรหรืออดีตเด็กในบ้านครูเมตตา แต่เลือกที่จะเดินนำไปยังห้องผู้อำนวยการอย่างคุ้นเคย“คุณเคยมาที่นี่เหรอ” มาถึงตรงนี้หัวหน้าโจรเองก็เริ่มเอะใจ ชายหนุ่มสามารถเดินนำตนได้ราวกับว่าเคยมา “หรือว่าคุณก็เคยมามอบทุนให้เด็กที่นี่”“ก็เคย” หลังจากที่ทำงานได้ 3 ปี เขามีกลับมามอบทุนการศึกษาให้กับพี่น้องบ้าง แต่พอเลือกเป็นทหารรับจ้างและออกไปรับภารกิจต่างประเทศก็แทบไม่ได้กลับมาอีกเลย“โอ๊ะ เจอพอดีเลย คุณแม่!” ชายหนวดโค้ง
“เรื่องนั้นมันก็… เอ่อ นานแล้ว คือ… เลิกพูดถึงจะดีกว่าไหม” โจเซฟเหงื่อตก ไม่คิดว่าคุณแม่จะยังจำเงามืดในวัยเด็กของเขาได้“แค่แม่เห็นหน้าเรา เรื่องเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมาให้เห็นทุกที” หญิงชรายิ้มเอ็นดู เด็กคนนี้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าถูกพูดเรื่องน่าอายให้ฟังก็จะพูดตะกุกตะกัก เป็นนิสัยติดตัวที่แก้ไม่หาย“หัวหน้ากลัวหนอนเหรอคะ” หงส์แกล้งถามด้วยสาตายล้อเลียนและไม่ลืมแปลประโยคของครูเมตตาให้เพื่อนร่วมทีมอย่างนิโคลัสได้รับรู้ด้วย“ก็นั่นมันตอนเด็ก!” โจเซฟแย้งเสียงแข็ง “ตอนนี้ไม่กลัวแล้วเถอะ!”ครูเมตตายิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนตรงหน้ามีเพื่อนที่ไว้ใจได้คอยให้ความช่วยเหลือ ว่ากันตามจริงเธอจำเด็กแสบประจำบ้านได้แทบทุกคน เพราะเป็นกลุ่มเด็กที่เธอต้องคอยวิ่งไล่กวดมาอบรมสั่งสอน เด็กบางคนถึงกับเรียกเธอลับหลังว่าแม่ยักษ์ด้วยซ้ำ และก็จะได้เด็กชายโจเซฟตีเสียน่วมให้ถอนคำพูด ส่วนเธอก็ต้องมาทำโทษโจเซฟอีกต่อหนึ่งเพราะเพื่อนมาฟ้องว่าโดนอีกฝ่ายรังแกส่วนเด็กที่ว่าลับหลัง เธอไม่ได้ทำโทษเพราะเห็นว่าที่เด็กพูดแบบนั้นก็เพราะว่าเธอทำให้เขาเจ็บ ดังนั้นเธอจึงทำหน้าเศร้าพลางบอกว่าการที่เขาพูดแบบนั้นทำให้เธอเสียใจมาก
ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็จะพบว่าตนเองสามารถใช้พลังได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น หรือใช้ไปพร้อมกับทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ แต่การฝืนใช้พลังในช่วงแรกจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงหนักกว่าเก่า จากที่เคยแข็งแรงก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ จนกระทั่งวิทย์พากลุ่มเพื่อนของตนมาที่นี่และออกไปหาอาหารเพื่อนำมาให้เด็ก ๆ ได้กิน เธอจึงค่อยวางใจใช้พลังน้อยลงตามไปด้วย“คุณแม่ครับ” ทั้งโจเซฟและวิทย์ต่างก็คว้ามือเย็นเฉียบของหญิงชรามากุมไว้“แม่ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ” เมตตายิ้มทั้งน้ำตาคลอ “ตอนนี้มีเด็ก ๆ อยู่ที่นี่ 23 คน” หันไปตอบคำถามของหงส์“มีใครกลายพันธุ์บ้างไหมครับ แบบหมอนี่” โจเซฟชี้มาทางนิโคลัส“ไม่มีนะจ๊ะ แต่มีเด็ก 2 คนที่มีพลังพิเศษ”“เป็นพลังอะไรเหรอครับ” เฉินเฟิงถามด้วยความอยากรู้ ในหมู่บ้านเขาไม่มีเด็กสักคนที่สามารถปลุกพลังได้เลย ยกเว้นสามแสบที่กินคริสตัลซอมบี้เข้าไป“ดินกับลมจ้ะ” เมตตาตอบ“ถือว่าเป็นพลังที่มีประโยชน์มากเลยนะคะ” หงส์ให้ความเห็น แต่มีประโยชน์ในแง่การต่อสู้น่ะนะ“จริงสิ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว พวกคุณกินข้าวกันมาหรือยัง” วิทย์เอ่ยขัดจังหวะ แต่ดูก็รู้ว่าชายหนุ่มเลี่ยงที่จะให้พวกเขาสอบถามถึงเด็กที่มีพลังพิ
ก่อนหน้าที่นิโคลัสจะมา เฉินเฟิงได้สำรวจด้านหลังห้องครัวมาแล้ว มีแปลงผักที่คุณแม่เมตตาและเด็ก ๆ ได้ลงมือขุดปลูกอยู่พอสมควร จึงคิดจะใช้ประโยชน์จากดินเหล่านี้ปลูกผักตระกูลหัวที่เหลืออยู่แล้วนำมาทำอาหารเจ้ากระต่ายนำหัวผักที่ถูกหั่นไปก่อนหน้านี้ฝังไว้ในดิน ปักเรียงไปทีละหัวจนครบ จากนั้นก็ใช้พลังเร่งให้มันเติบโต ผลผลิตที่ได้จากพลังนั้นทั้งอวบและใหญ่ หัวเดียวกินได้เกือบ 5 คนทำซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดก็ได้หัวไชเท้ากับแครอทอย่างละ 10 หัว และมันฝรั่งอีกเกือบ 30 หัว“ใช้พลังเยอะเกินไปแล้ว” นิโคลัสเห็นเจ้ากระต่ายเดินโซเซเข้ามาในครัวก็รีบประคองให้มานั่งตรงเก้าอี้ก่อน ละสายตาไปแป๊บเดียวก็ทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อย“เพลินไปหน่อยน่ะครับ” เฉินเฟิงไม่ได้แก้ตัว แต่เขาแค่คิดว่าถ้าปลูกน้อยกว่านี้จะทำให้ไม่พอต่อกระเพาะของคนหมู่มาก ในเมื่อจะทำก็ต้องอิ่มหมีพีมันกันไปเลย เพราะสำหรับเชฟอย่างพวกเขาแล้ว ถ้าลูกค้าออกจากร้านไปแบบท้องหิวนั่นถือว่าทำให้ร้านเสียหน้า“นั่งพักไปก่อน จะให้ผมช่วยอะไรไหม” เห็นกองผักที่อีกฝ่ายหิ้วมานั้นมีจำนวนมากกว่าที่เขาคิดไว้“คงต้องล้างน้ำแล้วก็ปอกเปลือกก่อนครับ”“นั่งพักไปก่อน เดี๋ยวผมทำเอ
ผ่านไปตามเวลาที่เจ้ากระต่ายบอก ในที่สุดคุณหมอหมีก็สามารถหยุดการใช้ไฟกับหม้อต้มมันฝรั่งได้เมื่อคุณผู้ช่วยเชฟย้ำว่าพวกมันนิ่มดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องต้มต่อ แต่ยังเหลือหม้อจับฉ่ายที่ยังต้องใช้ไฟต่อไปอีก 15-20 นาทีเฉินเฟิงเทน้ำออกจากหม้อ ใช้กระบวยช่วยบดมันฝรั่งจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เสียดายที่ไม่มีหมูบดต้มใส่ลงไปด้วย คงจะอร่อยมากกว่านี้แน่ มันบดถูกปล่อยพักไว้ให้เย็น หันไปเปิดฝาดูหม้อจับฉ่าย ดูจากสีและกลิ่นก็ถือใช้ได้แล้ว ผักเปื่อยกำลังน่าอร่อย“พอแล้วล่ะครับ”ราวกับได้รับการปลดปล่อย นิโคลัสทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างไม่เหลือมาดไม่ไหวแล้ว… วันนี้ใช้พลังไปเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้วจริง ๆ ขืนใช้ต่อมีหวังหมดสติหลับไม่ตื่นไปเป็นวันแน่ ๆและถ้าเขาหลับก็จะอดกินอาหารของเจ้ากระต่าย… ใครจะยอม!!ผักต้มในหม้อดูน่ากินขนาดนี้ เขาจะพลาดได้ยังไง…เฉินเฟิงปล่อยให้คุณหมอหมีนอนพัก โดยที่ตัวเองเดินไปล้างมือก่อนทำอาหารเมนูถัดไป โลกยิ่งอยู่ยากเราก็ต้องยิ่งรักษาความสะอาดไม่ให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนระหว่างนั่งปั้นมันฝรั่งให้เป็นก้อนกลม ๆ แล้วค่อยกดให้แบน เจ้ากระต่ายก็มานั่งวิเคราะห์ตนเอง ดูเหมือนว่ายิ่งเขาใช้พลังติดต่อก
“เป็นไงครับ” คนทำอาหารลุ้นจนตัวโก่ง ทุกวันนี้เวลาทำอาหารเฉินเฟิงมักไม่มั่นใจในรสชาติเลยสักครั้ง นั่นเพราะวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างก็ต้องใช้ทดแทนในส่วนที่ขาด บางครั้งก็ต้องมิกซ์ส่วนผสมขึ้นมาใหม่ บางอย่างก็ดี... แต่บางทีก็แย่“ถ้าเอาไปคลุกแป้งทอดน่าจะเหมือนอาหารญี่ปุ่นเลย แต่แบบนี้ก็อร่อยดี” ทั้งเค็ม มัน แล้วก็หวาน ขาดแค่เนื้อหมูและแครอทที่เป็นส่วนผสม“ใช่ไหมครับ ผมเองก็คิดว่ารสชาติคล้ายกัน” ค่อยโล่งใจหน่อย ถึงนิโคลัสจะบอกว่าอร่อย แต่สำหรับเฉินเฟิงตีความหมายว่ามันกินได้ ไม่ได้รสแย่มาก“งั้นเราไปเรียกคนมาช่วยยกเลยดีไหมครับ” เจ้ากระต่ายเสนอ ของกินเยอะขนาดนี้ให้ถือไปสองคนน่าจะงานหนักอยู่ ทั้งหม้อต้มจับฉ่ายกับถาดใส่มันจี่อีก“เดี๋ยวไปตามให้” นิโคลัสยันตัวลุกขึ้นจากพื้น แต่กลับถูกเฉินเฟิงยกเก้าอี้มาวางไว้ด้านหลัง พร้อมกับยันไหล่ของชายหนุ่มให้นั่งลงไป“ผมจะไปตามเองครับ ส่วนคุณนิคช่วยเฝ้าอาหารไว้ให้ก็พอ”“แต่…”“คุณใช้พลังไปเยอะแล้ว นั่งพักดีกว่า”“นายก็ใช้” นิโคลัสพยายามแย้ง“เอาเป็นว่าผมอยากไปเดินเล่น คุณช่วยเฝ้าไว้ให้ด้วยนะครับ” เจ้ากระต่ายไม่ฟัง ยืนยันว่าชายหนุ่มจะต้องนั่งพัก จากนั้นก็วิ่
มื้ออาหารกลางวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อทุกคนได้ลิ้มรสชาติต้มจับฉ่ายแสนอร่อยก็ไม่มีใครกล้าตักกินอย่างรวดเร็วเพราะความหิวโหยเลยไม่ว่าจะเป็นหัวไชเท้าอ่อนนุ่มที่ถูกต้มจนเปื่อยกำลังดี เวลาตักเข้าปากแทบละลายหายไปในทันที ความหวานจากน้ำซุปผักแทรกซึมอยู่ทุกอณูจนแทบอยากจะเคี้ยวแล้วกลืนลิ้นลงไปพร้อมกันกี่เดือนแล้วนะที่ไม่ได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้ แม้ในชามไม่มีเนื้อสักชิ้นแต่กระเพาะก็รู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม อีกทั้งยังมีมันจี่เนื้อเนียนละเอียดชิ้นใหญ่ พวกเขาได้รับมันถึงคนละ 2 ชิ้น แม้ผิวสัมผัสด้านนอกจะให้ความรู้สึกแปลกเพราะไม่เคยกินมันฝรั่งย่าง แต่พอกัดเข้าไปถึงเนื้อด้านในนั้นแทบไม่ต่างจากมันบดในร้านสเต๊กชื่อดังที่เคยกินเลยสักนิด“อร่อยมาก” ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน“อร่อยก็กินให้หมดนะครับ” เฉินเฟิงแสร้งดุเพราะเขาเพิ่งคิดได้ว่าหงส์ตักให้พวกเขาเยอะเกินไปหรือเปล่า ถึงจะพอดีกับจำนวนคน แต่ถ้าหากพวกเขากินไม่หมดก็คงน่าเสียดายหากต้องทิ้ง“แทบจะเลียจานแล้วครับ” ต่างจากกลุ่มเด็ก วิทย์และเพื่อนตักกินคำใหญ่ทำให้ทั้งมันจี่และต้มจับฉ่ายหมดภายในเวลาไม่นาน“ในครัวเหลือเสบียงเยอะไหม” โจเซฟกระซิบถามเจ้า
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็เลี่ยงไปหาที่อื่นเถอะ” ถึงจะอยากไปหาของในห้างสรรพสินค้า แต่ถ้ามีคนตั้งกลุ่มเก็บค่าผ่านทาง แสดงว่าด้านในก็คงไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวมากนัก“เส้นทางนอกเมืองที่พวกเราผ่านมาละครับ” เฉินเฟิงกระซิบถามเสียงเบา ยังมีตู้รถคอนเทนเนอร์อีกหลายคันที่ถูกทิ้งร้างไว้ บางคันก็พลิกคว่ำตามไหล่ทาง“แต่นั้นเท่ากับว่าพวกเราต้องขับย้อนกลับไปนะ” หงส์ไม่เห็นด้วย จากถนนเส้นนั้นมาถึงตรงนี้ไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆนิโคลัสได้แต่ฟังและเก็บมาคิด เขามีความรู้เรื่องเส้นทางนอกเมืองน้อย แต่ถ้าเป็นไอเดียละก็มีอยู่…“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่เคลียร์ทางให้ที่นี่ไปเชื่อมต่อกับหมู่บ้านล่ะ”“จริงด้วย!” โจเซฟดีดนิ้วเสียงดังถ้าคุณแม่ของเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในค่ายพันธมิตร ทำไมเขาไม่หาทางลำเลียงทรัพยากรที่มีอยู่แค่ที่นี่ไปแลกกับธัญพืชหรืออาหารในหมู่บ้านของเฉินเฟิงแทนล่ะสิ่งที่หมู่บ้านไม่ขาดคืออาหาร และสิ่งที่นี่ไม่ขาดก็คือร้านขายของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันและห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ต้องมีสักอย่างสองอย่างที่ชาวบ้านอยากแลกเปลี่ยนแน่นอน“นั่นก็เป็นการย้อนกลับไปเส้นทางเดิมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” หงส์เอียงคองง เธอเพิ่ง
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน