Share

บทที่ 10

Author: ปลาทองหางเดียว
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวบนร่างของโจวเฉาหลี่ทำให้จือจือตัวหดลง เธอเม้มปากเล็ก ๆ แล้วเปลี่ยนคำพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ขอบคุณค่ะคุณอา...”

ขอบตาของเธอร้อนผ่าว รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก

แต่เธอก็กัดริมฝีปาก ดื้อรั้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา

เธอยังนึกว่า... พ่อจะยอมรับเธอแล้วเสียอีก

ชิงอี้ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนที่จือจือล้มไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเธอ เธออยากจะเข้าไปรับในทันที แต่ระยะทางมันไกลเกินไป

โชคดีที่ลูกสาวไม่เป็นอะไร

เธอรับจือจือมาจากอ้อมแขนของโจวเฉาหลี่ แล้วปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตกใจใช่ไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

จือจือส่ายหน้าเงียบ ๆ

แค่เพียงเอ่ยปาก เธอก็รู้สึกว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมาแล้ว

หนานหนานยืนมองอยู่ข้าง ๆ ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

เมื่อก่อนแม่ก็เคยกอดเขาแบบนี้ ทั้งยังอ่อนโยนมากด้วย

แม่ไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว และก็ไม่ได้กอดเขามานานมากแล้วเช่นกัน

ลึก ๆ ในใจเขาก็แอบคิดถึงแม่

อีกอย่างเมื่อกี้แม่บอกว่าเขาไม่มีแม่ เขาก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย

แต่พอคิดดูอีกที แค่ไม่มีแม่ ก็ยังมีคุณน้าหนิงถังอยู่เป็นเพื่อน พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าไม่ขาดทุน

ยังไงซะแม่ก็ไม่มีทางทิ้งเขาไปจริง ๆ คำพูดเมื่อกี้ต้องเป็นแค่คำพูดประชดประชันแน่ ๆ

ชิงอี้เมินโจวเฉาหลี่โดยสิ้นเชิง ไม่แม้แต่จะชายตามอง เธออุ้มจือจือแล้วเดินจากไป

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของชิงอี้ในอดีต กับความเย็นชาในตอนนี้ เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกตัว

ไม่รู้ว่ากำลังงอนอะไร

“ขนาดเด็กยังรู้จักขอบคุณ แล้วคุณไม่รู้จักหรือไง?”

ฝีเท้าของชิงอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอหันกลับมาหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “สิ่งที่คุณติดค้างเธอ ไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง?”

สิ้นเสียง เธอก็ไม่สนใจว่าโจวเฉาหลี่จะทำสีหน้าอย่างไร เธออุ้มจือจือแล้วจากไปทันที

คำพูดนี้ ช่างไร้เหตุผลและน่าประหลาดใจอย่างที่สุด

โจวเฉาหลี่ขมวดคิ้วมุ่น ทั่วทั้งร่างแผ่ไอเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

ถ้าหากเขาดูไม่ผิด สายตาที่ชิงอี้มองมาที่เขา แฝงไปด้วยความเกลียดชังเหรอ?

เฉินเซิ่งหัวเราะเยาะ “นี่ใช่ชิงอี้คนที่คอยเอาแต่ตามตื๊อที่ฉันรู้จักเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เย็นชากับนายขนาดนี้ หรือว่าเปลี่ยนแผนใหม่ เป็นอยากจะจับ เลยแกล้งปล่อยไปก่อนหรือเปล่า?”

ปลายคิ้วของโจวเฉาหลี่กระตุกเล็กน้อย

ความสนใจของเขาสะดุดอยู่กับเพียงคำว่า ‘อยากจะจับ เลยแกล้งปล่อยไปก่อน’

บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

แบบนี้ก็พอจะอธิบายได้

หลังจากงานนิทรรศการป้องกันประเทศสิ้นสุดลง

ขณะที่ชิงอี้กำลังพาจือจือไปทานข้าวกับอาจารย์ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากฟู่หว่าน พอรับสาย ปลายทางก็พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดทันที “เสี่ยวชิง! เธอเห็นประเด็นร้อนบนเฟซบุ๊กหรือยัง?!”

เธอและฟู่หว่านเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้ยินน้ำเสียงโกรธเคืองของเพื่อน ชิงอี้ก็ยิ้มออกมา “ประเด็นร้อน? หรือว่าศิลปินคนโปรดคนไหนของเธอมีเรื่องอื้อฉาวอีกแล้วล่ะ?”

“เธอยังมีอารมณ์มาล้อฉันเล่นอีกเหรอ ประธานโจวของเธอน่ะ นอกใจแล้ว!” ฟู่หว่านกัดฟันพูด “ตอนนี้เธออยู่ไหน? ฉันจะรีบไปหาแล้วบุกไปสับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นด้วยกัน!”

ชิงอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหยิบมือถือขึ้นมากดดู ประเด็นร้อนเกี่ยวกับงานนิทรรศการป้องกันประเทศกำลังครองเต็มหน้าฟีด

ผู้คนทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าประเทศชาติมีความเข้มแข็งขึ้น และภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

เพียงแต่ในบรรดาประเด็นร้อนเหล่านั้น มีหัวข้อหนึ่งแทรกอยู่

#ประธานโจวและครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกชมงานนิทรรศการป้องกันประเทศอย่างชื่นมื่น#

เมื่อมองตัวอักษรประโยคนี้ ชิงอี้ก็รู้สึกว่ามันช่างบาดตาเหลือเกิน

ในภาพคือโจวเฉาหลี่ หร่วนหนิงถัง และหนานหนานที่อยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม ดูแล้วเป็นครอบครัวที่มีความสุขจริง ๆ

เมื่อได้ย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นไม่ได้เรียบง่ายแค่เพื่อน แต่การได้มาเห็นหัวข้อข่าวร้อนแรงแบบนี้กับตาตัวเอง ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี

มันทำให้เธอดูเหมือนตัวตลกที่ช่วยพวกเขาเลี้ยงลูกอย่างขยันขันแข็งมาตลอดห้าปี

น่าขำสิ้นดีที่เธอเลี้ยงดูหนานหนานเหมือนลูกแท้ ๆ แต่พอแม่ผู้ให้กำเนิดของเด็กกลับมา หนานหนานกลับรู้สึกว่าหร่วนหนิงถังดีที่สุด

ถ้าไม่ใช่เพราะหร่วนหนิงถังกลับมา และเธอได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามาตลอด เธอก็คงไม่รู้เลยว่าหนานหนานจะเกลียด ‘แม่’ อย่างเธอได้มากขนาดนั้น

มิน่าล่ะ ในชาติที่แล้วช่วงเวลานี้ หนานหนานถึงได้เย็นชาและโมโหใส่เธอบ่อย ๆ

ความรักความผูกพันห้าปีที่เธอมีต่อหนานหนาน เหมือนเสียไปให้หมากิน

ชิงอี้ออกจากหน้าจอนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันเห็นพวกเขาที่งานนิทรรศการแล้ว”

“แล้วเธอยังใจเย็นขนาดนี้นี่นะ?” ฟู่หว่านพูด “อย่าบอกนะว่าเธอโกรธจนสติแตกไปแล้ว?”

“หว่านหว่าน” ชิงอี้เอ่ยขึ้น “ฉันจะหย่ากับเขาแล้ว”

“หย่า?” ฟู่หว่านอึ้งไปครู่หนึ่ง

เธอไม่คิดว่าชิงอี้จะตัดสินใจแบบนี้

มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าชิงอี้รักโจวเฉาหลี่มากขนาดไหน

การที่ทำให้ชิงอี้ตัดสินใจหย่าอย่างกะทันหันได้ คงมีเพียงเหตุผลเดียวคือเธอต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

“เขารังแกเธอเหรอ?” น้ำเสียงของฟู่หว่านจริงจังขึ้น “ถ้าเขารังแกเธอ ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เรื่องจบง่าย ๆ แค่การหย่าหรอก!”

ชิงอี้ก้มหน้าลง เธอรู้ว่าฟู่หว่านเป็นห่วงเธอจากใจจริง

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เปล่าหรอก ฉันแค่คิดได้แล้วน่ะ”

ฟู่หว่านได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ยังคงไม่วางใจ “จริง ๆ นะ? ถ้าเธอมีเรื่องอะไร ต้องบอกฉันนะ”

“วางใจเถอะน่า ถ้าฉันมีเรื่องอะไร จะไม่ลืมมาลากเธอลงน้ำไปด้วยแน่นอน”

“เธอควรจะหย่ากับเขาตั้งนานแล้ว ในที่สุดก็คิดได้สักที”

ฟู่หว่านบ่นไม่หยุดอยู่ปลายสาย

ชิงอี้ฟังเสียงบ่นพึมพำของเธอ ริมฝีปากก็ประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

เธอจูงมือลูกสาว เดินอยู่ใต้ฟ้าครามและเมฆขาว ในโทรศัพท์มีเสียงบ่นของเพื่อนสนิทดังอยู่

ที่แท้ ความสุขก็เป็นเรื่องง่าย ๆ แบบนี้เอง

แต่ในชาติที่แล้ว ความสนใจทั้งหมดของเธอกลับอยู่ที่โจวเฉาหลี่เพียงคนเดียว จนทำให้เธอละเลยสิ่งดี ๆ มากมายรอบตัวไป

หลังจากวางสายจากฟู่หว่าน ชิงอี้ก็เดินทางมาถึงสถานที่ที่นัดไว้กับลู่จินอัน

พวกเขาจองห้องส่วนตัวไว้ห้องหนึ่ง

ชิงอี้มาถึงห้องส่วนตัวก่อนเวลานัดเพื่อรออยู่ก่อนแล้ว

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะอีกเดี๋ยวจะเผชิญหน้ากับอาจารย์ยังไงดี ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก

อาจารย์เฮ่อและลู่จินอันเดินเข้ามาด้วยกัน

ชิงอี้จูงจือจือแล้วลุกขึ้นยืน “อาจารย์เฮ่อ”

ไม่ได้พบอาจารย์มานาน อาจารย์ดูแก่ลงไปมาก ผมข้างขมับขาวโพลนไปหมดแล้ว

อาจารย์เฮ่อไม่ได้ตอบกลับ

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบ ก็คงต้องเป็นแบบนี้

เธอสูญเสียคุณสมบัติที่จะเรียกเขาว่าอาจารย์ไปนานแล้ว

คุณสมบัตินั้น เป็นเธอเองที่ตัดสินใจทิ้งมันไปอย่างไม่ลังเลด้วยมือของเธอเอง

ชิงอี้เม้มริมฝีปาก หันไปมองจือจือ “ทักทายคุณปู่เฮ่อสิลูก”

จือจือพูดอย่างว่าง่ายและมีมารยาท “สวัสดีค่ะคุณปู่เฮ่อ”

น้ำเสียงของเด็กหญิงนั้นนุ่มนวลน่าเอ็นดู ดวงตากลมโตคู่สวยก็หยีลงเป็นรอยยิ้ม

เมื่ออาจารย์เฮ่อเห็นเด็กหญิงที่ดูนุ่มนิ่มน่ารัก ใบหน้าที่เคร่งขรึมก็พลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที เขาลูบศีรษะของจือจือ แล้วหันไปมองชิงอี้ “ลูกสาวของเธอก็ว่าง่ายดีนะ”

จือจือได้รับยีนเด่นของโจวเฉาหลี่และชิงอี้มาเต็ม ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอดูงดงามเป็นพิเศษ สวยราวกับตุ๊กตา

ลู่จินอันเอ่ยขึ้น “อาจารย์ครับ อย่ามัวแต่ยืนอยู่เลย นั่งลงทานข้าวกันเถอะครับ”

มื้ออาหารนี้ ถ้าหากไม่มีลู่จินอันคอยช่วยสร้างบรรยากาศ ชิงอี้ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะเผชิญหน้ากับอาจารย์เฮ่ออย่างไร

ในตอนนี้ การที่อาจารย์เฮ่อเต็มใจให้เกียรติมาร่วมโต๊ะทานอาหารกับลูกศิษย์ ‘ที่เนรคุณ’ เช่นเธอ ก็ถือเป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว

เธอยังเคยคิดว่าชาตินี้อาจารย์เฮ่อคงจะไม่ยอมพบหน้าเธออีกแล้ว

“เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ตอนนั้นศิษย์น้องยังเป็นแค่เด็กสาวที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ทะเลาะแย่งของกินกับผมทุกวัน เผลอแป๊บเดียวลูกสาวของศิษย์น้องก็โตขนาดนี้แล้ว”

ลู่จินอันหวนนึกถึงอดีต เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ก็ได้แต่รู้สึกว่าการที่ชิงอี้ล้มเลิกความตั้งใจไปในตอนนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ

อาจารย์เฮ่อมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาแค่นเสียงเย็นชา “ใช่ เพื่อผู้ชาย ก็ยอมทิ้งได้ทุกอย่าง”

เพราะยังมีจือจืออยู่ด้วย อาจารย์เฮ่อจึงไม่ได้พูดอะไรที่รุนแรงเกินไป เกรงว่าเด็กได้ยินแล้วจะไม่ดี

ชิงอี้หันไปมองลูกสาว “จือจือ ไปเรียกพนักงานให้ชงชาเถี่ยกวนอินมาให้คุณปู่เฮ่อกับลุงลู่หนึ่งกาหน่อยสิ แล้วลูกอยากดื่มน้ำอะไรก็ไปหยิบเองเลยนะ”

“ค่ะ” จือจือรับคำอย่างว่าง่าย แล้วกระโดดโลดเต้นออกจากห้องไป

หลังจากจือจือออกไปแล้ว

อาจารย์เฮ่อมองชิงอี้ “ได้ยินจินอันบอกว่า เธอกำลังจะหย่า แล้วก็อยากจะหางานในสายงานเดิมด้วยใช่ไหม?”

“ค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “แต่ตอนนั้นฉันทิ้งการเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกไป ตอนนี้จะหางานก็เลยลำบากหน่อยค่ะ”

เธอพบว่าในสังคมปัจจุบัน วุฒิการศึกษาคือใบเบิกทาง แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ทำงานที่โจวกรุ๊ป แต่ที่อื่นก็ไม่ยอมรับ

“เรซูเม่ของเธอที่ส่งเข้ามา ฉันดูแล้ว ไม่ตรงตามเกณฑ์การรับสมัครของสถาบันเรา”

การที่อาจารย์เฮ่อปฏิเสธเธอ ชิงอี้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ และเธอก็ไม่มีหน้าไปขอร้องให้อาจารย์เฮ่อยกโทษให้เธอเช่นกัน

ลู่จินอันเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดี จึงรีบพูดแก้สถานการณ์ “เอาละครับ พวกอาจารย์ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อย่าคุยเรื่องเครียด ๆ เลย ทานข้าวก่อนดีกว่าครับ”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่จือจือบอกให้พนักงานชงชาแล้ว เธอก็ยืนเลือกเครื่องดื่มอยู่หน้าตู้แช่

บังเอิญว่ากลุ่มของโจวเฉาหลี่ที่เพิ่งเข้ามาก็มาเจอเธอพอดี

เฉินเซิ่งเห็นจือจือเข้า ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะ “อย่างกับวิญญาณตามติดไม่เลิก ขนาดมากินข้าวยังตามมาด้วย จะสร้างสถานการณ์ให้เจอกันโดยบังเอิญก็ไม่ใช่แบบนี้นะ ความคิดของชิงอี้นี่แทบจะเขียนไว้บนหน้าอยู่แล้ว”

จือจือเห็นเครื่องดื่มขวดหนึ่งเหลืออยู่แค่ขวดเดียว ต้องอร่อยแน่ ๆ เธอจึงเปิดประตูตู้แล้วเตรียมจะหยิบ

ไม่คิดว่าจะมีมือหนึ่งเร็วกว่าเธอไปก้าวหนึ่ง “ดีเลย! ฉันชอบดื่มอันนี้ที่สุด!”

หนานหนานถือขวดนั้นแล้วพูดเยาะเย้ยจือจือ “ขอบคุณที่ช่วยเปิดประตูตู้ให้ฉันนะ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 64

    ชิงอี้คุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ดีเป็นหัวหน้าผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ชื่อหลีหนานคนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาชิงอี้ขมวดคิ้ว มองไปยังทิศทางหนึ่งรถมายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักบริเวณประตูโรงเรียนอนุบาลไฮโซ ในบรรดารถหรูมากมาย รถของโจวเฉาหลี่ถือว่าไม่โดดเด่นมากนักความตั้งใจที่โจวเฉาหลี่มาเชิญตัวเธอไปนั้น เธอก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ อยู่นอกจากเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หร่วนหนิงถังแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาลงแรงถึงขนาดนี้ชิงอี้ไม่คิดสนใจทว่าหลีหนานยังคงยืนตระหง่านขวางเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปจือจือขมวดคิ้วมุ่น มองหลีหนาน ความระอาผุดอยู่ในดวงตาชิงอี้สีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน “นี่คุณคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย บังคับจับตัวพวกเราขึ้นรถสินะ?”หลีหนานสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ไม่กล้าครับ แค่จะเชิญคุณนายขึ้นรถเฉย ๆ ”“ประธานโจวบอกว่า ประธานรู้ว่าของที่คุณนายต้องการอยู่ที่ไหนครับ”......หนึ่งนาทีต่อมาชิงอี้เตรียมจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหลีหนานตรงเข้าไปขวาง แล้วเป

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 63

    “เธอ... จบแค่ปริญญาตรีจริง ๆ เหรอ?” เฉิงจิ้งขมวดคิ้วแน่น “อย่าบอกนะว่าปลอมประวัติการศึกษามา”ชิงอี้ปล่อยเมาส์ในมือ เธอยืดตัวตรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจบปริญญาตรีจริง ๆ”บรรดาคนในห้องประชุมต่างมองหน้ากันและกันจะเป็นไปได้ยังไง?เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งถึงกับล้มนักศึกษาดีเด่นอย่างพวกเขาทุกคนได้ในพริบตาถึงกับคว่ำประธานลู่ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ จะดีร้ายอย่างไรประธานลู่ก็เป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์เฮ่อ เป็นนักเทคนิคคนสำคัญของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่งหวังสี่ตกตะลึง “เสือซ่อนเล็บคนหนึ่งชัด ๆ ”เธอมองเฉิงจิ้ง “ตอนนี้เธอน่าจะยอมรับได้แล้วใช่ไหม? ควรจะขอโทษเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราด้วยสักหน่อยนะ?” เฉิงจิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ด้วยมีความสามารถอยู่กับตัวจริง ๆ เธอกระวนกระวายเรื่องที่ลู่จินอันปฏิเสธหร่วนหนิงถัง แต่รับชิงอี้เข้ามาทำงานอยู่ตลอดทำให้ยิ่งไม่พอใจในตัวชิงอี้และตอนนี้ ความสามารถของชิงอี้ก็สูงกว่าหร่วนหนิงถังลิบลับเธอยอมรับว่าครั้งนี้เธอสะเพร่าไปสักหน่อยมันมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านล้านเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เรื่องที่เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งคว่ำพวกเธอทุกคนได

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 62

    เดิมทีเฉิงจิ้งนั้นไม่พอใจเธออยู่แล้วยิ่งตอนนี้มีมูลเหตุ ก็ยิ่งกัดไม่ปล่อย“ในเมื่อที่บ้านมีเรื่อง ก็จัดการให้เสร็จก่อนค่อยมา ไม่ต้องมาทำตัวขายหน้า เป็นตัวถ่วงอยู่ที่นี่”ตอนนี้เองที่หวังสี่ผู้เป็นสมาชิกทีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยปาก “พอแล้ว พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไปประชุมที่ห้องประชุมได้แล้ว”ในเมื่อเธอมาถึงบริษัทและเข้าทีมแล้ว จะบีบคั้นยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเธอเข้ามาทำงานแล้วไม่ได้ เฉิงจิ้งแค่นเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวเดินไปห้องประชุมหวังสี่ก้าวเข้าไปมองชิงอิง เห็นใจไม่น้อย เลยเอ่ยปลอบ “เฉิงจิ้งก็นิสัยแบบนี้แหละ เธอมีความสามารถยอดเยี่ยม เลยหยิ่งผยอง คิดว่าเธอใช้เส้นสาย ไว้เธอเผยความสามารถของตัวเองออกมาก็ใช้ได้แล้ว”“ขอแค่มีความสามารถ เฉิงจิ้งก็จะยอมรับเธอเอง”ชิงอี้ยิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หวังสี่เห็นเธอวางตัวดี ไม่วางท่าอย่างใช้เส้นเข้ามาเลยดังนั้นเลยพูดต่ออีกสักหน่อย “ถ้าเธอไม่โอเค ก็พยายามเงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องไปโผล่หน้าให้เฉิงจิ้งเห็นก็พอ เจ้าตัวน่ะขึ้นชื่อว่าชอบกลั่นแกล้งคนอื่น”......ชิงอี้เข้าไปห้องประชุม ตรงหน้าของทุก

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 61

    หลี่หว่านฮุ่ยทำอาหารอยู่ที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้ง“จือจือยังไม่ตื่นเหรอคะ?”หลี่หว่านฮุ่ยส่ายหน้า “ยังเลย”“นี่มือลูกเป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “ไม่ทันระวังเลยบาดเจ็บเข้าน่ะ”หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเธอแกะผ้ากันเปื้อน “แม่ไม่อยู่กินข้าวนะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แม่ต้องไปจัดการ”ชิงอี้ชะงัก มองสีหน้าของคนเป็นแม่ “ให้หนูช่วยอะไรไหม?”“ดูแลตัวเองให้ดี”พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไป ฝีเท้าก้าวฉับ ๆ ดูเหมือนกำลังรีบร้อนไม่เบาชิงอี้มองเงาหลังที่เดินจากไปของแม่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดแค่ว่าเป็นเพียงเรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเดิมทีบริษัทก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว การที่จะต้องยุ่งอยู่กับกิจการนับว่าเป็นเรื่องปกติบางทีเธออาจจะไม่ควรเอาแต่รบกวนให้แม่มาคอยดูแลจือจือ สังคมในทุกวันนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตเรียบง่ายเลยสักคนยิ่งกว่านั้นคือหลี่หว่านฮุ่ยก็ยังต้องถูกพ่อของเธอตามวอแว ถึงจะหย่าแล้วก็ยังมาวุ่นวาย ตัดไม่ขาด ยิ่งสนใจก็ยิ่งยุ่ง......เรือนหอโจวเ

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 60

    ชิงอี้มองดูข้อความที่อยู่บนมือถือ หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเขารักและทะนุถนอมหร่วนหนิงถังมากจริง ๆ กลัวว่าเธอจะน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงเล็กน้อยถ้าเขาไม่ส่งข้อความมา เธอคงลืมไปแล้วว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในรายชื่อของเธอชิงอี้ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ลบและบล็อกอย่างรวดเร็วในทันทีถึงแม้เขาจะไม่ยอมเซ็นหย่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอโทรศัพท์และข้อความจากเขา ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ให้รำคาญใจอีกแล้วถ้าไม่เห็น ก็ไม่รำคาญใจ......หลังจากส่งจือจือกลับแล้ว ชิงอี้ก็ไปพบกับทนายหนิงทนายหนิงเป็นทนายใหญ่ พื้นฐานแล้วไม่รับคดีแพ่งที่เป็นคดีหย่าร้างพวกนี้เนื่องจากลู่จินอันแนะนำ เขาจึงยินดีที่จะช่วยสถานที่นัดหมายของพวกเขาอยู่ที่คลับเฮาส์ตอนที่พวกชิงอี้ถึง ทนายหนิงมาถึงเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”เมื่อทนายหนิงเห็นชิงอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปที่เธอ “สวัสดีครับ ผมหนิงฉง”เขาท่าทางสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทหลังจากชิงอี้จับมือกับเขาแล้ว หนิงฉงก็เรียกให้เธอเข้าไปพูดคุยอย่างไม่อ้อมค้อมในทันทีหนิงฉงมีความสามารถเฉพาะทางสูงมาก เพียงสองสามประโยคก็สามา

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 59

    กระสุนลูกหนึ่งยิงมาที่ข้อมือของเธออย่างจัง ปวดแปลบเป็นระยะหน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ”จือจือน้ำตาพร่ามัว ร้อนรนจวนจะร้องไห้ออกมาเมื่อคุณครูเห็น ก็ตกใจจนหน้าซีด “นี่คุณบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ใหม่ของโจวอวิ๋นเยว่อีก เมื่อกี้ทำไมไม่พูดล่ะคะ? รีบไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”เมื่อเห็นมือมีเลือดไหลออกมามากมายขนาดนั้น ก็ตกใจอย่างมากเธอบาดเจ็บ ไม่สามารถขับรถได้ ทำได้เพียงเรียกแท็กซี่เท่านั้นจือจือตกใจจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ในใจเป็นห่วงแม่ ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก“โทรหนึ่งหกหกเก้าเถอะ คุณแม่…คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“ชิงอี้!”เสียงของลู่จินอันแว่วดังมาจากประตูใหญ่หลังจากที่ลู่จินอันได้รับข่าวว่าชิงอี้ขอลา ก็รู้สึกไม่วางใจ จึงตามมาที่นี่ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงจะมองเห็นฉากแบบนี้ตรงหน้า“มือของเธอเกิดอะไรขึ้น? ร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลู่จินอันขมวดคิ้วแน่น “ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อ”เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมาที่นี่ชิงอี้เป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่อง เธอไม่มีทางออกจากตำแหน่งที่ทำงานง่าย ๆ แน่สามารถทำให้เธอร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status