LOGINสองวันผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจของญาณิดากลับเต็มไปด้วยเรื่องราวในค่ำคืนนั้น ใบหน้าคมคายของธันวายังคงวนเวียนอยู่ในความคิด แม้เธอพยายามสลัดมันทิ้งไปและบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงวันไนท์สแตนด์ที่ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างในอกกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง
เช้าวันนี้ออฟฟิศเอสดับบลิวโฮมส์วุ่นวายเหมือนกับทุกวัน เสียงของพนักงานพี่พูดคุยดังมาเป็นระยะ แต่สมาธิของญาณิดาไม่ได้อยู่กับตัวเลยเธอกำลังสับสนกับเรื่องที่ผ่านมา
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นซึ่งเป็นสายจากภายในทำให้หญิงสาวรีบยกหูรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ” เธอรับสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดรีมเข้ามาหาที่ห้องหน่อยสิ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงของ สมเกียรติดังมาจากปลายสาย
“ได้ค่ะคุณสมเกียรติ ดรีมจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ญาณิดารีบวางสายและตรงไปยังห้องทำงานของคุณสมเกียรติทันที
“นั่งก่อนสิ” สมเกียรติผายมือไปยังเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะ ญาณิดานั่งลงอย่างเรียบร้อย
“ที่คุณสมเกียรติเรียกดรีมมามีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยความเกรงใจ
“ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ทางบริษัทใหญ่แจ้งมาว่าต้องการมัณฑนากรจากบริษัทเราไปช่วยงานออกแบบภายในโรงแรมแห่งใหม่ที่ประเทศเวียดนาม” คุณสมเกียรติพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ญาณิดาถึงกับตาโตด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับมัณฑนากรที่จะได้ไปทำงานในระดับนานาชาติ
“นี่เป็นโอกาสดีมากเลยนะคะ” ญาณิดาพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว และทางบริษัทใหญ่ก็อยากให้ดรีมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้”
คำพูดของคุณสมเกียรติทำให้ญาณิดาถึงกับนิ่งอึ้ง เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ การได้ไปทำงานออกแบบโรงแรมในต่างประเทศ ถือเป็นความฝันของมัณฑนากรหลายๆ คน และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ดรีมเหรอคะ” ญาณิดาถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ใช่แล้ว ทางบริษัทใหญ่พิจารณาจากผลงานและความสามารถของคุณแล้วเห็นว่าเหมาะสมที่สุด” คุณสมเกียรติยืนยัน
ญาณิดารู้สึกดีใจจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ นี่คือสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด การพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานชิ้นสำคัญ
“ขอบคุณมากนะคะคุณสมเกียรติ ดรีมจะตั้งใจทำงานนี้ให้ดีที่สุดค่ะ” ญาณิดาตอบรับด้วยความมุ่งมั่น
“ดีมาก รายละเอียดต่างๆ ทางบริษัทใหญ่จะส่งมาให้อีกที ส่วนเรื่องการเดินทางและที่พัก ทางบริษัทจะจัดการให้ทั้งหมด”
“ค่ะ” ญาณิดาตอบรับ เธอรู้สึกราวกับว่าเมฆหมอกแห่งความผิดหวังที่เคยปกคลุมใจได้จางหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความตื่นเต้นและความหวังในอนาคต
แต่แล้วประตูห้องผู้จัดการก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง โดยไม่ต้องมีการเคาะใดๆ ศิวกร ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าบึ้งตึงบอกถึงความโกรธที่ปะทุขึ้นภายใน
“คุณสมเกียรติ นี่มันหมายความว่ายังไงครับ” ศิวกรตะโกนเสียงดัง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง
“กรนี่ห้องทำงานผมนะ คุณไม่มีมารยาทเลย” คุณสมเกียรติ มองศิวกรด้วยความไม่พอใจกับการที่เขาเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
“มารยาทอะไรกันครับ เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ทำไมผมถึงไม่ได้ไปเวียดนามทั้งที่ผมทำงานที่นี่มาก่อนดรีมนะครับคุณสมเกียรติ”
ญาณิดารู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเธอนั่งนิ่งไม่โต้ตอบคำพูดของศิวกร
“ใจเย็นๆ ก่อนสิกร เรื่องนี้ทางบริษัทใหญ่เป็นคนตัดสินใจ”
“ตัดสินใจอะไรครับ ผมต่างหากที่เป็นมัณฑนากรอาวุโส ผมทำงานมานานกว่ายัยดรีมมันตั้งกี่ปี ประสบการณ์ผมก็มากกว่า แล้วทำไมถึงเลือกผม” ศิวกรยังคงโวยวายไม่หยุด ความอิจฉาริษยาทำให้เขาตาบอด
“แต่ตอนนี้คุณก็รับผิดชอบโครงการบ้านจัดสรรของคุณธวัชอยู่ไม่ใช่เหรอ” คุณสมเกียรติเตือนความจำ
“แล้วไงครับ งานออกแบบภายในโรงแรมมันก็แค่จิ๊บๆ ผมทำได้สบายอยู่แล้ว คุณก็รู้ว่าผมมีความสามารถมากแค่ไหน” ศิวกรยังคงประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินจริง
ญาณิดาทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เธอเงยหน้าขึ้นมองศิวกรด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ผิดกับเมื่อก่อนที่เธอจะคอยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา
“พี่กรคะ พี่ก็รู้ดีว่าทำไมพี่ถึงไม่ได้ไป” ญาณิดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น
“เธอหมายความว่ายังไง” ศิวกรหันขวับมามองญาณิดาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดแบบนี้กับเขา
“ก็หมายความว่ากรรมมันตามทันน่ะค่ะ พี่เล่นไม่ซื่อมาตั้งแต่แรก ด้วยการแย่งผลงานของดรีมไป แอบอ้างว่าเป็นของตัวเอง แล้วยังแกล้งทำเป็นให้เครดิตดรีมในฐานะผู้ช่วย” ญาณิดาตอบอย่างไม่เกรงกลัว สีหน้าของเธอนิ่งสนิท
คำพูดของญาณิดาทำให้ศิวกรถึงกับนิ่งอึ้ง ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันทีเมื่อถูกเปิดโปงความจริงต่อหน้าผู้จัดการ
“นี่เธอพูดเรื่องอะไร” ศิวกรพยายามปฏิเสธ แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความผิดที่ซ่อนอยู่
“ดรีมพูดเรื่องอะไร พี่กรรู้ดีที่สุดค่ะ พี่คิดว่าดรีมไม่มีหลักฐานเหรอคะ คิดว่าดรีมจะยอมให้พี่เอาเปรียบไปตลอดชีวิตเหรอ” ญาณิดากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
คุณสมเกียรตินั่งฟังเงียบๆ ตั้งแต่ต้น แววตาของเขาฉายแววผิดหวังในตัวศิวกรอย่างชัดเจน เขาเชื่อในสิ่งที่ญาณิดาพูด เพราะเขารู้ดีว่าญาณิดาเป็นคนตรงไปตรงมาและมีหลักฐานยืนยันที่เธอเคยนำเสนอไปแล้ว
“พอได้แล้วกรเรื่องงานออกแบบบ้านคุณธวัชผมยังไม่ได้สะสางกับคุณเป็นการภายในนะ” คุณสมเกียรติเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
คำพูดของผู้จัดการทำให้ศิวกรถึงกับหน้าถอดสี เขาเพิ่งรู้ว่าคุณสมเกียรติยังคงติดใจเรื่องนั้นอยู่ และอาจจะดำเนินการบางอย่างกับเขาในภายหลัง
“แต่ว่า...” ศิวกรพยายามแก้ตัว แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“ไม่มีแต่ คุณไปได้แล้วกร ผมมีเรื่องต้องคุยกับดรีมต่อ”
ศิวกรกัดฟันแน่น เขามองญาณิดาด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อประตูห้องปิดลง ญาณิดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอรู้สึกโล่งใจที่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นมานานออกไป แม้จะรู้ว่าศิวกรจะต้องโกรธแค้นเธอมากยิ่งขึ้น แต่เธอก็ไม่เสียใจที่ได้พูดความจริง
“ผมขอโทษนะ ที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณสมเกียรติ ดรีมเข้าใจค่ะว่าคุณต้องคำนึงถึงบริษัท”
“แต่ผมคิดว่าคุณเป็นคนมีความสามารถจริงๆ และโปรเจกต์โรงแรมที่เวียดนามนี่แหละ จะเป็นโอกาสให้ดรีมได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณสมเกียรติ ดรีมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ” ญาณิดายิ้มให้ผู้จัดการ
หลังจากพูดคุยเรื่องงานต่ออีกเล็กน้อย ญาณิดาก็ขอตัวกลับไปทำงานที่โต๊ะของเธอ การได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในงานใหม่ ก็ถือเป็นการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างแท้จริง
เข้าสัปดาห์ที่สองของการมาทำงานที่ปราณบุรีตอนนี้งานของญาณิดาคืบหน้าไปมากอีกเพียงไม่กี่วันเธอก็จะได้กลับไปอยู่กรุงเทพแล้ว หญิงสาวเลยอยากจะใช้เวลาที่นี่อย่างเต็มที่หลังจากเลิกงานแล้วญาณิดาก็ทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ทจากนั้นก็กลับมาที่บ้านพัก เธอหยิบชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีม่วงพาสเทลตัวจิ๋วขึ้นมาสวมก่อนจะลงไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำบ้านพักของเธอเป็นบ้านพักหลังริมสุดมีความมิดชิดเป็นส่วนตัวมาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็ลงว่ายน้ำอยู่ตลอดเธอรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ตัวเองแช่อยู่ในสระน้ำแม้จะแหวกว่ายอยู่คนเดียวแต่ก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เธอนอนหงายทรงตัวอยู่เหนือผืนน้ำตามองขึ้นไปบนฟ้ามองดวงจันทร์ที่คืนนี้มันกลมโตสวยงามมากกว่าคืนไหน แล้วก็คิดถึงคนที่อยู่ไกลออกไปอีกไม่นานเธอกับเขาก็คงจะได้มาอยู่ด้วยกันหญิงสาวกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงเหมือนใครกำลังลงมาในสระ เธอรีบพลิกตัวแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงอยู่นั้นยืนห่างออกไปเพียงนิด“ธันวา” เธอเรียกเขาด้วยความดีใจก่อนจะว่ายเข้าไปใกล้และกอดด้วยความคิดถึง“คิดถึงจัง”“ดรีมก็คิดถึงคุณค่ะ น่าจะบอกก่อนว่าจะมาเหนื่
กลับจากเวียดนามครั้งนี้ญาณิดาคิดว่าสายตาที่คนในบริษัทมองเธอเปลี่ยนไป บางคนมองหน้าเธอแล้วก็กระซิบกระซาบกันทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่เธอกับธันวากำลังคบกันอยู่หญิงสาวเดินเข้ามาในแผนกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“พี่สุคะเรื่องของดรีมนี่เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ก็มีพวกวิศวกรที่เขาไปทำงานเวียดนามเจอดรีมกับคุณธันวาเรื่องมันก็เลยรู้กระจายเป็นวงกว้าง แต่ดรีมไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พวกเขามองดรีมก็เพราะอิจฉา แล้วเป็นยังไงบ้างไปเวียดนามครั้งนี้ทุกอย่างโอเคมั้ย”“ค่ะพี่สุ เดือนหน้าคุณธันวาก็จะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วก็บินไปดูเป็นระยะไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรแล้ว”“พี่ดีใจด้วยนะ ในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันสักที”“ดรีมก็ดีใจค่ะ และรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พี่สุคะดรีมมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกพี่สุ”“มีความลับอะไรจะบอกพี่เหรอ” สุกัญญายิ้มก่อนจะขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ เพื่อตั้งใจฟัง“ตอนนี้ดรีมกับคุณธันวาเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะคะ”“เป็นข่าวดีเลยทีเดียว พี่ดีใจด้วยนะคุณธันวาเป็นคนดีมากและดรีมก็เหมาะสมกับเขามาก ทั้งสวยทั้งเก่งแล้วยังท
ญาณิดาอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าธันวาจะตามเข้ามาในห้องน้ำ เธออาบเสร็จก่อนเวลาที่เขากำหนดและเมื่อเดินออกมาก็เห็นว่าตอนนี้ธันวานั่งรออยู่บนโซฟาเขานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวไว้เพื่อจะรอเข้าห้องน้ำต่อจากคนรัก“ผมซื้อเบียร์ที่คุณชอบมาด้วย อยู่ในตู้เย็น คุณกินระหว่างรอผมอาบน้ำนะ แต่อย่าเพิ่งเมาก่อนล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับคนรักก่อนจะรีบเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปเมื่อธันวาเข้าห้องน้ำไปแล้วญาณิดาก็หยิบชุดนอนมาสวมก่อนจะเดินมาที่ตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเปิดทีวีดูไม่นานธันวาก็อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งลงข้างๆ“ธันวาไปใส่เสื้อก่อนดีไหม”“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด”“นี่กะจะทำแบบนั้นอย่างเดียวเลยหรือไง ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ”“เรามีเวลาคุยกันอีกเยอะ แต่ตอนนี้ขอก่อนนะ อดทนมานานตั้งเดือน”พูดจบเขาก็จูบอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัวแต่เธอก็ยอมให้เขาจูบไปตามใจปรารถนาเพราะตัวเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันธันวาจับให้ญาณิดานั่งลงบนโซฟาก่อนจะพลิกตัวเองคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว ถอดชั้นในสีหวานออกแล้วจับเรียวขาข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าก้มใบหน้าเข้าใกล้ ลากปลายลิ้นร้อนบนกลีบกุหล
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ววันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ญาณิดาสัญญาว่าจะมาหาคนรักที่เวียดนามเมื่อลงจากเครื่องก็เห็นว่าธันวาเธอมารอรับอยู่แล้ว หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความคิดถึงที่มีท่วมท้น“ธันวาคิดถึงจัง” หญิงสาวโผเข้ากอดขณะที่ธันวาก็อ้าแขนรับทั้งสองกอดกันแน่นส่งผ่านความรู้สึกผ่านอ้อมกอด“ผมก็คิดถึงดรีมครับ เหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะดรีมหลับมาตลอดเลย คุณล่ะช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างคะ”“ผมเคลียร์งานเรียบร้อยมีเวลาอยู่กับดรีมตลอดทั้งสามวันเลยครับ หิวหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะ”“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนกลับโรงแรมนะ”“ดีค่ะ ดรีมขอร้านที่อยู่ไกลจากโรงแรมหน่อยนะคะ ไม่อยากเจอลูกน้องของคุณเท่าไหร่”“ทำไมล่ะครับเรื่องของเราไม่ใช่ความลับแล้วนะ”“ดรีมไม่รู้จะทำหน้ายังไงนี่คะ” หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งและก็กลัวจะเจอคนรู้จักเพราะยังไม่พร้อมจะบอกสถานะของตัวเอง“ก็ทำหน้าสวยๆ แบบนี้ไงล่ะ” ธันวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพาเธอเดินออกมายังรถที่จอดอยู่ธันวาขับรถพาเธอมายังร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีทั้งสองนั่งทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งเดือน“ผมคิดถึงคุณมากเลย
แล้วก็ถึงวันที่ธันวาต้องเดินทางกลับไปทำงานที่เวียดนามโดยมีญาณิดามาส่งที่สนามบิน“อีกหนึ่งเดือนเจอกันนะคะธันวา” ญาณิดาบอกกับคนรักเพราะเธอวางแผนจะไปหาเขาที่เวียดนาม“ผมจะนับวันรอนะ แต่ถ้าผมคิดถึงดรีมก่อนผมก็จะมาหานะ”“ดรีมไม่อยากให้คุณเสียงานเพราะดรีมนะคะ”“แต่ตอนนี้งานก็คืบหน้าไปมากแล้วบางทีผมอาจจะได้กลับมาก่อนกำหนดก็ได้นะงานที่นั่นคืบหน้าไปมาก ผมคงไม่ต้องอยู่คุมงานตลอดก็ได้”“จริงเหรอคะ” ญาณิดาดีใจเพราะเธอเองก็อยากให้ธันวากลับมาอยู่ด้วย ช่วงที่เขามาอยู่เมืองไทยเป็นช่วงที่หญิงสาวมีความสุขที่สุดและถ้าเขากลับมาอยู่ตลอดก็คงจะดีมาก“ดูแลตัวเองด้วยนะคะธันวา” หญิงสาวพูดกับคนรักด้วยความเป็นห่วง“ผมสัญญาจะดูแลตัวเองดีๆ แต่ผมว่าดรีมดูแลผมได้ดีกว่านะดรีมคอยดูแลให้ผมกินยาผมก็เลยหายเร็ว” ชายหนุ่มชี้ไปบนศีรษะของตัวเองที่ตอนนี้ให้หมอที่เมืองไทยตัดไหมออกให้แล้ว“หายแล้วอย่าให้มีแผลเพิ่มล่ะ ดรีมเป็นห่วงคุณนะคะ ถ้าเป็นไปได้ดรีมก็อยากกลับไปทำงานที่นั่นพร้อมกับคุณ ดรีมอยากดูแลคุณค่ะ”“ช่างพูดแบบนี้ผมชักไม่อยากห่างดรีมเลย”“ธันวาคะดรีมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณจะงอแงบ่อยเหลือเกิน ไหนบอกว่าทุกคนต้องมีหน้าที่รับผิ
“หญิงสาวโน้มลำคอเขาลงมาแล้วจูบไปบนริมฝีปากของเขาธันวาเข้าใจคำตอบของเธอได้อย่างดี เขาจูบตอบอย่างเร่าร้อนมือก็เคล้นคลึงหน้าอวบอิ่มอย่างไม่ปรานีเขาผละออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำแล้วก้มลงดูดกินหน้าอกอิ่มอีกครั้ง ญาณิดาแอ่นหน้าอกให้เขาอย่างเต็มใจ ความคิดถึงและโหยหาตลอดเวลาสองสัปดาห์มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟความต้องการที่ซ่อนลึกมันมาล้นจนไม่อาจเก็บไว้ได้“ผมเข้าเลยนะดรีมไม่ไหวแล้ว”ธันวากระซิบแหบต่ำก่อนจะกดท่อนเอ็นร้อนระอุเข้าหาเธออย่างช้าๆ“อ๊ะ!.....”หญิงสาวสะดุ้งถอยหนีเพราะรู้สึกถึงความใหญ่ที่สอดเข้ามา“เมียจ๋า....ไม่เอาแค่สองอาทิตย์มันแน่นมากมันวิเศษที่สุด”ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อส่วนปลายหยักเข้าได้เพียงครึ่งทางร่องรักของหญิงสาวก็ตอดแรงจนเขาปวดร้าวจวนเจียนระเบิด ธันวารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ร่างกายของเธอมันสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาทั้งยังเข้าไปได้ไม่สุดเขาขยับสะโพกเข้าหา ริมฝีปากก็จูบอย่างเร่าร้อนเมื่อเข้าได้สุดทางก็เริ่มขยับเป็นจังหวะสอดประสานที่ลงตัว“อื้อ...ธันวา....อ้า....”เสียงหวานของญาณิดาครางกระเส่า ยิ่งเขาเข้าลึกเสียงนั้นก็ยิ่งครางหวาน ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีกับโพรงอ่อนนุ่







