เข้าสู่ระบบหนึ่งสัปดาห์ต่อมาญาณิดาออกเดินทางสู่ประเทศเวียดนามพร้อมกับจารุวัตรหรือพี่หนึ่งซึ่งเป็นมัณฑนากรรุ่นพี่ผู้รับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าทีม และเพื่อนร่วมงานอีกคนคือกิตติหรือพี่เต่ารุ่นพี่มัณฑนากรอารมณ์ดีที่มักสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง
การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจในคราวเดียวกัน สำหรับญาณิดาแล้วนี่ไม่ใช่แค่การทำงานในต่างประเทศครั้งแรกแต่ยังเป็นการพิสูจน์ตัวเองในโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอตั้งใจจะทุ่มเทอย่างเต็มที่อีกทั้งยังต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานจากบริษัทใหญ่อีกด้วย
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติในเมืองดานังประเทศเวียดนามในเวลาบ่าย หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว ทีมมัณฑนากรก็ตรงไปยังโรงแรมที่พักที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ซึ่งเป็นโรงแรมเดิมที่กำลังสร้างอาคารเพิ่มเติม
“คืนนี้เรามีนัดทานอาหารเย็นกับทีมวิศวกรโครงสร้างนะ พวกเขามาก่อนเราแล้ว ถือโอกาสแนะนำตัว ทำความรู้จักกันไว้ เพราะเราจะต้องทำงานร่วมกันตลอดโปรเจกต์นี้” จารุวัตรแจ้งกับทุกคนก่อนจะแยกย้ายกันไปพัก
ญาณิดาพยักหน้ารับ เธอรู้ดีว่าการประสานงานกับทีมวิศวกรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานออกแบบโครงสร้างขนาดใหญ่ เพื่อให้งานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ห้องพักของเธออยู่คนละชั้นกับรุ่นพี่ที่มาด้วยเพราะครั้งนี้มีเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีม ทางบริษัทจึงจัดที่พักให้อยู่คนละชั้น
ญาณิดาจัดการเก็บสัมภาระเข้าที่อย่างรวดเร็วก่อนจะสำรวจห้องพักและเก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเอาไว้อ้างอิงในการออกแบบอาคารอีกหลังและบ้านพักแบบลักชูรี่ที่อยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกล
ถึงเวลานัดหมาย ทีมมัณฑนากรทั้งสามคนก็ลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพื่อรอคอยทีมวิศวกรโครงสร้างที่มาถึงก่อนแล้ว ไม่นานนัก ชายกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้ หนึ่งในนั้นคือชายร่างสูงโปร่งที่ญาณิดาคุ้นตา
หัวใจของญาณิดาเริ่มเต้นแรงและเมื่อผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาเธอก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดเลยว่าจะเจอกับเขาที่นี่ทั้งที่กำลังหนีจากความทรงจำในคืนนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในทีมวิศวกรโครงสร้างที่เธอจะต้องทำงานด้วย โลกช่างกลมอะไรขนาดนี้!
“คุณธันวา” ญาณิดาอุทานออกมาเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดลงทันที เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับเขาที่นี่
ธันวายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเธอ
“สวัสดีครับคุณดรีม ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่เลยนะครับ” ธันวาทักทายด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ญาณิดาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกทั้งตกใจ ประหลาดใจ และอับอายไปพร้อมๆ กัน เธอพยายามรวบรวมสติและตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก
“สวัสดีค่ะคุณธันวา”
“รู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอ” จารุวัตรหันมาถาม
“ค่ะ” ญาณิดาตอบสั้นๆ เพราะถ้าบอกไม่รู้จักก็คงไม่มีใครเชื่อแต่คำว่ารู้จักของเธอมันก็แค่ผิวเผิน
“เอาล่ะครับ แนะนำตัวอย่างเป็นทางการดีกว่า ผมธันวา เป็นหัวหน้าทีมวิศวกรโครงสร้างในโปรเจกต์นี้ครับ” ธันวาแนะนำตัวกับทุกคน
เขาหันไปแนะนำเพื่อนร่วมทีมวิศวกรคนอื่นๆ ให้กับทีมมัณฑนากร จารุวัตรและพี่เต่าต่างพยักหน้ารับและยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร แต่ญาณิดายังคงยืนนิ่งราวกับถูกสาป เธอไม่สามารถละสายตาจากธันวาได้เลย ความทรงจำในค่ำคืนนั้นที่ผับและในห้องโรงแรมยังคงชัดเจนในหัวของเธอ
“ส่วนทางนี้ก็ทีมมัณฑนากรนะครับ ผมหนึ่งเป็นหัวหน้าทีมมัณฑนากรนี่เต่าและดรีมครับ”
ธันวาพยักหน้าให้จารุวัตรและกิตติก่อนจะหันมาสบตากับญาณิดาอีกครั้ง แววตาของเขาทอประกายความหมายบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เช่นกันครับ” จารุวัตรตอบ
“นึกไม่ถึงนะดรีมว่าเราจะมาเจอกันที่นี่” ธันวาเดินมาใกล้ๆแล้วพูดได้ยินกันแค่สองคน
“ค่ะ” ญาณิดารู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านร่างเมื่อเขากระซิบที่ข้างหู เธอพยายามที่จะยิ้มตอบ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมงานทั้งหมดก็พากันเดินไปยังห้องอาหารของโรงแรมที่ได้จองไว้ บรรยากาศภายในห้องอาหารค่อนข้างเป็นกันเองทำให้ญาณิดารู้สึกผ่อนคลาย
ตลอดช่วงเวลาอาหารค่ำ ญาณิดาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสบตากับธันวา เธอเลือกที่จะนั่งตรงข้ามกับเขา และพยายามพูดคุยกับจารุวัตรและกิตติเกี่ยวกับเรื่องงาน เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาของธันวาที่คอยจับจ้องมาที่เธอเป็นระยะ
หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วพวกผู้ชายก็ชวนกันไปดื่มต่อ ญาณิดาปฏิเสธและบอกบอกลาทุกคนก่อนจะเดินออกมาทางด้านหน้าโรงแรมที่เธอเห็นว่ามีร้านสะดวกซื้ออยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
หญิงสาวเลือกซื้อขนมและนมเปรี้ยวและของใช้อีกสองสามอย่างก่อนจะชำระเงินและเดินออกมา
“ให้ผมช่วยถือไหมครับ”
“คุณธันวา.....” หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะความตกใจที่เห็นเขาอยู่หน้าร้านเพราะคิดว่าเขาน่าจะออกไปดื่มคนอื่นๆ แล้ว
“ดูคุณตกใจทุกครั้งที่เห็นหน้าผมเลยนะดรีม” เขาหัวเราะก่อนจะยื่นมือมารับถุงในมือของหญิงสาวไปถือไว้
“ฉันนึกว่าคุณจะไปดื่มกับคนอื่น”
“พรุ่งนี้ผมต้องทำงานเลยพักเรื่องกินเหล้าไว้ก่อน วันหยุดค่อยว่ากันคุณล่ะทำไมถึงไม่ไปกับพวกเขา”
“ฉันมาทำงานนะคะไม่ได้มากินเหล้า”
“แต่ถ้ากินเพื่อสังสรรค์นิดหน่อยเจ้านายก็คงไม่ว่าหรอกหรือที่ไม่กินเหล้าเพราะกลัวอะไรหรือเปล่า” เขาถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“มันก็แค่กินเหล้าจะกลัวอะไรล่ะคะ” หญิงสาวตอบเหมือนไม่กลัวแต่อันที่จริงเธอเข็ดกับการดื่มจนขาดสติและยิ่งมีผู้ชายที่ชื่อธันวาอยู่ด้วยแล้วเธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
“งั้นวันหยุดเราไปกินเหล้ากับพวกเขากันดีไหมล่ะ มาทำงานด้วยกันต่างที่แบบนี้ผมก็อยากให้เราสามัคคีกันไว้”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” ญาณิดาตอบตกลงไปก่อนพอถึงเวลานั้นค่อยหาทางชิ่งอีกที
“คุณรู้สึกยังไงที่เรามาเจอกันอีก” ธันวาถามขระเดินคู่กับเธอมมาตามถนนที่ตรงมายังโรงแรม
“ตกใจและแปลกใจค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่หรือคุณไม่ตกใจกันล่ะ”
“ตกใจสิ แต่ดีใจมากกว่าที่ได้เจอคุณอีกครั้ง”
“คุณรู้มาก่อนไหมว่าเราต้องมาทำงานด้วยกันที่นี่” หญิงสาวถามอย่างจ้องจับผิด
“ไม่รู้เลย” ธันวารีบปฏิเสธและแกล้งมองออกไปยังผืนน้ำทะเลข้างหน้า
“จริงนะคะ”
“จริงสิ ถ้าผมรู้ว่าเราต้องมาร่วมงานกันคืนนั้นผมคงไม่พูดแบบนั้นกับคุณหรอก”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะฉันรู้ดีว่าวันไนท์สแตนด์คืออะไร ฉันไม่บอกใครเรื่องของเราหรอกค่ะ”
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะ”
“แล้วที่ถูกต้องคืออะไรละ”
“นั่งก่อนสิจะได้คุยกัน”
เข้าสัปดาห์ที่สองของการมาทำงานที่ปราณบุรีตอนนี้งานของญาณิดาคืบหน้าไปมากอีกเพียงไม่กี่วันเธอก็จะได้กลับไปอยู่กรุงเทพแล้ว หญิงสาวเลยอยากจะใช้เวลาที่นี่อย่างเต็มที่หลังจากเลิกงานแล้วญาณิดาก็ทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ทจากนั้นก็กลับมาที่บ้านพัก เธอหยิบชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีม่วงพาสเทลตัวจิ๋วขึ้นมาสวมก่อนจะลงไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำบ้านพักของเธอเป็นบ้านพักหลังริมสุดมีความมิดชิดเป็นส่วนตัวมาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็ลงว่ายน้ำอยู่ตลอดเธอรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ตัวเองแช่อยู่ในสระน้ำแม้จะแหวกว่ายอยู่คนเดียวแต่ก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เธอนอนหงายทรงตัวอยู่เหนือผืนน้ำตามองขึ้นไปบนฟ้ามองดวงจันทร์ที่คืนนี้มันกลมโตสวยงามมากกว่าคืนไหน แล้วก็คิดถึงคนที่อยู่ไกลออกไปอีกไม่นานเธอกับเขาก็คงจะได้มาอยู่ด้วยกันหญิงสาวกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงเหมือนใครกำลังลงมาในสระ เธอรีบพลิกตัวแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงอยู่นั้นยืนห่างออกไปเพียงนิด“ธันวา” เธอเรียกเขาด้วยความดีใจก่อนจะว่ายเข้าไปใกล้และกอดด้วยความคิดถึง“คิดถึงจัง”“ดรีมก็คิดถึงคุณค่ะ น่าจะบอกก่อนว่าจะมาเหนื่
กลับจากเวียดนามครั้งนี้ญาณิดาคิดว่าสายตาที่คนในบริษัทมองเธอเปลี่ยนไป บางคนมองหน้าเธอแล้วก็กระซิบกระซาบกันทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่เธอกับธันวากำลังคบกันอยู่หญิงสาวเดินเข้ามาในแผนกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“พี่สุคะเรื่องของดรีมนี่เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ก็มีพวกวิศวกรที่เขาไปทำงานเวียดนามเจอดรีมกับคุณธันวาเรื่องมันก็เลยรู้กระจายเป็นวงกว้าง แต่ดรีมไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พวกเขามองดรีมก็เพราะอิจฉา แล้วเป็นยังไงบ้างไปเวียดนามครั้งนี้ทุกอย่างโอเคมั้ย”“ค่ะพี่สุ เดือนหน้าคุณธันวาก็จะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วก็บินไปดูเป็นระยะไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรแล้ว”“พี่ดีใจด้วยนะ ในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันสักที”“ดรีมก็ดีใจค่ะ และรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พี่สุคะดรีมมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกพี่สุ”“มีความลับอะไรจะบอกพี่เหรอ” สุกัญญายิ้มก่อนจะขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ เพื่อตั้งใจฟัง“ตอนนี้ดรีมกับคุณธันวาเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะคะ”“เป็นข่าวดีเลยทีเดียว พี่ดีใจด้วยนะคุณธันวาเป็นคนดีมากและดรีมก็เหมาะสมกับเขามาก ทั้งสวยทั้งเก่งแล้วยังท
ญาณิดาอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าธันวาจะตามเข้ามาในห้องน้ำ เธออาบเสร็จก่อนเวลาที่เขากำหนดและเมื่อเดินออกมาก็เห็นว่าตอนนี้ธันวานั่งรออยู่บนโซฟาเขานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวไว้เพื่อจะรอเข้าห้องน้ำต่อจากคนรัก“ผมซื้อเบียร์ที่คุณชอบมาด้วย อยู่ในตู้เย็น คุณกินระหว่างรอผมอาบน้ำนะ แต่อย่าเพิ่งเมาก่อนล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับคนรักก่อนจะรีบเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปเมื่อธันวาเข้าห้องน้ำไปแล้วญาณิดาก็หยิบชุดนอนมาสวมก่อนจะเดินมาที่ตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเปิดทีวีดูไม่นานธันวาก็อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งลงข้างๆ“ธันวาไปใส่เสื้อก่อนดีไหม”“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด”“นี่กะจะทำแบบนั้นอย่างเดียวเลยหรือไง ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ”“เรามีเวลาคุยกันอีกเยอะ แต่ตอนนี้ขอก่อนนะ อดทนมานานตั้งเดือน”พูดจบเขาก็จูบอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัวแต่เธอก็ยอมให้เขาจูบไปตามใจปรารถนาเพราะตัวเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันธันวาจับให้ญาณิดานั่งลงบนโซฟาก่อนจะพลิกตัวเองคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว ถอดชั้นในสีหวานออกแล้วจับเรียวขาข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าก้มใบหน้าเข้าใกล้ ลากปลายลิ้นร้อนบนกลีบกุหล
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ววันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ญาณิดาสัญญาว่าจะมาหาคนรักที่เวียดนามเมื่อลงจากเครื่องก็เห็นว่าธันวาเธอมารอรับอยู่แล้ว หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความคิดถึงที่มีท่วมท้น“ธันวาคิดถึงจัง” หญิงสาวโผเข้ากอดขณะที่ธันวาก็อ้าแขนรับทั้งสองกอดกันแน่นส่งผ่านความรู้สึกผ่านอ้อมกอด“ผมก็คิดถึงดรีมครับ เหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะดรีมหลับมาตลอดเลย คุณล่ะช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างคะ”“ผมเคลียร์งานเรียบร้อยมีเวลาอยู่กับดรีมตลอดทั้งสามวันเลยครับ หิวหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะ”“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนกลับโรงแรมนะ”“ดีค่ะ ดรีมขอร้านที่อยู่ไกลจากโรงแรมหน่อยนะคะ ไม่อยากเจอลูกน้องของคุณเท่าไหร่”“ทำไมล่ะครับเรื่องของเราไม่ใช่ความลับแล้วนะ”“ดรีมไม่รู้จะทำหน้ายังไงนี่คะ” หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งและก็กลัวจะเจอคนรู้จักเพราะยังไม่พร้อมจะบอกสถานะของตัวเอง“ก็ทำหน้าสวยๆ แบบนี้ไงล่ะ” ธันวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพาเธอเดินออกมายังรถที่จอดอยู่ธันวาขับรถพาเธอมายังร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีทั้งสองนั่งทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งเดือน“ผมคิดถึงคุณมากเลย
แล้วก็ถึงวันที่ธันวาต้องเดินทางกลับไปทำงานที่เวียดนามโดยมีญาณิดามาส่งที่สนามบิน“อีกหนึ่งเดือนเจอกันนะคะธันวา” ญาณิดาบอกกับคนรักเพราะเธอวางแผนจะไปหาเขาที่เวียดนาม“ผมจะนับวันรอนะ แต่ถ้าผมคิดถึงดรีมก่อนผมก็จะมาหานะ”“ดรีมไม่อยากให้คุณเสียงานเพราะดรีมนะคะ”“แต่ตอนนี้งานก็คืบหน้าไปมากแล้วบางทีผมอาจจะได้กลับมาก่อนกำหนดก็ได้นะงานที่นั่นคืบหน้าไปมาก ผมคงไม่ต้องอยู่คุมงานตลอดก็ได้”“จริงเหรอคะ” ญาณิดาดีใจเพราะเธอเองก็อยากให้ธันวากลับมาอยู่ด้วย ช่วงที่เขามาอยู่เมืองไทยเป็นช่วงที่หญิงสาวมีความสุขที่สุดและถ้าเขากลับมาอยู่ตลอดก็คงจะดีมาก“ดูแลตัวเองด้วยนะคะธันวา” หญิงสาวพูดกับคนรักด้วยความเป็นห่วง“ผมสัญญาจะดูแลตัวเองดีๆ แต่ผมว่าดรีมดูแลผมได้ดีกว่านะดรีมคอยดูแลให้ผมกินยาผมก็เลยหายเร็ว” ชายหนุ่มชี้ไปบนศีรษะของตัวเองที่ตอนนี้ให้หมอที่เมืองไทยตัดไหมออกให้แล้ว“หายแล้วอย่าให้มีแผลเพิ่มล่ะ ดรีมเป็นห่วงคุณนะคะ ถ้าเป็นไปได้ดรีมก็อยากกลับไปทำงานที่นั่นพร้อมกับคุณ ดรีมอยากดูแลคุณค่ะ”“ช่างพูดแบบนี้ผมชักไม่อยากห่างดรีมเลย”“ธันวาคะดรีมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณจะงอแงบ่อยเหลือเกิน ไหนบอกว่าทุกคนต้องมีหน้าที่รับผิ
“หญิงสาวโน้มลำคอเขาลงมาแล้วจูบไปบนริมฝีปากของเขาธันวาเข้าใจคำตอบของเธอได้อย่างดี เขาจูบตอบอย่างเร่าร้อนมือก็เคล้นคลึงหน้าอวบอิ่มอย่างไม่ปรานีเขาผละออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำแล้วก้มลงดูดกินหน้าอกอิ่มอีกครั้ง ญาณิดาแอ่นหน้าอกให้เขาอย่างเต็มใจ ความคิดถึงและโหยหาตลอดเวลาสองสัปดาห์มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟความต้องการที่ซ่อนลึกมันมาล้นจนไม่อาจเก็บไว้ได้“ผมเข้าเลยนะดรีมไม่ไหวแล้ว”ธันวากระซิบแหบต่ำก่อนจะกดท่อนเอ็นร้อนระอุเข้าหาเธออย่างช้าๆ“อ๊ะ!.....”หญิงสาวสะดุ้งถอยหนีเพราะรู้สึกถึงความใหญ่ที่สอดเข้ามา“เมียจ๋า....ไม่เอาแค่สองอาทิตย์มันแน่นมากมันวิเศษที่สุด”ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อส่วนปลายหยักเข้าได้เพียงครึ่งทางร่องรักของหญิงสาวก็ตอดแรงจนเขาปวดร้าวจวนเจียนระเบิด ธันวารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ร่างกายของเธอมันสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาทั้งยังเข้าไปได้ไม่สุดเขาขยับสะโพกเข้าหา ริมฝีปากก็จูบอย่างเร่าร้อนเมื่อเข้าได้สุดทางก็เริ่มขยับเป็นจังหวะสอดประสานที่ลงตัว“อื้อ...ธันวา....อ้า....”เสียงหวานของญาณิดาครางกระเส่า ยิ่งเขาเข้าลึกเสียงนั้นก็ยิ่งครางหวาน ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีกับโพรงอ่อนนุ่







