ตอนที่ 14 ทำไมถึงดื้อขนาดนี้
วาตะที่เดินเข้ามาภายในเพนท์เฮาส์ได้เพียงไม่กี่ก้าวต้องหยุดการขยับเท้า เพราะเขาเห็นหญิงสาวที่กำลังยืนหันหลังกำลังทำงานบ้านอยู่โดยไม่ได้แต่งตัวปิดบังตัวเองเหมือนแต่ก่อน และเจ้าของร่างระหงที่กำลังตั้งใจทำงานบ้านอยู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหนูยิ้มแน่นอน วาตะจำรูปร่างของยัยตัวแสบคนนี้ได้
“เธออีกแล้วเหรอ...นี่เธอกล้ามากนะ”
แม่บ้านที่ยืนหันหลังทำงานตอนนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘ยัยตัวแสบ’วาตะตรงเข้าไปหาแม่บ้านคนใหม่ที่เขาเพิ่งจ้างมาทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ เขาไม่รู้ว่าหนูยิ้มไปดีลกับแม่บ้านยังไงถึงสามารถเข้ามาทำงานในบ้านได้อีก
“โอ้ย…ปล่อยนะ หนูยิ้มเจ็บ” ใบหน้าสวยตามแบบฉบับลูกครึ่งมุ่ยหน้าลงทันทีเพราะความเจ็บ เธอพยายามแกะมือของวาตะที่บีบแขนของเธออยู่อย่างไม่คิดจะเบามือ
“ยัยตัวแสบ...ฉันเคยบอกเธอว่ายังไง”
“หนูยิ้มขอโทษ หนูยิ้มแค่อยากอยู่ใกล้พี่วาตะบ้างแต่ที่มหา’ลัยไม่มีโอกาสเลย” หนูยิ้มเงยใบหน้าขึ้นมองวาตะก่อนเอ่ยออกมา ซึ่งแววตาที่เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาทำเอาวาตะเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
“ออกไป! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ” วาตะตวาดออกมาด้วยเสียงที่ดัง ในเวลานี้เขาทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ทำอะไรรุนแรงกับหนูยิ้ม
“หนูยิ้มยังทำงานบ้านไม่เสร็จ ขอหนูยิ้มทำงานก่อนนะคะนะ ” หนูยิ้มในตอนนี้เหมือนลูกแมวที่กำลังอ้อน แต่มันใช้ไม่ได้กับวาตะ ต่อให้เธอพยายามหลบสายตาคู่คมมาแค่ไหน มันก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะความรู้สึกของเธอเหมือนกำลังถูกวาตะแผดเผาตัวเธออยู่
“ฉันบอกให้เธอออกไป”
“ไม่ค่ะ หนูยิ้มรู้ว่าพี่วาตะโกรธหนูยิ้มอยู่ หนูยิ้มขอโทษ”
“เธอต้องการอะไรกันแน่ กลับเข้ามาในชีวิตฉันอีกทำไม” วาตะเอ่ยถามพร้อมมองใบหน้าของหนูยิ้มที่เอาแต่มองมายังเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามหลบสายตาของเขาอยู่ตลอดเวลา
“หนูยิ้มอยากขอโทษ พี่วาตะให้โอกาสหนูยิ้มได้รัก ได้ดูแลพี่วาตะอีกครั้งได้ไหมคะ”
“ถ้าจะมาแค่ขอโทษ ฉันจะรับไว้ และเธอก็ออกไปได้แล้ว” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มด้วยสายตาที่เรียบนิ่งราวกับไม่มีความรู้สึก พร้อมมือที่ชี้ไปทางประตูเป็นสัญญาณให้หนูยิ้มได้เดินออกไปจากบ้าน
“งั้นพี่วาตะอยากให้หนูยิ้มทำอะไรให้ไหมคะ หนูยิ้มทำได้หมดเลยนะคะไม่ว่าเรื่องอะไร”
“อย่ามาพูดอะไรที่คิดว่าตัวเองจะทำได้ทุกอย่าง มันจะทำให้ตัวเธอเดือดร้อน”
“ถ้าเป็นสิ่งที่พี่วาตะต้องการ หนูยิ้มทำให้ได้ทุกอย่าง”
“ได้ งั้นเธอก็ทำให้ฉันพอใจสิ” วาตะเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ อย่างไรเสียหนูยิ้มก็ต้องถอยกลับไปเหมือนทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาจะไม่มีทางประมาทเหมือนครั้งก่อนแน่นอน
“ได้ค่ะ พี่วาตะอยากให้หนูยิ้มทำอะไรคะ บอกมาได้เลยค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจตอนนี้เธอเต้นจนแทบจะหลุดออกจากอกเพราะวาตะโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอมากจนลมหายใจรดต้นคอเธอแล้วและด้วยความตกใจหนูยิ้มจึงยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งของวาตะเอาไว้
“ถ้าแบบนี้...คิดว่าไง แค่นี้ก็ใจฝ่อซะแล้ว กลับไปเถอะ อย่ามาเปลืองตัวที่นี่…อืม” สิ้นเสียงของวาตะดวงตาคู่คมต้องเบิกกว้างออกมา เพราะอยู่ ๆ หนูยิ้มก็แนบริมฝีปากของตัวเองลงมาบนเรียวปากหยักของชายหนุ่มหน้าหวานตรงหน้า
เธอพยายามขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างช้า ๆ แม้ว่าการกระทำที่แสนจะไม่ประสีประสาของเธออจะดูขัดใจวาตะอยู่แต่อีกใจชายหนุ่มกับชื่นชอบไม่น้อย
วาตะประคองที่ท้ายทอยของหนูยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายบดขยี้จูบที่แสนหยาบโลนและรุนแรงกลับไปให้กับหนูยิ้ม ซึ่งในคราวแรกหนูยิ้มพยายามตอบสนองกลับ แต่เพราะความเชี่ยวชาญของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่อาจจะตอบสนองกลับได้ แถมตอนนี้ลมหายใจที่เคยมีก็เหมือนจะหมดลง
หนูยิ้มตีลงบนอกแกร่งของวาตะเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ซึ่งมันได้ผลเมื่อวาตะยอมปล่อยให้หญิงสาวได้เป็นอิสระ
“กลับ ไป ซะ” วาตะเอ่ยอย่างเน้นที่ละคำ อีกครั้งน้ำเสียงที่ดังทำเอาเจ้าของร่างบางสะดุ้งเพราะความตกใจ
“ไม่ค่ะ ถ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งพี่วาตะอยากได้หนูยิ้มก็จะทำให้ค่ะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ละสายตา ดวงตาสีฟ้าสว่างของเธอมันบ่งบอกถึงความหนักแน่นในใจของเจ้าของมันได้เป็นอย่างดี ทำเอาวาตะถึงกลับหนักใจมากกว่าเดิม เขาไม่คิดว่าหนูยิ้มจะดื้อดึงได้ขนาดนี้
“ทำไมถึงดื้อขนาดนี้วะ...ยัยตัวแสบ”
“หนูยิ้มไม่ดื้อแต่เป็นแค่กับพี่วาตะ” หนูยิ้มก้มหน้าพูด สองมือเรียวเกาะที่แขนของวาตะทั้งสองข้างอย่างกลัวอีกฝ่ายจะผลักเธอออกไป
“ถ้าฉันอยากได้มากกว่าจูบจะทำได้ไหม” วาตะหันมามองใบหน้าแสนดื้อรันของหนูยิ้มก่อนแสร้งยิ้มที่มุมปากและพูดออกมา
“ทำได้ค่ะ”
“งั้นเอาเลย ลองทำดูสิ หวังว่าเธอจะทำให้ฉันพอใจ” วาตะพูดก่อนทิ้งตัวเองลงบนโซฟา มองใบหน้าของหนูยิ้มอย่างเชิญชวนและท้าทาย
สายตาที่แปรเปลี่ยนไปของชายหนุ่มทำให้หนูยิ้มหายใจไม่ทั่วท้อง เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนเดินเข้าไปหาวาตะที่นั่งอยู่บนโซฟา วาตะตั้งใจทำให้หนูยิ้มหวาดกลัวแล้วล่าถอยออกไป
หนูยิ้มเดินตามเข้ามานั่งข้างวาตะบนโซฟาแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเรียวหยักของอีกฝ่ายอีกครั้งทำราวกับที่วาตะทำเธอก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มเอาแต่นิ่งเฉยให้หญิงสาวเป็นคนเริ่มทุกอย่าง
มือเรียวสวยลูบสัมผัสไปตามแผงอกที่เป็นกล้ามเนื้อราวกับกำลังปลุกอารมณ์ให้กับวาตะ ซึ่งมันได้ผลเป็นอย่างดี เมื่อตัวตนของเขาเริ่มมีการขยายตัวทั้ง ๆ ที่สัมผัสของหนูยิ้มมันเป็นเพียงสัมผัสเล็ก ๆ เท่านั้น
หลังจากถอนริมฝีปากออกมาแล้ว หนูยิ้มขยับใบหน้าไปงับลงที่ซอกคอของวาตะ ทำเอาคนที่พยายามนิ่งแทบจะอยู่นิ่งไม่ได้กับสัมผัสของการกระทำที่เงอะงะของเธอทำให้อารมณ์ภายในตัวของวาตะเริ่มเดือดพร่านไปทั้งตัว
“ถ้าทำได้แค่นี้ก็กลับไปซะ” วาตะเอ่ยออกมาอีกครั้งหวังไล่เจ้าของร่างบางให้ออกไปก่อนที่ตัวเขาเองจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่
“ไม่ค่ะ” หนูยิ้มเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของวาตะทีละเม็ดอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะโน้มลงไปจูบที่ชีพจรบริเวณต้นคอของชายหนุ่ม
วาตะหลับตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แต่มันไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย เขาแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าเพียงแค่การปลุกเร้าแบบเบสิคเท่านั้นทำให้เขามีอารมณ์พุ่งขึ้นได้อย่างไร
“หนูยิ้มหยุด” วาตะจับลงบนข้อมือของหนูยิ้มที่กำลังปลดประดุมเสื้อของตัวเองให้เธอหยุดการกระทำ
“ทำไมคะ พี่วาตะไม่ชอบเหรอคะ แล้วพี่วาตะชอบแบบไหนคะ”
“เธอรู้ไหมว่ากำลังเล่นกับไฟอยู่...ไฟจะเผาตัวเธอเอาได้นะ”
“...” หนูยิ้มส่ายใบหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจในความหมายของวาตะ
“ออกไปซะ” วาตะเอ่ยไล่เจ้าของร่างบางอีกครั้ง แต่เหมือนคำไล่ของเขาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะหนูยิ้มไม่เพียงไม่ไป แต่ไม่สนใจคำไล่ของเขา
“หนูยิ้มไม่ได้เล่นๆ”
มือเรียวสวยยังคงพยายามเอื้อมไปแกะกระดุมของอีกฝ่ายเหมือนเดิมจนเผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ร่องซิคแพค วีไลน์สวยที่เด่นชัด มือน้อยค่อยๆลูบไล้อย่างเบามือและมือของวาตะจับเข้าที่ข้อมือน้อยนั้นให้หนูยิ้มหยุดการกระทำนั้น
“หนูยิ้มหยุด แล้วออกไป”
“ไม่ค่ะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของวาตะก่อนเอ่ยตอบออกมากมาด้วยเสียงที่หนักแน่ ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกลับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ฉันถือว่าให้โอกาสเธอแล้ว”
“ถ้าเป็นพี่วาตะ หนูยิ้มจะไม่เสียใจ”
“อย่ามาอวดดี อย่ามาเสียใจทีหลังน
ตอนพิเศษ 3 สมาชิกใหม่นับตั้งแต่วันรับปริญญาผ่านมา 3 เดือน ชีวิตของหนูยิ้มกับวาตะยังคงเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไม่ผิดไป เพียงแต่ตอนนี้วาตะกลับติดหนูยิ้มไม่ทิ้งห่างหญิงสาว หนูยิ้มก็เริ่มทำงานที่สนามแงรถของสามีอย่างเต็มตัว ดูแลเกี่ยวกับการตลาดและงานโปรโมตต่างๆหนูยิ้มไปไหนวาตะต้องไปด้วย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าวาตะไม่อยู่ใกล้เธอ เขาก็จะเวียนหัว อาเจียนไม่หยุด อย่างเช่นวันนี้ที่ตั้งแต่เช้ามาวาตะยังคงอาเจียนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด“พี่วาตะ ห่างกับหนูยิ้มหน่อยได้ไหมคะ” หนูยิ้มเอ่ยออกมาพร้อมมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ชอบใจ“ให้พี่นั่งกอดหนูยิ้มก่อนไม่ได้เหรอ” วาตะที่โอบกอดหนูยิ้มเอาไว้เอ่ยพร้อมซุกใบหน้าของตัวเองไปกับไหล่ของเธอ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ชื่นชอบกลิ่นของหนูยิ้มเป็นพิเสษเพราะว่าเวลาห่างกันเขามักจะเวียนศีราะ คลื่นไส้ แต่พอได้อยู่กับหนูยิ้มได้โอบกอดคลอเคลียแล้ว อาการที่เขาเป็นกลับหายไป“ไม่ได้ค่ะ”“หนูยิ้มใจร้ายกับพี่จัง” วาตะเริ่มงอแงมากกว่าเดิม จนทำให้หนูยิ้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“หนูยิ้มว่าการที่พี่วาตะมาซุกหนูยิ้มอยู่แบบนี้ไม่ทำให้พี่วาตะหายหรอกนะคะ
ตอนพิเศษ 2 สามีบุญทุ่ม NCหลังจากหนูยิ้มเรียนจบก็มาถึงวันนี้ วันที่เป็นวันรับปริญญาของหนูยิ้มและเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่า ซึ่งการรับปริญาญาของหญิงสาวดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูยิ้มมาก ๆ เลยก็ว่าได้ตลอดทั้งงานหนูยิ้มเอาแต่มองหาวาตะที่หายไป โทรก็ไม่รับหรือแม้แต่ส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบกลับมา จนกระทั่งช่วงถ่ายรูปคู่กับนักศึกษา หญิงสาวก็ยังไม่เจอวาตะ“พี่วาตะไปไหนก็ไม่รู้” หนูยิ้มเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ“อาจจะอยู่แถวนี้แหละ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างปลอบใจเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่แน่ใจแต่แล้วอยู่ ๆ หนูยิ้มกับน้อยหน่าก็ต้องตกใจ เมื่อธาม โจฮัน และอคิณณ์เดินตรงเข้ามาหาหนูยิ้ม“ยินดีด้วยนะครับ” โจฮันพูดจับก็คล้องมาลัยเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนให้กับหนูยิ้ม โดยที่ธามก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะเขาได้ยื่นร่มให้กับหนูยิ้ม“พระเจ้า มาจากไหนกันเนี่ย” น้อยหน่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของหนูยิ้มไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อมีมาสคอสหมีตัวใหญ่เดินนำปีกนางฟ้าและช่อกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่มาให้กับหนูยิ้ม“พี่วาตะ” หนูยิ้มเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ซึ่งอีกฝ่ายที่ถูกจับได้ก็ถอกหัวหมีออกก่อนยิ้ม
ตอนพิเศษ 1 พี่หึงนะ NC หลังจากวาตะถูกจับเข้าพิธีผูกแขนหรืองานแต่งงานอย่างไม่รู้ตัวที่สระแก้ว ข่าวเรื่องการแต่งงานของเขากับหนูยิ้มได้ถึงหูเพื่อนสนิททำให้ทั้งสามต่างพากันลบเล้าอยากให้พาหนูยิ้มไปทำความรู้จักก็หนักขึ้นทุกวันเพราะหากจะว่าไปแล้วเพื่ออีก 3 คน ยังไม่ได้รู้จักหนูยิ้มอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันนี้ที่วาตะทนไม่ได้ยอมพาหนูยิ้มไปให้ทั้ง 3 คนรู้จัก แม้ว่าในใจไม่อยากจะพาไปแค่ไหนก็ตาม “เอาจริงหนูยิ้มสวยกว่าที่พวกเราเห็นแต่ก่อนอีก” ธามเอ่ยออกมาพร้อมอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ด้วยเมื่อก่อนส่วนใหญ่เขาเห็นหนูยิ้มในชุดนักศึกษาส่วนใหญ่ และเห็นตอน ปี 1 แต่ตอนนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างไปจากที่ตอนนั่นค่อนข้างมาก“ใช่สวยกว่าเดิมเยอะเลย” โจฮันเอ่ยเสริมทัพพร้อมยิ้มให้กับหนูยิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ พวกพี่ ๆ ก็หน้าตาดี หล่อๆกันทั้งกลุ่มเลย” คำชมของหนูยิ้มทำเอาคนที่ได้ยินพากันยิ้มอย่างชอบใจ แต่มีหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าเพื่อนของเขาหล่อกันทุกคนนี่แหละเขาถึงไม่อยากพาหนูยิ้มมาแนะนำ“มึงทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงว่ะวาตะ แถมทำเหมือนอย่างกับจะสิงหนูยิ้มเข้าไปยังไงอย่างนั้น”
ตอนที่ 40 งานผูกแขน(ตอนจบ)หลังจากวาตะเรียนจบ เขาเข้ามาดูแลกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยที่ยังคงทำหน้าที่แฟนที่ดีของหนูยิ้มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งการทำหน้าที่ของเขาทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันอิจฉาหนูยิ้ม“ไง วันนี้สามีไม่มาส่ง แต่ขับรถมาเองหมายความว่าไง” น้อยหน่าเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมมองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ“ก็แค่อยากขับมาเอง ทำไมเหรอต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง” หนูยิ้มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าน้อยหนากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้อยหน่ากำลังคิดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม” น้อยหน่าขยับใบหน้าเข้าไปหาหนูยิ้มก่อนเอ่ยกระซิบถามด้วยความสงสัย“เปล่า อยากบอกว่าวันนี้เธอลืมตารางงานนะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเป็นคำถาม“ลืม…จริง ๆ” น้อยหน่ายิ้มแห้งให้เพื่อน จากเดิมคิดว่าเพื่อนมามหาลัยเองเพราะมีปัญหากับแฟน แต่ไม่คิดว่าเพราะงาน“งั้นเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัว แทนการมาแช่งเรากับพี่วาตะ” หนูยิ้มส่ายหัวไปมาให้กับน้อยหน่าอย่างเอือมระอาวันไหนหนูยิ้มต้องทำงานกลับดึก เธอจะขับรถมาเองด้วยเพราะต้องพาเพื่อนอย่างน้อยหน่าไปด้วย จึงไม่สะดวกถ้าจะให้วาตะไปส่งตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ซึ
ตอนที่ 39 ดูดาวกันไหม NCวาตะและหนูยิ้มอยู่เที่ยวที่น่านอยู่หลายวัน ก่อนทั้งสองจะย้ายมาพักที่เชียงใหม่ โดยที่พักของทั้งสองเป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ และมีความเป็นส่วนตัวสูง“พี่วาตะใจเย็น ๆ สิคะ” หนูยิ้มเอ่ยปรามคนที่จับให้เธอพิงไปกับผนังข้างประตูห้องพัก หลังจากที่ประตูห้องได้ปิดลง“หนูยิ้มแต่งตัวขัดใจพี่มากเลยรู้ไหม” วาตะมองใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แม้ว่าวันนี้หนูยิ้มจะแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแต่เปิดเว้าหลังลึกมาก ทำให้มีแต่คนมองจนทำให้คนข้างกายของหนูยิ้มออกอาการหึงหวงอย่างชัดเจน“เหรอคะ งั้นพี่วาตะก็ถอดออกเลยก็ได้นะคะ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีและคำพูดของเธอทำให้วาตะรู้ว่าไม่เพียงแค่ต้องการท้าทายเขาเท่านั้น แต่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ปากพูด“จะให้ถอดส่วนไหนก่อนดีล่ะ” วาตะมองหนูยิ้มด้วยสายตาที่ลวนลามหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็นแบบนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง“แล้วแต่พี่วาตะเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหนูยิ้ม เรียวปากสวยสีชมพูอ่อนก็ถูกวาตะประกบจูบลงทันที ซึ่งการจูบที่เร่าร้อนดุดันของวาตะถูกตอบสนองกับด้วยเรียวปากสวยที่ทั้งพยายามดูดึงและขบเม
ตอนที่ 38 สมัครเป็นลูกเขยช่วงเย็นวาตะมารับหนูยิ้มหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งหนูยิ้มก็บ่นวาตะทุกวันเช่นกัน เพราะในเมื่อเขาซื้อรถให้กับหนูยิ้มแล้วทำไมถึงยังมารับมาส่งตลอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าทั้งเอมี่และฝ้ายหายไปจากวงจรชีวิตของหนูยิ้มและวาตะ คนในมหาวิทยาลัยบ้างก็บอกว่า เอมี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนฝ้ายลาออกและกลับไปอยู่บ้านเกิด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครรู้ได้“เอาจริง ๆ พี่วาตะไม่ต้องมารับมาส่งหนูยิ้มก็ได้นะคะ หนูยิ้มขับรถมาเรียนเองได้แล้วค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งคำพูดของหนูยิ้มทำให้คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้หุบยิ้มลงทันที“ทำไมละครับ” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มก่อนเอ่ยถามออกมา“ก็พี่วาตะซื้อรถให้หนูยิ้มแล้ว พี่วาตะจะมารับมาส่งหนูยิ้มเพื่ออะไรคะ ถ้าแบบนี้พี่วาตะไม่ต้องซื้อรถให้หนูยิ้มก็ได้นะคะ”“พี่อยากอยู่กับหนูยิ้มไง อีกอย่างพี่มารับมาส่งหนูยิ้มไม่ดีเหรอ” วาตะพูดอย่างอ้อน ๆ ท่าทีอ้อน ๆ ของเขาให้คนทีได้ยินยกยิ้มออกมาเล็กน้อย“มันก็ดีค่ะ แล้ววันนี้พี่วาตะอยากทานอะไรคะ”“อะไรก็ได้ขอแค่หนูยิ้มเป็นคนทำ” วาตะหันมามองใบหน้าหนูยิ้มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มตอนนี้