ตอนที่ 13 นี่เธอกล้ามากนะ
ขณะที่หนูยิ้มกำลังจะเดินกลับไปทำงาน วาตะกลับสบสายตาของอีกฝ่ายอย่างบังเอิญและสีของนัยย์ตาคู่นั้นมันชัดเจนเหลือเกิน วาตะได้แต่คิดในใจ
‘นี่เธอกล้ามากนะ...ที่หาทางเข้ามาที่นี่’
“เดี๋ยว” วาตะเอ่ยเรียกคนที่กำลังจะเดินกลับไปทำงานต่อ เขาขยับตัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ซึ่งทำให้หนูยิ้มพยายามหลบหน้าของวาตะ เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเข้า
“มีอะไรเหรอคะ” หนูยิ้มยังคงดัดเสียงเพื่อเอ่ยถามอีกฝ่ายออกมา
“เงยหน้าขึ้น”
“เอ่อ…คือว่า”
“ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้นมา” วาตะเอ่ยตะคอกออกมา ซึ่งมันทำให้หนูยิ้มสะดุ้งตัวเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าวาตะจะจับได้เร็วขนาดนี้
“มีอะไรเหรอคะ คือ...จะรีบทำงานให้เสร็จแล้วจะออกไป ขอโทษที่มาทำงานช้าค่ะ ” หนูยิ้มเงยหน้าขึ้นช้า ๆ อย่างไม่มีทางให้เลือกแต่อย่างน้อย ตอนนี้เธอยัง
ใส่แมสมันก็น่าจะช่วยปกปิดได้อยู่บ้าง และคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่พอใจที่แม่บ้านทำงานช้ากว่าทุกวัน
ทันทีที่หนูยิ้มเงยใบหน้าขึ้นมา วาตะมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นใครกันแน่
“หนูยิ้ม เธอนี่มันจริง ๆ เลย ” วาตะจ้องตาหนูยิ้มอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ…” หนูยิ้มก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อรู้ว่าวาตะจับได้แล้ว
“เข้ามาได้ยังไง ฉันจำได้ว่าแม่บ้านที่ฉันจ้างไม่ใช่เธอแน่นอน”
“หนูยิ้มแค่อยากอยู่ใกล้ ๆ พี่ เลยสวมรอยเข้ามาทำงานแทนคุณป้าแม่บ้านค่ะ ”ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาวาตะคิดว่าหนูยิ้มจะตัดใจเรื่องของเขาไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมาเจออีกทีตอนที่เธอมาทำงานเป็นแม่บ้านของเขาแบบนี้และครั้งนี้เธอเข้ามาใกล้เขามากยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“สนุกไหม สนุกมากไหม ฉันถาม...” สายตาของวาตะที่มองหนูยิ้มในตอนนี้มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายโกรธเขามาแค่ไหน
“หนูยิ้มขอโทษ…พี่วาตะ ปล่อยนะคะ ปล่อย พี่จะทำอะไร” วาตะไม่รอให้หนูยิ้มได้พูดอะไรเขาจับลงที่แขนเรียวของหญิงสาว ก่อนออกแรงดึงให้เธอเดินตามตัวเองออกมา เขาพาหนูยิ้มออกมานอกบ้านพร้อมมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
“พี่วาตะ หนูยิ้มขอโทษ หนูยิ้มไม่ได้ตั้งใจโกหกพี่”
“ออกไป”
“พี่วาตะคะ หนูยิ้มจะออกไปค่ะ ครั้งหน้าจะเป็นคุณป้าแม่บ้านคนเดิมเข้ามานะคะ อย่าไล่คุณป้านะคะ หนูยิ้มขอร้องค่ะ ”
“ไม่ต้องพูด ถ้าฉันยังเห็นเธออีก ฉันจะแจ้งตำรวจจับ” วาตะพูดจบก็ปิดประตูทันที
และทันทีที่วาตะกำลังลากแขนของหนูยิ้มอยู่นั้น เธอถือวิสาวะความกล้าบ้าบิ่นกระโดดขึ้นเกี่ยวรอบเอวของวาตะ แขนอีกข้างของหนูยิ้มกอดคอเขาแน่น อีกฝ่ายพยายามสลัดตัวเธอออกแต่เธอยิ่งกอดรัดเขาไว้พลางซบหน้าของอกแกร่งที่โหยหา
“ยัยตัวแสบปล่อยเลยนะ ลงไป”
“พี่วาตะพาหนูยิ้มไปโยนทิ้งข้างนอกเลยก็ได้ค่ะ”
วาตะไม่พูดอะไรต่อเดินอุ้มหนูยิ้มออกไปหน้าประตูเพนท์เฮาส์ เขาผลักเธอแรงจนหนูยิ้มทรุดลงพื้น ก่อนหันหลังกลับเข้าไปด้านใน
หนูยิ้มได้แต่มองประตูบ้านของวาตะอย่างไม่รู้ว่าเธอควรจะทำยังไงต่อดี จนกระทั่งเธอยอมตัดใจเดินลงบันไดไปที่ชั้น 8 ที่มีห้องสำหรับแม่บ้านและจึงค่อยเข้าลิฟท์ลงมาชั้นล่าง เพื่อกลับออกไปจากสนามแข่งรถอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ
อย่างไรแล้วคุณป้าแม่บ้านเองเธอยอมรับได้หากเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพราะสาเหตุที่คุณป้าเลือกทำแบบนี้ก็เพราะต้องการเงินเพิ่มและมีเวลาอยู่ดูแลแม่ รวมถึงทำงานอื่นที่ได้เงินเพิ่มเติมนั่นเอง
วันต่อมา
12.30 น.
“เมื่อวานไปทำงานบ้านพี่วาตะมาเป็นยังไงบ้าง เจอพี่เข้าไหม” น้อยหน่าเอ่ยถามความคืบหน้าของเพื่อนทันที หลังจากพวกเธอทั้งสองเรียนเสร็จ
“เจอ”
“ดี” น้อยหน่าดีใจไม่น้อยที่เพื่อนของเธอได้เจอคนที่ตัวเองอยากพบหน้า
“ดีตรงไหน พี่วาตะลากเราโยนออกมาจากบ้านแถมจะแจ้งความจับอีก” หนูยิ้มพูดก่อนทิ้งตัวเองไปกับโต๊ะม้าหินอ่อนที่เธอนั่งอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าตัวเองควรจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างไรดี
“เดี๋ยวนะ! ไปทำยังไงให้เขาจับได้เนี่ย”
“ก็…เออ แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเรา ทั้งที่แต่งตัวปิดมิดชิดมาก เหลือแต่ลูกกะตา”
“ก็เพราะสีลูกกะตานั่นไงล่ะยัยหนูยิ้ม” ทันทีที่น้อยหน้าพูดออกมา หนูยิ้มนึกได้ในทันทีเพราะตาสีฟ้าของเธออย่างแน่นอนที่ทำให้วาตะจำได้ทันที
“ไง…ทำขนาดนี้แล้ว พี่วาตะไม่สนใจเธอเลยเหรอ” ยังไม่ทันที่หนูยิ้มจะได้เอ่ยอะไรออกมากับน้อยหน่า เอมี่ก็เดินเข้ามาทักทายหนูยิ้มเสียก่อน
“ไม่สนใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ” น้อยหน่ามองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่เกี่ยว แต่รู้เอาไว้นะ อะไรที่มันไม่ดี ไม่มีทางที่พี่วาตะจะเก็บขึ้นมา” เอมี่มองหนูยิ้มด้วยหางตาพร้อมเบะปากใส่เธอเล็กน้อย
“เหมือนเธอนะเหรอ”
“นี่...ยัยน้อยหน่า” เอมี่มองเพื่อนสาวคนสนิทของหนูยิ้มอย่างไม่พอใจ
“จะว่าคนอื่น แต่ไม่ดูตัวเอง พี่วาตะเขาก็ไม่มองเธอเหมือนกันย่ะ ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างไม่ชอบใจที่เอมี่มาว่าเพื่อนของตัวเอง แต่เอมี่ยังไม่ทันได้เอ่ยโต้ตอบอะไร
“พี่วาตะ มารับเอมี่ไปทานข้าวใช่ไหมคะ”
“อืม..ไปกันยัง” วาตะมองหนูยิ้มเล็กน้อยแต่ท่าทีของเขามันมีแต่ความเย็นชา
ตอนแรกวาตะไม่คิดสนใจเอมี่ด้วยซ้ำ แต่เขารู้สึกว่าถ้าปล่อยหนูยิ้มไปเฉย ๆ หญิงสาวคงทำตัววุ่นวายกับเขาไม่เลิก
“ไปกันเลยค่ะ”
วาตะและเอมี่เดินออกไปจากตรงนั้น หนูยิ้มได้แต่มองตามทั้งสองคนที่เดินออกไปโดยที่มือของเอมี่ควงแขนวาตะเดินไปแถมยังหันกลับมายิ้มเยาะเย้ยเธออีกด้วย
“แกโอเคไหม” น้อยหน่าจับลงที่ไหล่ของหนูยิ้มราวกับกำลังเรียกสติของคนที่เอาแต่มองไปยังวาตะ
“โอเคสิ มีอะไรให้ไม่โอเค” หนูยิ้มยิ้มให้น้อยหน่าอย่างข่มอารมณ์เอาไว้และบอกตัวเองว่าไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น
“งั้นไปกินข้าวกัน” หนูยิ้มพยักหน้าให้เพื่อนของตัวเองอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันไปเก็บของ
ผ่านมาอาทิตย์กว่า
หนูยิ้มยังคงหายไปจากสายตาของวาตะ เธอไม่มาดักรอหรือคิดจะมาแอบมองชายหนุมด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้วาตะคิดว่าหนูยิ้มคงไม่คิดสนใจตัวเอง แต่ความเป็นจริงแล้วหนูยิ้มมีเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่าการมานั่งดักรอชายหนุ่ม
“หนูยิ้มมันจะดีเหรอ” น้อยหน่าเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังมาดักรอป้าแม่บ้านคนใหม่ของเพนท์เฮาส์วาตะ
“ดีสิ”
“ครั้งก่อนก็โดนจับได้”
“แล้วไง โดนจับได้ ก็โดนไปสิ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างไม่สนใจ
“เราล่ะยอมใจเธอจริง ๆ” น้อยหน่าที่รู้ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางห้ามหนูยิ้มได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่สนับสนุนเพื่อนเท่านั้น
ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนครั้งก่อน แต่สุดท้ายด้วยอำนาจเงินทำให้หนูยิ้มสามารถเข้าไปในเพนท์เฮาส์ของวาตะได้อีกครั้ง
ทางด้านของวาตะ เขาหงุดหงิดไม่น้อยที่อยู่ ๆ หนูยิ้มหายไป แถมทุกครั้งที่เขาเจอหญิงสาวก็จะเจอตอนที่อยู่กับเจเจที่มหาวิทยาลัย
วาตะเดินเข้ามาภายในเพนท์เฮาส์ด้วยท่าทีหัวเสีย มากกว่าทุกวันด้วยเพราะคำพูดของเพื่อนของเขาที่บอกว่าหนูยิ้มหายไปเพราะไปคบกับคนอื่นแล้ว แม้ว่าท่าทีที่แสดงออกมาจะเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ในใจอยากจะไปถามหนูยิ้มให้รู้แล้วรู้รอดว่าผู้ชายคนนั้นตอนนี้มีสถานะเป็นอะไรกับหนูยิ้ม
วาตะที่เดินเข้ามาภายในเพนท์เฮาส์ได้เพียงไม่กี่ก้าวต้องหยุดการขยับเท้า เพราะเขาเห็นหญิงสาวที่กำลังยืนหันหลังกำลังทำงานบ้านอยู่โดยไม่ได้แต่งตัวปิดบังตัวเองเหมือนแต่ก่อน ละเจ้าของร่างระหงที่กำลังตั้งใจทำงานบ้านอยู่นั้นวาตะจำรูปร่างของสาวคนนี้ได้
“เธออีกแล้วเหรอ...นี่เธอกล้ามากนะ
”
ตอนพิเศษ 3 สมาชิกใหม่นับตั้งแต่วันรับปริญญาผ่านมา 3 เดือน ชีวิตของหนูยิ้มกับวาตะยังคงเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไม่ผิดไป เพียงแต่ตอนนี้วาตะกลับติดหนูยิ้มไม่ทิ้งห่างหญิงสาว หนูยิ้มก็เริ่มทำงานที่สนามแงรถของสามีอย่างเต็มตัว ดูแลเกี่ยวกับการตลาดและงานโปรโมตต่างๆหนูยิ้มไปไหนวาตะต้องไปด้วย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าวาตะไม่อยู่ใกล้เธอ เขาก็จะเวียนหัว อาเจียนไม่หยุด อย่างเช่นวันนี้ที่ตั้งแต่เช้ามาวาตะยังคงอาเจียนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด“พี่วาตะ ห่างกับหนูยิ้มหน่อยได้ไหมคะ” หนูยิ้มเอ่ยออกมาพร้อมมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ชอบใจ“ให้พี่นั่งกอดหนูยิ้มก่อนไม่ได้เหรอ” วาตะที่โอบกอดหนูยิ้มเอาไว้เอ่ยพร้อมซุกใบหน้าของตัวเองไปกับไหล่ของเธอ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ชื่นชอบกลิ่นของหนูยิ้มเป็นพิเสษเพราะว่าเวลาห่างกันเขามักจะเวียนศีราะ คลื่นไส้ แต่พอได้อยู่กับหนูยิ้มได้โอบกอดคลอเคลียแล้ว อาการที่เขาเป็นกลับหายไป“ไม่ได้ค่ะ”“หนูยิ้มใจร้ายกับพี่จัง” วาตะเริ่มงอแงมากกว่าเดิม จนทำให้หนูยิ้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“หนูยิ้มว่าการที่พี่วาตะมาซุกหนูยิ้มอยู่แบบนี้ไม่ทำให้พี่วาตะหายหรอกนะคะ
ตอนพิเศษ 2 สามีบุญทุ่ม NCหลังจากหนูยิ้มเรียนจบก็มาถึงวันนี้ วันที่เป็นวันรับปริญญาของหนูยิ้มและเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่า ซึ่งการรับปริญาญาของหญิงสาวดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูยิ้มมาก ๆ เลยก็ว่าได้ตลอดทั้งงานหนูยิ้มเอาแต่มองหาวาตะที่หายไป โทรก็ไม่รับหรือแม้แต่ส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบกลับมา จนกระทั่งช่วงถ่ายรูปคู่กับนักศึกษา หญิงสาวก็ยังไม่เจอวาตะ“พี่วาตะไปไหนก็ไม่รู้” หนูยิ้มเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ“อาจจะอยู่แถวนี้แหละ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างปลอบใจเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่แน่ใจแต่แล้วอยู่ ๆ หนูยิ้มกับน้อยหน่าก็ต้องตกใจ เมื่อธาม โจฮัน และอคิณณ์เดินตรงเข้ามาหาหนูยิ้ม“ยินดีด้วยนะครับ” โจฮันพูดจับก็คล้องมาลัยเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนให้กับหนูยิ้ม โดยที่ธามก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะเขาได้ยื่นร่มให้กับหนูยิ้ม“พระเจ้า มาจากไหนกันเนี่ย” น้อยหน่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของหนูยิ้มไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อมีมาสคอสหมีตัวใหญ่เดินนำปีกนางฟ้าและช่อกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่มาให้กับหนูยิ้ม“พี่วาตะ” หนูยิ้มเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ซึ่งอีกฝ่ายที่ถูกจับได้ก็ถอกหัวหมีออกก่อนยิ้ม
ตอนพิเศษ 1 พี่หึงนะ NC หลังจากวาตะถูกจับเข้าพิธีผูกแขนหรืองานแต่งงานอย่างไม่รู้ตัวที่สระแก้ว ข่าวเรื่องการแต่งงานของเขากับหนูยิ้มได้ถึงหูเพื่อนสนิททำให้ทั้งสามต่างพากันลบเล้าอยากให้พาหนูยิ้มไปทำความรู้จักก็หนักขึ้นทุกวันเพราะหากจะว่าไปแล้วเพื่ออีก 3 คน ยังไม่ได้รู้จักหนูยิ้มอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันนี้ที่วาตะทนไม่ได้ยอมพาหนูยิ้มไปให้ทั้ง 3 คนรู้จัก แม้ว่าในใจไม่อยากจะพาไปแค่ไหนก็ตาม “เอาจริงหนูยิ้มสวยกว่าที่พวกเราเห็นแต่ก่อนอีก” ธามเอ่ยออกมาพร้อมอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ด้วยเมื่อก่อนส่วนใหญ่เขาเห็นหนูยิ้มในชุดนักศึกษาส่วนใหญ่ และเห็นตอน ปี 1 แต่ตอนนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างไปจากที่ตอนนั่นค่อนข้างมาก“ใช่สวยกว่าเดิมเยอะเลย” โจฮันเอ่ยเสริมทัพพร้อมยิ้มให้กับหนูยิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ พวกพี่ ๆ ก็หน้าตาดี หล่อๆกันทั้งกลุ่มเลย” คำชมของหนูยิ้มทำเอาคนที่ได้ยินพากันยิ้มอย่างชอบใจ แต่มีหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าเพื่อนของเขาหล่อกันทุกคนนี่แหละเขาถึงไม่อยากพาหนูยิ้มมาแนะนำ“มึงทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงว่ะวาตะ แถมทำเหมือนอย่างกับจะสิงหนูยิ้มเข้าไปยังไงอย่างนั้น”
ตอนที่ 40 งานผูกแขน(ตอนจบ)หลังจากวาตะเรียนจบ เขาเข้ามาดูแลกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยที่ยังคงทำหน้าที่แฟนที่ดีของหนูยิ้มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งการทำหน้าที่ของเขาทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันอิจฉาหนูยิ้ม“ไง วันนี้สามีไม่มาส่ง แต่ขับรถมาเองหมายความว่าไง” น้อยหน่าเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมมองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ“ก็แค่อยากขับมาเอง ทำไมเหรอต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง” หนูยิ้มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าน้อยหนากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้อยหน่ากำลังคิดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม” น้อยหน่าขยับใบหน้าเข้าไปหาหนูยิ้มก่อนเอ่ยกระซิบถามด้วยความสงสัย“เปล่า อยากบอกว่าวันนี้เธอลืมตารางงานนะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเป็นคำถาม“ลืม…จริง ๆ” น้อยหน่ายิ้มแห้งให้เพื่อน จากเดิมคิดว่าเพื่อนมามหาลัยเองเพราะมีปัญหากับแฟน แต่ไม่คิดว่าเพราะงาน“งั้นเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัว แทนการมาแช่งเรากับพี่วาตะ” หนูยิ้มส่ายหัวไปมาให้กับน้อยหน่าอย่างเอือมระอาวันไหนหนูยิ้มต้องทำงานกลับดึก เธอจะขับรถมาเองด้วยเพราะต้องพาเพื่อนอย่างน้อยหน่าไปด้วย จึงไม่สะดวกถ้าจะให้วาตะไปส่งตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ซึ
ตอนที่ 39 ดูดาวกันไหม NCวาตะและหนูยิ้มอยู่เที่ยวที่น่านอยู่หลายวัน ก่อนทั้งสองจะย้ายมาพักที่เชียงใหม่ โดยที่พักของทั้งสองเป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ และมีความเป็นส่วนตัวสูง“พี่วาตะใจเย็น ๆ สิคะ” หนูยิ้มเอ่ยปรามคนที่จับให้เธอพิงไปกับผนังข้างประตูห้องพัก หลังจากที่ประตูห้องได้ปิดลง“หนูยิ้มแต่งตัวขัดใจพี่มากเลยรู้ไหม” วาตะมองใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แม้ว่าวันนี้หนูยิ้มจะแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแต่เปิดเว้าหลังลึกมาก ทำให้มีแต่คนมองจนทำให้คนข้างกายของหนูยิ้มออกอาการหึงหวงอย่างชัดเจน“เหรอคะ งั้นพี่วาตะก็ถอดออกเลยก็ได้นะคะ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีและคำพูดของเธอทำให้วาตะรู้ว่าไม่เพียงแค่ต้องการท้าทายเขาเท่านั้น แต่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ปากพูด“จะให้ถอดส่วนไหนก่อนดีล่ะ” วาตะมองหนูยิ้มด้วยสายตาที่ลวนลามหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็นแบบนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง“แล้วแต่พี่วาตะเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหนูยิ้ม เรียวปากสวยสีชมพูอ่อนก็ถูกวาตะประกบจูบลงทันที ซึ่งการจูบที่เร่าร้อนดุดันของวาตะถูกตอบสนองกับด้วยเรียวปากสวยที่ทั้งพยายามดูดึงและขบเม
ตอนที่ 38 สมัครเป็นลูกเขยช่วงเย็นวาตะมารับหนูยิ้มหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งหนูยิ้มก็บ่นวาตะทุกวันเช่นกัน เพราะในเมื่อเขาซื้อรถให้กับหนูยิ้มแล้วทำไมถึงยังมารับมาส่งตลอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าทั้งเอมี่และฝ้ายหายไปจากวงจรชีวิตของหนูยิ้มและวาตะ คนในมหาวิทยาลัยบ้างก็บอกว่า เอมี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนฝ้ายลาออกและกลับไปอยู่บ้านเกิด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครรู้ได้“เอาจริง ๆ พี่วาตะไม่ต้องมารับมาส่งหนูยิ้มก็ได้นะคะ หนูยิ้มขับรถมาเรียนเองได้แล้วค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งคำพูดของหนูยิ้มทำให้คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้หุบยิ้มลงทันที“ทำไมละครับ” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มก่อนเอ่ยถามออกมา“ก็พี่วาตะซื้อรถให้หนูยิ้มแล้ว พี่วาตะจะมารับมาส่งหนูยิ้มเพื่ออะไรคะ ถ้าแบบนี้พี่วาตะไม่ต้องซื้อรถให้หนูยิ้มก็ได้นะคะ”“พี่อยากอยู่กับหนูยิ้มไง อีกอย่างพี่มารับมาส่งหนูยิ้มไม่ดีเหรอ” วาตะพูดอย่างอ้อน ๆ ท่าทีอ้อน ๆ ของเขาให้คนทีได้ยินยกยิ้มออกมาเล็กน้อย“มันก็ดีค่ะ แล้ววันนี้พี่วาตะอยากทานอะไรคะ”“อะไรก็ได้ขอแค่หนูยิ้มเป็นคนทำ” วาตะหันมามองใบหน้าหนูยิ้มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มตอนนี้