Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

Share

๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

last update Last Updated: 2025-06-03 22:53:59

ยามอรุณเบิกฟ้า แสงเงินยวงของรุ่งอรุณทาบทาผืนฟ้าสีคราม ส่งมอบความอบอุ่นแก่โลกหล้า แม้จิตใจของตู้เยี่ยนอวี่จะยังคงสับสนดุจเรือน้อยกลางทะเลกว้าง แต่กายเนื้อกลับเริ่มฟื้นฟูคืนกำลังทีละน้อย

เสียงเจื้อยแจ้วของนกน้อยนอกหน้าต่าง และกลิ่นไอดินที่ลอยมาตามสายลมยามเช้า ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของนาง¹

“คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูผู้เป็นดุจเงาตามตัวของนาง เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่น “ฮูหยินสั่งให้บ่าวทำโจ๊กสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้เจ้าค่ะ”

ตู้เยี่ยนอวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังเสี่ยวจูที่กำลังจัดสำรับอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของนางดูเป็นธรรมชาติและคุ้นเคย ดุจพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวที่นางเคยจินตนาการไว้จากนวนิยายโบราณโดยสิ้นเชิง

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้ว” เยี่ยนอวี่ตอบเสียงเบา พลางพยุงกายขึ้นนั่งพิงหมอน “แค่ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง”

เสี่ยวจูส่งถ้วยโจ๊กมาให้ เยี่ยนอวี่จึงรับมาถือไว้

สัมผัสถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากถ้วย หน้าตาของโจ๊กนั้นขาวนวล มีกลิ่นหอมของข้าวและสมุนไพรบางชนิดลอยแตะจมูก

“คุณหนูต้องทานให้มากนะเจ้าคะ จะได้มีเรี่ยวแรง” เสี่ยวจูกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย ดวงตาใสซื่อคู่นั้นสะท้อนภาพของความบริสุทธิ์ใจ

เยี่ยนอวี่ตักโจ๊กเข้าปากช้า ๆ รสชาติที่หอมหวานและนุ่มละมุนละไมแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้ปรุง และความห่วงใยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

“ท่านแม่ฝีมือดีจริง” เยี่ยนอวี่เผลอเอ่ยปากชม

เสี่ยวจูยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยในทีกับคำพูดของนาง

“ฮูหยินของเราเป็นแม่ศรีเรือนที่เก่งกาจเจ้าค่ะ ทั้งงานบ้านงานเรือน การจัดการทรัพย์สิน หรือแม้แต่การเย็บปักถักร้อย ล้วนทำได้อย่างไร้ที่ติ” นางกล่าวสรรเสริญฮูหยินของตนด้วยความภาคภูมิใจ ดุจลูกกตัญญูที่ยกย่องมารดา

เยี่ยนอวี่รับฟังอย่างเงียบ ๆ พลางนึกถึงชีวิตเดิมของตนที่แทบจะมิได้เข้าครัวเลยแม้แต่น้อย ความรู้เรื่องการทำอาหารของนางมีเพียงเท่าที่เรียนรู้จากตำราและรายการโทรทัศน์ ยิ่งคิดก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แตกต่างจากเดิมมากเพียงใด

“เสี่ยวจู” เยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นอีกครา “เจ้าช่วยเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านซีหลินให้ข้าฟังได้หรือไม่ ข้าอยากรู้เรื่องราวรอบตัวให้มากขึ้น”

เสี่ยวจูมิได้ฉงนใจ นางคิดว่าคุณหนูคงจะความจำเลอะเลือนจากพิษไข้ จึงเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านอย่างละเอียดลออ

“หมู่บ้านซีหลินเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซีหลินเจ้าค่ะ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าว ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ มีร้านค้าเล็ก ๆ ไม่กี่แห่ง แต่ผู้คนก็อยู่กันอย่างสงบสุขและพึ่งพาอาศัยกัน”

นางเล่าถึงผู้คนในหมู่บ้าน ร้านค้าประจำหมู่บ้าน เทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นเป็นประจำ และแม้แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การที่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านชอบวิ่งเล่นไล่จับกันริมแม่น้ำยามเย็น

“แล้วเรื่องการแพทย์เล่า ? ในหมู่บ้านมีหมอหรือไม่ ?” เยี่ยนอวี่ถามด้วยความสนใจ

“มีเจ้าค่ะ มีหมอหลี่ ท่านเป็นหมอเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน มีความรู้เรื่องสมุนไพรและการฝังเข็ม” เสี่ยวจูตอบ “แต่ยามใดที่มีคนป่วยหนัก หรือเกิดโรคระบาดใหญ่ ก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากหมอผู้เก่งกาจในเมืองหลวง”

เยี่ยนอวี่พยักหน้าช้า ๆ “เช่นนั้นเอง”

ในใจนางเกิดประกายความคิดขึ้นเล็กน้อย แม้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่จะแตกต่างจากแพทย์แผนโบราณมาก แต่หลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่น สุขอนามัย การปฐมพยาบาล หรือการแยกโรค ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้ได้

“คุณหนูมีสิ่งใดให้บ่าวช่วยอีกหรือไม่เจ้าคะ ?” เสี่ยวจูถามอย่างเอาใจใส่

“ยังมิมี” เยี่ยนอวี่ตอบ “เจ้าไปพักเถิด”

หลังจากเสี่ยวจูออกไปแล้ว ตู้เยี่ยนอวี่ก็ค่อย ๆ พยุงกายลงจากเตียง สัมผัสของพื้นไม้ที่เย็นเยียบกระทบเท้าเปล่า ทำให้รู้สึกเหมือนจริงยิ่งขึ้น นางเดินสำรวจห้องอย่างช้า ๆ ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นล้วนบ่งบอกถึงยุคสมัยที่ห่างไกลจากที่นางเคยอยู่

นางเดินไปที่หน้าต่างไม้ บานหน้าต่างถูกเปิดออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ภายนอก

สายลมพัดโชยมาปะทะใบหน้า นำพาเอาไอเย็นและกลิ่นหอมของดอกไม้ยามเช้าเข้ามาในห้อง เบื้องหน้าคือกำแพงเตี้ย ๆ ของเรือนเล็ก ถัดไปคือสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่นัก มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และแปลงผักเล็ก ๆ ที่ปลูกผักสวนครัว

“ชีวิตใหม่ของข้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” นางพึมพำกับตนเอง

วันเวลาหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็เต็มไปด้วยการเรียนรู้ ตู้เยี่ยนอวี่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสี่ปี พยายามปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของสกุลตู้ นางสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี และพยายามทำความเข้าใจภาษาและสำเนียงการพูดที่ไม่คุ้นเคย

ทุกเช้านางจะลุกขึ้นมาเดินเล่นในสวน เพื่อทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติรอบตัว เรียนรู้พืชผักและสมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกอยู่ในสวน แม้จะมิได้มีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์มาก่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณของการเป็นแพทย์ นางก็เริ่มแยกแยะสมุนไพรบางชนิดได้

“นี่คือต้นบัวบกใช่หรือไม่ ?” นางถามเสี่ยวจูขณะชี้ไปที่พืชเลื้อยชนิดหนึ่ง

เสี่ยวจูพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูจะใช้ไปทำอันใดหรือเจ้าคะ ?”

“เปล่า” เยี่ยนอวี่ตอบ “แค่สงสัยเฉย ๆ” ในใจนางนึกถึงสรรพคุณของบัวบกที่ใช้ในตำรับยาแผนปัจจุบัน ทั้งช่วยสมานแผล และบำรุงสมอง

นางยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดเก่าแก่ของตระกูลตู้ ซึ่งเต็มไปด้วยตำราโบราณมากมาย แม้หลายเล่มจะเป็นตำราที่เขียนด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ แต่บางเล่มก็เป็นบันทึกเรื่องราวในอดีต หรือตำราสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ทำให้ตู้เยี่ยนอวี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น

“ตำราเล่มนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” นางพึมพำกับตนเอง ขณะเปิดอ่านตำราสมุนไพรเล่มหนึ่ง ในตำรามีภาพประกอบและรายละเอียดของสมุนไพรพื้นบ้านมากมาย พร้อมสรรพคุณและวิธีการใช้

ยิ่งอ่านก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แม้จะล้าหลังในด้านเทคโนโลยี แต่ภูมิปัญญาโบราณเกี่ยวกับธรรมชาติและสมุนไพรกลับลึกล้ำยิ่งนัก

“ลูกรัก อ่านตำราแต่เช้าเลยนะ” เสียงท่านผู้เฒ่าตู้ดังขึ้นจากด้านหลัง

เยี่ยนอวี่หันไปมอง “ท่านพ่อ ข้ากำลังศึกษาตำราสมุนไพรอยู่เจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าตู้ยิ้มอย่างอบอุ่น “อวี่เอ๋อร์ของพ่อช่างเป็นเด็กใฝ่เรียนรู้ยิ่งนัก ยามเจ็บป่วยเช่นนี้ก็ยังมิได้หยุดพักผ่อน”

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ” เยี่ยนอวี่ตอบอย่างสุภาพ “ท่านพ่อมีความรู้เรื่องตำราเหล่านี้มากใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

“พอมีความรู้บ้าง” ท่านผู้เฒ่าตอบด้วยความถ่อมตน “ตำราเหล่านี้เป็นของตกทอดของตระกูลเรา มีทั้งตำราการแพทย์ ตำราปรัชญา และตำราเกี่ยวกับประเพณี”

บทสนทนาระหว่างตู้เยี่ยนอวี่และท่านผู้เฒ่าตู้ดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่นางก็ได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายจากบิดา ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัฒนธรรม หรือแม้แต่เรื่องราวปรัชญาชีวิตที่ฝังรากลึกในยุคสมัยนี้

บางครั้งนางก็ช่วยมารดาทำงานบ้านงานเรือน แม้จะมิเคยทำมาก่อน แต่ด้วยความตั้งใจเรียนรู้ นางก็เริ่มทำอาหารง่าย ๆ หรือเย็บปักถักร้อยได้บ้าง แม้จะยังไม่สวยงามประณีตเท่ามารดา แต่ก็เป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจที่ได้เรียนรู้

“คุณหนูช่างเก่งกาจเสียจริงเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูเอ่ยชมยามที่เยี่ยนอวี่สามารถเย็บชายผ้าได้ตรง แม้จะใช้เวลานานก็ตาม

“ก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง” เยี่ยนอวี่ตอบพลางยิ้ม “ยามใดที่มิมีบ่าวรับใช้ จะได้มิอดอยาก”

เสี่ยวจูหัวเราะคิกคัก “คุณหนูพูดจาตลกนัก”

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดุจสายน้ำที่ไหลเอื่อย

ตู้เยี่ยนอวี่เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในหมู่บ้านซีหลินได้มากขึ้น นางเริ่มคุ้นชินกับกิจวัตรประจำวัน การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

แม้ในบางคราวความคิดถึงโลกเดิมจะเข้ามารบกวนจิตใจ แต่ตู้เยี่ยนอวี่ก็เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง และก้าวเดินต่อไป

“เส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร มิอาจคาดเดาได้” นางรำพึงรำพันกับตนเองยามค่ำคืน พลางเหม่อมองแสงจันทร์ที่ทอแสงผ่านหน้าต่าง “แต่ข้าจะมิยอมแพ้ จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้ดีที่สุด”

————————

¹นาง หลังจากนี้ไปจะบรรยายตัวละครของนางเอก โดยใช้คำว่านาง แทนคำว่าเธอ หรือใช้ศัพท์สำนวนจีนต่าง ๆ  เพื่ออรรถรสในการอ่าน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๗ กายใจแกร่งกล้า ดุจหินผาต้านทานพายุ

    ยามฟ้าครามสดใส แสงตะวันสาดส่องลงมายังผืนดินร้อนระอุ แม้ไอแดดจะแผดจ้าเพียงใด แต่ก็มิอาจห้ามยั้งความตั้งใจของตู้เยี่ยนอวี่ได้เลยนางยังคงฝึกฝนวิชากำลังภายในอย่างมุ่งมั่น บริเวณลานหลังบ้านที่เงียบสงบ ต้นไผ่ที่ปลูกเรียงรายส่งเสียงเสียดสีกันตามแรงลม ดุจเสียงกระซิบจากธรรมชาติที่ช่วยให้นางเข้าถึงสมาธิได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนางเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่แฝงด้วยความแข็งแกร่งและคล่องแคล่ว ดุจกระเรียนที่กำลังร่ายรำเพลงยุทธ์ ท่วงท่าแต่ละท่วงท่าล้วนเชื่อมโยงกันอย่างเป็นธรรมชาติ ลมปราณในกายไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ ดุจสายน้ำที่ไหลรินในลำธารที่แห้งแล้งบัดนี้นางสามารถควบคุมลมปราณให้ไหลเวียนไปยังจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น“ลมหายใจต้องเป็นหนึ่งเดียวกับลมปราณ” เสียงคำสอนในตำราดังก้องอยู่ในห้วงความคิดของนาง “เมื่อจิตมั่นคง ลมปราณย่อมบริสุทธิ์และไหลเวียนได้อย่างไร้ขีดจำกัด”ในทุก ๆ วันนางจะใช้เวลาในยามเช้าตรู่และยามค่ำคืนในการฝึกฝนวิชากำลังภายใน บางครั้งก็ฝึกซ้อมท่ารำมวยจีนโบราณ บางครั้งก็นั่งสมาธิเพื่อปรับลมปราณให้สมดุล แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่นางก็มิเคยท้อถอย เพราะรู้ดีว่าการฝึกฝนเหล่านี้จะช่วยให้ร

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๖ สายธารแห่งปัญญา หล่อเลี้ยงจิตใจอันบริสุทธิ์

    เดือนสี่ ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่เจ็ดสิบเจ็ดยามอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังหมู่บ้านซีหลิน ดุจแพรไหมสีทองที่คลี่คลุมผืนปฐพี เสียงระฆังจากวัดท้ายหมู่บ้านดังกังวานแผ่วเบา ดุจเสียงเรียกจากสรวงสวรรค์ตู้เยี่ยนอวี่ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราด้วยจิตใจที่สงบและปลอดโปร่ง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานางมิเพียงแค่ร่ำเรียนวิชาการแพทย์และกำลังภายในเท่านั้น หากแต่ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกลมกลืนกับผู้คนในหมู่บ้านวันนี้นางมีนัดกับท่านผู้เฒ่าหลี่ หมอประจำหมู่บ้านที่เคยประจักษ์ในฝีมือของนางเมื่อคราวก่อน แม้จะเป็นผู้เฒ่า แต่ท่านผู้เฒ่าหลี่ก็เป็นผู้ที่มีจิตใจเปิดกว้าง ยินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และมิได้ยึดติดกับความรู้เก่า ๆ เลย“คุณหนูตู้เยี่ยนอวี่ มาแต่เช้าเลยนะ” ท่านผู้เฒ่าหลี่เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ยามเห็นเยี่ยนอวี่ก้าวเข้ามาในเรือนยาของเขา“คารวะท่านผู้เฒ่าหลี่เจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี่โค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ข้าเพียงอยากมาขอคำชี้แนะจากท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”“เชิญนั่งก่อนเถิด” ท่านผู้เฒ่าหลี่ผายมือเชิญไปยังที่นั่งว่าง “มิรู้ว่าวันนี้แม่นางมีข้อสงสัยอันใดหรือ ?”ตู้เยี่ยนอวี่นั่งลงอย่างเรียบร้อย“ข้ากำลังศึกษาต

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๕ ลมพัดใบไผ่ สู่ห้วงสมาธิอันล้ำลึก

    ยามตรุษวสันต์¹เวียนมาบรรจบ อากาศยังคงเย็นยะเยือกทว่าภายในเรือนเล็กของสกุลตู้กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและบรรยากาศอันผ่อนคลาย ตู้เยี่ยนอวี่ในวัยสิบห้าปีบริบูรณ์ นั่งอยู่บนเสื่อฟางผืนบางภายในห้องของตนเอง ดวงตาหลับพริ้ม ใบหน้าสงบนิ่ง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่มิเร่งร้อน มิช้าเกินไปนี่มิใช่การพักผ่อนธรรมดา หากแต่เป็นการฝึกฝนวิชากำลังภายในจากม้วนคัมภีร์เก่าแก่ที่นางค้นพบโดยบังเอิญเมื่อหลายเดือนก่อน แม้ตำราจะเขียนด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจในตอนแรก แต่ด้วยความเพียรพยายามและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ตู้เยี่ยนอวี่ก็ค่อย ๆ ตีความและทำความเข้าใจหลักการต่าง ๆ ได้ทีละน้อย‘ลมปราณคือรากฐานแห่งชีวิต พลังงานหมุนเวียนในกายเปรียบดุจแม่น้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง’ เสียงท่องจำในตำราดังขึ้นในห้วงความคิดของนาง ‘หากแม่น้ำบริสุทธิ์และไหลเวียนสะดวก ร่างกายย่อมแข็งแรงและอายุยืนยาว’นางจินตนาการถึงเส้นลมปราณในร่างกายของตนเอง แต่สัมผัสได้ถึงกระแสพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ทุกครั้งที่ลมปราณไหลเวียนผ่านจุดชีพจรสำคัญ ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างแรกเริ่ม การฝึกฝนเป็นไปด้วยความยากลำบาก นางมิอาจคว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๔ เมล็ดพันธุ์คุณธรรม แผ่กิ่งก้านสาขา

    ยามลมหนาวเริ่มพัดโชยมา ต้นไม้ในหมู่บ้านซีหลินเริ่มผลัดใบ ทิ้งความเขียวชอุ่มของฤดูร้อนไว้เบื้องหลัง ทว่าในใจของตู้เยี่ยนอวี่กลับมิได้มีแม้แต่ความเหี่ยวเฉา ดุจบุปผาที่ไม่เคยโรยรา ชื่อเสียงของหมอเทวดาตูได้แผ่ขยายออกไปไกลกว่าที่นางคาดคิด ผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียงเริ่มเดินทางมาขอความช่วยเหลือมิขาดสาย ตั้งแต่ยามอรุณรุ่งจนกระทั่งยามสนธยา“คุณหนูเจ้าคะ มีชาวบ้านจากหมู่บ้านไผ่เขียวมาขอพบเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูรายงานด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่นัยน์ตากลับเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมในตัวนายหญิงของตนตู้เยี่ยนอวี่ที่กำลังจัดเรียงสมุนไพรในห้องปรุงยา หันมายิ้มอย่างอ่อนโยน“เชิญเขาเข้ามาเถิดเสี่ยวจู”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ใบหน้าฉายแววความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาววัยราวสิบขวบปีที่กำลังไอโขลก ใบหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอม“คารวะหมอเทวดาตู้ ขอท่านโปรดช่วยบุตรสาวของข้าด้วยเถิด นางป่วยมาหลายวันแล้ว กินยาก็ไม่หาย ไอจนตัวโยน แทบจะขาดใจแล้วขอรับ” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน พร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าเยี่ยนอวี่ตู้เยี่ยนอวี่รีบพยุงชายผู้นั้นขึ้น“ท่านลุงมิต้องทำเช่นนั้นเจ้

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๓ หยกงามซ่อนประกาย เปล่งรัศมีในความเงียบงัน

    ยามตะวันคล้อยต่ำ แสงสีทองสาดส่องกระทบผืนน้ำในลำธารซีหลิน ทำให้ผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดุจดวงดาวนับร้อยที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าตู้เยี่ยนอวี่ยืนอยู่ริมท่าน้ำ มือเรียวบางกำลังซักผ้าอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าสตรีในหมู่บ้านที่กำลังทำกิจวัตรประจำวัน การเรียนรู้งานบ้านงานเรือนเหล่านี้เป็นดั่งบทเรียนสำคัญที่ทำให้นางเข้าใจชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้อย่างลึกซึ้งขึ้นทีละน้อย“คุณหนูเยี่ยนอวี่ ช่างขยันขันแข็งยิ่งนัก” หญิงชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นขณะเดินผ่านไป นางมีใบหน้ายิ้มแย้ม และแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม“ท่านป้ากล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี่ตอบด้วยรอยยิ้มงดงาม ดุจดอกเหมยยามแรกแย้ม “ข้าเพียงช่วยแบ่งเบาภาระของท่านแม่เท่านั้นเจ้าค่ะ”คำพูดของนางดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ยากที่จะมีใครล่วงรู้ว่าเบื้องลึกในจิตใจของสตรีผู้นี้ ยังคงหลงเหลือเศษเสี้ยวความทรงจำจากโลกที่ห่างไกลออกไปนับพันปีหลังจากกลับจากท่าน้ำเยี่ยนอวี่ก็ตรงไปยังห้องสมุดของตระกูลทันที ห้องสมุดแห่งนี้เปรียบเสมือนหลุมหลบภัยชั้นดีสำหรับนาง เป็นสถานที่ที่นางสามารถดำดิ่งลงไปในโลกที่เต็มไปด้วยความรู้ และค้นพบหนทางที่จะใช้ชีวิต

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

    ยามอรุณเบิกฟ้า แสงเงินยวงของรุ่งอรุณทาบทาผืนฟ้าสีคราม ส่งมอบความอบอุ่นแก่โลกหล้า แม้จิตใจของตู้เยี่ยนอวี่จะยังคงสับสนดุจเรือน้อยกลางทะเลกว้าง แต่กายเนื้อกลับเริ่มฟื้นฟูคืนกำลังทีละน้อยเสียงเจื้อยแจ้วของนกน้อยนอกหน้าต่าง และกลิ่นไอดินที่ลอยมาตามสายลมยามเช้า ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของนาง¹“คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูผู้เป็นดุจเงาตามตัวของนาง เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่น “ฮูหยินสั่งให้บ่าวทำโจ๊กสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้เจ้าค่ะ”ตู้เยี่ยนอวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังเสี่ยวจูที่กำลังจัดสำรับอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของนางดูเป็นธรรมชาติและคุ้นเคย ดุจพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวที่นางเคยจินตนาการไว้จากนวนิยายโบราณโดยสิ้นเชิง“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้ว” เยี่ยนอวี่ตอบเสียงเบา พลางพยุงกายขึ้นนั่งพิงหมอน “แค่ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง”เสี่ยวจูส่งถ้วยโจ๊กมาให้ เยี่ยนอวี่จึงรับมาถือไว้สัมผัสถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากถ้วย หน้าตาของโจ๊กนั้นขาวนวล มีกลิ่นหอมของข้าวและสมุนไพรบางชนิดลอยแตะจมูก“คุณหนูต้อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status