แชร์

๓๙ เชือดไก่ให้ลิงดู

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-22 18:03:40

ภายหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต ข่าวการท้าประลองขององค์ชายจ้าวเฟิงแห่งแคว้นเวยได้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงดุจระลอกคลื่นที่ขยายวงกว้าง เหล่าขุนนางต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส บ้างก็ตื่นเต้นที่จะได้ชมการประลองอันน่าตื่นตา บ้างก็แอบเย้ยหยันด้วยเห็นว่านี่คือการหยามเกียรติแผ่นดินต้าเฉินอย่างโจ่งแจ้ง

ณ เรือนพักของหมอหลวง บรรยากาศกลับเงียบสงบแต่แฝงไว้ด้วยความตึงเครียด

“พวกเขาโยนหินถามทาง เราก็จำต้องสร้างสะพานให้เขาข้าม แล้วค่อยทำลายสะพานนั้นทิ้งเสีย” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา ขณะที่นางและกู้เหยียนหลงกำลังปรึกษาหารือกันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แววตาของนางมิได้มีความหวาดหวั่น แต่กลับฉายประกายแห่งความท้าทาย

กู้เหยียนหลงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“เจ้ารับมือศึกทางการแพทย์ ส่วนข้ารับมือศึกในสนามประลอง เราจะทำให้พวกเขาได้เห็นว่า พยัคฆ์แห่งต้าเฉินนั้นมิใช่เพียงรูปสลักในตำรา”

วันรุ่งขึ้น ณ ท้องพระโรง

องค์ชายจ้าวเฟิงได้ทูลขอการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างเป็นทางการต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท เสนาบดีหลิวรีบฉวยโอกาสนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๘ การเปลี่ยนแปลง

    เมฆหมอกแห่งความกบฏที่เคยปกคลุมวังหลวงมานานหลายเพลา ได้ถูกสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดพาสลายไปสิ้นพร้อมกับแสงอรุณรุ่งของวันใหม่ ค่ำคืนแห่งการนองเลือดและเสียงอาวุธที่น่าสะพรึงกลัว ได้ถูกแทนที่ด้วยความสงบเรียบร้อยที่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งภายใต้ราชอำนาจที่กลับคืนสู่ความมั่นคงอีกครั้งณ ท้องพระโรงในยามเช้า บรรยากาศแตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางที่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต่างยืนสงบนิ่งด้วยความยำเกรง พระสุรเสียงของฝ่าบาทในวันนี้กังวานและเปี่ยมด้วยพระราชอำนาจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ได้หลอมรวมให้องค์ฮ่องเต้ผู้เคยอ่อนโยน กลายเป็นราชันย์ที่แท้จริงราชโองการถูกประกาศก้องไปทั่วท้องพระโรง หลิวเจิ้งและพรรคพวกทั้งหมดถูกปลดจากทุกตำแหน่งและรอการไต่สวนโทษกบฏแผ่นดิน ซึ่งมีเพียงสถานเดียวคือประหารเก้าชั่วโคตร บัญชีมรณะที่ตู้เยี่ยนอวี่คัดลอกไว้ ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการชำระล้างหนอนบ่อนไส้ที่กัดกินแผ่นดินมานานหลายสิบปีและในวาระเดียวกันนั้นเอง ฝ่าบาทก็ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งวีรบุรุษและวีรสตรีผู้ปกป้องราชบัลลังก์อย่างสมเกียรติ“กู้เหย

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๗ พลิกฟ้าคว่ำปฐพี

    เสี้ยววินาทีนั้นยาวนานประหนึ่งชั่วกัลป์ แต่ก็สั้นกว่าการกะพริบตาในขณะที่สมาธิของหลิวเจิ้งแตกสลายไปกับวาจาอันเสียดแทงของตู้เยี่ยนอวี่ ร่างของกู้เหยียนหลงก็ได้อันตรธานหายไปจากจุดที่เคยยืนอยู่มิใช่ร่างของบุรุษ แต่คือเงาของมังกรสีเงินที่พุ่งทะยานฝ่าอากาศ!ความเร็วของเขาทะลุขีดจำกัดของสายตามนุษย์ ไม่มีผู้ใดมองเห็นกระบวนท่าของเขาได้ทัน มีเพียงผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นในพริบตาต่อมาเคร้ง!เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นเพียงครั้งเดียว ดาบในมือของหลิวเจิ้งที่เคยจ่ออยู่ที่พระศอของฝ่าบาท พลันถูกดีดกระเด็นขึ้นไปในอากาศอย่างแรงผลัวะ!สันมือของกู้เหยียนหลงฟาดเข้าที่จุดสกัดบนข้อมือของหลิวเจิ้งอย่างแม่นยำจนเกิดเสียงกระดูกลั่นตุ้บ!เท้าของเขากระแทกเข้าที่กลางอกของอสรพิษเฒ่า ส่งร่างที่เคยทรงอำนาจนั้นกระเด็นไปกระแทกกับเสาศิลาอย่างรุนแรงจนหมดสติทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วลมหายใจเดียวเมื่อองค์ฮ่องเต้ทรงเป็นอิสระ องครักษ์หลวงที่เหลือก็ทะยานเข้าอารักขาทันที ส่วนกองกำลังเงาของกู้เหยียนหลงก็เข้าจัดการกับนักฆ่าพรรคเมฆาโลหิตที่ยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเสียงการต่อสู้ที่เคยโกลาหล พลันเงียบ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๖ เดิมพันราชัน

    เวลาประหนึ่งหยุดนิ่ง...ทุกสรรพสิ่งในศาลากลางน้ำล้วนตกอยู่ในพันธนาการแห่งคมดาบเพียงเล่มเดียว สายลมที่เคยพัดเอื่อยหยุดกรรโชก ใบบัวที่เคยไหวระริกพลันสงบนิ่ง แม้แต่เสียงหายใจของทุกคนก็ดูจะแผ่วเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน เกรงว่าจะเป็นการรบกวนความเงียบอันเปราะบางนี้ให้แหลกสลายกู้เหยียนหลงยืนนิ่งราวกับรูปสลัก กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของเขาตึงเครียดและพร้อมที่จะทะยานออกไปในชั่วพริบตา แต่เขามิอาจทำได้ เพราะชีวิตขององค์ฮ่องเต้แขวนอยู่บนเส้นดวงแห่งความอดทนของเขา“ส่งตราหยกพระราชลัญจกรมาให้ข้า!” หลิวเจิ้งกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยอำนาจเด็ดขาด “แล้วข้าจะรับรองความปลอดภัยของฝ่าบาท!”นี่มิใช่แค่การหลบหนี แต่คือการชิงอำนาจทั้งแผ่นดิน หากตราหยกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดตกไปอยู่ในมือของกบฏ เขาย่อมสามารถออกราชโองการปลอม สั่งการกองทัพ และควบคุมทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา“ท่านเสนาบดี” พระพันปีหลวงตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่สงบนิ่งและเปี่ยมด้วยพระบารมีอย่างน่าประหลาด “เจ้ายึดมั่นในคติมิเป็นหยกทั้งแท่ง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๕ หมากพลิกชะตา

    เสมือนสายพิณที่ขาดสะบั้นลงกลางบทเพลงที่ไพเราะที่สุดสิ้นเสียงรายงานการเคลื่อนทัพของรองแม่ทัพจ้าวคุน บรรยากาศอันงดงามในศาลากลางน้ำพลันแหลกสลายลงในพริบตา ไอสังหารที่เคยแฝงเร้น บัดนี้ได้ปรากฏตัวตนขึ้นอย่างชัดเจนใบหน้าของฝ่าบาทและเหล่าขุนนางผู้ภักดีซีดเผือดราวกับกระดาษ การเคลื่อนทัพโดยพลการในยามนี้ มีความหมายเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือการก่อกบฏ!หน้ากากขุนนางผู้ภักดีที่เสนาบดีหลิวเจิ้งสวมใส่มานานหลายสิบปี บัดนี้ได้ถูกกระชากออกอย่างไม่เหลือชิ้นดี เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอสรพิษเฒ่าผู้กระหายในราชบัลลังก์“หลิวเจิ้ง! เจ้า... เจ้าบังอาจ!” ฝ่าบาทตรัสด้วยพระสุรเสียงที่สั่นเทาด้วยโทสะทว่าพยัคฆ์เฒ่าที่จนตรอก ย่อมเป็นพยัคฆ์ที่อันตรายที่สุดหลิวเจิ้งมิได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก เขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะของเขาแหบแห้งและน่าขนพองสยองเกล้า“ฮ่า ๆๆๆ! ในเมื่อพวกเจ้าฉีกหน้ากากของข้าแล้ว ข้าก็มิจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป!” เขากล่าวพลางปรายตามองทุกคนด้วยแววตาที่อำมหิต “เดิมทีข้าคิดจะค่อย ๆ กลืนกินแผ่นด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๔ พยัคฆ์จนตรอก

    ในชั่ววินาทีที่พระพันปีหลวงตรัสถึงคดีของตระกูลมู่หรง อากาศทั่วทั้งศาลากลางน้ำพลันเยียบเย็นลงราวกับย่างเข้าสู่ฤดูเหมันต์ในบัดดล รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวเจิ้งมิได้จางหาย แต่กลับแข็งค้างดุจหน้ากากน้ำแข็งที่กำลังปริร้าว เผยให้เห็นรอยแยกของความตื่นตระหนกที่ซ่อนอยู่ภายในทว่าอสรพิษเฒ่าที่ขดตัวอยู่ในราชสำนักมาหลายสิบปี ย่อมมิใช่ผู้ที่จะยอมจำนนต่อสถานการณ์โดยง่าย“ฮ่า ๆๆ”เสียงหัวเราะอันแหบแห้งของเขาดังขึ้นทำลายความเงียบงัน มันเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูเศร้าสร้อยและเจ็บปวดจากการถูกหยามเกียรติ“พระพันปีหลวงทรงมีพระเมตตา ยังทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของขุนนางเก่าแก่อย่างกระหม่อมได้” เขากล่าวพลางลุกขึ้นยืน โค้งคำนับอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น “น่าเสียดาย... ที่วัยชราได้พรากความทรงจำอันเฉียบคมของกระหม่อมไปเสียมากแล้ว คดีเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นช่างเลือนรางนัก แต่กระหม่อมจำได้เพียงว่า ทุกการตัดสินโทษในชีวิตราชการของกระหม่อม ล้วนเป็นไปเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินและเพื่อสนองพระเดชพระคุณฝ่าบาทเสมอมา”เขาเปลี่ยนจากการเป็นจำเลยมาเป็นผู้ถูกกระทำไ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๓ งานเลี้ยงหงเหมิน

    ศาลากลางสระบัวในวันนี้งดงามและสงบนิ่งเป็นพิเศษ ประหนึ่งเกาะหยกที่ลอยเด่นอยู่กลางทะเลมรกตที่เต็มไปด้วยใบบัว สายลมที่พัดผ่านผิวน้ำ นำพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเกสรบัวหลวงมาด้วย ทว่าภายใต้ความงามอันสงบสุขนั้น กลับมิอาจพัดพาไอสังหารที่แฝงเร้นอยู่ในอากาศให้จางหายไปได้ขบวนเสลี่ยงของเสนาบดีหลิวเจิ้งมาถึงเป็นคนแรก เขาก้าวลงจากเสลี่ยงด้วยท่วงท่าที่สุขุมและสง่างามสมตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งผู้เป็นเสาหลักของแผ่นดิน รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นและเปี่ยมด้วยเมตตา แต่ในส่วนลึกของดวงตาที่ผ่านโลกมาจนโชกโชนนั้นกลับเยียบเย็นตามมาด้วยขบวนขององค์ชายจ้าวเฟิง เขามาในอาภรณ์ผ้าไหมปักลายพยัคฆ์ซ่อนกายในพงไพร ดูองอาจและเปี่ยมด้วยบารมี รอยยิ้มของเขายังคงเป็นมิตรและน่าคบหา แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่า มันเป็นรอยยิ้มของพยัคฆ์ร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ มิใช่รอยยิ้มของสหายผู้มาเยือนเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้า ณ ศาลากลางน้ำพระพันปีหลวงในฐานะประธานของงานเลี้ยง ก็ได้มีรับสั่งให้เริ่มพิธีชงชาชั้นสูง นางกำนัลคนสนิทค่อย ๆ บรรจงรินน้ำร้อนลงบนใบชาต้าหงเผาอันล้ำค่า กลิ่นหอมกรุ่นของใบชาชั้นเลิศลอยอบอวลไปทั่วศาลา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status