ตอนที่ 4
เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว
ด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กลับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทน
ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช้ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านแม่สามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้ท่านแม่ต้องผิดหวังเลยจะดีกว่า
ลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นาง
หญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ ๆ แบบเรียบๆ ใบหน้าก็มักจะไร้การแต่งแต้มใดๆ อยู่ เสมออีกทั้งดูกระโดกกระเดกเป็นอย่างยิ่งผู้นั้นอย่างแทบไม่เหลือเค้าเดิม
“ท่านแม่ชอบหรือไม่เจ้าค่ะ”
“เหตุใดจึงเอ่ยถามเช่นนี้” ท่านแม่นางเอ่ยถามกลับ
“ดูเหมือนว่าข้าในวันนี้จึงดูเหมาะกับการเป็นลูกของท่านแม่ และน้องสาวของท่านพี่ที่สุดแล้ว”
“ปกติเจ้าก็เป็นลูกของแม่เป็นน้องของพี่เจ้าอยู่แล้วมิใช่หรือ เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าจะเป็นเช่นไรข้าล้วนชมชอบทั้งสิ้น”
“จริงหรือเจ้าค่ะ”
“ลูกแม่ เจ้าไม่ชอบสิ่งใดแม่เคยบังคับเจ้าให้ชมชอบเช่นเดียวกับแม่หรือไม่เล่า” นางย้อนถามบุตรสาวคนเล็กของตน “คงเป็นเพราะเจ้ากำลังรู้สึกตื่นเต้นในหัวจึงคิดฟุ้งซ่านไปหมดเช่นนี้ พอขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไป แล้วก็จะหัวสมองว่างเปล่าไปเลยหล่ะรู้หรือไม่”
หัวสมองว่างเปล่าหรือ แปลว่าอย่างไร นั่งเกี้ยวที่คนห่ามจะ เวียนหัวเป็นอย่างมากเช่นนั้นหรือ
“ท่านแม่จวนสกุลหนิงไกลหรือไม่ ระหว่างท่านข้าอาจเผลอ หลับไปก็เป็นได้” หญิงสาวเอ่ยกับมารดา
“จะมีแม่สื่อคอยประกบอยู่ใกล้กับเจ้าตลอดทาง เจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะมีสิ่งใดผิดพลาดหรอกเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่เข่อชิงเอ่ยตอบ
“ท่านแม่ถึงฤกษ์รับตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ ขบวนรับเจ้าสาวเองก็มารอท่าอยู่ที่หน้าจวนสักพักแล้ว” ลู่ชิงอี้เอ่ยบอกท่านแม่ของนาง และผู้เป็นน้องสาว
“เช่นนั้นก็นำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมาเลย”
ชิงอี้เป็นผู้ส่งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้ท่านแม่นางด้วยตัวเอง ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกคลุมเรียบร้อยแล้ว เจ้าสาวจากสกุลลู่พร้อมสำหรับก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว
ประตูเรือนถูกเปิดออกกว้างในเวลาต่อมา ก่อนที่เจ้าสาวจะก้าวออกมาจากห้องไปยังหน้าประตูจวนโดยมีขบวนถือของมงคลนำหน้า
เมื่อมาถึงประตูจวนเจ้าสาวก็ถูกแม่สื่อประคองขึ้นเกี้ยวไปในทันที มีเพียงเสี้ยววินาทีเล็กๆ เท่านั้นที่เมื่อกี้นางเดินผ่านบุรุษผู้หนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดมงคลเช่นเดียวกันกับนาง
ผู้ที่อีกไม่ถึงชั่วยามก็จะกลายมาเป็นสามีของนาง
หญิงสาวไม่ทันได้มองสำรวจผู้เป็นเจ้าบ่าวของนางได้อย่างถี่ถ้วนนัก เห็นเพียงผ่านตาเท่านั้น แต่ก็พอจะได้รู้ว่ารูปร่างของเจ้าบ่าวนั้นค่อนข้างจะบึกบึนดูแข็งแรงกว่าบุรุษทั่วไปอยู่มาก ยามยืนอยู่ดูองค์อาจภูมิฐานยิ่ง
ส่วนเรื่องใบหน้านั้นนางกลับไม่ทันจะได้เห็นชัดนัก เพราะความสูงของนางดูแล้วจะห่างกับเขาพอสมควร บวกกับความหนักกของมงกุฎหงษ์ที่นางสวมอยู่จึงไม่สะดวกจะเงยหน้ามองนัก
จะหล่อเหลาหรือไม่นางไม่ได้คิดว่าสลักสำคัญเท่าใดนัก สนใจว่าคนผู้นี้วรยุทธ์เก่งกล้าเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจเช่นที่ได้ยินเสียงลือมาหรือไม่มากกว่า
ขบวนรับตัวเจ้าสาวออกเดินทางแล้ว มีเจ้าบ่าวขี่ม้านำขบวนอย่างยิ่งใหญ่ เสียงดนตรีดังสนั่นตลอดเส้นทาง มีผู้คนมุงดูอยู่ไม่น้อย แม่สื่อเองที่ติดตามอยู่ข้างหน้าต่างเกี้ยวของนางตลอดเวลาก็คอยส่งเสียงพูดคุยกับนางอยู่เป็นระยะๆ
“คุณหนูท่านอย่างได้ตื่นเต้นมากจนเกินไป หายใจเข้าลึกๆ ทำใจเย็นๆ เข้าไว้พิธีจะต้องเสร็จเรียบร้อยอย่างดีแน่เจ้าค่ะ”
ในตอนที่เจ้าสาวก้าวออกมาจากเกี้ยวนั้น เป็นช่วงเวลาที่รอบด้านเงียบไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเพราะตกใจกับหญิงสาวที่แม้ว่าจะมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวคลุมเอาไว้แต่กลับทำให้รู้สึกได้ว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั้นงดงามไม่ใช่น้อย รูปร่างก็อรชรอ้อนแอ่นไม่ธรรมดาเลย เอวบางร่างน้อยช่างดูน่าทะนุถนอมยิ่ง
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจับปมผ้ามงคลเดินเคียงคู่กันมาจนถึงโถงพิธี ถึงฤกษ์มงคลแล้วจึงทำพิธีสามคำนับ ต่อด้วยพิธีส่งตัวเข้าหอแล้วจึงเสร็จพิธี
แขกที่มาร่วมยินดีมีมากมายเจ้าบ่าวต้องออกไปดื่มคารวะแขกตามความเหมาะสม ส่วนเจ้าสาวรั้งให้อยู่รอที่ห้องหอเพียงลำพัง
ผ่านไปครึ่งชั่วยามด้านนอกห้องหอถึงได้มีความเคลื่อนไหว ประตูห้องหอถูกเปิดออกในเวลาต่อมา
และในเวลาเดียวกันก็มีกระบี่อ่อนพุ่งออกมาจากภายในห้อง โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มในตอนนี้ไม่ได้เมามายจนขาดสติ เขาใช้สองนิ้วคีบกระบี่ให้หยุดได้อย่างไม่ยากนัก
“เจ้า…” ชายหนุ่มถึงกับเอ่ยไม่ออก เขาในยามนี้รู้สึกตกใจยิ่งกว่าตอนที่ถูกกระบี่พุ่งเข้ามาหาเมื่อครู่เสียอีกเมื่อเห็นว่าผู้ที่กุมกระบี่เอาไว้ในเวลานี้คือสตรีที่ใส่ชุดมงคลสีแดงปักลายมงคลไม่ต่างกับเขา
“ได้ยินชื่อเสียงท่านแม่ทัพมานานจึงอดไม่ได้ที่ขอถามไถ่วรยุทธ์ท่าน” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวออกมาก่อนจะกุมกระบี่พุ่งใส่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางอีกครั้ง ทั้งยังไม่ลืมที่จะกล่าวออกมาอย่างมีมารยาทอีกหนึ่งประโยค
“สามีโปรดชี้แนะด้วย”
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั