Share

บทที่ 5 ฝายชะลอน้ำ

last update Last Updated: 2025-06-17 12:14:54

เสิ่นอี้เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็รีบรุดตรงไปยังคุกที่คุมขังพวกอันธพาลเอาไว้เมือคืนนี้อย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงก็เป็นดั่งที่หมิงเจ๋อกล่าวเอาไว้ไม่มีผิด พวกอันธพาลยามนี้กลายเป็นบ้าเสียสติไปกันหมดแล้ว ปากก็เอาแต่พร่ำว่าในคุกมีผี ผีหลอกพวกเขา เสิ่นอี้ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ก่อนจะให้คนไปตามหมอมาตรวจดูอาการ แต่กลับพบว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ เลยแม้แต่น้อย เสิ่นอี้ถึงกับสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เชื่อว่าในคุกแห่งนี้จะมีผี หากว่ามีจริงๆ นักโทษคนอื่นๆ ย่อมจะต้องกลายเป็นบ้าไปตั้งนานแล้ว ทว่านักโทษคนอื่นๆ ก็ยังปกติดี

นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่จะหาสาเหตุอื่นใดย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องนี้คงต้องทำการตรวจสอบอย่างลับๆ เขาจึงสั่งให้หมิงเจ๋อไปสืบให้ละเอียดว่าเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นบ้าง

ทว่ากลับไม่พบร่องรอยใดเลยแม้แต่เล็กน้อย

ช่างน่าแปลกยิ่งนัก

แม้จะสืบไม่พบร่องรอยใดๆ แต่เสิ่นอี้ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ เขายังคงให้หมิงเจ๋อจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของนายอำเภออู๋และคนรอบตัวอย่างไม่ให้คลาดสายตา

เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหลายวัน เสิ่นอี้มาอยู่ที่เมืองฉางเยว่ได้ร่วมเดือนแล้ว เหล่าชาวบ้านเองก็เริ่มจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากขึ้น แต่กลับแสดงท่าทางหวาดกลัวและไม่กล้าเข้ามาสนทนกับเขาเท่าใดนัก เสิ่นอี้เองเข้าใจดี เรื่องนี้อย่างไรเสียย่อมต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

เสิ่นอี้ให้คนส่งจดหมายลับไปมอบให้ฮ่องเต้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปทั้งหมดให้แก่ฮ่องเต้ให้ได้รับรู้ ฮ่องเต้เมื่อทราบเรื่องก็ให้คนนำเงินในท้องพระคลังมามอบให้เสิ่นอี้ที่เมืองฉางเยว่ เพื่อเตรียมการทำฝายกั้นน้ำก่อนที่จะถึงฤดูฝนนี้ 

เสิ่นอี้สั่งให้หมิงเจ๋อนำป้ายไปประกาศติดทั่วทั้งเมืองฉางเยว่ว่า จะรับสมัครคนงานมาทำฝายกั้นน้ำ หากว่าใครว่างงานก็มาสมัครทำงานได้ โดยให้ค่าแรงวันละห้าสิบอีแปะ เหล่าชายหนุ่มที่ว่างงานจึงรีบมาสมัครงานกันในทันที

ไป๋จินเซียงที่ได้ทราบข่าวนี้ก็ค่อนข้างแปลกใจนิดๆ นางไม่คิดว่าเสิ่นอี้มาถึงเมืองฉางเยว่ได้ไม่นานก็เริ่มจะซ่อมแซมปรับปรุงความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นเสียแล้ว นางจึงเริ่มจะมั่นใจขึ้นมาบ้างว่าเขาอาจจะไม่เหมือนกับพวกขุนนางไม่ได้เรื่องพวกนั้น

ยามนี้ที่ริมแม่น้ำมีคนงานมากมายกำลังช่วยกันขนหินขนดินและพวกท่อนไม้มาที่ริมแม่น้ำ เสิ่นอี้มองดูด้วยสายตาที่ใคร่ครวญ การลงมือครั้งนี้เขาย่อมมาคุมการทำงานด้วยตนเอง เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น

นายอำเภออู๋เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบมาประจบสอพลอ อีกทั้งยังนำสุรามามอบให้เสิ่นอี้ได้ดื่ม เขาทอดสายตามองเด็กชายตัวน้อยวัยห้าหกขวบที่ยืนจับมือเสิ่นอี้แวบหนึ่ง พลางสอบถาม

"ท่านเจ้าเมืองเสิ่น ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยท่านนี้คือบุตรชายของท่านหรือขอรับ น่ารักน่าชังจริงเชียว"

เสิ่นเป่ามองดูชายร่างอ้วนตรงหน้าด้วยแววตาไร้เดียงสา เสิ่นอี้กวาดตามองนายอำเภออู๋ ก่อนจะพยักหน้า

"ใช่ เขาเป็นบุตรชายของข้า ชื่อว่าเสิ่นเป่า เขาติดข้ามาก ข้าจึงพาเขามาด้วย"

นายอำเภออู๋ยิ้มตาหยี

"โอว ดียิ่งนักขอรับ บุตรชายรักและเคารพบิดาช่างเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง ไว้คราวหน้าข้าจะมาเล่นกับเขาบ่อยๆ ที่จวนนายอำเภอมีของกินมากมายเลย"

เสิ่นอี้ยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวกับนายอำเภออู๋

"ขอบคุณท่านที่เอ็นดูเขา แต่จวนเจ้าเมืองของข้าก็มีของกินไม่น้อยเช่นกัน ไม่กล้ารบกวนท่านให้ต้องมาลำบาก"

"ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวนเลยขอรับ"

เมื่อเห็นว่าไม่มีิสิ่งใดแล้ว นายอำเภออู๋จึงขอตัวกลับ ก่อนกลับเขายังหันไปมองเสิ่นเป่าปราดหนึ่งด้วยแววตาเย็นชา แล้วกลับจวนของตนเองไป

ชายหนุ่มก้มหน้าลงมามองบุตรชายและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

"เจ้าอยากกลับจวนหรือไม่ พ่อจะให้จิ้นอิ๋งพาเจ้ากลับไปก่อน"

"ขอรับ ข้าง่วงแล้วก็หิวมากๆ อาหารที่นี่ไม่ถูกปากข้าเลย"

"เสร็จงานแล้ว พ่อจะรีบกลับไปทำอาหารให้เจ้านะ"

"ขอรับท่านพ่อ"

เสิ่นเป่าพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายพร้อมกับหาวออกมา เสิ่นอี้มองบุตรชายด้วยความรักใคร่ แล้วสั่งให้จิ้นอิ๋งพาเสิ่นเป่ากลับจวนเจ้าเมืองไปก่อน เขามองส่งบุตรชายไปจนลับสายตา ก่อนที่เขาจะมองเห็นไป๋จินเซียงที่เดินลงมาจากรถม้าพร้อมกับสาวใช้ของนาง ในมือมีกล่องอาหารมากมายติดมาด้วย เมื่อเห็นเขานางก็ยิ้มแย้มทักทาย พลางเอ่ย

"ท่านเจ้าเมืองเสิ่น บังเอิญว่าท่านพ่อได้ยินว่าท่านกำลังสร้างฝายกั้นน้ำ บิดาข้าชื่นชมขุนนางที่ทำเพื่อราษฎร จึงให้ข้าทำอาหารมาให้ท่านและคนงานเจ้าค่ะ ท่านรับไปสิ หากไม่พอก็มาบอกที่ร้านสุราของข้าได้เลย"

ไป๋จินเซียงพูดคุยอย่างเป็นมิตร อันที่จริงนางไม่อยากจะยุ่งกับขุนนางที่มือไม้ไม่สะอาด ทว่าเสิ่นอี้ไม่เหมือนกัน เขาดูเป็นคนดีคนหนึ่ง ที่ผ่านมาเพราะเมืองฉางเยว่ไม่มีคนดีมานานมาแล้ว ชาวบ้านหวาดกลัวตนเองจะเดือดร้อน จึงไม่อยากสอดมือเข้ามาเกี่ยวพัน แต่เวลานี้ในเมื่อมีคนดีเข้ามา นางเองก็ย่อมยินดีช่วยเขา

ขอให้เขาดีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยเถิด

เสิ่นอี้มองดูกล่องอาหารมากมายที่ไป๋จินเซียงสั่งให้คนนำมามอบให้เขาและคนงานแวบหนึ่ง พลางกล่าวขึ้นว่า

"ขอบคุณแม่นางไป๋มาก แต่จะเป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ ข้าได้จัดอาหารให้คนงานทั้งสองมื้อแล้ว น้ำใจครั้งนี้ข้าจะรับไว้ แต่คราวหน้าเจ้าและบิดาอย่าได้ลำบาก ได้ยินว่าช่วงนี้การค้าขายก็ไม่ค่อยจะดี เจ้าเอาไว้ขายที่ร้านเถอะ"

ไป๋จินเซียงมองเสิ่นอี้ด้วยแววตาที่ชื่นชมครู่หนึ่ง พลางรับปากรับคำ

"เจ้าค่ะ แต่หากท่านขาดเหลือสิ่งใดก็ไปที่ร้านสุราของข้าได้เลย หรือไปที่จวนตระกูลไป๋ก็ได้ ท่านเจ้าเมืองเสิ่น ข้าหวังว่าท่านจะเป็นขุนนางที่มือสะอาดเช่นนี้ไปตลอด หากเป็นเช่นนั้น นับว่าเป็นวาสนาของชาวเมืองฉางเยว่แล้ว"

เสิ่นอี้ยิ้มให้ไป๋จินเซียง และพยักหน้าตอบรับ ไป๋จินเซียงเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดแล้วจึงจะขอตัวกลับ จนกระทั่งคนงานคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

"แย่แล้ว! มีคนงานกินข้าวแล้วปวดท้องอย่างหนัก หมดสติไปแล้ว"

เสิ่นอี้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็รีบไปดูอาการคนงานทันที พบว่ามีคนงานหลายสิบคนร้องโอดครวญ บอกว่ากินอาหารที่ทางการจัดเตรียมมาให้แล้วก็มีอาการปวดท้องทันที เสิ่นอี้รีบสั่งให้หมิงเจ๋อไปตามหมอมาทันที

ด้านไป๋จินเซียงก็นิ่วหน้า แล้วพูดขึ้นมา

"แปลกจริง เหตุใดจึงเป็นพร้อมกันเช่นนี้เล่า ท่านเจ้าเมืองเสิ่น ท่านว่ามันแปลกเกินไปหรือไม่?"

นางคิดเช่นนี้จริงๆ เหตุการณ์ดูจงใจเกินไป 

ดังนั้นไป๋จินเซียงจึงเดินเข้าไปหาคนงานที่กำลังนอนร้องครวญคราง และยื่นมือไปจับชีพจร เสิ่นอี้มองหญิงสาวตรงหน้าพลางซักถาม

"ไป๋จินเซียง เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือ?"

ไป๋จินเซียงตรวจคนเจ็บไปพลางก็ตอบเขาไปด้วย

"พอรู้อยู่บ้าง ตอนมาอยู่ที่เมืองฉางเยว่ใหม่ๆ ข้าเคยเรียนรู้มาจากท่านหมอผู้หนึ่ง เขานับเป็นอาจารย์ที่ข้าเคารพ"

กล่าวจบนางก็ตรวจคนอย่างละเอียด ยื่นมือไปกดเบาๆ ไปที่บริเวณท้องของคนเจ็บและเอ่ยถาม

"ปวดเกร็งตรงนี้ใช่หรือไม่ และรู้สึกอยากถ่ายท้องและอาเจียนด้วยใช่หรือไม่?"

"ขอรับ"

ไป๋จินเซียงเมื่อได้ยินแล้ว ก็หันมาบอกกับเสิ่นอี้

“เหมือนว่าในอาหารจะมียาถ่ายปะปนมา เรื่องนี้ไม่ร้ายแรงเท่าไร ข้าจะไปที่ร้านขายยาสมุนไพร นำสมุนไพรมาต้มให้พวกเขากิน ไม่นานก็หาย  ส่วนท่านหมอที่ท่านให้คนไปตามก็ให้เขามาตรวจคนที่เหลือเถอะ เขามีวิชาแพทย์สูงส่งกว่าข้าอาจจะพบเจอสาเหตุมากกว่านี้ ข้าจะรีบกลับมา"

"ขอบใจเจ้ามาก"

ไป๋จินเซียงพยักหน้า รีบไปที่ร้านยาสมุนไพร ก่อนจะนำยามาต้ม ไม่นานนักก็นำมาให้คนงานดื่ม พวกเขาจึงค่อยๆ มีอาการดีขึ้น ท่านหมอเองก็พลอยได้เบาแรงไปด้วย

ก่อนหน้าในยามที่นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้นั้น ก็ได้รู้จักท่านหมอผู้หนึ่ง เขาชราภาพมากแล้วแต่ยังสั่งสอนนางได้อย่างใจเย็น ร่างเดิมในภพปัจจุบันนางก็พอจะรู้วิชาแพทย์จากโลกเดิมมาบ้างจึงนำมาประยุกต์ใช้พอจะช่วยเหลือคนได้บ้าง

เมื่อสถาณการณ์สงบลง เสิ่นอี้ก็สั่งให้คนไปตรวจสอบว่ามีใครที่คิดลงมือทำให้การสร้างฝายล่าช้าหรือไม่ แต่ทว่าเมื่อตรวจสอบไปถึงพ่อครัวที่ปรุงอาหารกลับพบว่าเขากลายเป็นศพไปเสียแล้ว เสิ่นอี้แววตาเย็นเยียบ คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับนายอำเภอเมืองอู๋เป็นแน่

เหตุใดจึงคิดขัดขวางเขาเช่นนี้กันนะ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 16 ตอนจบ

    เสิ่นอี้เมื่อกินมื้อเย็นแล้ว เขาก็ไปพบกับบิดาที่ห้องหนังสือ เดิมทีเขาไม่อยากจะสนทนสิ่งใดกับบิดามากนัก แต่เพราะอยู่จวนเดียวกันย่อมหลีกเลี่ยงการไม่พบหน้ากันไม่ได้ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ ยามนี้บิดาของเขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่ภายในห้อง เมื่อเห็นว่าบุตรชายเข้ามาแล้วก็เหลือบตามองแวบหนึ่ง “คารวะท่านพ่อขอรับ"เสิ่นอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน แม่ทัพใหญ่เสิ่นเพียงพยักหน้าช้าๆ"นั่งก่อนสิ พ่อมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเจ้า"เสิ่นอี้พยักหน้า ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามบิดา แม่ทัพใหญ่เสิ่นมองบุตรชายอย่างพิจารณา เอ่ยขึ้นว่า"เจ้าแต่งงานกับซูลี่ให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย ตระกูลของนางมีหน้ามีตามากว่า ย่อมเชิดชูสนับสนุนเจ้าได้ ส่วนสตรีนางนั้นที่เจ้าพามาจากบ้านนอก ก็ให้นางเป็นอนุไปเสีย ข้าเชื่อว่าซูลี่อย่างไรย่อมดีต่อนาง"เสิ่นอี้แค่นเสียงเย็นออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว ท่านไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของข้า อย่างไรไป๋จินเซียงก็คือภรรยาข้า และข้าจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวข้าไม่ใช่คนมักมากในตัณหา"แม่ทัพใหญ่เสิ่นหันขวับมามองบุตรชาย ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด"อี้เอ๋อร์

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 15 ภรรยาเอกคนใหม่

    อากาศช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเวียนมาอีกครา การมาอยู่ที่เมืองหลวงนับว่าเป็นเรื่องที่ไป๋จินเซียงไม่ค่อยจะคุ้นชินเท่าใดนัก นางพาสาวใช้ตัวน้อยซินซินติดตามมาเพียงคนเดียวเท่านั้น เสิ่นอี้เองก็บอกว่ารอมาถึงเมืองหลวงแล้วเขาจะหาสาวใช้เพิ่มให้นางอีกสักสองสามคนวันแรกที่ก้าวเข้ามานั้น นอกจากซูลี่ที่มองนางด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแล้ว ยังมีเสิ่นฮูหยินและแม่ทัพเสิ่นที่ดูเหมือนจะไม่ชอบนางเท่าใดนัก วันที่นางยกน้ำชาคารวะก็ให้นางนั่งอยู่นานสองนานกว่าจะยอมเอ่ยวาจาใดกับนาง เพราะไม่อยากให้เสิ่นอี้ลำบากใจ ไป๋จินเซียงจึงไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกไปเสิ่นเป่ายังคงมาหานางทุกวัน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมารดาเลี้ยงของเขา แต่นางกับเสิ่นเป่ายังคงสนิทสนมกันเช่นเดิม เขาไม่ยอมเรียกนางว่าท่านแม่นางเองก็ไม่บังคับหรือถือสาหาความ อีกทั้งยังทำของอร่อยให้เขากินทุกวันวันนี้เสิ่นอี้ออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงก็เหมือนว่าเขาจะมีงานให้ต้องจัดการไม่น้อยเลย บางวันก็ไม่ได้กลับจวน ไป๋จินเซียงอยู่ว่างๆก็รู้สึกเบื่อหน่าย เดิมทีตอนอยู่ที่เมืองฉางเยว่เช้ามานางมักจะไปตลาดและทำงานอยู่ที่ร้านสุราจนมือแทบเป็นระวิง เมื่อต้องมาอยู่เฉยๆเช่นน

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 14 หักห้ามใจ

    หมิงเจ๋อหันไปมอง ก่อนจะยิ้มออกมาได้ นายท่านของเขากลับมาได้เสียทีเสิ่นอี้ควบม้ามุ่งหน้าเข้ามาในจวน พร้อมกับสังหารคนชุดดำทั้งหมดในทันที ไม่นานเหตุการณ์ก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ทว่าข้ารับใช้ในจวนเจ้าเมืองเกือบทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตให้กับคนชั่วไปไม่น้อย"นายท่าน"เสิ่นอี้พยักหน้าให้หมิงเจ๋อคราหนึ่ง รีบกวาดตามองหาไป๋จินเซียงที่ยามนี้ร่างกายคว่ำหน้าลงพื้นกอดเสิ่นเป่าเอาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าของนางซีดเผือดดวงตาปิดสนิท เสิ่นเป่ายื่นมือน้อยๆ เข้าไปเขย่าตัวหญิงสาวตรงหน้า ร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด เสิ่นอี้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปดูนางในทันที เขาอุ้มบุตรชายมากอดเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย"เป๋าเอ๋อร์ พ่อกลับมาแล้ว""ฮือ ท่านพ่อ พี่ไป๋จินเซียงตายแล้ว!"เสิ่นอี้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นรัวแรง เขาวางเสิ่นเป่าลง ก่อนจะรีบเข้าไปประคองไป๋จินเซียงขึ้นมา แต่กลับพบว่ามือของตนสัมผัสถูกของเหลวอุ่นร้อนจนชุ่มไปทั้งมือ เมื่อเขายกมือขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือโลหิต!นางบาดเจ็บ!เสิ่นอี้รีบสั่งให้หมิงเจ๋อไปตามท่านหมอมาโดยด่วน ก่อนจะรีบอุ้มนางเข้าไปที่ห้อง ไม่นานท่านหมอก็มาถึง เสิ่นอี้ทำได้เพียงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องด้วยความ

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 13 กบฎ

    บรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ทำให้ซินซินรีบหันหลังเดินจากไปทันที ส่วนไป๋จินเซียงเองก็เดินกลับห้องพักของตนไปในทันที หญิงสาวยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากของตน ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเขินอายเช้าวันต่อมาอากาศค่อนข้างดี แม้จะมีสายฝนตกลงมาโปรยปรายแต่ก็เย็นสบายเป็นอย่างยิ่ง เสิ่นอี้ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ ส่วนไป๋จินเซียงก็ไปที่ร้านสุราเช่นทุกวัน ยามนี้หมิงเจ๋อกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว เขานำเงินทองเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มและเหล่าทหารหลายร้อยนายมาช่วยดูแลชาวบ้านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างสงบเรียบร้อยดี จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่งในขณะที่ไป๋จินเซียงนั่งอยู่กับเสิ่นเป่าในห้องนอนของเด็กน้อยและกำลังเล่านิทานให้เขาฟัง ก็ได้ยินว่าเสิ่นอี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หมิงเจ๋อแจ้งว่าเสิ่นอี้พลัดตกลงไปในแม่น้ำ ยามนี้เขาสั่งให้คนช่วยกันตาหาแล้วแต่กลับไม่พบเบาะแสของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย เสิ่นเป่ายามนี้หลับไปแล้ว ไป๋จินเซียงสั่งห้ามเข้าไปรบกวนเขาและกำชับบ่าวทุกคนในเรือนว่าห้ามบอกเขาว่าเกิดเรื่องกับเสิ่นอี้ หญิงสาวรีบสวมเสื้อคลุมและถือคบไฟออกไปช่วยตามหาเสิ่นอี้ แต่กลับไม่พบ นางร้องเร

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 12 จูบ

    วิธีของไป๋จินเซียงนั่นก็คือนางให้เสิ่นอี้หาเชือกยาวมาหลายเส้น ตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมืองจะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น นางรีบมัดเชือกกับต้นไม้ใหญ่ สองเส้น เส้นหนึ่งมัดกับเอวของเสิ่นอี้ อีกเส้นให้เสิ่นอี้ที่มีกำลังภายในแข็งแรงค่อยๆเดินทวนกระแสน้ำที่ยามนี้น้ำเริ่มนิ่งบ้างแล้ว นำเชือกที่เหลือไปมัดกับต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้าม และสร้างสะพานเชือกขึ้นมา ให้ชาวบ้านทยอยเดินข้ามมาฝั่งจวนท่านเจ้าเมืองและเข้ามาหลบภัยที่นี่ได้ชั่วคราว รอให้น้ำลดเบาบางลงแล้วค่อยอพยพกลับไปวิธีนี้ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย ไม่นานนักก็สามารถพาชาวบ้านมาที่ปลอดภัยได้สำเร็จ เสียงฝนตกฟ้าร้องยังคงดังไม่หยุด เสิ่นอี้เปียกปอนไปทั้งตัว ไป๋จินเซียงที่ช่วยดูแลชาวบ้านตอนข้ามฝั่งมาก็เปียกปอนไปทั้งตัวเช่นเดียวกัน ผู้คนต่างร่วมด้วยช่วยกัน ไม่นานนักทุกคนก็ปลอดภัย แต่ก็มีชาวบ้านไม่น้อยที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไป"รีบหาเสื้อผ้ามาให้ทุกคนเปลี่ยน แล้วต้มน้ำขิงให้พวกดื่มกันหนาวเร็วเข้า"เสิ่นอี้รีบหันไปเอ่ยกับสาวใช้ในจวน ซินซินที่ได้ยินก็รีบเข้าไปสมทบกับคนใช้ในโรงครัว รีบนำน้ำขิงมาแจกจ่ายให้ทุกคน เสิ่นอี้ให้พวกเขาพักผ่อน ก่อนจะรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจของเขาค

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 11 อุทกภัย

    เมื่อมาถึงโรงหมอ ท่านหมอก็ช่วยทำแผลและตรวจดูอาหารของไป๋จินเซียงอย่างละเอียด เมื่อตรวจแล้วไม่เป็นอะไรมากจึงเขียนเทียบยาให้นาง และให้นางกลับบ้านได้ ยามนี้บิดาของนางกำลังนอนพักอยู่อีกห้องหนึ่งโดยมีซินซินคอยดูแล ไป๋จินเซียงไม่อยากรบกวนบิดาจึงให้เขานอนพักให้เต็มที่ แล้วออกมาหาเสิ่นอี้ที่รออยู่ด้านนอกห้องตรวจเสิ่นอี้รีบเดินเข้ามาหาไป๋จินเซียงทันที ก่อนหน้านี้เขาให้จิ้นอิ๋งพาเสิ่นเป่ากลับไปที่จวนก่อนแล้ว"ขอบคุณท่านมากที่เป็นธุระจัดการให้"เสิ่นอี้พยักหน้าเล็กน้อย พลางสอบถามเรื่องราว"สาวใช้ของเจ้าบอกกับข้าว่าที่เจ้าเข้าไปในกองเพลิงเพียงเพราะอยากเข้าไปเอาหีบเงินเช่นนั้นหรือ? ""ใช่ มันเป็นเงินที่ข้าเก็บมา ข้าเสียดาย"ไป๋จินเซียงตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง เสิ่นอี้พิจารณามองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะเอ่ย"ไป๋จินเซียง มนุษย์เราล้วนมีความหวงแหนในสิ่งของข้าเข้าใจได้ แต่ในยามนั้นหากเจ้าไม่อาจรอดกลับมาได้ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าบิดาเจ้าจะอยู่เช่นไร สำหรับบิดาเจ้าแล้ว ระหว่างเงินหีบนั้นกับตัวเจ้าสิ่งใดสำคัญกว่ากันเจ้าไม่รู้เลยหรือ เงินพวกนั้นข้าเข้าใจว่ามันเป็นเงินที่เจ้าเก็บมานานหลายปี แต่หากเจ้าตายไปมันคุ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status