Masukภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตน
แน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจ
เธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป
“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโห
ทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้
หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ
“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเอง
เขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้ง
และครั้งนี้ข้อเสนอที่เขาสร้างขึ้นมากำลังจะย้อนกลับมาทำลายความสงบสุขในชีวิตของเขาเอง
“เกล คุณหายไปไหนกันแน่” เขาพึมพำถึงคนรัก ที่ตอนนี้มานั่งนึกดูแล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย
************************
บนโต๊ะอาหารในตอนเช้า สองสามีภรรยาในนามต่างไม่ได้พูดจาอะไร ต่างคนต่างทำเหมือนว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ
พอกลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนเย็น บรรยากาศทุกอย่างก็ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบ และเป็นอย่างนี้อยู่ถึงวันถัดมาจนต่างฝ่ายต่างอึดอัดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องขับรถไปเอง ผมจะไปส่ง”
“ค่ะ” เธอรับปากเขาเสียงเรียบแล้วทานอาหารเย็นตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง
“จะไม่ถามอะไรหน่อยเหรอ”
“ฉันมีสิทธิ์ถามหรือสงสัยในคำพูดของคุณด้วยเหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มที่มุมปากเหมือนจะยิ้มเยาะให้กับความจนตรอกของตัวเอง
ทั้งคู่ต่างคนต่างสบตากัน แล้วสักพักก็หันไปสนใจอาหารตรงหน้าแล้วทานต่อไปเงียบๆ
“พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณแล้วก็ไปรับ”
“ค่ะ”
“ขากลับอาจจะพาไปตรวจเลือดที่คลินิก” เขาเริ่มเผยสิ่งที่จะทำให้เธอรู้สึกแย่ออกมา
“ตรวจอะไรคะ” เธอถามเขาด้วยความสงสัยว่าเขาคิดจะทำอะไร
ภัสกรยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อสิ่งที่เขาพูดเรียกความสนใจของเธอได้ และปริปากถามเขาออกมาอย่างใคร่รู้
“คุณมีสิทธิ์ถามหรือสงสัยในคำพูดของผมด้วยเหรอ” เขาย้อนเธอกลับทำให้พรนับพันเม้มปากเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
“แล้วอีกอย่าง ผมบอกให้คุณแทนตัวเองว่าเค้กกับผมไม่ใช่เหรอ”
“พอดีว่าฉันไม่ชอบฝืนความรู้สึกของตัวเองค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ บางอย่างพอได้ฝืนทำแล้วรู้สึกแย่ฉันก็ไม่อยากฝืนต่อ” เธอตอบกลับแล้วยิ้มแข็งๆ ให้กับเขา
“หึ นั่นสินะ ไม่เหมือนตอนที่คุณอ้าขาเรียกร้องจากผม ตอนนั้นคุณดูไม่ได้ฝืนเลยสักนิด แสดงว่าคุณไม่ได้รู้สึกแย่กับมัน” เขายิ้มร้ายตอบกลับไป
ทั้งสองสบตากัน แต่แววตาที่แข็งกร้าวของภัสกรทำให้หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ลึกๆ เธอเองก็กลัวเขาไม่น้อยแต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือ เพราะหากยิ่งเธอแสดงความกลัวเขาก็ยิ่งจะได้ใจ
“ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ” หญิงสาวรวบช้อนส้อมแล้วลุกออกจากโต๊ะอาหาร
ภัสกรมองตามเธอแล้วเขาก็ยกยิ้มอย่างผู้มีชัยที่สามารถทำให้เธอโกรธได้
“นึกว่าจะแน่” เขาพึมพำเสียงเบาอย่างพอใจ แล้วหันไปมองข้อความแจ้งเตือนที่สว่างวาบขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
เขาเปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากวาทินแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“นักสืบเอกชนได้ข้อมูลของคุณเกลแล้ว พรุ่งนี้เช้าเขาจะมารายงานนายด้วยตนเอง...วาทิน”
************************
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วภัสกรก็ขับรถพาพรนับพันไปส่งที่โรงงาน พร้อมกำชับว่าตอนเย็นเขาจะมารับเธอ
“สรุปคุณจะพาฉันไปไหนกันแน่คะ”
“อยากมีลูกไม่ใช่เหรอ” เขาพูดเสียงเรียบ
“คะ?”
“ผมก็จะพาคุณไปตรวจเลือดไงว่าสะอาดพอสำหรับผมหรือเปล่า รับปากมาเป็นเมียผมง่ายๆ ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง” เขาพูดดูถูกเธอจนหญิงสาวเงียบไป
“เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
“ค่ะ” พรนับพันรับปากแล้วลงจากรถไป
ภัสกรรีบมุ่งหน้าไปยังบริษัทของตนเอง ตอนนี้เขาใจร้อนอยากรู้ข่าวของรัตติกาลเป็นอย่างมาก
เมื่อไปถึงก็พบว่านักสืบเอกชนมารอพบเขาอยู่แล้ว วาทินจึงนำกาแฟมาให้ทั้งคู่ แล้วยืนรอฟังสิ่งที่นักสืบกำลังจะรายงานเขา
“จากข้อมูลที่ผมได้รับของคุณรัตติกาล พบว่าชื่อที่เธอใช้เป็นชื่อปลอมรวมถึงข้อมูลที่ให้กับทางหอพักก็เป็นของคนอื่นครับ”
ภัสกรนิ่งไป เขาไม่ได้ถามอะไรปล่อยให้อีกฝ่ายบอกสิ่งที่รู้มาให้หมด
“เธอชื่อจริงว่ากัญญา เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกอุปการะโดยพ่อแม่บุญธรรมและหนีออกจากบ้านตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย ข้อมูลที่เธอใช้เช่าห้องพักเป็นของแม่บุญธรรมของเธอ ส่วนที่อยู่ปัจจุบันไม่สามารถตามตัวได้ครับ เพราะเธอไม่ได้มีประวัติทำธุรกรรมทางการเงินให้ตามสืบได้” นักสืบเอกชนเล่าประวัติเบื้องต้นที่ตนสืบได้คร่าวๆ มา
“หลังจากนั้นผมจึงตามสืบต่อที่โรงพยาบาล พบว่าวันนั้นไม่มีคนไข้ชื่อรัตติกาลหรือกัญญาเข้ามารับการรักษาเลย จึงสอบถามรายชื่อคนไข้ที่เกิดอุบัติเหตุจนพบว่าวันนั้นมีคนไข้รายหนึ่งที่อาการคล้ายแท้งลูกแต่ว่าหนีออกจากห้องฉุกเฉินก่อนจะมีการตรวจอย่างละเอียด” เขารายงานเรื่องอุบัติเหตุของคนที่ผู้ว่าจ้างให้ตามสืบหา แล้วมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่กำลังเริ่มไม่พอใจ
“หมายความว่ายังไง อาการคล้ายแท้งลูก”
“วันนั้นมีเคสอุบัติเหตุหนักกว่าเข้ามา หมอจึงวินิจฉัยเบื้องต้นตามอาการที่คนไข้แจ้งว่าตนเองตั้งครรภ์และมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ไปดูเคสที่หนักกว่าต่อ แต่ยังไม่ทันซักประวัติและตรวจอย่างละเอียดเธอก็กลับออกไปก่อนครับ”
“หมายความว่าบางทีเกลอาจไม่ได้แท้ง” ภัสกรพูดขึ้นมาเสียงเบา ไม่ได้สนใจเรื่องประวัติปลอมของเธอ พยายามเข้าใจว่าที่เธอทำก็เพื่อปกป้องตัวเอง
“หรือบางทีเธออาจไม่ได้ท้อง” นักสืบเอกชนพูดขึ้นมาแล้วหลบสายตาเมื่อภัสกรมองเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“แล้วผมตามสืบต่อเรื่อง....”
“พอแล้ว ผมไม่อยากฟังต่อ” ภัสกรตัดบทเพราะเขาไม่อยากเชื่อในมือของนักสืบเอกชนตรงหน้า
“ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองเอกสารนะครับ” เขาบอกเสียงเบาแล้วลากลับออกไป
วาทินถือซองสีน้ำตาลมายื่นให้กับเขา ประธานหนุ่มรับเอาไว้แล้วเก็บใส่ลิ้นชักอย่างไม่ไยดี
************************
พรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขาทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไปพรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเองระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญ
“อะไรนะคะ คุณจะให้ฉันไปทานข้าวกับคุณทุกวันอย่างนั้นเหรอ” พรนับพันถามอย่างไม่เชื่อหูที่อยู่ๆ เขาก็บอกให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเขาที่บริษัท“อืม ฟังไม่ผิดหรอก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติแล้วตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของเธอ“เพื่ออะไรคะ คุณมีแผนอะไรจะ...เอ่อ มีแผนจะทำอะไรคะ” เธอเปลี่ยนไปพูดอีกแบบ เกือบพลั้งปากถามว่ามีแผนอะไรจะแกล้งเธออีก“ก็อยากรีบมีลูกแล้วหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ จะนอนกับคนที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็คงจะทำใจลำบาก ผมเลยอยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้ก็เท่านั้น”พรนับพันฟังเหตุผลของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินที่เขาพูดเรื่องมีลูกกลางโต๊ะอาหาร โชคดีที่เป็นห้องส่วนตัวที่ได้ยินกันแค่สองคน“ว่ายังไงล่ะ” เขาถามแล้วเลิกคิ้วสูงเพื่อรอคำตอบเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเธอจึงรีบรับปากเขาเพื่อรักษาอารมณ์ที่เป็นปกติของคนทั่วไปนี้เอาไว้ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ปกติของเขาก็ตาม“ได้ค่ะ ฉันจะไปทานอาหารกับคุณทุกวัน”“แล้วอีกอย่างนะ”“อะไรคะ”“ถ้าไม่เป็นการฝืนใจ เรียกแทนตัวเองอย่างที่ผมเคยขอด้วยก็ดีนะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่คุมให้นุ่มนวลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง“ค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วยิ้มให้เล็
เรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใยแม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสองสิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั
ภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตนแน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโหทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเองเขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้งและครั้งนี้ข้อเสนอท
หลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจเมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู“วันนี้มีอะไรอีกไหม”“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เข
พรศักดิ์ไปรับลูกสาวกลับพร้อมกับจ่ายเงินค่าอาหารให้ พรนับพันนำอาหารพวกนั้นไปแจกจ่ายให้พนักงาน แล้วเอาขวดไวน์ราคาเหยียบหมื่นมาตั้งที่โต๊ะของตัวเองแล้วมองมันด้วยความเจ็บใจน้ำตาพานจะไหลแต่ก็ต้องทำเป็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเพื่อความสบายใจของบิดา“พ่อว่าเขาตั้งใจแกล้งเค้ก พ่อดูออก”“ไม่หรอกค่ะพ่อ เขารีบกลับไปทำงานด่วน เค้กผิดเองที่ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เอากระเป๋าไป เลยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนให้พ่อไปจ่ายให้” หญิงสาวบอกบิดารับความผิดเอาไว้เอง“เฮ้อ ช่างเถอะ” พรศักดิ์ถอนหายใจออกมา แม้ว่าพรนับพันจะลืมว่าตัวเองไม่ได้พกกระเป๋าไปก็จริง แต่เขาควรฝากเงินไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหารให้ กานดาที่ออกไปทำบุญกับเพื่อนกลับมาในตอนบ่าย เธอเข้ามาที่ห้องทำงานของลูกสาวหลังจากได้ยินเลขานุการของสามีบอกว่าเขาออกไปรับเธอกลับมาเพราะถูกภัสกรทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร“เกิดอะไรขึ้นลูก” กานดาเข้ามาก็ถามในประเด็นที่ตนสงสัยพรนับพันจึงเล่าเรื่องที่เกิดให้มารดาฟังให้เข้าใจแบบเดียวกันกับบิดา“เขาคงไม่ตั้งใจหรอก ถึงจะเคียดแค้นแค่ไหน แต่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่โตอายุอานามก็จะสี่สิบ เขาไม่เอาเวลามากลั่นแกล้งกันด้วยเรื่องเล็







