Masukหลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจ
เมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู
“วันนี้มีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง
“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เขาพูดเสียงเรียบแล้วเลื่อนแฟ้มตรงหน้าคืนให้แก่เลขานุการมือขวาของตน
“ครับนาย” วาทินรับคำสั่งแล้วนำแฟ้มทั้งหมดกลับคืนไป
“ส่วนเรื่องวิรากานต์ พยายามอย่าให้เธอมาวุ่นวายกับฉัน หากไม่เกรงใจอาทวีฉันคงไม่ให้เธอมาทำงานใกล้ตัวขนาดนี้แน่” ภัสกรพูดถึงเพื่อนสนิทของบิดา
“ยิ่งเธอรู้ว่าคุณรัตติกาลไม่อยู่แล้ว ก็ดูเหมือนจะพยายามเข้าหานายมากขึ้นนะครับ ผมเองก็ลำบากใจไม่น้อยเวลาที่เธอรบเร้าจะขอเข้าพบนาย” วาทินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อแล้วก้มหน้าลงไป
“พูดมา”
“เอ่อ ถ้านายเปิดตัวภรรยา บางทีก็อาจจะลดปัญหาเรื่องนี้ลงได้บ้าง เพราะนอกจากคุณวิรากานต์แล้วก็ยังมีลูกสาวเสี่ยโอ๋ แล้วก็ลูกสาวเสธธีระอีก” วาทินตัดสินใจพูดถึงบรรดาผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขา
แม้แต่ช่วงที่รัตติกาลอยู่พวกเธอก็ยังคงแวะเวียนมา ยิ่งรู้ข่าวว่ารัตติกาลทิ้งภัสกรไปก็ยิ่งพยายามใช้อำนาจของบิดาเข้าหา
ภัสกรเคาะนิ้วอย่างครุ่นคิด สิรินาถลูกสาวของเสี่ยโอ๋เจ้าของบริษัทส่งออกที่เป็นคู่ค้าคนสำคัญ และซอนญ่าดาราสาวที่เป็นลูกสาวของเสนาธิการทหารยศสูงอย่างธีระ ทั้งสองคนนี้ก็ทำให้เขาอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
“แต่ถ้าเกลรู้ว่าฉันแต่งงานกับลูกสาวของคู่กรณี เธอคงจะเกลียดฉันมาก และไม่ยอมกลับมาคืนดีง่ายๆ แน่ ฉันไม่น่าใจร้อนยื่นข้อเสนอบ้าๆ นั่นไปเลย เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ” ภัสกรพูดแล้วขบกรามแน่น นึกเจ็บใจตัวเองที่มัวแต่จะคิดแก้แค้นจนลืมนึกถึงผลกระทบที่จะตามมา
“แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ”
“ปิดเรื่องนี้ไปก่อน ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ นายเองก็จัดการกันทั้งสามคนออกไปจากฉันให้ดีก็แล้วกัน” เขายกปัญหาของตัวเองให้วาทินจัดการ
“ครับนาย” เขาได้แต่รับคำสั่งแม้จะลำบากใจ แต่ก็ต้องพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
************************
ในตอนเย็นเมื่อทั้งคู่ต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน ภัสกรก็มองดูท่าทีของภรรยาในนามวัยยี่สิบหกด้วยความสงสัย เธอทานอาหารตรงหน้าตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมมีงานด่วน เลยกลับไปก่อน”
“ค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขาแล้วก้มหน้าทานอาหารต่อ ทำตัวปกติจนภัสกรหงุดหงิดเอง
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“เรื่องไหนคะ” เธอถามด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ภัสกรยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดแต่ก็ข่มน้ำเสียงให้ปกติ
“คุณกลับยังไง”
“อ๋อ มีคนมารับแล้วก็มาจ่ายค่าอาหารให้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงเค้ก” หญิงสาวไม่ได้บอกว่าเป็นบิดา เธอพูดกลางๆ ให้เขารู้สึกสงสัยว่าเธอเรียกใครมาจ่ายเงินให้
แม้ไม่ได้โต้กลับไป แต่ก็ไม่อยากยอมจนเขากดหัวเธอไปมากกว่านี้ การทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ภัสกรไม่ได้ถามต่อเพราะไม่อยากแสดงความหงุดหงิดออกมา เพราะมันจะกลายเป็นว่าเขาเป็นผู้แพ้ แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
หลังจากที่แยกย้ายกันกลับเข้าห้อง พรนับพันก็อาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอน แต่เสียงเคาะประตูห้องทำให้เธอต้องเดินไปเปิดประตูให้แก่เขา
“มีอะไรเหรอคะ...อื้อ”
ภัสกรดันตัวเข้าไปในห้องแล้วจู่โจมจูบเธอโดยที่พรนับพันไม่ทันตั้งตัว เขาดันตัวเธอไปที่เตียงแล้วคร่อมทับหลวมๆ เบียดสะโพกเข้าหาแล้วจูบอย่างดูดดื่ม
ปลายลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากแล้วตวัดลิ้นเกี่ยวปลายลิ้นของหญิงสาวจนพรนับพันเกร็งตัวด้วยความตื่นเต้นปนตื่นกลัวเล็กน้อย แล้วเตรียมใจว่าคืนนี้เธอต้องตกเป็นของเขา
เธอเอามือคล้องคอเขาแล้วพยายามคิดในแง่ดีว่าการกระทำนี้จะช่วยให้ตนเองเป็นอิสระจากเขาในภายภาคหน้า
สะโพกหนาบดเบียดจนพรนับพันรู้สึกได้ถึงส่วนที่แข็งแกร่งที่พาดบนต้นขาของเธอ มือหนาลูบไล้ที่สะโพกจนเธอเริ่มเกิดความกระสันแล้วแอ่นสะโพกเข้าหาเขาตามสัญชาตญาณ
ภัสกรเลื่อนจูบลงไปที่ซอกคอทำให้หญิงสาวหลุดครางออกมาเบาๆ เขายกยิ้มอย่างพอใจ แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็รีบผละออกจากเธอแล้วมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มอยู่
เขาหัวเราะออกมาแล้วดันตัวลุกขึ้นไป ทำให้พรนับพันต้องลืมตาขึ้นมาแล้วดึงผ้าห่มมาปกปิดชุดนอนที่หลุดลุ่ยด้วยความอับอาย
“คงรอคอยให้ผมทำแบบนี้สินะ จูบนิดจูบหน่อยก็อ้าขารอแล้ว” เขาพูดดูถูกเธอ ทำให้หญิงสาวกำหมัดแน่นมองเขาด้วยแววตาที่ทั้งโกรธทั้งอับอาย แล้วลดท่าทีลงเปลี่ยนเป็นยิ้มให้เขาแทน
“ก็คงอย่างนั้นมั้งค่ะ เพราะฉันอยากมีลูกกับคุณจะแย่” เธอบอกแล้วสะบัดผ้าห่มออกไปแล้วลุกขึ้นไปยืนคล้องคอเขาพร้อมกับสบตาที่กำลังฉงนของเขา
“คุณเองก็ต้องการฉัน อย่าปฏิเสธเลยค่ะ เราก็รู้ๆ กันอยู่”
ภัสกรนิ่งตะลึงไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ สบแววตาที่ยั่วยวนเขาแล้วเบียดสะโพกมาสัมผัสแกนกายที่ยังไม่สงบลงเป็นนัยว่าเธอรู้ว่าเขาเกิดอารมณ์กับเธอ
“ว่าไงคะ เรามาต่อกันไหม” เธอถามเสียงเบา ตัดสินใจทำตามที่มารดาบอกว่าให้เธอเป็นฝ่ายเริ่มแล้วโน้มคอเขาลงมาจูบ
ชายวันสามสิบเก้าเกือบจะเคลิบเคลิ้มไปเพราะความต้องการตามธรรมชาติของตน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะตกหลุมพรางที่เป็นฝ่ายขุดเอาไว้เสียเองเลยดันตัวเธอออกไปจากเขา
“อย่าหวังเลย คุณนี่มันน่ารังเกียจที่สุด” เขาพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความปรารถนาที่ถูกเธอปลุกเร้าแล้วรีบออกไป
พรนับพันรีบล็อกประตู เอามือกุมใบหน้าของตนเอง น้ำตารินไหลออกมา อธิบายไม่ถูกว่าตนเองรู้สึกอย่างไร ผิดหวัง กลัว กังวล อับอาย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นพร้อมกันจนเธอรับแทบไม่ไหว การระบายออกด้วยน้ำตาจึงเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้
“ฉันเกลียดคุณ” หญิงสาวพึมพำเสียงเครือ ไม่รู้ว่าตนเองจะอดทนอยู่กับคนบ้าอย่างเขาได้นานอีกแค่ไหน
************************
พรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขาทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไปพรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเองระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญ
“อะไรนะคะ คุณจะให้ฉันไปทานข้าวกับคุณทุกวันอย่างนั้นเหรอ” พรนับพันถามอย่างไม่เชื่อหูที่อยู่ๆ เขาก็บอกให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเขาที่บริษัท“อืม ฟังไม่ผิดหรอก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติแล้วตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของเธอ“เพื่ออะไรคะ คุณมีแผนอะไรจะ...เอ่อ มีแผนจะทำอะไรคะ” เธอเปลี่ยนไปพูดอีกแบบ เกือบพลั้งปากถามว่ามีแผนอะไรจะแกล้งเธออีก“ก็อยากรีบมีลูกแล้วหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ จะนอนกับคนที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็คงจะทำใจลำบาก ผมเลยอยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้ก็เท่านั้น”พรนับพันฟังเหตุผลของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินที่เขาพูดเรื่องมีลูกกลางโต๊ะอาหาร โชคดีที่เป็นห้องส่วนตัวที่ได้ยินกันแค่สองคน“ว่ายังไงล่ะ” เขาถามแล้วเลิกคิ้วสูงเพื่อรอคำตอบเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเธอจึงรีบรับปากเขาเพื่อรักษาอารมณ์ที่เป็นปกติของคนทั่วไปนี้เอาไว้ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ปกติของเขาก็ตาม“ได้ค่ะ ฉันจะไปทานอาหารกับคุณทุกวัน”“แล้วอีกอย่างนะ”“อะไรคะ”“ถ้าไม่เป็นการฝืนใจ เรียกแทนตัวเองอย่างที่ผมเคยขอด้วยก็ดีนะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่คุมให้นุ่มนวลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง“ค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วยิ้มให้เล็
เรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใยแม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสองสิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั
ภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตนแน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโหทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเองเขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้งและครั้งนี้ข้อเสนอท
หลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจเมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู“วันนี้มีอะไรอีกไหม”“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เข
พรศักดิ์ไปรับลูกสาวกลับพร้อมกับจ่ายเงินค่าอาหารให้ พรนับพันนำอาหารพวกนั้นไปแจกจ่ายให้พนักงาน แล้วเอาขวดไวน์ราคาเหยียบหมื่นมาตั้งที่โต๊ะของตัวเองแล้วมองมันด้วยความเจ็บใจน้ำตาพานจะไหลแต่ก็ต้องทำเป็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเพื่อความสบายใจของบิดา“พ่อว่าเขาตั้งใจแกล้งเค้ก พ่อดูออก”“ไม่หรอกค่ะพ่อ เขารีบกลับไปทำงานด่วน เค้กผิดเองที่ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เอากระเป๋าไป เลยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนให้พ่อไปจ่ายให้” หญิงสาวบอกบิดารับความผิดเอาไว้เอง“เฮ้อ ช่างเถอะ” พรศักดิ์ถอนหายใจออกมา แม้ว่าพรนับพันจะลืมว่าตัวเองไม่ได้พกกระเป๋าไปก็จริง แต่เขาควรฝากเงินไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหารให้ กานดาที่ออกไปทำบุญกับเพื่อนกลับมาในตอนบ่าย เธอเข้ามาที่ห้องทำงานของลูกสาวหลังจากได้ยินเลขานุการของสามีบอกว่าเขาออกไปรับเธอกลับมาเพราะถูกภัสกรทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร“เกิดอะไรขึ้นลูก” กานดาเข้ามาก็ถามในประเด็นที่ตนสงสัยพรนับพันจึงเล่าเรื่องที่เกิดให้มารดาฟังให้เข้าใจแบบเดียวกันกับบิดา“เขาคงไม่ตั้งใจหรอก ถึงจะเคียดแค้นแค่ไหน แต่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่โตอายุอานามก็จะสี่สิบ เขาไม่เอาเวลามากลั่นแกล้งกันด้วยเรื่องเล็







