Masukเรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ
“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใย
แม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป
ในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว
“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสอง
สิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั้นเปิดประตูเข้าไปในห้องของภัสกรทำให้วาทินหน้าเจื่อนเพราะไม่สามารถห้ามปรามได้ทัน
“ขอโทษครับนาย ผมพยายามแล้ว”
ภัสกรโบกมือให้เขากลับไปทำงานต่อแล้วมองหญิงสาวสองคนที่ตอนนี้ถือวิสาสะนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา
“พี่ภัสคะ นาถจะมาชวนพี่ภัสออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันค่ะ” สิรินาถกล่าวชวนเสียงหวาน
“ผมไม่อยากออกไป”
“ฉันว่าแล้วเชียว เลยซื้ออาหารมาทานกับคุณที่นี่” ซอนญ่าหรือศรัญญายกถุงกระดาษที่เธอนำมาชูขึ้นอวดสิรินาถ
“พวกคุณกลับไปเถอะ ผมมีงานด่วนที่ต้องทำ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” ภัสกรปฏิเสธทั้งคู่ เพราะเขาไม่อยากให้ความหวังกับพวกเธอ
“ฉันไม่ได้ชวนคุณออกไปนะคะ กับข้าวก็ซื้อมาแล้ว” ซอนญ่าตื๊อเขา
“งั้นคุณสองคนก็นั่งทานด้วยกัน ผมจะออกไปข้างนอก”
“อ้าว ไหนพี่ภัสบอกว่าไม่อยากออกไปไงคะ”
“พอดีพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัดทานข้าวกับคนสำคัญ ขอตัวนะครับ” เขาตัดบทโดยการอ้างว่ามีนัดกับภรรยา
หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างรู้ทัน
“นาถรู้มาว่าคุณเกลเธอทิ้งพี่ภัสไปแล้วนี่ค่ะ เห็นว่าพี่ภัสไปดื่มย้อมใจที่มีสยูคลับตั้งหลายวัน” สิรินาถบอกสิ่งที่เธอได้ยินมา ว่าเขาเมามากและเพ้อว่าถูกคนรักบอกเลิก
“ใช่ค่ะ ฉันเองก็ได้ยินมาอย่างนั้น ดังนั้นอย่าเอาคุณเกลมาอ้างเลยค่ะ พวกเรารู้ทันว่าคุณไม่มีใครในตอนนี้” ซอนญ่ายิ้มอย่างรู้ทัน พูดสนับสนุนกันกับคู่แข่งหัวใจเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ภัสกรย้อนคิดไปถึงช่วงที่ตนเองเศร้าเสียใจแล้วไปนั่งดื่มที่คลับตามที่สิรินาถกล่าวถึง พลางนึกว่าเรื่องของตนนั้นไปเข้าหูเธอเพราะสาเหตุนี้นี่เอง
“รู้เรื่องผมดีขนาดนี้ แต่ทำไมไม่รู้ล่ะว่าผมมีคนใหม่แล้ว” ภัสกรยกยิ้มที่มุมปากอย่างท้าทายทำให้พวกเธอเริ่มที่จะลดยิ้มลง
“ไม่จริงหรอก พี่ภัสก็แค่พูดไปอย่างนั้น”
“ใช่ค่ะคุณก็แค่พูดไปอย่างนั้น” ซอนญ่าพูดตามสิรินาถ
“โอ๊ย เลิกพูดตามฉันสักที คิดเองบ้างสิ” สิรินาถหันไปโวยเธอทำให้ภัสกรถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญกับพฤติกรรมของทั้งคู่
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่” ภัสกรพูดขึ้นมาแล้วขยับเสื้อสูทเตรียมจะออกไปข้างนอก
พอเขาลุกขึ้นทั้งสองก็รีบเตรียมตัวจะตามเขาไป สะพายกระเป๋าแล้วออกไปรอที่นอกห้องเพื่อที่จะเป็นคนแรกที่ได้เดินข้างเขา ทำให้ภัสกรใช้จังหวะนั้นล็อกห้องทำงานของตนเองแล้วกลับมานั่งที่
เสียงเคาะประตูดังเป็นระยะพร้อมๆ กับเสียงโวยวายให้เขาเปิดประตู ทำให้ภัสกรรู้สึกหงุดหงิดมากแล้วนึกถึงคำแนะนำของวาทินที่ว่าจะให้เขาเปิดตัวพรนับพันเพื่อใช้กันพวกเธอออกห่าง
“สงสัยต้องได้ยืมมือเธอแล้วล่ะ พรนับพัน”
************************
ในตอนเย็นภัสกรไปรับพรนับพันแล้วเดินเข้าไปในโรงงาน เขาได้เจอกับพรศักดิ์และกานดาที่เดินสวนมาแต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วเข้าไปนั่งไขว่ห้างรอภรรยาในห้องทำงานของเธอ กดดันจนพรนับพันต้องวางงานในมือแล้วเตรียมตัวกลับพร้อมกับเขา
ทั้งสองเดินควงคู่กันไปที่รถสปอร์ตคันหรูของอีกฝ่ายท่ามกลางสายตาของพนักงานหลายคนที่มองอย่างสนใจ และสงสัยว่านักธุรกิจหนุ่มหล่อคนนี้เป็นอะไรกับลูกสาวเจ้าของโรงงาน
ภัสกรเงียบไปตลอดทาง เขาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรกับเธอ เพราะถ้าจะขอร้องก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น แต่ถ้าจะสั่งให้เธอทำก็เกรงว่าเธอจะไม่ยอมช่วยเหลือ
เพราะเขาไม่สามารถเดาใจพรนับพันได้ถูก บางครั้งเธอก็ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่บางครั้งก็ทำตัวเหมือนไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยสักนิด การที่จะให้เธอช่วยเหลือจึงจะต้องคิดหาวิธีที่ทำให้เธอยอมช่วยอย่างเต็มใจ
“ไหนบอกจะพาไปตรวจเลือดไงคะ” เธอถามเขาเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าสามีในนามพามาที่ภัตตาคารอาหารจีนชื่อดัง
“ชอบทานปลาไหม ที่นี่ปลาเก๋าอร่อยมากนะ เมนูน้ำแดงก็เด็ด” เขาพูดเสียงนุ่มต่างจากเดิมจนเธอขมวดคิ้ว อยากถามว่าเขาไปกินอะไรผิดสำแลงมาแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป พลางคิดว่าถ้าเขาอารมณ์ดีเธอก็ไม่ควรแหย่ให้ต้องอารมณ์เสีย
“ว่ายังไงล่ะ ชอบหรือเปล่า”
“ค่ะ ฉันชอบทานปลา” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมทำให้ภัสกรเริ่มจับทางได้ว่าถ้าเขาทำดีกับเธอ เธอก็จะดีตอบ
“วันนี้ผมให้คุณสั่งได้เต็มที่นะ อยากทานอะไรก็สั่งเลย”
“ที่นี่รับบัตรเครดิตไหมคะ ฉันไม่ได้พกเงินสดมาเยอะ” เธอถามเขาเพราะกลัวจะโดนเขาแกล้งอีก
ภัสกรล้วงกระเป๋าสตางค์ของเขาออกมาแล้วยื่นให้เธอเป็นคนถือเอาไว้ ทำให้พรนับพันเลิกคิ้วสูงไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขั้นนี้
“ผมนั่งไม่ถนัด เก็บไว้ในกระเป๋าคุณก็แล้วกัน เวลาจ่ายก็หยิบเงินในนั้นออกมาจ่ายได้เลย” เขาพูดแล้วยื่นเมนูให้เธอเลือก
พรนับพันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเม้มปากเล็กน้อยเหมือนกำลังชั่งใจว่าเขาจะมาไม้ไหนกับเธอ แล้วรับรายการอาหารมาสั่งในเมนูที่ตนชอบสองอย่างแล้วให้เขาเลือกอีกสองอย่าง
“ทานน้อยจัง สี่อย่างเอง ผมบอกแล้วไงว่าผมจ่ายให้”
“เท่านี้ก็ทานไม่หมดแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องสั่งมาเต็มโต๊ะหรอก สิ้นเปลืองเปล่าๆ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะว่าใครจ่าย” เธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเองก่อนจะลดยิ้มลงแล้วจิบน้ำกลบเกลื่อน
ภัสกรมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ ความคิดอ่านที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมันทำให้เขารู้สึกประทับใจไม่น้อย
************************
พรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขาทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไปพรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเองระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญ
“อะไรนะคะ คุณจะให้ฉันไปทานข้าวกับคุณทุกวันอย่างนั้นเหรอ” พรนับพันถามอย่างไม่เชื่อหูที่อยู่ๆ เขาก็บอกให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเขาที่บริษัท“อืม ฟังไม่ผิดหรอก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติแล้วตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของเธอ“เพื่ออะไรคะ คุณมีแผนอะไรจะ...เอ่อ มีแผนจะทำอะไรคะ” เธอเปลี่ยนไปพูดอีกแบบ เกือบพลั้งปากถามว่ามีแผนอะไรจะแกล้งเธออีก“ก็อยากรีบมีลูกแล้วหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ จะนอนกับคนที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็คงจะทำใจลำบาก ผมเลยอยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้ก็เท่านั้น”พรนับพันฟังเหตุผลของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินที่เขาพูดเรื่องมีลูกกลางโต๊ะอาหาร โชคดีที่เป็นห้องส่วนตัวที่ได้ยินกันแค่สองคน“ว่ายังไงล่ะ” เขาถามแล้วเลิกคิ้วสูงเพื่อรอคำตอบเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเธอจึงรีบรับปากเขาเพื่อรักษาอารมณ์ที่เป็นปกติของคนทั่วไปนี้เอาไว้ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ปกติของเขาก็ตาม“ได้ค่ะ ฉันจะไปทานอาหารกับคุณทุกวัน”“แล้วอีกอย่างนะ”“อะไรคะ”“ถ้าไม่เป็นการฝืนใจ เรียกแทนตัวเองอย่างที่ผมเคยขอด้วยก็ดีนะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่คุมให้นุ่มนวลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง“ค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วยิ้มให้เล็
เรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใยแม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสองสิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั
ภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตนแน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโหทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเองเขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้งและครั้งนี้ข้อเสนอท
หลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจเมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู“วันนี้มีอะไรอีกไหม”“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เข
พรศักดิ์ไปรับลูกสาวกลับพร้อมกับจ่ายเงินค่าอาหารให้ พรนับพันนำอาหารพวกนั้นไปแจกจ่ายให้พนักงาน แล้วเอาขวดไวน์ราคาเหยียบหมื่นมาตั้งที่โต๊ะของตัวเองแล้วมองมันด้วยความเจ็บใจน้ำตาพานจะไหลแต่ก็ต้องทำเป็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเพื่อความสบายใจของบิดา“พ่อว่าเขาตั้งใจแกล้งเค้ก พ่อดูออก”“ไม่หรอกค่ะพ่อ เขารีบกลับไปทำงานด่วน เค้กผิดเองที่ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เอากระเป๋าไป เลยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนให้พ่อไปจ่ายให้” หญิงสาวบอกบิดารับความผิดเอาไว้เอง“เฮ้อ ช่างเถอะ” พรศักดิ์ถอนหายใจออกมา แม้ว่าพรนับพันจะลืมว่าตัวเองไม่ได้พกกระเป๋าไปก็จริง แต่เขาควรฝากเงินไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหารให้ กานดาที่ออกไปทำบุญกับเพื่อนกลับมาในตอนบ่าย เธอเข้ามาที่ห้องทำงานของลูกสาวหลังจากได้ยินเลขานุการของสามีบอกว่าเขาออกไปรับเธอกลับมาเพราะถูกภัสกรทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร“เกิดอะไรขึ้นลูก” กานดาเข้ามาก็ถามในประเด็นที่ตนสงสัยพรนับพันจึงเล่าเรื่องที่เกิดให้มารดาฟังให้เข้าใจแบบเดียวกันกับบิดา“เขาคงไม่ตั้งใจหรอก ถึงจะเคียดแค้นแค่ไหน แต่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่โตอายุอานามก็จะสี่สิบ เขาไม่เอาเวลามากลั่นแกล้งกันด้วยเรื่องเล็







