หลี่ซูฮวากลับมาที่เรือนปีกซ้ายด้วยความรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง การได้ลงไม้ลงมือกับแม่ครัว ทำให้นางรู้สึกโล่งสบายใจยิ่งนัก
รุ่งเช้าวันต่อมา หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาแต่เช้า นางเดินไปที่สวนท้ายจวนเพื่อยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายเข้าที่เข้าทางเสียหน่อย ร่างกายนี้อ่อนแอบอบบางเกินไป โชคดีที่นางค่อย ๆ ปรับสภาพได้ และหมั่นฝึกฝนออกกำลังกายบ่อย ๆ ร่างนี้จึงแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
เมื่อกลับมาถึงก็พบกับอาหารชุดใหญ่ที่ห้องครัวส่งมาให้ ทั้งเนื้อตุ๋น โจ๊กที่ข้นจนเห็นเม็ดข้าว อีกทั้งยังมีผักสดอีกมากมาย หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หึ!!! ไม่ทุบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยสินะ!!!
หลังจากอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อย คนของเรือนใหญ่ก็มาแจ้งแก่นางว่าให้รีบไปที่เรือนใหญ่ทันที หลี่ซูฮวาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่เรือนใหญ่อย่างไม่รีบไม่ร้อน
เมื่อนางมาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษดังแว่วออกมาจากในเรือนใหญ่ ผสมผสานกับเสียงสตรีน้อยนางหนึ่งที่ใสกังวานราวกับระฆังใบใหญ่ เมื่อหลี่ซูฮวาเดินเข้าไปข้างใน ผู้คนที่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ห้องโถงกลางเรือนก็พลันมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาทันที
"ซูฮวา มาแล้วหรือ มานั่งข้าง ๆ ปู่นี่มา"
"เจ้าค่ะ"
หลี่กวงเว่ยเอ่ยขึ้นมาก่อน ด้วยเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของหลี่ซูฮวา วันนี้ชินอ๋องนำของหมั้นมามอบให้หลี่ชิงเยียนถึงในจวน และยังจะมาขอถอนหมั้นกับหลี่ซูฮวาอีก เขาเองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องนี้มากเท่าใดนัก
หลี่ซูฮวาเดินเข้าไปทิ้งกายนั่งข้างหลี่กวงเว่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย นางปรายตามองบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อคมเข้ม ดวงตาที่ดูเย็นชาคู่นั้น จ้องมองมาที่นางอย่างไม่ใส่ใจ
ชินอ๋อง เสิ่นเทียนเหยา
เขาเป็นอดีตคู่หมั้นของนาง ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านปู่เป็นอย่างยิ่ง จึงอยากเกี่ยวดองเป็นญาติกัน และได้หมั้นหมายนางกับเสิ่นเทียนเหยาปากเปล่าเอาไว้ ไม่ได้มีราชโองการใดใดเลยด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้เสิ่นเทียนเหยาลำพองใจนึกอยากจะถอนหมั้นกับนางเมื่อใดก็ย่อมได้
เหอะ!!! ใครสนกันเล่า นางก็ไม่ได้อยากเป็นชายาของเขาเสียหน่อย
หลี่ซูฮวาละสายตาไปจากเสิ่นเทียนเหยา ก่อนจะสบสายตากับหลี่ชิงเยียน น้องสาวต่างมารดา หลี่ชิงเยียนส่งสายตาดูแคลนและเย้ยหยันมาให้หลี่ซูฮวาอย่างไม่ปิดบัง หึ!!! ท่านอ๋องรักนาง ไม่มีวันรักพี่สาวต่ำช้าของนางอยู่แล้ว ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!!!
เสิ่นเทียนเหยาที่ได้เห็นใบหน้าสวยหวานของหลี่ซูฮวาไร้ซึ่งความรู้สึกใดใดก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ไหนแต่ไรมานางเอาแต่ส่งสายตายั่วยวนให้แก่เขา แต่เพราะนางอ่อนแอขี้โรคอีกทั้งยังโง่เขลา เขาจึงไม่สนใจนาง
แต่เหตุใดวันนี้นางจึงดูงดงามกว่าปกติกันเล่า?
ฮูหยินใหญ่ที่เห็นว่าหลี่ซูฮวามาถึงแล้ว จึงรีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที
"ทูลท่านอ๋อง วันนี้หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ๋องยิ่งนักเพคะ ที่ทรงเมตตาหลี่ชิงเยียน"
เสิ่นเทียนเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้ฮูหยินใหญ่อย่างไม่ถือตน
"เท่านี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับชิงเยียน นางเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม อีกทั้งยังเก่งกาจรอบด้าน สตรีเช่นนี้ข้าคงมิอาจปล่อยให้หลุดมือไปได้"
หลี่ชิงเยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย หลี่ซูฮวาที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกำลังลอบบิดเบ้มุมปากอย่างดูแคลน
"หวังว่าท่านราชครูคงจะเข้าใจใช่หรือไม่ หากข้าจะขอรับชิงเยียนเป็นชายาเอก"
"กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ"
เสิ่นเทียนเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองหลี่ซูฮวาอีกครา อยู่ ๆ ในใจของเขาก็รู้สึกคันยุบยิบขึ้นมา ยิ่งได้เห็นใบหน้าของนางที่ดูงดงามกว่าแต่ก่อน ใจของเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านเกินจะทานทน
"ส่วนเจ้าซูฮวา หากเจ้าไร้ที่พึ่ง ข้ายินดีรับเจ้าไปเป็นอนุของข้า"
หลี่กวงเว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที นี่มิเท่ากับดูถูกหลานสาวของเขาหรอกหรือ เขาหันไปมองหลี่ซูฮวาคราหนึ่ง แต่ทว่านางกลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับมิได้ใส่ใจเรื่องใดเลยแม้แต่น้อย
"ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเมตตา แต่หม่อมฉันไม่อยากเป็นอนุของผู้ใดเพคะ หม่อมฉันยินดีเป็นสตรีแก่อยู่ในเรือน ดีกว่าต้องใช้ชีวิตร่วมกับบุรุษใจหยาบเพคะ ท่านปู่หากไม่มีสิ่งใดแล้ว หลานขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ไม่รอคำตอบ นางก็ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนใหญ่ทันที เสิ่นเทียนเหยากัดฟันกรอด นี่นางกล้าปฏิเสธเขาเชียวหรือ เขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่นางกลับกล้าฉีกหน้าเขา!!!
เมื่อไฟโทสะปะทุ เสิ่นเทียนเหยาจึงก้าวเดินตามนางไปทันที โดยไม่สนใจหลี่ชิงเยียนอีก
"หยุดเดี๋ยวนี้!!! ซูฮวา"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันกลับไปมองเสิ่นเทียนเหยาด้วยสายตาดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
"มีสิ่งใดหรือเพคะ?"
"เจ้าอย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย สตรีเช่นเจ้าข้ากล้าพนันว่าไม่มีบุรุษใดคิดเอาไปทำภรรยา!!!"
"แล้วอย่างไรเล่าเพคะ?"
"หึ!!! แต่งเป็นอนุของข้าซะ แม้จะไม่ได้เป็นภรรยาเอก แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าอดอยาก อย่างไรเสียข้าจะแวะเวียนไปหลับนอนกับเจ้าบ้าง เจ้าคงจะพอใจ"
เสิ่นเทียนเหยาต่อว่าหลี่ซูฮวาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง หลี่ซูฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะจ้องมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างรังเกียจ
"หม่อมฉันไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับคนบ้าเพคะ ขอทูลลา อ้อ อีกอย่าง เราสองคนไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันแล้ว ขอพระองค์ทรงให้เกียรติหม่อมฉันด้วยนะเพคะ"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนปีกซ้ายตามเดิม ยามนี้นางยังมีงานที่ต้องสะสางอีกมากมาย นั่นคือนางต้องส่งภาพวาดร่วมรักให้แก่ร้านหนังสือสราญรมย์
หลี่ซูฮวามีความสามารถพิเศษคือการวาดรูป เท่าที่นางศึกษาภาพวาดจากร้านหนังสือร้านนั้นมาก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นมากเท่าใดนัก ออกจะเป็นท่วงท่าเดิม ๆ เสียมากกว่า หึ!!! นางจะต้องเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงจัดการวาดภาพเหล่านั้นทันที
ตกดึกหลี่ซูฮวาก็แต่งกายเป็นชายนางปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดก่อนจะออกไปจากจวนตระกูลหลี่ นางมีนัดหมายกับเถ้าแก่ร้านสราญรมย์ ร้านหนังสือร่วมรักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในต้าเฉวียน นางลองนำภาพวาดไปให้เขาดูคราก่อน เถ้าแก่ร้านเอ่ยปากชมว่าเป็นภาพวาดที่งดงาม ท่วงท่าก็เร่าร้อนเสียจนทนไม่ไหว นางต้องนัดหมายส่งสินค้าในตอนดึก เพราะตอนกลางวันนางไม่สะดวกเท่าใดนัก
เมื่อมาถึงที่ร้านสราญรมย์ หลี่ซูฮวาก็นำหนังสือเกือบร้อยเล่มมามอบให้กับเถ้าแก่ร้านทันที
"โอ้วว นายน้อยท่านมาแล้วหรือ"
"อืม นี่เป็นหนังสือต้นฉบับร้อยแปดกระบวนท่า ข้าขายให้ท่านทั้งหมด"
หลี่ซูฮวาแกล้งดัดเสียงเป็นบุรุษได้อย่างไร้พิรุธ เถ้าแก่ค่อย ๆ รับสมุดภาพวาดเหล่านั้นมาเปิดดู ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความพึงพอใจ
ไอหยา!!! ดูกลีบบุปผาสองกลีบนั่นสิ ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก
"พอใจหรือไม่?"
"วันนี้มีแค่นี้หรือ?"
"เกือบร้อยเล่มเชียวนะเถ้าแก่ ข้าใช้เวลาวาดตั้งหลายวันเชียวละ มากกว่านี้ข้าคงวาดให้ท่านไม่ทัน"
"นายน้อยจะคิดเท่าใด?"
"หนึ่งหมื่นตำลึงขาดตัว"
"ไอหยา!!! มันจะไม่มากไปหรือ?"
"ข้ารับรองว่าท่านจะขายได้เยอะเสียจนต้อนรับลูกค้าไม่ทันเชียวละ"
"จริงหรือ?"
"จ่ายมา มิเช่นนั้นข้าคงต้องนำไปขายที่ร้านอื่น"
"ไม่ได้!!! หนึ่งหมื่นตำลึงข้าก็ยอมจ่าย รอข้าสักครู่"
หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่นานนักเถ้าแก่ร้านก็นำตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมามอบให้กับนาง หลี่ซูฮวายื่นมือไปรับตั๋วเงินเหล่านั้นมาเก็บเอาไว้ด้วยความยินดี
"นายน้อย หากมีลูกค้าถามว่าใครเป็นนักวาด จะให้ข้าบอกพวกเขาเช่นไร?"
"บอกว่าข้าคือนักวาดเงามืดก็พอ"
"นายน้อย สนใจค้าขายกับข้าหรือไม่ ท่านนำภาพวาดใหม่ ๆ มา ข้าก็จะแบ่งให้ท่านเล็ก ๆ น้อย ๆ"
"ครึ่งหนึ่งของยอดขาย!!!"
"ไอหยา!!!"
"ไม่รับปากข้าก็ไม่นำภาพวาดมาส่งให้เจ้า เฮ้อ ฝีมืออย่างข้า หากไปร้านอื่นก็จะต้องขายได้มากกว่าร้านเจ้าเป็นแน่"
เถ้าแก่ร้านมีสีหน้าครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
"ตกลง"
"ดี ไว้ข้าจะมาส่งภาพวาดอีก"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบกลับจวนตระกูลหลี่ทันที
รุ่งเช้าก็มีข่าวลือหนาหูว่าร้านสราญรมย์มีภาพวาดร่วมรักออกใหม่ ท่วงท่าเร่าร้อน ผู้คนต่างพากันไปแย่งซื้อเพื่อนำกลับไปลองทำกับภรรยาของตนที่จวน
จ้าวเฉินอวี้ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ต้าเฉวียนค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว เขาจึงปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่หากมีบางสิ่งที่มากเกินไป หรือทำให้เกิดเหตุลวนลามเอาเปรียบสตรีเรื่องนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเช่นกัน
จ้าวเฉินอวี้เดินเข้าไปในร้านสราญรมย์ เพื่อซื้อหนังสือที่หลี่ซูฮวาเป็นคนวาดมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลจ้าวทันที
เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลจ้าว เขาก็รีบเปิดหนังสือเล่มนั้นดูอย่างไม่รอช้า อยากจะรู้ยิ่งนักว่ามีอะไรดีมากมายกัน ผู้คนถึงแย่งชิงกันซื้อขนาดนั้น
แต่ทว่าเมื่อเขาเปิดดูก็ถึงกับต้องตกตะลึง
เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้เล่า ใครเป็นคนวาดกัน!!! ช่างเหมือนกับคนจริงไม่มีผิด ฝีมือเยี่ยมยอดไม่เบา อีกทั้งท่วงท่าก็ยังแปลกใหม่ แล้วยังมีบางท่าที่เขาไม่เคยเห็นอีกด้วย
จ้าวเฉินอวี้กวาดตามองภาพวาดเหล่านั้นภาพแล้วภาพเล่า จนกระทั่งมาถึงภาพหนึ่ง ที่มีสตรีน้อยนางหนึ่งที่เรือนกายไร้ซึ่งอาภรณ์ใดใดปกปิด กำลังอ้าเรียวขางามออกจนกว้าง เผยให้เห็นกลีบกุหลาบสวยสองกลีบที่ชวนมอง
ฉับพลันจ้าวเฉินอวี้ก็คิดถึงบั้นท้ายของหลี่ซูฮวาขึ้นมา
บั้นท้ายของนางใหญ่มากช่างเย้ายวนเหลือเกิน บั้นท้ายยังขนาดนี้ กลีบ...จะขนาดไหน!!! จะเหมือนในภาพวาดหรือไม่?
ให้ตายเถอะเขาจะทนไม่ไหวแล้ว!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวเฉินอวี้จึงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด มือหนาใหญ่เลื่อนไปกอบกุมและสาวชักลำแท่งเอ็นร้อนของตนอย่างถี่ระรัว ปากก็ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่ขาดสาย
"ซูฮวา ซี้ดดดด"
ยิ่งคิดถึงใบหน้างดงามราวนางสวรรค์ของนาง จ้าวเฉินอวี้ก็รู้สึกหลงใหลเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วันที่ได้พบนาง เขาก็ทำเช่นนี้แทบทุกวัน เขาไม่เคยหลงใหลเพ้อฝันถึงสตรีใดมาก่อนจนได้มาพบเจอกับนาง เหตุใดเขาจึงหลงใหลนางถึงเพียงนี้!!!
"โอ้ววว ซูฮวาาา ข้าไม่ไหวแล้ว อื้อออ!!!"
เขาเร่งจังหวะมือให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ปากก็ร่ำร้องเรียกนางมิหยุดหย่อน ไม่นานนักน้ำรักก็พุ่งกระฉูดออกมาจากลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยาวของเขา จนเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด
ท่านแม่ทัพจ้าวผู้เป็นบิดาที่เพิ่งกลับมาถึงจวน กำลังมุ่งหน้ามาที่เรือนของบุตรชายคนโต แต่เมื่อเข้ามาถึงเขากลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจของจ้าวเฉินอวี้ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น พลางลอบก่นด่าบุตรชายในใจ
บัดซบ!!! มันชักอีกแล้วลูกเวร!!!
เขารอจนกระทั่งเสียงเงียบลง จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที ภาพตรงหน้าทำให้เขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก!!!
มารดามันเถอะ!!! ยาวกว่าเขาสมัยหนุ่ม ๆ เสียอีก
จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นว่าผู้เป็นบิดาเข้ามาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าใดนัก ท่านพ่อก็ช่างวุ่นวายนัก มาตอนเขาทำเช่นนี้ตลอดเลย!!!
"ท่านพ่อ"
"เฉินอวี้ เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเลอะเทอะเพียงใด?"
"อีกเดี๋ยวพ่อบ้านคงจะมาเก็บกวาดขอรับ แต่ท่านพ่อช่วยบอกให้เขารอก่อนนะขอรับ ลูกวางแผนว่าอาจจะชักอีกสักรอบในไม่ช้านี้"
แม่ทัพจ้าว "..."
แม่ทัพจ้าวจ้องมองกล้ามแขนของบุตรชายที่ดูจะใหญ่ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก็ลอบถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
"อาเฉิน เจ้าเบา ๆ บ้างเถิด เกิดมันเสียหายก่อนแต่งภรรยาจะทำเช่นไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ พ่อบ้านมาแจ้งข้า ว่าหลายวันมานี้เจ้ามิหยุดพักมือเลย"
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคมก็ฉายแววเย็นเยียบ
พ่อบ้านบัดซบ!!! คงจะอยากตายสิท่า!!!
"อาเฉิน"
"ท่านพ่อมาพูดเพียงเรื่องนี้หรือขอรับ ลูกไม่ได้ทำสิ่งใดผิด นี่คือความพอใจของลูก เวลาท่านพ่อแอบไปทำลูกยังไม่เคยว่าสักคำ!!!"
"อาเฉิน!!!"
"ท่านพ่อทำลูกยังไม่ว่า!!!"
"ข้านาน ๆ จะชักสักครา ไม่เหมือนเจ้า!!!"
แม่ทัพจ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเอ่ยวาจาเลอะเทอะไปเสียแล้ว จึงรีบถลึงตาใส่บุตรชายทันที
ลูกเวร!!!
แต่ก็มีบางช่วงที่ข้าทำถี่ ๆ เช่นกัน
บัดซบ!!! จะมาสนทนาเรื่องการศึก เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า
บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ
ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห
หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก
ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ
แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ
จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็
จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ
หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม