หน้าหลัก / รักโบราณ / วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ / บทที่ 3 ท่านรองแม่ทัพกระบี่ยาว

แชร์

บทที่ 3 ท่านรองแม่ทัพกระบี่ยาว

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-15 14:12:05

รถม้าเคลื่อนตัวมาจอดที่ตลาดอย่างรวดเร็ว หลี่ซูฮวาและเหมยเหยาก้าวลงมาจากรถม้า ก่อนจะมองไปโดยรอบ  เมื่อได้ยินว่านางจะออกมาตลาด แม่นมจางจึงนำเงินให้นางติดตัวมาด้วยสองตำลึง เป็นเงินที่นางแอบเก็บเอาไว้ และเป็นรายได้จากการนำงานเย็บปักไปขายให้เถ้าแก่ที่ตลาด 

หลี่ซูฮวาเดินชมบรรยากาศไปโดยรอบ เดิมทีนางเองก็มิได้ตั้งใจมาจับจ่ายหรือซื้อสิ่งใดอยู่แล้ว 

ตลาดที่นี่ค่อนข้างกว้างใหญ่ นางเดินมาครึ่งค่อนวันจนรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา จึงแวะดื่มน้ำชาที่ร้านน้ำชาริมทางร้านหนึ่ง เป็นร้านรวงขนาดเล็ก แต่บรรยากาศในร้านค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี 

นางกวาดสายตามองไปที่ฝั่งตรงข้าม ก็พบกับโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ที่มีผู้คนเดินเข้าออกกันหนาตา 

"เหมยเหยา"

"เจ้าคะคุณหนู?"

"นั่นโรงเตี๊ยมหรือ?"

"เจ้าค่ะ เอ่อ เดิมทีเป็นสินเดิมของนายหญิง ท่านแม่ของคุณหนู พอนายหญิงสิ้นไป ฮูหยินใหญ่ก็เข้ามาดูแลกิจการต่อเจ้าค่ะ"

หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย โอ้วว!!! ฮูหยินใหญ่นี่ร้ายกาจไม่เบาทีเดียว ถึงขนาดฉกฉวยโอกาสเอาสินเดิมของท่านแม่ไปได้มากมายถึงเพียงนี้ นางจะประมาทมิได้เสียแล้ว  

นั่งรออีกครู่หนึ่ง น้ำชาก็ถูกนำมาส่งให้ที่โต๊ะของนาง หลี่ซูฮวายกขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ นางรู้สึกชุ่มคอเป็นอย่างยิ่ง ในใจก็นึกครุ่นคิดว่านางจะทำเช่นไรดี ถึงจะหาตั๋วเงินได้เยอะ ๆ ขืนชักช้ามัวแต่คิดแย่งสินเดิมนางกลัวจะมิทันการ 

คนเราหากมีทรัพย์ย่อมบันดาลได้ทุกอย่าง! 

"แม่นาง ชาถ้วยนี้ให้ข้าจ่ายให้เจ้าได้หรือไม่?"

เสียงนุ่มทุ้มแต่ทรงอำนาจของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา ทำให้หลี่ซูฮวาต้องเงยหน้าไปมอง นางจึงได้พบกับบุรุษรูปงาม ร่างกายกำยำ ดวงตาเย็นชาและใบหน้าเรียบเฉยของเขา ช่างดูไม่น่าสนทนาด้วยเสียเลย 

จ้าวเฉินอวี้กำลังออกตรวจตราความเรียบร้อยในเมืองหลวง เขาเป็นบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพจ้าว มีน้องชายร่วมมารดาเดียวกันอีกหนึ่งคน นามว่า จ้าวเฉียนเว่ย 

เมื่อเดินตรวจตราไปโดยรอบเขากลับได้พบนาง นางผู้นั้นที่เขาเห็นเมื่อคืน 

นางที่สังหารคนได้อย่างเลือดเย็น! แต่ช่างเถิด!!! ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกชั่วสองคนนั้นคิดทำร้ายนางก่อน 

หลี่ซูฮวาวางถ้วยชาลง ในใจนึกหงุดหงิดเสียจริง นางมาหาลู่ทางทำกินแท้ ๆ แต่กลับพบเจอพวกหื่นกามเช่นนี้ เสียอารมณ์จริงเชียว!!!

"ไม่รบกวนท่านเจ้าค่ะ ข้าจ่ายเองได้"

"ไม่รบกวนหรอก ข้ายินดีจ่ายให้เจ้า"

"ข้าบอกว่าไม่เป็นไรอย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านหูหนวกหรือ?"

หลี่ซูฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ใบหน้าสวยงอง้ำอย่างเห็นได้ชัด แต่นางจะแสดงออกเกินไปไม่ได้ นางเป็นคุณหนูผู้อ่อนแอในสายตาคนอื่น ๆ 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงนั่งลงอีกครา แสร้งทำเป็นมือไม้สั่น ยามที่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก็แทบจะไร้เรี่ยวแรง

เอาเถิด!!! ถ้าเขาเห็นว่านางอ่อนแอถึงเพียงนี้คงจะหลีกหนีไปเอง บุรุษมิชมชอบสตรีอ่อนแอมิใช่หรือ 

"คุณชายผู้สูงศักดิ์ ข้าเจ็บป่วยมาหลายปีแล้วเจ้าค่ะ ท่านได้โปรดละเว้นข้าด้วยเถิด ข้ามิคู่ควรให้ท่านมาจ่ายค่าน้ำชาให้หรอกเจ้าค่ะ"

จ้าวเฉินอวี้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก หึ!!! เขาแค่จะเลี้ยงน้ำชานาง แต่นางกลับต้องเสแสร้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ 

น่าสนใจ! น่าสนใจทั้งตัว!!!

"แค่ก แค่ก ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"

หลี่ซูฮวาไม่รอช้า นางรีบเดินออกมาจากร้านน้ำชาทันที คิดในใจว่าอย่าให้ได้เจอบุรุษเช่นนี้อีกเลย!!! นางยังไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบุรุษใดทั้งนั้นในยามนี้ 

เมื่อเห็นว่านางกำลังจะหนีเขา จ้าวเฉินอวี้เองก็ไม่รอช้า รีบเดินไปขวางทางนางเอาไว้ทันที 

"แม่นาง"

"คุณชาย"

"ข้าชื่อจ้าวเฉินอวี้ เรียกข้าว่าพี่เฉินอวี้ก็ได้ เจ้าชื่ออะไร?"

จ้าวเฉินอวี้จ้องมองนางอย่างต้องการคำตอบ เขาเป็นบุรุษชาติทหาร คิดสิ่งใดย่อมเอ่ยออกมาเช่นนั้น เขาชื่นชอบนางย่อมต้องแสดงออกอย่างมิปิดบัง 

หลี่ซูฮวารู้สึกไม่ชอบหน้าจ้าวเฉินอวี้ขึ้นมาเสียแล้ว นี่เขาจะล่วงล้ำพื้นที่ของนางเกินไปแล้ว 

"คุณชายท่านนี้ ชายหญิงมิควรชิดใกล้ ข้าขออภัยด้วยเจ้าค่ะที่มิสามารถบอกชื่อแก่ท่านได้"

"แม่นาง อย่าใจร้ายนักเลย ข้าเป็นรองแม่ทัพ เป็นองครักษ์ของฝ่าบาท ข้ามิใช่คนชั่วช้าที่ใด แม่นางโปรดวางใจ"

หลี่ซูฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางมิยอมบอกเขาเสียหรอก!!! 

"โอ๊ะ นั่นใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่รึไม่ นี่นางออกมานอกจวนได้แล้วหรือ?"

"คนโง่งมเช่นนางรู้จักออกมาเดินตลาดกับเขาด้วยหรือ"

"มิใช่ว่านางป่วยหนักใกล้ตายหรอกหรือ?"

หลี่ซูฮวากัดฟันกรอด ชาวบ้านปากมากพวกนี้!!! มันน่านัก!!! 

จ้าวเฉินอวี้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ภายใต้ใบหน้าเฉยชาของเขามีความพอใจซ่อนอยู่ 

"ที่แท้ก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนตระกูลหลี่"

"ข้าขอตัวนะเจ้าคะ แค่ก แค่ก" 

หลี่ซูฮวาเสแสร้งทำเป็นไอจนหน้าดำหน้าแดง จ้าวเฉินอวี้เองก็คร้านที่จะแกล้งนางแล้วเช่นกันเขาจึงปล่อยนางไปแต่โดยดี แต่ยังคงหันกลับไปมองนางอีกคราอย่างอาลัยอาวรณ์ ใบหน้างามระเรื่อ ผิวขาวราวหยกชั้นดี นวลเนียนราวหิมะ บั้นท้ายของนางก็น่าตียิ่งนัก อีกทั้งหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินสตรีใดนั่นอีก 

เขาชอบนางเหลือเกิน สตรีเช่นนี้แหละเหมาะที่จะมาเป็นภรรยาของเขา

ยิ่งคิดท่อนเอ็นในร่มผ้าของเขาก็ยิ่งแข็งชูชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ 

ใจเย็นเฉินอวี้น้อย!!! อย่าเพิ่งแข็งตัวตอนนี้ 

บัดซบ!!! ไม่ยอมอ่อน เห็นทีคงต้องรีบกลับจวนอย่างเร่งด่วนเสียแล้ว

หลี่ซูฮวาเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางนางแวะซื้อเกาลัดมาหนึ่งห่อ พ่อค้าร้านเกาลัดจ้องมองนางด้วยแววตาที่สงสัยใคร่รู้ จนหลี่ซูฮวาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรับห่อเกาลัดมาถือไว้และเอ่ยถามพ่อค้าคนนั้น 

"ท่านลุง มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ มาจ้องหน้าข้าทำไมกัน?"

"แม่นาง อย่าหาว่าข้าสอดรู้เลยนะ เจ้ารู้จักกับท่านรองแม่ทัพฉายากระบี่ยาวสะท้านภพด้วยหรือ?"

"ใครกันเจ้าคะ?"

"ก็ท่านรองแม่ทัพจ้าวที่เจ้าสนทนากับเขาเมื่อครู่อย่างไรเล่า"

หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ร้องอ้อในใจ 

"ท่านลุงรู้จักเขาหรือเจ้าคะ แล้วเหตุใดเขาจึงได้ฉายาว่ากระบี่ยาวสะท้านภพด้วยเล่าเจ้าคะ"

พ่อค้าที่ขายเกาลัดได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระซิบกระซาบกับนางด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น 

"ก็ของลับของเขาน่ะสิ มีเสียงเล่าลือกล่าวอ้างว่ามันทั้งยาวทั้งใหญ่เหมือนกระบี่ ยาวเสียจนต้องม้วนเก็บหลายตลบ โอ๊ะ!!! แม่นางเจ้าถุยเกาลัดใส่หน้าข้าทำไมกัน!!!"

หลี่ซูฮวากำลังเคี้ยวเกาลัดเข้าปาก เมื่อได้ยินพ่อค้าเอ่ยเช่นนั้น นางจึงพ่นเกาลัดในปากออกมาทันที 

บ้าที่สุด!!! นี่พ่อค้าผู้นี้มาเล่าเรื่องบ้าอะไรให้ข้าฟังกัน!!! 

แต่เมื่อครู่ข้าก็ลืมสังเกตที่เป้าของเขา? 

โอ๊ย!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะซูฮวา!!! ได้ยินคำว่าใหญ่ยาวไม่ได้เลย!!!

หลี่ซูฮวาคร้านจะฟังเรื่องบัดซบนี้แล้ว นางจึงเดินออกมาเสีย ระหว่างทาง นางได้ผ่านร้านร้านหนึ่ง มีผู้คนมุงดูกันอย่างหนาตา 

"เหมยเหยา นั่นร้านใดกัน?"

"คุณหนู อย่าไปยุ่งเลยเจ้าค่ะ!!! รีบกลับจวนเถิดเจ้าค่ะ"

"ทำไมเล่า?"

"เป็นร้าน เอ่อ  ร้านขายภาพอย่างว่าน่ะเจ้าค่ะ!!!"

หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาทอประกายแวววาวทันที 

"ไปซื้อมาให้ข้าเล่มหนึ่ง"

"คุณหนู!!!"

"ไปซื้อมาเร็ว ๆ"

เหมยเหยาไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว นางจำต้องไปซื้อมาให้หลี่ซูฮวาตามที่นางสั่ง 

เมื่อกลับขึ้นมานั่งบนรถม้า หลี่ซูฮวาก็เปิดภาพเหล่านั้นออกมาดู ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ 

ข้าหาทางทำมาหากินได้แล้ว!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเร่งกลับจวน ก่อนจะถึงจวนนางยังสั่งให้เหมยเหยาไปซื้อกระดาษและพู่กันมาให้นางด้วย 

ทันทีที่กลับถึงจวนตระกูลหลี่ หลี่ซูฮวาก็เห็นพ่อบ้านตู้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหานางทันที 

"คุณหนูใหญ่ขอรับ!!!"

"มีสิ่งใดหรือ?"

"รีบไปที่เรือนใหญ่เถิดขอรับ!"

ตาขวาของหลี่ซูฮวากระตุกถี่ ๆ ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่นางเองก็ไม่ใส่ใจ รีบเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที  

เมื่อมาถึงนางก็พบกับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ฮูหยินใหญ่ ความทรงจำบอกนางว่าชายผู้นี้คือบิดาของนาง เขามีนามว่า หลี่เหวย 

หลี่เหวยจ้องมองหลี่ซูฮวาด้วยสายตาที่เย็นชา เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันใดใดกับบุตรสาวคนนี้อยู่แล้ว ยิ่งได้ยินเฟิ่งหรวนมาแจ้งว่าเมื่อเช้านางทุบตีคนเฝ้ารถม้า เขาก็ยิ่งไม่พอใจนางมากขึ้นไปอีก 

"คารวะท่านพ่อ"

"ซูฮวา!!! ข้าได้ยินว่าเจ้าทำร้ายคนเฝ้ารถม้า!!!"

หลี่ซูฮวาพยักหน้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน ใบหน้าสวยยังคงยิ้มแย้มราวกับไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย 

"เจ้าค่ะ ลูกถีบมันเอง ก็มันใช้งานไม่ได้เรื่องนี่เจ้าคะ"

"ซูฮวาเจ้ากล้า..."

"กล้าเจ้าค่ะ!!! ก็บ่าวรับใช้ผู้นี้บอกกับลูกเองว่า ท่านแม่สั่งเอาไว้ ถ้าหากลูกจะไปที่ใดห้ามใช้รถม้า ให้เดินไปเองเจ้าค่ะ"

หลี่เหวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองเฟิ่งหรวนทันที นางมีสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง 

แม้นางจะมิใช่บุตรที่เขารักใคร่ แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตร จะให้นางเที่ยวเดินไปนั่นมานี่อย่างไร้เกียรติเช่นนี้ หากท่านพ่อทราบเรื่องเข้า หัวเขาไม่แตกหรอกหรือ!!! 

"ท่านพี่ ข้าไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ บ่าวชั่วนี่มันกล่าวหาข้า"

หลี่เหวยรักใคร่เฟิ่งหรวนเป็นอย่างมาก ย่อมจะต้องเชื่อคำพูดของนางเป็นที่สุด เขาหันไปมองหลี่ซูฮวาอีกคราอย่างคาดโทษ 

"เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล"

"เฮ้อ! เพียงแค่ท่านแม่บีบน้ำตาท่านพ่อก็เชื่อแล้วหรือเจ้าคะ โธ่ ๆๆๆ ลูกเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าท่านพ่อหูเบาถึงเพียงนี้ หยุดกินหญ้าบ้างเถิดนะเจ้าคะ หันมากินปลาสักนิด จะได้ใช้สมองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้"

หลี่เหวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที นี่นาง!!! นางลูกชั่วมันด่าว่าเขาเป็นวัวเป็นควายเชียวหรือ!!! ใครสั่งสอนให้นางใจกล้าเทียมฟ้าถึงเพียงนี้กันนะ

"ซูฮวา มันจะมากเกินไปแล้ว!!! เจ้าทำร้ายบ่าว วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้า!!!"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกชั่ว!!!"

"ท่านพ่อ!!!"

เสียงชราที่น่าเกรงขามดังก้องไปทั้งเรือนใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยไม้เท้าที่ลอยละลิ่วมากลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าไปฟาดกลางศีรษะของหลี่เหวยอย่างเต็มแรง 

หลี่ซูฮวาหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายชราผู้หนึ่ง แม้ใบหน้าจะดูเหี่ยวย่นตามอายุขัย แต่ยังคงความสง่างามและน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง 

ท่านปู่ของนาง!!! ท่านปู่ หลี่กวงเว่ย

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ไม่มีท่านปู่อยู่เลย เพราะนางมิกล้าไปขอความช่วยเหลือจากท่านปู่ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ซูฮวาจึงวิ่งเข้าไปกอดขาท่านปู่ทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา 

"ฮือออ ท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่จะตีหลานเจ้าค่ะ!!!"

หลี่กวงเว่ยก้มลงไปมองหลี่ซูฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ 

พ่อบ้านตู้บอกว่านางถีบคนใช้ในจวนที่รังแกนาง แล้วเหตุใดนางจึงร้องไห้เช่นนี้เล่า!

นางเสแสร้งหรือ?

โอ้ววว เจ้าเล่ห์ยิ่งนักหลานปู่!!!

"ท่านพ่อ!!!"

หลี่เหวยยกมือขึ้นกุมศีรษะที่มีเลือดไหลออกมาอย่างน่าเวทนา หลี่กวงเว่ยจ้องมองบุตรชายด้วยสายตาเย็นชา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เอาไหน ติดสุราและเชื่อภรรยาจนหูเบา มันช่างน่าทุบตีให้ตายยิ่งนัก 

"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนคิดจะตีหลานข้าหรือ?"

ฮูหยินใหญ่มีท่าทีลนลานขึ้นมาทันที ใคร ๆ ก็รู้ว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้มีนิสัยลำเอียงมากเพียงใด 

"ท่านพ่อ ซูฮวาทุบตีบ่าวไพร่นะขอรับ!!!"

"ช่างหัวมันสิ!!! แค่บ่าวรับใช้ไม่เจียมตนผู้หนึ่ง นี่เจ้าเข้าข้างพวกมันมากกว่าบุตรสาวของตนหรือ!!! บัดซบ!!! ฟาดให้หัวแตกอีกคราดีหรือไม่!!!"

"ท่านพ่อลูกกลัวแล้ว!!!"

"ไสหัวออกไปให้หมด!!!"

หลี่เหวยรีบวิ่งออกไปทันที ฮูหยินใหญ่ที่เห็นเช่นนั้นก็ลอบสบถด่าทอหลี่ซูฮวาในใจ ก่อนจะรีบตามสามีของตนกลับไปที่เรือนนอนอย่างไม่รอช้า

หลี่กวงเว่ยจ้องมองหลี่ซูฮวาที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเวทนา เดิมทีเขาเองก็ผิดคำสัญญากับเพื่อนรัก มิอาจดูแลบุตรสาวพวกเขาให้ดี ทำให้นางตกตายไป ยามนี้เหลือหลี่ซูฮวาหลานรัก เขาย่อมต้องปกป้องนางอย่างสุดชีวิต 

"ซูฮวา"

"ฮือออ ท่านปู่!!!"

"ซูฮวา"

"ฮือออ"

"หยุดบีบน้ำตาเถิด ท่านพ่อเจ้ากับนังจิ้งจอกนั่นออกไปแล้ว"

หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าไปมองท่านปู่ของตน 

โอ๊ะ!!! มิเสียแรงที่เป็นถึงท่านราชครู รู้เสียด้วยว่าข้าเสแสร้งแกล้งทำ!!! 

เมื่อรู้ว่าถูกจับได้แล้ว หลี่ซูฮวาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจนหมด 

"ได้ยินว่าเจ้าถีบบ่าวในจวนหรือ?"

"เจ้าค่ะ ก็พวกมันกล้ามาเถียงข้าก่อนนี่เจ้าคะ"

หลี่กวงเว่ยจ้องมองหลี่ซูฮวาด้วยแววตาที่ล้ำลึก คล้ายกับว่าหลานสาวผู้นี้มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป 

แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีเขาย่อมต้องดีใจ แต่ไหนแต่ไรมา หลี่ซูฮวาเชื่อฟังนังจิ้งจอกเฟิ่งหรวนไปเสียทุกอย่าง สินเดิมก็ให้นังผู้หญิงต่ำทรามผู้นั้นจัดการเก็บเอาไว้จนหมด อีกทั้งยังไม่ยอมเข้ามาหาเขาเลย เขาจึงหาทางช่วยนางในหลาย ๆ เรื่องไม่ได้ 

"เมื่อใดกันที่เจ้าหยุดเชื่อฟังแม่เลี้ยงของเจ้า"

"ท่านปู่ ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะว่านางอำมหิตเพียงใด ต่อไปนี้ข้าจะเชื่อฟังท่านปู่ทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ"

หลี่ซูฮวายิ้มตาหยี เอาเถิด นางต้องหาที่พึ่ง และท่านปู่ผู้นี้ก็คือที่พึ่งชั้นดีของนาง 

เมื่อสนทนากันพอหอมปากหอมคอแล้ว หลี่ซูฮวาจึงขอตัวแยกกลับไปที่เรือนปีกซ้าย เมื่อไปถึงนางก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วมุ่น 

น้ำข้าวกับผัดผักกาดอีกแล้ว!!!

หลี่ซูฮวารีบก้าวเดินไปทางโรงครัวทันที ก่อนจะพบกับแม่ครัววัยกลางคนนางหนึ่ง ที่กำลังเตรียมเก็บสำรับอาหารเข้าที่ นางหันมาปรายตามองหลี่ซูฮวาอย่างดูแคลนคราหนึ่ง 

แม้แต่แม่ครัวยังไม่เคารพเจ้าเลยหลี่ซูฮวา!!! 

"ข้าอยากกินน้ำแกงเนื้อ ทำมาให้ข้าถ้วยหนึ่ง"

แม่ครัวทำเป็นไม่สนใจนาง ราวกับว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตา 

"นี่เจ้าได้ยินหรือไม่!!!"

"ได้ยินเจ้าค่ะ แต่ยามนี้โรงครัวปิดแล้ว นี่เป็นเวลาพักของบ่าวเจ้าค่ะ"

"เช่นนั้นหรือ ข้าเป็นนายเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ยอมทำให้ข้า หมายความว่าเช่นไร?" 

"ฮูหยินใหญ่สั่งเอาไว้เจ้าค่ะ หากท่านไม่พอใจก็ อ๊าส์!!!"

"ก็ถีบเจ้าอย่างไรเล่า!!!"

พลั่ก!!!

หลี่ซูฮวายกเท้าขึ้นถีบแม่ครัวนางนั้นจนนางกระเด็นลอยไปติดเสาไม้และกระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนจะเดินเข้าไปดูสำรับเหล่านั้นในครัว นางส่งเสียงเฮอะในลำคอ นี่น่ะหรือหมดแล้ว ทั้งเนื้อ ทั้งผักสด มากมายเต็มไปหมด แต่กลับไม่ยอมทำให้นางกิน 

"บ่าวจะไปฟ้องฮูหยินใหญ่!!!"

"เจ้ากล้าหรือ?"

"อ๊าส์!!!"

หลี่ซูฮวาหยิบหม้อใบใหญ่ฟาดไปที่กลางศีรษะของแม่ครัวจนนางมึนงง ก่อนจะนำสำรับอาหารเหล่านั้นโยนทิ้งไปที่พื้นจนหมด 

หึ!!! นางไม่ได้กินดี ใครก็อย่าหวังจะได้กินเช่นกัน!?

พ่อบ้านตู้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปหาหลี่กวงเว่ยทันที 

"ท่านราชครูขอรับแย่แล้วขอรับ!!!"

"มีสิ่งใดอีกหรือ?"

"คุณหนูใหญ่พังโรงครัวขอรับ เพราะแม่ครัวไม่ยอมทำอาหารให้ขอรับ"

หลี่กวงเว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

"อ้อ ช่างเถิดไม่ต้องไปใส่ใจ ให้นางพังไปเถิด ข้าร่ำรวยล้นฟ้า ค่อยซ่อมแซมโรงครัวใหม่ก็ยังไม่สาย"

พ่อบ้านตู้ "..."

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   ตอนพิเศษ ตราบชั่วชีวิต (จบบริบูรณ์)

    บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ    ตอนพิเศษ กำเนิดบุตรชาย

    ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 23 วันแต่งงานของเสี่ยวฟาง

    หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 22 ให้ความจริงตายไปพร้อมกับเจ้า

    ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 21 ฮูหยินรอง

    แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 20 กระชากหน้ากากคนชั่ว

    จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 19 ยาพิษ

    จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 18 เดินทางไปปราบโจรป่า

    จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ

  • วิวาห์ป่วนในจวนแม่ทัพ   บทที่ 17 โจรป่า

    หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status