หลี่กวงเว่ยที่สะสางงานต่าง ๆ ในราชสำนักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากำลังเดินทางกลับจวนตระกูลหลี่ ระหว่างทางเขาได้พบกับพ่อบ้านตู้ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเขา พ่อบ้านตู้บอกว่าหลี่ซูฮวามีเรื่องสำคัญต้องการจะปรึกษาเขาเสียหน่อย เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงมุ่งหน้ากลับมาที่จวนอย่างเร่งด่วน
เมื่อมาถึงจวนก็พบว่าหลี่ซูฮวามารอเขาอยู่ที่หน้าจวนก่อนแล้ว ทั้งสองจึงพูดคุยกันไปพลางเดินรับลมไปพลาง ยามนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย หลี่ซูฮวาชวนท่านปู่ของนางพูดเรื่องสินเดิมและเรื่องของมารดานางไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเดินมาถึงจวนท้ายจวน เขาก็บังเอิญได้ยินเสียงครางกระเส่าปนเหนื่อยหอบของบุรุษและสตรีดังแว่วอยู่ไม่ไกลมากนัก ใบหน้าชราขมวดมุ่นก่อนจะเดินเข้าไปดูที่มาของต้นเสียงทันที เขาถึงกับต้องโมโหสุดขีดที่ได้เห็นภาพบัดซบตรงหน้า
"นังแพศยา"
ยามนี้ฮูหยินใหญ่ไร้ซึ่งสติใดใดแล้ว นางยังคงถูกไฟราคะแผดเผาจนมิอาจหยุดยั้งได้
"ไปตามหลี่เหวยมาเดี๋ยวนี้"
พ่อบ้านตู้ที่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที หลี่ซูฮวาเสแสร้งแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าอย่างเขินอายไม่กล้ามอง แต่ทว่านางยังคงแอบสอดส่องสายตามองผ่านง่ามนิ้วทั้งสิบพร้อมกับยิ้มเยาะด้วยความสะใจ
ไม่นานนักหลี่เหวยก็มาถึง ภาพที่ภรรยายอดรักกำลังพลอดรักกับชู้ภายในสวนท้ายจวน ทำให้ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำเป็นอย่างยิ่ง ไฟโทสะพุ่งปะทุด้วยความเดือดดาลภายในใจ
"นังสารเลว"
หลี่เหวยยกเท้าขึ้นถีบฮูหยินใหญ่อย่างเต็มแรง จนนางกลิ้งไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า เมื่อสติของนางค่อย ๆ กลับคืนมาแล้ว จึงได้เห็นว่าสามีของตนกำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาที่เคียดแค้น ร่างของฮูหยินใหญ่สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
"ท่านพี่ฟังข้าก่อนนะเจ้าคะ"
"ฟังกับผีน่ะสิ!!! เจ้าช่างต่ำช้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าสวมหมวกเขียวให้ข้าถึงในจวน!!!"
ฮูหยินใหญ่ถลาเข้ามากอดขาเขาอย่างอ้อนวอน หลี่เหวยจึงยกเท้าขึ้นถีบนางอีกคราอย่างนึกรังเกียจ พลางจ้องมองชายชู้ผู้นั้นด้วยสายตาที่เคียดแค้น
"เจ้าเป็นชู้กับเมียข้า!!!"
ชายร่างอ้วนถูกจ้าวเฉินอวี้ว่าจ้างมาด้วยตั๋วเงินหลายร้อยตำลึง จึงแสดงออกได้อย่างแนบเนียนและไร้ซึ่งพิรุธ
"ขอรับ ลับหลังท่านนางนัดพบกับข้าหลายคราแล้ว"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบส่ายศีรษะไปมาและหันไปถลึงตาใส่ชายร่างอ้วนผู้นั้นทันที
"ไม่จริงนะเจ้าคะ มันโกหก เป็นฝีมือของนางซูฮวาเจ้าค่ะ มันเป็นคนวางแผน!!!"
"หุบปากเสียที!!! หลักฐานคาตาขนาดนี้ เจ้ายังกล้ากล่าวหาหลานสาวข้าอีกหรือ หลานสาวข้าอยู่กับข้าตลอดเมื่อครู่นี้ หลี่เหวยเจ้าลูกชั่ว!!! หากเจ้ายังจะเอานางมาเป็นภรรยาอีก ก็ไสหัวพากันออกไปอยู่ด้านนอกโน่น อย่ามาหวังจะได้ทรัพย์สมบัติจากจวนตระกูลหลี่ของข้า!!!"
หลี่กวงเว่ยรีบเอ่ยตัดบททันที ก่อนที่นังสารเลวเฟิ่งหรวนจะปากมากพูดสิ่งใดพล่อย ๆ ออกมาอีก หลี่เหวยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองฮูหยินใหญ่ของตนทันทีด้วยสายตาที่เกลียดชังเป็นที่สุด
ทรัพย์สมบัติกับภรรยาหรือ?
เขาย่อมเลือกทรัพย์สมบัติมากกว่า!!!
"แล้วแต่ท่านพ่อจะเห็นสมควรเถิดขอรับ สตรีต่ำช้าเช่นนี้ข้าไม่เอาแล้ว"
"ท่านพี่!!!"
"พ่อบ้านตู้!!! ขายนางกลับไปที่เดิมของนางเสีย อย่าให้นางมีโอกาสกลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีกเป็นอันขาด!!!"
สิ้นคำพูดของหลี่กวงเว่ย พ่อบ้านตู้ก็สั่งคนมาลากตัวอดีตฮูหยินใหญ่ผู้นี้ออกไปทันที
หลี่ชิงเยียนที่ได้ยินเสียงร่ำไห้ของผู้เป็นมารดา จึงรีบออกมาดูทันทีด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะพบว่ามารดาของนางถูกคนมาลากตัวออกไปเสียแล้ว
"ท่านแม่!!! ท่านพ่อเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ!!!?"
หลี่เหวยที่เห็นหลี่ชิงเยียนเอ่ยถามขึ้นมา จึงหันไปตวาดนางทันที
"ไสหัวกลับเข้าไปในเรือนเสีย หากยังอยากตบแต่งเป็นชายาของท่านอ๋องอยู่ แม่เจ้าลักลอบคบชู้ แม่เจ้ามันสารเลว!!!"
"ไม่จริง!!! ท่านแม่!!!"
อดีตฮูหยินใหญ่หันไปมองบุตรสาวด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนจะปรายตามองหลี่ซูฮวาด้วยแววตาที่โกรธแค้นอย่างที่สุด หลี่ซูฮวาเองก็จ้องมองนางกลับอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นกัน
หึ!!! คิดจะแก้แค้นข้าหรือ? เจ้าคิดผิดเสียแล้ว!!!
ต่อให้เจ้าตายเป็นผีมาหลอกข้า ข้าก็จะสาปแช่งให้เจ้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเช่นกัน!!!
หลังจากสะสางเรื่องราววุ่นวายตรงหน้าจนเรียบร้อยแล้ว หลี่กวงเว่ยก็หันไปสั่งการบ่าวไพร่ให้เงียบปากให้สนิท อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนนอกเป็นอันขาด หากบ่าวไพร่คนใดปากสว่างทำให้จวนตระกูลหลี่เสื่อมเสียชื่อเสียง เขาจะจัดการโบยจนตายหรือไม่ก็ขายทิ้งออกไปที่อื่นเสีย เหล่าบ่าวไพร่ต่างตกปากรับคำด้วยความหวาดกลัว
หลี่ซูฮวาหันไปส่งยิ้มตาหยีให้หลี่กวงเว่ยคราหนึ่ง หลี่กวงเว่ยที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงหรี่ตามองนางอย่างจับผิด
"ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่?"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กลอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ท่านปู่ช่างฉลาดและรู้ทันนางไปเสียทุกเรื่อง ช่างน่าเบื่อเสียจริง ไม่สนุกเอาเสียเลย!!!
"ท่านปู่ ข้าได้ยินว่านางจะจ้างวานคนมาข่มเหงข้าถึงในจวน ข้าเพียงแค่ทำไปเพื่อความอยู่รอดเท่านั้นเองนะเจ้าคะ"
หลี่กวงเว่ยยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปตีที่หน้าผากขาวเนียนของผู้เป็นหลานสาวด้วยความเอ็นดู
"ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นคนเข้มแข็งได้ถึงเพียงนี้?"
"ท่านปู่ ข้าก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากพวกคนชั่วบ้างสิเจ้าคะ ท่านปู่มาสงสัยข้าเช่นนี้ ข้าน้อยใจนะเจ้าคะ!!!"
"เจ้าหลานคนนี้!!! มาโกรธปู่เสียได้ ช่างเถิด สิ่งใดที่เป็นภัยต่อเจ้า ปู่ก็ยินดีช่วยเจ้าเก็บกวาด"
"ท่านปู่ใจดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ!!!"
หลี่ซูฮวาอยู่สนทนาเป็นเพื่อนหลี่กวงเว่ยอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวแยกกลับมาที่เรือนปีกซ้ายของตนเอง
นางรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก จึงสั่งห้ามผู้ใดเข้ามารบกวน เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอน นางก็พบกับจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังนั่งหยอกล้อกัวกัวอยู่ภายในห้องนอนของนาง ใบหน้าสวยขมวดมุ่นเล็กน้อย เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
"นี่ท่าน เข้ามาในห้องนอนของข้าได้เช่นไร?"
จ้าวเฉินอวี้เงยหน้าขึ้นไปมองหลี่ซูฮวาเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มตาหยีมาให้นาง หลี่ซูฮวาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้จากเขา มันช่างเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์แรกของวัน อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้เห็นเช่นนั้น จึงลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวเข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว
"หลงใหลความหล่อเหลาของข้าหรือ เห็นเจ้าจ้องมองมิวางตา?"
"ใครหลงท่านกัน"
"ก็เจ้าอย่างไรเล่า เอาเถิด ข้าชอบที่เจ้ามองข้าเช่นนี้ จะให้ดีข้าควรต้องถอดให้เจ้าดูอีกครา"
"ไม่ต้อง!!!"
"หลี่ซูฮวา เจ้าทั้งจับทั้งดูมันไปแล้ว เจ้าไม่ใจอ่อนบ้างหรือ? เฮ้อ!!! ข้าอุตส่าห์ช่วยจัดการแม่เลี้ยงของเจ้า อีกทั้งยังส่งคนไปฆ่าปิดปากนางแล้ว เจ้ามิเห็นใจข้าบ้างเลยหรือ?"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตาทันที
"ท่านว่าอย่างไรนะ ท่าน!!!"
"ข้าส่งคนไปฆ่านางแล้ว เพื่อป้องกันมิให้นางย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าอีก"
"หึ!!! ช่างเป็นคนเลือดเย็นมิเบา"
"เพื่อเจ้าแล้ว ข้าเป็นคนได้ทุกแบบ ขอเพียงให้เจ้าชื่นชอบข้า ข้ายินดียอมพลีกายให้เจ้าทุกเมื่อ!!!"
แควก!!!
จ้าวเฉินอวี้จัดการฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกจนหมด เพื่อสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้นางดู เอาเถิด!!! เขาทุ่มเทถึงเพียงนี้นางจะไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป!!!
"ว้ายยย!!! นี่ท่าน!!!"
"หลี่ซูฮวา ปู่นำตั๋วเงิน..."
บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ
ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห
หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก
ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ
แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ
จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็
จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ
หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม