หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็เตรียมยกฝ่าเท้าขึ้นมาหวังจะถีบเขาให้กระเด็น แต่ทว่าจ้าวเฉินอวี้กลับหลบหลีกได้ว่องไวยิ่งนัก เขาส่งสายตายิ้มกริ่มให้นางอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะจัดการสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อย
"เจ้าชื่นชอบสินค้าของข้าหรือไม่?"
"ข้าไม่จำเป็นต้องตอบท่าน"
"เอาเถิด ข้ามิรีบร้อน ข้ารอได้"
"นี่ท่านรองแม่ทัพ ท่านมิละอายแก่ใจบ้างหรือ ที่ทำเช่นนี้ต่อหน้าข้า ข้าเป็นสตรีนะเจ้าคะ!!!"
ให้ตายเถอะ!!! นางเพิ่งจะอายุสิบห้าปีเพียงเท่านั้น เขานี่มัน!!!
"ไม่เลย ข้ารู้สึกชอบเสียมากกว่าที่ได้พลีกายให้เจ้าเชยชม"
หลี่ซูฮวารู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาเสียแล้ว เขาช่างใช้วาจาได้ระคายหูนางยิ่งนัก
"หลี่ซูฮวา ข้าจะช่วยเจ้าเอง"
"ช่วยข้า?"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาต้องการจะช่วยนางจริง ๆ น่ะหรือ?
"ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านหรอกนะเจ้าคะ"
"ไม่เป็นไร ข้ารอได้ ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมใจอ่อนกับข้า"
หลี่ซูฮวาเบ้ปากอย่างดูแคลน นางมิเคยพบเจอบุรุษใดที่ตามตื๊อสตรีได้อย่างหน้าด้านหน้าทนเช่นนี้มาก่อนเลย
"ข้าจะกลับจวนแล้ว"
"ซูฮวา เจ้าคิดแผนการรับมือกับแม่เลี้ยงของเจ้าได้แล้วหรือ?"
"ยัง ข้ายังคิดไม่ออก"
"แต่ข้าคิดออกแล้ว"
หลี่ซูฮวารีบหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ด้วยสายตาเป็นประกาย ก่อนจะทำสีหน้าให้เป็นปกติเช่นเดิม
หลังจากสนทนากันต่ออีกครู่หนึ่ง นางก็ขอตัวกลับจวนตระกูลหลี่ทันที ก่อนจะกลับจ้าวเฉินอวี้ยังถือวิสาสะดึงมือของนางไปจับที่เป้าของเขาอีกด้วย
คนเลว!!!
แต่จะว่าไปมันก็เต็มมือดีนะ!
หลี่ซูฮวาส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดบ้า ๆ บอ ๆ นี้ออกไปจากสมองของนางเสีย ก่อนจะครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างในใจ
แผนการที่จ้าวเฉินอวี้บอกนางก็ไม่เลวเลย ถือว่าได้กำจัดคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ในคราวเดียวกัน
เอาเถิด! เชื่อเขาสักนิดก็คงจะมิเสียหายสักเท่าใดนัก
หลี่ซูฮวาคร้านจะคิดสิ่งใดให้มากความอีก นางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อยและผล็อยหลับไป
ในความฝันนั้น นางเห็นจ้าวเฉินอวี้มายืนรูดชักลำแท่งให้นางดู ใบหน้าของเขาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางเร่งจังหวะมือให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในฝันหลี่ซูฮวามิรู้จะหาทางหลบหนีเช่นไร นางจึงตัดสินใจอมมันเสีย!!!
รุ่งเช้านางตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก ให้ตายเถิด!!! นางฝันเห็นเขาทั้งคืนเลย
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ จะรับสำรับยามเช้าเลยหรือไม่เจ้าคะ?"
"อืม"
หลี่ซูฮวาเอ่ยตอบเพียงประโยคสั้น ๆ แม่นมจางกับเหมยเหยาก็รีบไปเตรียมอาหารมาให้นางทันที
ยามนี้กัวกัวยังคงนอนหลับสบายอยู่ในห้องของนาง เจ้าหมาตัวใหญ่นั่นขี้เซาจนนางรู้สึกขบขันมันเหลือเกิน
อาหารเช้าถูกนำมาให้นางอย่างรวดเร็ว หลี่ซูฮวากำลังจะตักอาหารเหล่านั้นเข้าปาก แต่ก็พลันหยุดชะงักไปเสียก่อน
นางนึกถึงคำพูดที่จ้าวเฉินอวี้บอกกับนางก่อนแยกกันเมื่อคืนนี้
เป็นไปได้เจ้าอย่ากินสิ่งใดในจวนเป็นอันขาด! ข้าเกรงว่านางอาจจะใส่ยาบางอย่างลงไปก็เป็นได้ เจ้าต้องระวังเอาไว้เสียก่อน เรื่องเช่นนี้ข้าเคยพบเจอมาไม่น้อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงวางตะเกียบในมือลง แม่นมจางที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที
"คุณหนู ไม่สบายหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงมิยอมรับสำรับเช้าเล่าเจ้าคะ"
"เหมยเหยา เจ้าไปซื้ออาหารจากนอกจวนเข้ามา ข้าเบื่ออาหารในจวน ระวังอย่าให้ผู้ใดพบเห็นเจ้าด้วยเล่า ข้าไม่อยากจะมีปัญหาตามมาทีหลัง"
"เจ้าค่ะ"
เหมยเหยาแม้จะไม่เข้าใจในการกระทำของผู้เป็นนาย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไปแม้แต่ครึ่งคำ
หลี่ซูฮวานั่งรออาหารจากเหมยเหยาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไม่นานนักสาวใช้น้อยนางนั้นก็กลับมาพร้อมกับอาหารที่นางสั่งเอาไว้
"คุณหนูเจ้าคะ น่าแปลกยิ่งนักเจ้าค่ะ บ่าวผ่านโรงครัวมาเมื่อครู่ เห็นกับตาว่าฮูหยินใหญ่มาเข้าครัวด้วยตนเอง ที่ผ่านมานางเกียจคร้านอย่างกับอะไรดี แต่ทว่าเหตุใดวันนี้จึงมาเข้าโรงครัวได้เล่าเจ้าคะ อีกทั้งยังลงมือทำอาหารเองกับมือทุกอย่างเลย"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก หึ!!! คิดไว้แล้วไม่มีผิด นังสารเลวผู้นั้นมันคงมิอยากมีจุดจบที่ดีสิท่า
ยามนี้ในวังหลวงค่อนข้างวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง ทำให้หลี่กวงเว่ยต้องเข้าออกวังหลวงเสมือนกับเป็นบ้านหลังที่สองของเขา เนื่องจากอาจารย์อีกคนที่สอนตำราให้องค์ชายรองที่มีอายุเพียงสิบขวบปีเกิดล้มป่วยกะทันหัน ฮ่องเต้จึงทรงให้หลี่กวงเว่ยเข้ามาสอนตำราให้องค์ชายรองเป็นการชั่วคราวเสียก่อน
ฮูหยินใหญ่รอเวลาผ่านไปอย่างใจเย็น จนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ ยามนี้หลี่กวงเว่ยยังมิกลับจากวังหลวง ส่วนหลี่เหวยเองก็กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้อง ด้านหลี่ชิงเยียนก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมชุดแต่งงานที่ใกล้จะมาถึง
หลี่ซูฮวาเองก็ไม่รีบไม่ร้อนเช่นกัน นางได้รับจดหมายจากจ้าวเฉินอวี้เมื่อช่วงสาย ว่าเขาได้จัดการเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นเรียบร้อยแล้ว ให้ทำตามแผนเดิมที่ตกลงกันไว้ได้เลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ซูฮวาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ จ้าวเฉินอวี้ผู้นี้ก็นับว่าช่วยเหลือนางได้ไม่น้อย
แม้จะติดนิสัยหื่นกามไปเสียนิดก็เถอะ ไม่นิดเสียหน่อย!
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินใหญ่สั่งให้ท่านไปพบที่สวนด้านหลังจวนเจ้าค่ะ"
"อืม"
สาวใช้นางหนึ่งเดินเข้ามาแจ้งนางถึงในเรือน หลี่ซูฮวาจำได้ดีว่านางเป็นคนรับใช้คนสนิทของฮูหยินใหญ่ หลี่ซูฮวาพยักหน้ารับเล็กน้อย นางได้อ่านเนื้อหาในจดหมายแล้ว ชายฉกรรจ์เหล่านั้นยอมสารภาพออกมาหมดเปลือก ว่าฮูหยินใหญ่เปลี่ยนแผนการ จากเดิมที่จะขายนางออกไป แต่นางกลับจะให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นมาที่จวนแทน โดยการหลอกล่อนางให้ไปที่สวนด้านหลังจวน หวังให้พวกสวะเหล่านั้นกระทำการขืนใจนางอย่างเลือดเย็น ให้นางอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
หึ!!! คอยดูต่อไปเถิด ว่าใครกันแน่ที่จะต้องอยู่มิสู้ตาย
หลี่ซูฮวาเดินมาตามทางเดิน จนกระทั่งถึงสวนที่ท้ายจวน นางได้พบกับฮูหยินใหญ่ที่กำลังมีท่าทีร้อนรนราวกับกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่
จะไม่ให้นางร้อนใจได้เช่นไรกัน พวกสารเลวนั่น ยามนี้ยังมิมาเสียที!!!
"คารวะท่านแม่"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้เห็นว่าหลี่ซูฮวามาแล้ว จึงหันมามองนางเล็กน้อย ในใจนึกครุ่นคิดขึ้นมา ว่าเหตุใดนังลูกเลี้ยงผู้นี้จึงมีท่าทีปกติอยู่
นางจำได้ว่าเมื่อครู่ให้คนผสมยานอนหลับลงไปในน้ำชาให้มันดื่มแล้วนี่นา ป่านนี้น่าจะมีอาการง่วงซึมแล้วสิ นางคำนวณเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว ให้หลี่ซูฮวาดื่มเข้าไป กว่านางจะเดินมาถึงสวนท้ายจวนยานอนหลับก็น่าจะออกฤทธิ์พอดี
"ท่านแม่เรียกลูกมาพบมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ?"
"เอ่อ ข้าจะบอกเจ้าว่าข้าหาสามีให้เจ้าได้แล้ว!!!"
"สามีหรือเจ้าคะ?"
"ใช่ เจ้าเตรียมตัวได้เลย!!!"
"หากท่านแม่ไม่มีสิ่งใดจะเอ่ยกับลูกแล้ว เช่นนั้นลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
"อย่าเพิ่งไป!!!"
ฮูหยินใหญ่เอ่ยรั้งหลี่ซูฮวาเอาไว้ด้วยความร้อนรน ไม่ได้การ!!! จะปล่อยให้นังสารเลวนี่รอดกลับไปไม่ได้
หลี่ซูฮวาหันกลับไปมองฮูหยินใหญ่ด้วยแววตาที่ล้ำลึก
"ท่านแม่แน่ใจแล้วหรือเจ้าคะ ว่าจะไม่ยอมให้ลูกไป?"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
"เจ้าหมายความว่าเช่นไร?"
"หึ!!! ข้าอุตส่าห์ไม่คิดจะหาความใดกับเจ้า แต่เจ้าก็ยังดึงดันที่จะทำร้ายข้าให้ได้!"
"เจ้ากล่าวสิ่งใด!!!"
"ลงมือเถิด!!!"
จ้าวเฉินอวี้ที่ซ่อนกายอยู่หลังพุ่มไม้ เมื่อได้ยินเสียงของนางเขาจึงปรากฏตัวออกไปทันที ยามนี้เขาสวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ เขาก้าวเดินเข้าไปหาฮูหยินใหญ่พร้อมกับใช้มือหนาใหญ่บีบที่คางของนางอย่างแรง
"อื้อออ!!!"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็มีท่าทีตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง! นางปรายตามองหลี่ซูฮวาด้วยแววตาที่หวาดกลัว
หลี่ซูฮวาค่อย ๆ เดินเข้าไปหานางอย่างไม่รีบไม่ร้อน พร้อมกับยกยิ้มอำมหิต
"เจ้าคิดจะหาสามีให้ข้า แต่บังเอิญว่าข้าล่วงรู้แผนการของเจ้าเสียก่อน ข้าจึงชิงหาชู้รักมาให้เจ้าแทน"
ยังไม่ทันที่ฮูหยินใหญ่จะเอ่ยถามสิ่งใด หลี่ซูฮวาก็นำยาปลุกกำหนัดยัดเข้าไปในปากของฮูหยินใหญ่ทันที นางทำท่าจะมิยอมกลืนยาลงไป หลี่ซูฮวาจึงสงเคราะห์นางด้วยการใช้นิ้วมือดันยาเม็ดนั้นเข้าไปในลำคอของนางอย่างสุดแรง
"เจ้า!!!"
"หึ!!! โง่งมยิ่งนัก"
"นังสารเลว อีกไม่นานลูกน้องของข้าก็จะมาแล้ว พวกเจ้าไม่รอดแน่ ๆ!!!"
"ฮ่า ๆๆๆๆ ลูกน้องของเจ้าน่ะหรือ ข้าส่งพวกมันไปปรโลกหมดแล้ว"
จ้าวเฉินอวี้เอ่ยด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความอำมหิต เขาสืบทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าสตรีใจหยาบนางนี้เป็นแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวา สิ่งใดที่เป็นภัยต่อสตรียอดรักของเขา เขาย่อมยินดีช่วยนางเก็บกวาดให้สิ้นซากด้วยความเต็มใจ
ยามนี้เขาคงได้คะแนนความสงสารจากนางบ้างแล้ว!
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลนลานจนทำสิ่งใดไม่ถูก ร่างกายของนางเริ่มร้อนรุ่มเสียจนทานทนมิไหว
"จัดการเสีย หากเจ้าทำงานได้ดี ข้าจะช่วยออกค่าหมอให้กับท่านแม่ของเจ้าที่ป่วยหนักอยู่"
"ขอรับคุณชาย!!!"
จ้าวเฉินอวี้หันไปสั่งการกับชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้นั้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน เขาจัดการพวกสวะนั้นตกตายจนหมดแล้ว จึงจำได้ว่าเคยรู้จักชายผู้หนึ่งที่เขาเคยช่วยเหลือมาตลอด จึงเชิญชวนให้มาช่วยเขาทำงานเสียหน่อย
ใครบ้างเล่าจะมิชอบค่าตอบแทนที่เขามอบให้!!!
ฮูหยินใหญ่มิอาจทานทนความต้องการในร่างกายได้ นางจึงถอดเสื้อผ้าของตนเองออกจนหมด และพุ่งเข้าไปหาชายร่างอ้วนผู้นั้นทันที
หลี่ซูฮวาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น บัดซบ!!! นี่นางต้องมาทนดูสิ่งใดกัน
"ขอบใจท่านมาก ท่านหลบไปก่อนเถิด อีกไม่นานท่านปู่คงจะมาถึงแล้ว"
"อืม"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะแยกย้ายกลับไปที่เรือนปีกซ้าย นางสั่งให้พ่อบ้านตู้ไปตามท่านปู่กลับมา เพราะนางมีเรื่องอยากจะปรึกษาท่านปู่
หลี่กวงเว่ยที่เสร็จงานพอดีเขาจึงรีบกลับมาที่จวน เมื่อกลับมาถึงก็พบกับหลี่ซูฮวาที่รออยู่
"ซูฮวา"
"ท่านปู่ หลานจะมาปรึกษาท่านปู่เรื่องสินเดิมน่ะเจ้าค่ะ"
หลี่ซูฮวาแสร้งทำเป็นชวนหลี่กวงเว่ยพูดคุยนั่นนี่และเดินกันไปตามทางเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงหอบกระเส่าของบุรุษและสตรีที่ด้านหลังจวน หลี่กวงเว่ยขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปยังที่มาของเสียงทันที
"นังแพศยา!!!"
บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ
ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห
หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก
ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ
แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ
จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็
จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ
หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม