ไป๋เฉินเซียงคลำใบหน้าของตนละล้าละลัง
ตายจริงเซียงเซียง ลืมไปเสียสนิทว่าสวมบทคุณหนูวูอยู่
ไป๋เฉินเซียงยกมือบดบังใบหน้า นัยน์ตากลมโตกลอกมองลอดร่องนิ้ว “ซูซิน ข้าขอคันฉ่องหน่อยได้หรือไม่”
ซูซินงุนงงแต่ก็ยังเดินไปหยิบคันฉ่องส่งให้ไป๋เฉินเซียง “นี่เจ้าค่ะ”
ไป๋เฉินเซียงรับคันฉ่องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าที่ปรากฏบนคันฉ่องบานเล็กกระจะตานางก็ผ่อนหายใจโล่งอก
“อีเอ๋อร์ เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก”
ซูซินตาโต “แย่แล้ว... ลืมเสียสนิทเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินมารอคุณหนูที่หน้าประตูตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ”
“เปิด เปิด เจ้าไปเปิดให้ท่านแม่เลย” ไป๋เฉินเซียงลุกลี้ลุกลน
ไป๋เฉินเซียงทำตัวไม่ถูก เพราะอยู่ ๆ ก็ต้องมีทั้งพ่อและแม่พร้อมหน้า แม้ว่าเป็นเพียงการแสดงละครตบตา ทว่าไป๋เฉินเซียงไม่คุ้นชินเอาเสียเลย นับตั้งแต่มารดาแท้ ๆ จากโลกใบนี้ไป ไป๋เฉินเซียงก็ไม่เคยได้ใช้คำว่าท่านแม่เรียกขานใครอีก
ประตูบานหนาแง้มออกแช่มช้า สตรีวัยกลางคนสาวเท้าเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วง “อีเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้างลูก ดีขึ้นแล้วหรือไม่”
ไป๋เฉินเซียงผงะ
ไป๋เฉินเซียงคลำใบหน้าของตนละล้าละลังตายจริงเซียงเซียง ลืมไปเสียสนิทว่าสวมบทคุณหนูวูอยู่ไป๋เฉินเซียงยกมือบดบังใบหน้า นัยน์ตากลมโตกลอกมองลอดร่องนิ้ว “ซูซิน ข้าขอคันฉ่องหน่อยได้หรือไม่”ซูซินงุนงงแต่ก็ยังเดินไปหยิบคันฉ่องส่งให้ไป๋เฉินเซียง “นี่เจ้าค่ะ”ไป๋เฉินเซียงรับคันฉ่องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าที่ปรากฏบนคันฉ่องบานเล็กกระจะตานางก็ผ่อนหายใจโล่งอก“อีเอ๋อร์ เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก”ซูซินตาโต “แย่แล้ว... ลืมเสียสนิทเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินมารอคุณหนูที่หน้าประตูตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ”“เปิด เปิด เจ้าไปเปิดให้ท่านแม่เลย” ไป๋เฉินเซียงลุกลี้ลุกลนไป๋เฉินเซียงทำตัวไม่ถูก เพราะอยู่ ๆ ก็ต้องมีทั้งพ่อและแม่พร้อมหน้า แม้ว่าเป็นเพียงการแสดงละครตบตา ทว่าไป๋เฉินเซียงไม่คุ้นชินเอาเสียเลย นับตั้งแต่มารดาแท้ ๆ จากโลกใบนี้ไป ไป๋เฉินเซียงก็ไม่เคยได้ใช้คำว่าท่านแม่เรียกขานใครอีกประตูบานหนาแง้มออกแช่มช้า สตรีวัยกลางคนสาวเท้าเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วง “อีเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้างลูก ดีขึ้นแล้วหรือไม่”ไป๋เฉินเซียงผงะ
วูหลิงอีตอบตกลงทำตามแผนการของไป๋เฉินเซียง ไป๋เฉินเซียงจึงช่วยวูหลิงอีจัดแจงส่งจดหมายไปหาหลินกวางหมิงคนรักของวูหลิงอี และเพื่อรักครั้งนี้หลินกวางหมิงยินดีละทิ้งทุกอย่าง เขาจะพาวูหลิงอีหลบหนีออกจากแคว้นไปใช้ชีวิตที่เมืองอื่นด้วยกัน“แม่นางไป๋ ทางนี้ต้องฝากเจ้าแล้ว”ไป๋เฉินเซียงยิ้มบาง “ท่านวางใจ”วูหลิงอีเป็นกังวล การตัดสินใจหนนี้นางทำโดยพลการ หากวูจื่อหานบิดาของนางทราบเข้าจะต้องกระอักแทบช้ำในตายแน่แท้“อีเอ๋อร์ เราเร่งไปกันเถิด เรือเทียบท่ารอนานมากแล้ว” บุรุษร่างสูงโอบไหล่แคบของสตรีอันเป็นที่รัก เขากระชับอ้อมกอดแน่น ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเต็มดวงตายามที่หันมายังไป๋เฉินเซียง“พวกเราต้องขอบคุณแม่นางไป๋มาก หากไม่ได้เจ้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่าต้องช่วยอีเอ๋อร์อย่างไร”วูหลิงอีน้ำตาคลอ สีหน้าเคลือบแววหนักอึ้ง ภายในใจของนางรู้สึกประหวั่นอยู่บ้าง “ท่านพี่”หลินกวางหมิงบีบไหล่แคบเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกลัว พี่จะดูแลปกป้องเจ้าเอง พี่สัญญาไม่มีทางให้เจ้าลำบากแม้แต่น้อย”ไป๋เฉินเซียงมองคู่รักอยู่เงียบ ๆ นัยน์ตาของนางดุจทะเลน้ำแข็งไร้
หนึ่งสัปดาห์ผันผ่าน สตรีร่างระหงสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา คาดผ้าแพรปิดใบหน้าครึ่งล่างเยื้องย่างเข้ามาหยุดยืนบริเวณประตูหน้าจวนสกุลวูซึ่งมีหมอทั้งชายและหญิงเดินกระทบไหล่เข้าออกไม่ขาดสายเสียงใสเอ่ย “ข้าหมอหญิงจากต่างถิ่น ได้ยินว่าคุณหนูวูเกิดป่วยด้วยโรคประหลาด จึงเดินทางมาเพื่อทำการรักษานางเจ้าค่ะ”บ่าวชายที่เฝ้าหน้าประตูกวาดตามองเรือนร่างสตรีผู้มาเยือนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เจ้าแน่ใจรึว่าเป็นหมอ”หญิงสาวยิ้มกว้างไปจนถึงดวงตา แม้เผยรูปโฉมเพียงครึ่งบนของใบหน้าทว่านัยน์ตาสว่างใสของนางก็ทำเอาบุรุษใจสั่นระทวย หญิงสาวกล่าวต่อ “พี่ชาย ข้าเป็นหมอเจ้าค่ะ หากไม่เชื่อท่านอยากให้ข้าช่วยจับชีพจรหรือไม่” เปลือกตาบางหลุบต่ำลงกว่าสะดืออีกฝ่ายเป็นเชิงเย้าแหย่บ่าวนายนั้นมองแววตากระจ่างใสดั่งน้ำค้างด้วยความเลื่อนลอย ความคิดสกปรกผุดขึ้นเต็มศีรษะ ครั้นสังเกตเห็นสายตาของนางที่ลดมองต่ำ บ่าวรับใช้นายนั้นก็ถึงขั้นตัวงอ ชายหนุ่มพยายามขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง ตอบกลับด้วยท่าทีเสียอาการ “ชะ...เช่นนั้นท่านหมอรอสักครู่”ชายหนุ่มผละห่างไปพร้อมเหงื่อเย็นที่หลั่งเต็มหน้าผาก เสียงใส
“ตื่นแล้วหรือ”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากด้านหน้าโถงกราบไหว้ ไป๋เฉินเซียงเดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปใกล้ เว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม นางประสานมือค้อมศีรษะเพื่อเคารพอีกฝ่าย“ท่านอาจารย์”นักพรตชราติงรุ่ยฉีเปิดเปลือกตาขึ้นแช่มช้า เขาสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของไป๋เฉินเซียง จึงเอ่ยถามเพื่อคลายข้อสงสัย“เจ้ามีเรื่องลำบากใจใด”ไป๋เฉินเซียงลังเลพักใหญ่ ไม่นานก็ตัดสินใจเปิดปาก “ท่านอาจารย์ ข้าอยากลงเขาเจ้าค่ะ”“หืม”ไป๋เฉินเซียงรวบรวมความกล้า ไม่ทันอธิบายหว่านล้อม ผู้เป็นอาจารย์ก็โพล่งตัดบทความในใจขึ้นเสียก่อน “เจ้าแน่ใจหรือ”ไป๋เฉินเซียงกะพริบตาฉงน เดิมทีนางคิดว่าอาจถูกอาจารย์ซักไซ้ไล่เลียงมากกว่านี้ “ท่านอาจารย์ไม่ถามหรือเจ้าคะ ว่าเหตุใดข้าจึงอยากลงเขา”นักพรตชราหัวเราะขัน “เซียงเอ๋อร์ ทุกชีวิตย่อมมีเส้นทางของตนเอง เจ้ายังจำที่ข้าเคยบอกไว้ได้หรือไม่”ไป๋เฉินเซียงเม้มปากจนเกิดเป็นเส้นตรง “ที่ข้าได้กราบท่านเป็นอาจารย์หาใช่ความบังเอิญ”“ไม่ผิด”คิ้วสวยขมวดแน่น อาจารย์ของนางมักเล่นถ้อยคำให้นางคิดเองอยู่เสมอ“ล
หลานอี้ซินส่ายศีรษะ มือยังถือม้วนภาพกำไว้จนแน่น ภายในใจยามนี้ดุจดั่งมีเส้นด้ายล่องหนมัดตัวเขาไว้ พริบตาหลานอี้ซินก็สะบัดกายขึ้นรถม้าไม่พูดไม่จา ทิ้งให้หลีซงยืนอ้าปากหวองุนงงจวบจนรถม้าเคลื่อนออกไปเว่ยเสี่ยวเฉินย้ายสายตาจากสหายกลับมายังองครักษ์ร่างสูงที่ยังยืนเป็นเบื้อใบ้เว่ยเสี่ยวเฉินเรียกสติ “หลีซง หากเจ้าไม่ไปยามนี้ เกรงว่าคงได้เดินกลับเองแล้วกระมัง”หลีซงหลุดจากภวังค์ “อ้อ...เช่นนั้นลาก่อนคุณชาย”ต่างฝ่ายต่างค้อมตัวเป็นมารยาทแก่กันเล็กน้อย“แล้วพบกันใหม่ อย่าลืมสิ่งที่ข้าฝากฝังนายของเจ้าด้วยเล่า”“ขอรับ”เว่ยเสี่ยวเฉินมองตามแผ่นหลังหลีซงพลางแย้มยิ้มสว่างเจิดจ้าดั่งดวงตะวันทอแสง พริบตาร่างสูงก็หมุนกายกลับเข้าไปในจวนรถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางเรียบเรื่อย จากเมื่อคืนที่มีการจัดงานครึกครื้นก็เงียบลงถนัดตา เหลือเพียงบางร้านที่ยังเก็บข้าวของไม่เรียบร้อยหลีซงกระโจนขึ้นรถม้า “ท่านแม่ทัพ”“เข้ามาเถิด”หลีซงแหวกม่านประตูสีเข้มที่ปักลายพยัคฆ์ด้วยเส้นด้ายไหมทองคำออก ขาสูงเยื้องย่างเข้าไปด้านในก่อนหย่อนกายลงฝั่งตรงข้
กว่าจะกลับถึงที่หมายก็เล่นเอาหอบ ไป๋เฉินเซียงแหงนหน้ามองม่านเมฆาพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างนึกปลดปลง“ศิษย์น้อง เจ้าไม่ได้พักที่โรงเตี๊ยมหรือ”ไป๋เฉินเซียงตกใจหน้าเปลี่ยนสี “ศิษย์พี่ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง หากข้าหัวใจวายตายจะทำเช่นไร”นักพรตน้อยเกาจวิ้นถือโคมไฟส่องแสงสว่างอยู่ในมือ ริมฝีปากยกยิ้มบาง “ขออภัย ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับตอนฟ้าสางเสียอีก นี่ใกล้ถึงต้นยามเหม่า [1] แล้ว ข้าและท่านอาจารย์จึงออกมาเข้าฌานแต่เช้าตรู่”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแห้ง ต่อมาก็อ้าปากหาวหวอดใหญ่ “ข้าเที่ยวเล่นเพลินไปหน่อย เห็นว่าไม่กี่ชั่วยามก็คงเช้า เลยไม่พักโรงเตี๊ยมให้สิ้นเปลืองเจ้าค่ะ”นักพรตน้อยเกาจวิ้นตาโต “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงแกร่ง แต่การขึ้นเขาลำพังก็อันตรายมาก เงินไม่กี่ตำลึงไยถึงตระหนี่เพียงนี้ นั่นคุ้มค่าให้เจ้าเสี่ยงหรือ”“ศิษย์พี่ ท่านเอะอะอันใด อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะเดี๋ยวริ้วรอยขึ้นก่อนวัยไม่รู้ด้วยนะเจ้าคะ ตลอดเส้นทางนั้นราบรื่นมาก ไม่มีอันตรายใดกล้ำกรายข้าแม้แต่ปลายเส้นผม” ไป๋เฉินเซียงยกปลายนิ้วโป้งและนิ้วชี