1 ปีต่อมา..
"ทำหน้าจะเป็นจะตายทำไม เธอน่าจะดีใจมากกว่าที่ได้แต่งงานกับฉันสมใจอยากแล้วไม่ใช่เหรอพระพาย" หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมในชุดแต่งงานสีขาวแบรนด์ดังที่ยืนมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำด้วยสีหน้า และแววตาเศร้าสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิดอันทุกข์ระทมเมื่อน้ำเสียงดุดันแกล้มเหยียดหยามของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
เธอลอบถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเจ้าของคำพูดแสนร้ายกาจคือผู้ชายที่เพิ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีทางนิตินัยของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เพราะที่นี่เป็นเรือนหอของเธอกับเขาซึ่งคนอื่น ๆ ได้ทยอยกลับไปหมดแล้วหลังจากเสร็จพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ
ความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดเพราะการแต่งงานเป็นความฝันของสาว ๆ เกือบทุกคนรวมถึงเธอด้วย แต่มันไม่ใช่เลยวันนี้คือวันที่เธอก้าวขาสู่ขุมนรกอย่างสมบูรณ์แบบต่างหาก
การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักว่าแย่แล้ว แต่มันแย่ยิ่งกว่าเมื่อคนคนนั้นดันเกลียดชังเธอเหมือนกิ้งกือไส้เดือนราวกับมีความแค้นต่อกันมาแต่ชาติปางก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะภาคินกับเอวาพ่อแม่บุญธรรมผู้มีพระคุณขอร้องเธอไม่มีทางร่วมหอลงโล่งกับคนที่จงเกลียดจงชังเธอเด็ดขาด
"โอ๊ย!" ริมฝีปากบางหลุดร้องด้วยความเจ็บเมื่อถูกชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจับเข้าต้นแขนแล้วกระชากอย่างแรงจนตัวเซถลาปะทะอกแกร่ง แรงกระชากทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนแขนจะหลุดออกจากตัวเสียให้ได้
"พะ..พายเจ็บค่ะคุณอลัน" ทว่าไม่ทันได้ตั้งตัวใบหน้าสวยก็ต้องเบ้ออกมาด้วยความเจ็บอีกครั้งเมื่อมือหนาออกแรงบีบมากกว่าเดิมจนกระดูกแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในตอนที่เธอพยายามแกะมือของเขาออก
น้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอดวงตากลมโตอย่างกลั้นไม่อยู่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากระทำรุนแรงกับเธอ แต่มันเป็นแบบนี้มาตลอดสองปีเต็ม เขาทำรุนแรงทุกครั้งที่ไม่พอใจเธอ
น้ำตาและสีหน้าแสนเจ็บของหญิงสาวไม่ได้ทำให้อลันรู้สึกสงสาร หรือนึกเห็นใจสักนิดจับจ้องใบหน้าสวยด้วยแววตาดุดัน ขณะที่มือก็ออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสั่งสอนให้เธอรู้ว่าไม่ควรเมินเฉยเวลาที่เขาพูดด้วย "ฉันพูดด้วยทำไมไม่ตอบ"
"จะให้พายตอบอะไรคะ พอพายตอบไม่เข้าหูคุณอลันก็ไม่พอใจอีก"
"เดี๋ยวนี้หัดยอกย้อนเหรอพระพาย"
"พายไม่ได้ยอกย้อนพายพูดความจริง พายทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาคุณสักอย่าง คุณจงเกลียดจงชังอะไรพายนักหนา" ดวงตากลมโตที่พร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตาช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างตัดพ้อพรั่งพรูความอัดอั้นตันใจที่สะสมมาเนินนานจนมันแน่นคับอกให้ร่างสูงตรงหน้าได้รับรู้
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจทำไมสองปีมานี้เขาถึงตั้งท่าจงเกลียดจงชังเธอนักไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูขว้างหูขว้างตาเขาไปหมด
บางครั้งเธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอกันแต่เขาก็ยังตามมาหาเรื่องเธออีก มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาถึงขั้นผลักเธอตกสระน้ำทั้งที่รู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นนับว่าโชคยังดีที่อคินมาช่วยทัน
"ฉันเกลียดทุกอย่างที่เป็นเธอไงพระพาย เธอทำให้ชีวิตฉันต้องพังไม่เป็นท่า"
"พายไปทำอะไรให้ บอกมาสิคะพายจะได้รู้"
"เธอได้รู้แน่พระพายแต่ไม่ใช่ตอนนี้"
"เกลียดพายแล้วมาแต่งงานกับพายทำไม" ยิ่งชายหนุ่มพูดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจในเมื่อเขาเกลียดเธอยังกับอะไรดีแล้วมาแต่งงานกับเธอทำไมกัน คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองมีแต่คำว่าทำไม ๆ เต็มไปหมด
"ก็เพราะฉันต้องการทำให้เธอเจ็บปวดไง" อลันมองสบแววตาสั่นระริกด้วยนัยน์ตาเกลียดชังเขาเกลียดเธอเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย ๆ ไปเสีย แต่หากทำแบบนั้นมันก็ดูจะง่ายเกินไป
เธอต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขาเป็นอยู่ พูดจบมือหนาก็สะบัดออกจากแขนเล็กอย่างแรงราวกับรังเกียจ ก่อนเท้าใหญ่จะก้าวเดินออกไป
"ฮึก!" ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนพื้นเย็นเฉียบอย่างอ่อนล้าหลังจากร่างสูงหายหลังไป คำพูดของเขายังคงดังก้องในโสตประสาทซ้ำ ๆ เขาเกลียดเธอต้องการทรมานเธอจึงยอมแต่งงานด้วย แล้วเธอทำผิดอะไรกันทำไมเขาถึงต้องแก้แค้น คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองตอนนี้เธอไม่รู้อะไรสักอย่างไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
วันแต่งงานและคืนเข้าหอน่าจะเป็นค่ำคืนที่แสนดื่มด่ำ แต่มันกลับกลายเป็นวันที่แสนขมขื่นสำหรับเธอมากกว่า เธอคงเป็นเจ้าสาวที่โชคร้ายที่สุดในโลกแล้ว
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ