พระพายจัดการเก็บกวาดเศษแก้วและข้าวต้มที่สาดกระเซ็นทั่วพื้นเป็นบริเวณกว้างทั้งน้ำตานองหน้า แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโดนคนใจร้ายรังแกไม่พอแม้แต่เศษแก้วก็ยังรังแกเธอด้วยมันบาดเข้าที่นิ้วเธอจัง ๆ ในตอนที่กำลังหยิบใส่ที่โกยขยะ
"โอ๊ย!" เธอนิ่วหน้าหลุดร้องด้วยความรู้สึกเจ็บมองแผลบนนิ้วชี้ที่มีเลือดสีแดงสดซึมออกมาด้วยแววตาไหวระริก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อลันเดินลงมาจากชั้นสองทำให้เห็นเหตุการณ์พอดี
เขายืนมองร่างบางห่าง ๆ ไม่เข้าไปในทันทีจะรอดูปฏิกิริยาเธอสักหน่อยว่าเป็นยังไง น้ำตาที่ไหลอาบใบหน้านวลไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสาร หรือเห็นใจขึ้นมาสักนิด นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเธอจะต้องทุกข์ทรมานกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า
"บ้าชะมัด! เกิดเป็นพระพายทำไมมันถึงได้รันทดขนาดนี้นะ" ด้านพระพายกลับไม่รู้ตัวเลยว่าถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลาพึมพำออกมาอย่างตัดพ้อนึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเองนัก ก่อนใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวก ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบพลาสเตอร์ในกล่องอุปกรณ์ทำแผล
ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจในตอนที่หันหลังกลับไปพบกับร่างสูงที่ยืนหน้าทมึงตึงจับจ้องมายังเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่รู้ว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่ที่เขามายืนตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ คงคิดหาเรื่องอะไรเธออีก
แววตาไหวระริกมองใบหน้าทมึงตึงอย่างหวาดหวั่นเพียงเห็นหน้าปีศาจร้ายอย่างเขาเธอก็กลัวตั้งไว้แล้ว แต่ผ่านไปนานนับนาทีเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไรเอาแต่จ้องหน้าอยู่อย่างนั้นต้องการเล่นสงครามประสาทหรือยังไงกัน
เธอลอบถอนหายใจเบา ๆ กำพลาสเตอร์ในมือแน่นข่มความกลัวไว้ก้าวเท้าเดินผ่านร่างสูงไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ
"โอ๊ย!" ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอร้องด้วยความเจ็บเมื่อถูกมือหนาจับเข้าบริเวณมือที่โดนแก้วบาดในจังหวะที่กำลังเดินผ่านไป หนำซ้ำยังออกแรงบีบจนเลือดบนแผลที่เพิ่งแห้งไหลซึมออกมาอีกครั้ง
"พะ..พายเจ็บคุณอลัน" เจ็บเธอเจ็บเป็นอย่างมากกับการกระทำหยาบช้าของคนใจร้าย ร้องบอกเสียงสั่นพลางพยายามใช้อีกมือแกะมือหนาออกพัลวัน แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไรเขาก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้นเท่านั้นส่งผลให้เลือดสีแดงสดไหลออกจากแผลเป็นจำนวนมากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากลงอาบสองแก้มนวลด้วยความเจ็บปวด "อึก! คุณอลันพายเจ็บ"
"อย่าสำออยแผลแค่นี้ไม่ทำให้เธอตายหรอกพระพาย หรือถ้าตายฉันจะช่วยสงเคราะห์เป็นคนจัดงานศพให้เอง" คำพูดร้ายกาจพ่นออกจากริมฝีปากหนาอย่างเลือดเย็น น้ำตาและเสียงร้องบอกของหญิงสาวไม่ได้ทำให้เขานึกสงสารหรือเห็นใจสักนิด กลับกันยิ่งได้เห็นเธอเจ็บปวดก็ยิ่งสะใจมากกว่า
แววตาดุดันราวกับสัตว์ร้ายก้มมองเลือดสีแดงสดที่ไหลอาบนิ้วเรียวหยดเผาะลงพื้นแวบหนึ่ง แล้วช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเรียวต่อนานนับนาที ก่อนลากเธอไปยังตู้ยาสามัญประจำบ้าน
"ปล่อยพายนะคะ" คนถูกกระชากลากถูพยายามขืนตัวสุดแรงไม่ให้ร่างถลาตามแรง แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอก็มิอาจต้านทานกำลังคนตัวโตกว่าได้
"คุณอลันจะทำอะไร" ความกลัวเกาะกุมหัวใจดวงน้อย ๆ ของพระพายอย่างหนักเมื่ออีกคนหยิบขวดแอลกอฮอล์ที่วางอยู่ในตู้ยาสามัญประจำบ้านออกมาแล้วใช้ปากเปิดฝา พยายามดึงมือออกจากการจับกุมสุดแรงพอเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อ
"ยะ..อย่านะคะ" ร้องห้ามเสียงสั่นส่ายหน้าส่งสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์หวังให้เขาเห็นใจ แม้รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม
อลันมองใบหน้าเรียวอย่างสมเพชยิ่งหญิงสาวแสดงความหวาดกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งชอบ การได้เห็นเธอเจ็บปวดและหวาดกลัวทำให้เขามีความสุข
"เดี๋ยวฉันทำแผลให้" เขากระชากมือเรียวที่พยายามสะบัดออกจากการจับกุมขึ้นมาแล้วราดแอลกอฮอล์ลงบนแผลทันทีที่เอ่ยจบไม่สนใจว่าอีกคนจะเป็นยังไง
"อึก" พระพายถึงกับสะดุ้งโหยงหน้านิ่วคิ้วขมวดกัดปากจนห่อเลือดถึงแม้แผลจะไม่มากแต่เมื่อโดนแอลกอฮอล์กัดก็สร้างความเจ็บแสบให้เธอไม่น้อย ดวงตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาแหงนขึ้นมองใบหน้าผู้ชายใจร้ายเขม็ง เธอทั้งเกลียดทั้งโกรธทั้งแค้นเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคำขอร้องของผู้มีพระคุณค้ำคออยู่
“ทำไมเกลียดเหรอ โกรธเหรอ ดีโกรธและเกลียดฉันให้มาก ๆ นะ” อลันแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันแค่เห็นสายตาที่หญิงสาวมองมา เขาก็รู้แล้วว่าเธอทั้งโกรธทั้งเกลียดเขามากขนาดไหนหากฆ่าได้เธอคงฆ่าไปแล้ว แต่แล้วยังไงยิ่งเธอโกรธและเกลียดเขามากเท่าไรก็ยิ่งดีเพราะจะทำให้เธอทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับคนที่เกลียดสักวันคงอกแตกตายไปเอง เมื่อพูดจบเขาก็สลัดมือเรียวออกอย่างแรงจนอีกคนเซเล็กน้อย ก่อนจะส่าวเท้าเดินออกไป
“คนสารเลว” พระพายได้แต่ก่นด่าตามหลังด้วยความคับแค้นใจมองเขาเดินจากไปจนลับสายตาจึงก้มมองแผลบนนิ้วที่ตอนนี้แดงแจ๋เพราะโดนแอลกอฮอล์กัด น้ำตาแห่งความเจ็บใจหยดเผาะลงบนแผลหยดแล้วหยดเล่าเจ็บใจที่ไม่สามารถต่อกรกับคนพันนั้นได้เลย คำถามพลันผุดขึ้นในสมองอีกครั้งว่าทำไมกันเพราะสาเหตุอะไรเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอได้มากมายขนาดนี้
เธอจมดิ่งอยู่กับความคิดนานสองนานก่อนสะบัดศีรษะไล่ความสงสัยออกเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว จากนั้นก็เอาพลาสเตอร์ที่กำอยู่ในมืออีกข้างมาปิดแผล แล้วไปจัดการเก็บกวาดเศษแก้วและข้าวต้มบนพื้นที่ทำค้างไว้ต่อ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เดินขึ้นห้องนอนตัวเอง ส่วนอีกคนได้ขับรถออกไปจากบ้านก่อนหน้านี้แล้วทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกหน่อยหากเป็นไปได้ก็ขอให้เขาไม่ต้องกลับมาอีกเลยยิ่งดี
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ