หลังจากแวะกลับไปเอารถที่บ้านพ่อแม่บุตรธรรมแล้วพระพายก็ขับรถตรงไปยังตลาดสดทันทีเพราะจะไปห้างก็ไม่ได้ตอนนี้แค่เจ็ดโมงเช้าห้างยังไม่เปิด
เธอเดินเลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็นสำหรับทำอาหารในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ไก่ กุ้ง ปลาหมึก ผักสดและเครื่องปรุงต่าง ๆ เมื่อจ่ายตลาดเสร็จก็ขับรถตรงกลับบ้านทันที
ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งรั้นเบา ๆ เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็พบกับร่างสูงที่นั่งไขว้ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาในห้องโถง
เธอแสร้งทำเหมือนไม่เห็นเขารีบส่าวเท้าเดินผ่านเข้าไปในครัว แต่ก็มิวายยังโดนอีกคนพูดจากระแทกแดกดันตามหลัง “ทำไมไม่กลับมาพรุ่งนี้เลยล่ะ ชักช้าไม่ได้เรื่อง”
มือเรียวกำถุงข้าวของที่ถืออยู่แน่นข่มอารมณ์โกรธเอาไว้อยากหันกลับไปบอกชายหนุ่มเสียจริงว่าให้ลองไปเองแล้วจะได้รู้ว่าตลาดสดกับบ้านมันอยู่ไกลกันแค่ไหน ไหนจะต้องเดินจ่ายตลาดขับรถไปกลับอีกใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถือว่าเร็วสุดแล้ว
ทว่าถึงพูดไปคนอย่างเขาก็คงไม่ฟังเพราะจ้องจะหาเรื่องเธอตลอดเวลาอยู่แล้ว สู้เงียบปากแล้วทำหน้าที่ของตัวเองไปดีกว่าไม่อยากจะต้องมาเสียเวลาทะเลาะกับเขา
เธอเลือกทำข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้าให้ชายหนุ่มเพราะตอนอยู่ที่บ้านใหญ่เห็นเขาชอบทานข้าวต้มกุ้งบ่อย ๆ เธอเร่งมือทำทุกอย่างด้วยความเร็วเดี๋ยวจะโดนพูดจากระแทกแดกดันว่าชักช้าอีก
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ กลิ่นหอมกรุ่นก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ก่อนเธอจะเดินไปเรียกร่างสูงที่นั่งในห้องโถง "อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ"
อลันเพียงปรายตามองร่างบางเล็กน้อยแล้วลุกเดินไปยังโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมยั่วน้ำลายที่ลอยแตะจมูกทำเอาเขาต้องลอบกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่รู้สึกหิวขึ้นมาดื้อ ๆ แต่กระนั้นก็ยังเก็บอาการได้ดี
ดวงตาคมกริบก้มมองข้าวต้มกุ้งหน้าตาหน้าทานอย่างพินิศพิจารณา ก่อนตวัดสายตาขึ้นพูดกับร่างบางที่กำลังเดินเข้าไปในครัวด้วยน้ำเสียงดุ "เธอคงไม่ใส่ยาพิษให้ฉันทานหรอกใช่ไหมพระพาย"
พระพายถึงกับหยุดชะงักฉับพลันกับคำพูดจากริมฝีปากหนา เธอพยายามอดทนมาตั้งแต่หัวรุ่งพยายามจะไม่ตอบโต้กลับเพื่อหลีกเลี่ยงการมีปัญหา แต่อีกคนกลับพูดจาหาเรื่องไม่เลิก ความอดทนของเธอก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน และตอนนี้มันก็ขาดสะบั้นลงแล้ว
มือเรียวกำหมัดแน่นด้วยความโกรธหันไปสวนกลับเจ้าของคำถามอย่างเหลืออด "พายคงไม่ใจไม้ไส้ระกำจนสามารถฆ่าใครตายได้หรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นคุณอลันคงไม่แน่"
"พระพาย!"
เพล้งง!
คำพูดจาประชดประชันจากริมฝีปากอวบอิ่มเป็นเหมือนเชื้อเพลิงสุ่มไฟแห่งความโกรธของอลันได้เป็นอย่างดี ทำเอาเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับใช้มือกวาดถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะอย่างแรงจนตกกระทบพื้นแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ข้าวต้มร้อน ๆ กระสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจใบหน้าถอดสีฉับพลันกับการกระทำห่าม ๆ ของคนตรงหน้า ใจดวงน้อย ๆ เริ่มสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่นในตอนที่ร่างสูงย่างสามขุมเข้าหา
เท้าเล็กขยับถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณรับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ซ่านทางแววตาวาวโรจน์ ใบหน้าของเขาแดงก่ำลามไปจนถึงใบหูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าโกรธมากแค่ไหน ร่างสูงในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายที่พร้อมพรากลมหายใจของเธอไป
จากที่ถอยหลังหนีเธอก็รีบหมุนตัววิ่งเข้าในครัวด้วยความเร็วเพราะไม่อย่างนั้นคงได้แหลกคามือเขาแน่ ๆ แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าคนตัวสูงอยู่ดีเขาก้าวยาว ๆ เพียงไม่กี่ทีก็เข้าประชิดตัวเธอได้แล้ว
"ว้าย!" เสียงหวานหลุดอุทานด้วยความตกใจในตอนที่ถูกมือหน้าจับหมับเข้าต้นแขน ใบหน้าเรียวเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อถูกมือหนากระชากอย่างแรงจนตัวหมุนติ่วปะทะอกแกร่งจัง ๆ หนำซ้ำยังโดนเขาบีบต้นแขนแรงขึ้นกว่าเดิมราวกับจะให้กระดูกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ยังไงยังงั้น
"พะ...พายเจ็บ ปล่อยนะคะ" แรงบีบทำให้เธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้าพยายามแกะมือหนาออกจากต้นแขนพัลวัน แต่แรงเพียงน้อยนิดไม่ได้ทำให้มือหนาขยับเขยื้อนเลย
ยิ่งร่างบางพยายามเท่าไรอลันก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้นเท่านั้น นัยน์ตาวาวโรจน์จับจ้องใบหน้าเรียวเขม็ง ก่อนกดเสียงพูดอย่างเยือกเย็น "งั้นฉันจะลองฆ่าเธอเป็นคนแรกแล้วกันพระพาย"
ว่าจบเขาก็ใช้อีกข้างกำรอบลำคอระหงสร้างความตื่นตระหนกให้พระพายเป็นอย่างมาก ใบหน้าเรียวถึงกับถอดสี ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้ เชื่อว่าคนอย่างเขากล้าทำจริง ๆ ขนาดโยนเธอลงสระน้ำแล้วยืนดูเธอตะเกียดตะกายเอาตัวรอดอย่างเลือดเย็นเขายังทำมาแล้วเลย
"คะ..คุณจะทำอะไร" แววตาสั่นระริกช้อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความหวาดหวั่นพลางยกมือขึ้นแกะมือหนาออกจากลำคอ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดในวินาทีต่อมาเมื่อถูกมือหนาออกแรงบีบลำคอจนเริ่มหายใจไม่ออก
พยายามแกะมือหนาออกพัลวันแต่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์เขาไม่แม้แต่จะสะเทือนสักนิด เธอจึงเปลี่ยนไปรัวกำปั้นใส่อกแกร่งแทนหวังให้เขาคลายมือออกตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด "อึก! ปะ..ปล่อยพะ..พายหายใจไม่ออก"
อลันจับจ้องร่างบางที่ใบหน้าแดงก่ำจากการเริ่มขาดอากาศหายใจพลางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ก่อนค่อย ๆ คลายมือออกเพราะไม่ได้ต้องการฆ่าเธอให้ตายเหมือนที่ปากพูด
เธอยังต้องอยู่ชดใช้กรรมอีกนาน ที่ทำไปเพียงแค่ต้องการสั่งสอนให้เธอไม่กล้าหือกับเขาอีก "จำไว้อย่ามาอวดเก่งกับฉันอีกเพราะฉันไม่ได้ใจดีทุกครั้ง"
สิ้นเสียงพูดเขาก็สะบัดมือออกจากลำคอระหงอย่างแรงราวกับรังเกียจ พระพายรีบอ้าปากกอบโกยลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่พลางยกมือขึ้นกอบกุมรอบคอตัวเองไว้
ใบหน้าซีดเซียวหลุบลงต่ำเพราะรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้ามองหน้าปีศาจร้ายอย่างเขา ขณะที่อีกคนไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำหยาบช้าของตัวเองสักนิด จ้องร่างบางที่ก้มหน้างุดนิ่ง ๆ นานนับนาทีก่อนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป "เก็บกวาดเศษถ้วยให้เรียบร้อยด้วยถ้าฉันลงมาแล้วยังไม่เรียบร้อยโดนดีแน่"
"อึก" น้ำตาแห่งความหวาดกลัวหยดเผาะลงบนพวงแก้มนวลทันทีที่ร่างสูงหายหลังไป ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในสมอง มีแต่คำถามเต็มไปหมดว่าทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ เธอทำอะไรผิดร้ายแรงหรือทำไมถึงทำให้คนคนหนึ่งเกลียดเธอได้มากมายขนาดนี้
เธอยังต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกสักกี่ครั้งต้องอยู่กับความหวาดระแวงไปอีกนานแค่ไหน เพียงไม่ถึงครึ่งวันเธอยังโดนขนาดนี้แล้ววันต่อ ๆ ไปละเธอต้องพบเจอกับอะไรอีกหากทำอะไรไม่ถูกใจเขา หรือเธอต้องอยู่แบบไม่มีปากไม่มีเสียง ต้องอยู่แทบเท้าเขาถึงจะพอใจไม่รู้ว่าตัวเองทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องพบเจอกับปีศาจอย่างเขา
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ