ที่ตำหนักหลวง องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อผู้นำที่เย็นชาและเคร่งครัดในหน้าที่ รู้ดีว่าการหมั้นหมายกับเหวินจิ่นไม่ใช่เรื่องของความรัก มันเป็นเพียงแผนการทางการเมืองที่ช่วยเสริมสร้างอำนาจของราชวงศ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือการเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูหลังจากอุบัติเหตุ นางดูมีความฉลาดและกล้าหาญขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และการที่นางไม่ได้พยายามเอาอกเอาใจเขาไม่ได้หาเรื่องมาคลอเคลียเขาเกินงามเหมือนแต่ก่อน กลับทำให้นางน่าดึงดูดมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วันหนึ่งเหวิ่นจือหยูหรือวาดรวีถูกเชิญให้ไปพบกับองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเป็นอีกครั้งหลังจากฟื้นตัวจากอุบัติเหตุ เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของตำหนักหยวนเหอ สายตาขององค์ชายหยวนเจ๋อก็จับจ้องเธอทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าเปลี่ยนไป” เขาเอ่ยเรียบๆ แต่มีความคาดคั้นอยู่ในน้ำเสียงเหมือนอยากจับผิด
วาดรวียิ้มบางๆ “เพคะ ข้าคิดว่าบางครั้งการเผชิญหน้ากับความตายทำให้เราต้องคิดใหม่และตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม”
คำตอบนั้นทำให้องค์ชายหยวนเจ๋อรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำพูดที่เฉียบคมและมีความหมายเช่นนี้จากเหวิ่นจือหยูที่เคยโง่เง่าและหยิ่งยะโส
“ถ้าเจ้าประสบอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือนแล้วคิดดีได้แบบนี้ เจ้าน่าจะเป็นตั้งนานแล้วจะดีกว่านะข้าว่า”
“ท่าน ก็น่าจะโดนบ้างนะ จะได้นิสัยอ่อนโยนกับผู้หญิงบ้าง” เหวิ่นจือหยู หรือวาดรวีว่าให้
“เจ้า…”
ในขณะเดียวกัน เหวิ่นลี่หยา น้องสาวของเหวิ่นจือหยู เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่พี่สาวของเธอดูมีความมั่นใจและสามารถดึงดูดความสนใจขององค์ชายได้มากขึ้น
“องค์ชายเพคะ ข้านำพัดผืนนี้มาถวายท่าน ข้าปักด้วยมือของข้าเอง ท่านจะโปรดรับไว้หรือไม่เพคะ” เสียงของเหวิ่นลี่หยาดังขึ้นก่อนที่องค์ชายจะทันได้พูดอะไร นางถือพัดผ้าไหมที่ประดับด้วยลวดลายงดงาม เดินเข้ามาหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋ออย่างอ่อนหวาน นางพยายามยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่ม
หยวนเจ๋อมองพัดผ้าไหมที่นางยื่นให้โดยไม่ได้ตอบอะไร แววตาของเขาเย็นชาและห่างเหิน “ข้าไม่จำเป็นต้องใช้” เขาตอบเรียบๆ
เหวิ่นลี่หยารู้สึกหน้าชา แม้จะรู้สึกเสียหน้าต่อพี่สาวเหวิ่นจือหยูที่นั่งอยู่ แต่ยังคงพยายามต่อ “แต่ท่านอาจต้องใช้ในวันที่อากาศร้อนมาก ข้าแค่หวังจะช่วยให้ท่านสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพคะ”
“ไม่จำเป็น ข้ามีคนดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว” หลี่หยวนเจ๋อตอบเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปทางวาดรวีหรือเหวิ่นจือหยูที่นั่งอยู่ด้วยกัน “เจ้าเองจือหยู มีสิ่งใดที่ต้องการจากข้าหรือไม่”
วาดรวีมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่และตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีเพคะ ข้าเพียงแค่ต้องการเวลาของท่านในการพูดคุยเรื่องสำคัญอื่นๆ”
เหวิ่นลี่หยากัดฟันแน่น รู้สึกโกรธที่พี่สาวของเธอกลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจจากองค์ชายแทน
ที่ห้องบรรทมขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ ความเงียบสงัดปกคลุมทั้งห้อง มีเพียงแสงแดดที่สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเล็กๆ เข้ามาอาบร่างของชายผู้สวมชุดยาวสีดำปักลายมังกรทองที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้สูง ดวงตาของเขามองไปที่เอกสารราชการบนโต๊ะตรงหน้า แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกกดดันจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาถูกบังคับให้หมั้นหมายกับเหวิ่นจือหยู บุตรสาวของแม่ทัพเหวินผู้มีอำนาจ แม้ว่าหลี่หยวนเจ๋อจะเป็นองค์ชายที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วทั้งแคว้นว่าเป็นผู้นำที่ฉลาดปราดเปรื่อง แต่เขากลับไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาได้
เขาไม่เคยมีความรู้สึกต่อเหวิ่นจือหยูเลย นางเป็นเพียงหญิงสาวที่โง่เง่าไม่รู้หนังสือเอาแต่ชอบแต่งตัวสวยการบ้านการเรือนไม่เอา โมโหร้ายเป็นที่สุด แม้หลังๆที่เจอกันสองครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุของนางดูนางจะเปลี่ยนไปก็ตามทีเถอะ การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องการเมืองที่ถูกวางแผนขึ้นเพื่อสร้างพันธมิตรกับตระกูลเหวิ่น ความรู้สึกของเขาหรือของเหวิ่นจือหยูไม่เคยถูกนำมาพิจารณา
เสียงประตูเปิดเบาๆ ขัดจังหวะความคิดขององค์ชาย หญิงรับใช้คนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ พร้อมกับถาดชาที่ถือไว้ในมือ
“องค์ชายเพคะ ชาท่านเตรียมไว้แล้วเพคะ” นางพูดเบาๆ ด้วยความเคารพก่อนจะก้มศีรษะให้
หลี่หยวนเจ๋อพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ แต่ก็ไม่ได้มองนาง เขากลับจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ข้าต้องการสิ่งนี้หรือ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
หากเป็นไปได้ เขาอยากใช้ชีวิตที่เขาเลือกเอง แม้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้ภาระหน้าที่ในฐานะองค์ชาย แต่เขาไม่ต้องการถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับคนที่เขาไม่มีความรู้สึกรักหรือรู้สึกดีด้วยเลย อย่างไรก็ตาม คำสั่งของฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เจ้าคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นอย่างไร” เขาถามขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหญิงรับใช้ นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยความระมัดระวัง
“บ่าวไม่อาจกล่าวอะไรได้เพคะ แต่อาจเป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราชวงศ์ของท่านเพคะ”
หลี่หยวนเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ถ้าข้าไม่ต้องการมันล่ะ”
“การที่ท่านไม่ต้องการ อาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้เพคะองค์ชาย” นางตอบเบาๆ น้ำเสียงนอบน้อม
หลี่หยวนเจ๋อถอนหายใจแรงกว่าเดิม ในขณะที่เขาพยายามจะหาคำตอบในใจ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากด้านนอกของประตู ไม่นานนัก องครักษ์ส่วนพระองค์ของเขาเข้ามาก้มกราบอย่างนอบน้อม
“องค์ชายพะยะค่ะ ฮ่องเต้ทรงเรียกพระองค์ให้ไปพบที่พระตำหนักในห้องโถงใหญ่พะยะค่ะ”
หลี่หยวนเจ๋อหลับตาแน่น เขารู้ทันทีว่าการพูดคุยครั้งนี้จะเกี่ยวกับการหมั้นหมายของเขาโดยตรง