ตอนที่
12
กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก
เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง
“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาด
มือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย
“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย
“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”
ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม
“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”
“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”
ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรายฟ้า
“เดี๋ยวฉันโทรหากัสด้วยนะ จะได้ออกไปพร้อมกัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็วางสายไป
ในอีกห้องหนึ่งภาคภูมิกำลังยืนชงกาแฟดำเข้ม ๆ ดื่มอย่างเงียย ๆ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่แววตาดูอ่อนล้าเล็กน้อย เสียงข้อความจากชัยวัฒน์ดังขึ้นมา
“ไงเพื่อน ไม่ปวดหัวแย่หรอวะ เมื่อคืนหนักไปหน่อยนะ” ข้อความจากชัยวัฒน์ตามมาด้วยสติกเกอร์รูปคนเมา
ภาคภูมิกดอ่านแล้ววางมือถือลง เขานึกภาพปรายฟ้าที่ทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหาเขา มุมปากของเขาแอบกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปจิบกาแฟอย่างช้า ๆ
หลายวันต่อมา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมายังลานกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยนักศึกษาที่มาเข้าร่วมโปรเจกต์ ‘ต้นไม้ของฉัน’ ภาคภูมิมาถึงแต่เช้า
เขากำลังยืนกางแบบแปลนขนาดใหญ่ อธิบายถึงตำแหน่งการปลูกต้นไม้แต่ละชนิดอย่างละเอียด “ระยะห่างต้องเป๊ะนะครับ เพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม และดินบริเวณนี้เราผสมปุ๋ยชีวภาพสูตรเฉพาะแล้ว” เขาชี้ไปที่กองดินที่เตรียมไว้ด้วยท่าทางจริงจัง
ไม่นานนักปรายฟ้าก็เดินเข้ามาในลานกิจกรรมพร้อมกัสและมีนา แม้จะยังดูอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงความสดใสไว้ไม่เปลี่ยน
ปรายฟ้าถือไมโครโฟนสีสดใสส่งเสียงเจื้อยแจ้วไปทั่วบริเวณ
“เอาล่ะค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ขึ้นด้วยมือของเรากันนะคะแต่ก่อนอื่น เรามาวอร์มอัพด้วยเกม 'ตามหาคู่ต้นไม้' กันก่อน” เสียงดนตรีสนุกสนานบรรเลงขึ้นทันที นักศึกษาพากันหัวเราะและวิ่งวุ่นตามหาป้ายชื่อต้นไม้ที่ซ่อนอยู่
ภาคภูมิถอนหายใจพรืดเขาเหลือบมองปรายฟ้าที่กำลังกระโดดโลดเต้นไปกับเพลงอย่างเต็มที่
“นี่คือกิจกรรมปลูกต้นไม้หรือโรงเรียนอนุบาลกันแน่” เขาบ่นพึมพำ แต่ก็ยังคงยืนคุมงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ปรายฟ้าเดินเข้ามาใกล้ภาคภูมิพร้อมรอยยิ้ม
“โห! นายอย่าทำหน้าเครียดสิ เดี๋ยวต้นไม้ก็ไม่อยากโตพอดี” เธอพูดพลางยื่นป้ายชื่อต้นไม้เล็กๆ ให้เขาดู
“อันนี้ต้นกาแฟนะนาย รู้ไหมว่ามันต้องปลูกยังไงให้ได้กาแฟอร่อย ๆ”
ภาคภูมิเลิกคิ้วเล็กน้อย “กาแฟเป็นเรื่องของสายพันธุ์และการคั่ว ส่วนการปลูกคือปัจจัยพื้นฐาน”
“โอ๊ย! เถียงได้ทุกเรื่องจริง ๆ” ปรายฟ้าส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ แต่ก็แอบอมยิ้มเล็ก ๆ
“ว่าแต่คืนนั้นไปต่อที่ไหนนะ” เธอถามขึ้นมาลอยๆ
ภาคภูมิ หันมามองเธอเล็กน้อย “จะไปต่อที่ไหนก็ต้องกลับห้องสิ”
“ทำไมต้องถามอย่างนั้นด้วย”
“เปล่าก็แค่อยากถามเท่านั้นเอง” ปรายฟ้าตอบห้วนๆ
“แค่เห็นนายมีเพื่อนเยอะดี” เธอพูดพลางชำเลืองมองภาคภูมิ เล็กน้อย
ขณะที่นักศึกษากำลังขุดหลุมและเตรียมดินกันอย่างขะมักเขม้น ปรายฟ้าที่กำลังเดินถือถุงปุ๋ยชีวภาพถุงใหญ่เพื่อไปเติมให้นักศึกษาที่อยู่สุดแปลง เผลอเหยียบก้อนหินกลม ๆ เข้าอย่างจัง ทำให้เธอเสียหลักและลื่นพรืดลงไปในกองดินโคลนที่เพิ่งผสมเสร็จพอดี
“กรี๊ดดด” ปรายฟ้าร้องเสียงหลงก่อนจะล้มลงก้นจ้ำเบ้า เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนไปทั้งตัว
ภาคภูมิที่กำลังอธิบายเรื่องระบบน้ำหยดอยู่ไม่ไกล หันมาเห็นเหตุการณ์พอดี เขารีบปรี่เข้ามาหาเธอทันทีโดยอัตโนมัติ ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ภาคภูมิถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย เขายื่นมือออกไปช่วยดึงปรายฟ้าให้ลุกขึ้นใบหน้าของเขามีรอยเปื้อนโคลนเล็กน้อยจากการที่เธอสะบัดตัวตอนล้ม
“เปื้อนหมดเลย” ปรายฟ้าบ่นอุบมองสภาพตัวเองแล้วก็แทบอยากจะร้องไห้แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าภาคภูมิก็เปื้อนไปด้วย
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ล้างออก” ภาคภูมิพูดพลางปัด ๆ โคลนออกจากมือเธอเบา ๆ
“ทีหลังระวังหน่อย”
ขณะเดียวกันณัฐพลที่กำลังจัดต้นกล้าอยู่กับกัสก็หันมาเห็นเหตุการณ์พอดี
“โอ๊ย ปรายฟ้า เป็นอะไรมากไหมเนี่ย” กัสรีบวิ่งเข้ามาช่วย
“ไม่เป็นไรมากหรอกแค่เปื้อนหมดเลย” ปรายฟ้าตอบพร้อมทำหน้ายู่ใส่ภาคภูมิ
“นี่ก็อีกคน ทำเป็นเข้มงวดนักหนาสุดท้ายก็มาเปื้อนด้วยกันจนได้”
ภาคภูมิไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ถอนหายใจ แต่ก็มีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ณัฐพลยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กัสแล้วกัสก็ยื่นต่อให้ ปรายฟ้าพลางแอบมองณัฐพลด้วยสายตาขอบคุณ
“ขอบใจนะพล” กัสกระซิบเบาๆ
“ไม่เป็นไร” ณัฐพลยิ้มตอบ
ชัยวัฒน์ที่กำลังช่วยนักศึกษาขุดหลุมเห็นภาคภูมิกับปรายฟ้ายืนเปื้อนโคลนอยู่ด้วยกันก็อดไม่ได้ที่จะแซวเสียงดัง
“โอ้โห อะไรกันเนี่ยไอ้ภูมิ นี่มันกิจกรรมปลูกต้นไม้หรือกิจกรรมจับคู่กันแน่วะ” ชัยวัฒน์หัวเราะเสียงดัง
“เห็นเปื้อนด้วยกันขนาดนี้ สงสัยจะเป็นคู่กันจริง ๆ แล้วมั้ง”
ปรายฟ้าหน้าแดงก่ำ “ชัยวัฒน์ อย่ามาพูดจาบ้า ๆ นะ”
มีนาที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ ก็เห็นสภาพของเพื่อนทั้งสองพอดี เธอยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก
“แหม ๆ มีความโรแมนติกกลางทุ่งโคลนด้วยนะปราย”
“มีนา” ปรายฟ้าค้อนขวับ
“อะไรกันปราย ก็ดูสิเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันเลยเนี่ย” มีนาแซวต่อไม่หยุด
ชัยวัฒน์เดินเข้ามาใกล้มีนาพลางกระซิบ “นี่มีนาเธอก็แซวเพื่อนเธอน่ะระวังตัวเองเถอะ” เขาแกล้งเอามือไปป้ายโคลนจากมือภาคภูมิมาแตะที่แก้มของมีนาเบา ๆ
“กรี๊ด ชัยวัฒน์” มีนาร้องเสียงหลง
“นายกล้าดียังไง” เธอรีบวิ่งไล่ชัยวัฒน์ที่หัวเราะร่าไปทั่วลานกิจกรรมเสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังคลอไปกับเสียงดนตรีและบรรยากาศสนุกสนานในกิจกรรม
ภาคภูมิเดินสำรวจแปลงปลูกต้นไม้อย่างเงียบ ๆ เขาเห็นปรายฟ้า กำลังนั่งคุยกับน้อง ๆ นักศึกษาอย่างเป็นกันเอง
สอนวิธีการพรวนดินและดูแลต้นกล้าด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและสดใส รอยยิ้มของเธอบ่งบอกถึงความสุขและความหลงใหลในสิ่งที่ทำ ดวงตาของเธอมักจะเปล่งประกายเสมอเมื่อได้ลงมือทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและศิลปะ
ภาพของปรายฟ้าที่เคยเห็นเป็นแค่คนวุ่นวายและชอบโวยวายค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยภาพของหญิงสาวที่มีความอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยพลังงานด้านบวก
ในทางกลับกันปรายฟ้าก็แอบมองภาคภูมิที่กำลังอธิบายวิธีการติดตั้งระบบน้ำหยดอัตโนมัติให้กับนักศึกษาด้วยท่าทางตั้งใจจริงจัง ทุกคำพูดของเขาบ่งบอกถึงความรู้และความเชี่ยวชาญ ดวงตาของเขาที่เคยดูเย็นชา
ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและหลงใหลในเรื่องของวิศวกรรมและการคำนวณ เธอยอมรับในใจว่าภาคภูมิมีเสน่ห์ในแบบของเขาเอง ไม่ใช่แค่ความฉลาดแต่ยังเป็นความตั้งใจและความรับผิดชอบในทุกสิ่งที่ทำภาพจำของเขาที่เคยเป็นแค่คนน่าเบื่อและเคร่งขรึม ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นคนที่น่าค้นหาและอบอุ่นในแบบของเขา
ณัฐพลกับกัสเองก็ยังคงทำงานอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ ณัฐพลช่วย กัส ยกกระถางต้นไม้หนักๆ กัสก็คอยยื่นอุปกรณ์ให้เขาอย่างรู้ใจ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันมาก แต่ทุกการกระทำก็เต็มไปด้วยความเข้าใจและความใส่ใจที่มอบให้กันและกัน สายตาที่แอบชำเลืองมองกันเป็นระยะๆ และรอยยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว บ่งบอกว่าความสัมพันธ์เล็กๆ ของพวกเขากำลังเติบโตไปอย่างช้าๆ แต่แน่นอน
โปรเจกต์ ‘ต้นไม้ของฉัน’ อาจจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ จากความแตกต่างของคนสองคน แต่ความวุ่นวายนั้นกลับทำให้พวกเขาสองคน รวมถึงเพื่อนๆ ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และมองเห็นอีกฝ่ายในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป
ตอนที่12กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาดมือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรา
ตอนที่11เจอกันบ่อยไปไหม เสียงจอแจในโรงอาหารอื้ออึง ปรายฟ้ากำลังหอบถาดข้าวแกงเดินหาที่นั่ง แต่ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ ที่มีภาคภูมินั่งอยู่คนเดียว ทำให้เธอตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที“ขอนั่งด้วยคนนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นเบา ๆ พลางมองหากัสและมีนาที่กำลังซื้ออาหารเพราะเธอจะได้เรียกเพื่อนของเธอมานั่งด้วยภาคภูมิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจปรายฟ้านั่งลงตรงข้ามกับเขา วางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูจริงจังแม้กระทั่งตอนกินข้าว เธอเห็นกัสและมีนากำลังเดินถือจานข้าวมาทางนี้พอดี จึงรีบกวักมือเรียกอย่างร่าเริง“นี่กัส มีนา มานั่งนี่สิ โต๊ะนี่ว่างไกัสกับมีนาหันมามองก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ภาคภูมิที่นั่งอยู่กับปรายฟ้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเดินตรงมาที่โต๊ะ“โอ๊ย!!! ตายแล้วปรายฟ้า มานั่งกินข้าวกับนายภาคภูมิได้ไงเนี่ย” มีนากระซิบกัสแต่เสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน“นั่นสิ ฉันว่าแล้วเชียวทำไม ปรายฟ้าถึงชอบโรงอาหารเวลานี้” กัสแซวต่อพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อย “พวกแกสองคนนี่ก็นะ ฉันแค่ไม่มีที่นั่งเฉย ๆ หรือพวกแกจะไม่นั่งล่
ตอนที่10แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ” ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู” “งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อก
ตอนที่9เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง ห้องประชุมที่เดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้านิ่ง ๆ ยิ้มเย็นเยือก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราควรสร้างมุมผ่านคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้”“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ“เอาล่ะ ๆ พอแค่นั้นก่อน” อาจารย์โบกมือเป็นสัญญาณหยุดศึก“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปร