เช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเอง
ไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น
“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ
“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”
บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ
“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น
“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”
ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”
“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า
“ฉันล่ะเบื่อแทน”
“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร
“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปปิ้ง เล่นโซเชียล ไปนู่นไปนี่ให้มันสนุก ๆ ไง” ปรายฟ้าตอบร่ายยาว
“ไม่เหมือนนายหรอก มุ่งมั่นกับตัวเลขอย่างเดียว”
ภาคภูมิไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วก็กลับไปสนใจเอกสารต่อ ปรายฟ้ารู้สึกได้ว่าบทสนทนาแบบไม่เป็นทางการแบบนี้เริ่มเกิดขึ้นบ่อยขึ้นระหว่างพวกเขาและมันก็ทำให้บรรยากาศการทำงานดูผ่อนคลายขึ้นกว่าที่คิด
เวลาล่วงเลยไปจนเที่ยง เสียงท้องร้องของปรายฟ้าดังขึ้นเบา ๆ แต่ก็ดังพอให้ภาคภูมิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยิน
“หิวแล้วเหรอ” ภาคภูมิถามปรายฟ้าขึ้นมาพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย
ปรายฟ้าพยักหน้าหงึก ๆ “หิวมากแต่โรงอาหารปิดเพราะวันนี้เป็นวันหยุด”
“มีร้านอาหารข้างนอกที่เปิด” ภาคภูมิพูดพลางลุกขึ้นยืน
“ไปกันไหม”
ปรายฟ้าตาวาว “ไปสิฉันอยากกินอะไรอร่อย ๆ จะแย่แล้ว”
ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงาน มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารเล็ก ๆ นอกมหาวิทยาลัยที่ ภาคภูมิแนะนำบรรยากาศในร้านดูอบอุ่นและเป็นกันเองต่างจากในโรงอาหารที่เคยไป
“นายรู้ร้านแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย” ปรายฟ้าถามอย่างแปลกใจ
“นึกว่าชีวิตมีแต่ตัวเลขกับสูตรคณิตศาสตร์”
“ผมก็กินข้าวนะครับคุณ ไม่ได้กินสมการ” ภาคภูมิตอบเรียบ ๆ
ปรายฟ้าหัวเราะร่วน “โอ๊ย ตอบอะไรกวน ๆ ตลอด” เธอหยิบเมนูขึ้นมาดู
“ว่าแต่นายชอบดูหนังแนวไหน”
ภาคภูมิคิดเล็กน้อย “แนวสารคดีครับ”
“สารคดี?” ปรายฟ้าตกใจ
“ทำไมชีวิตนายมันจืดชืดขนาดนี้ ไม่มีโรแมนติกคอมเมดี้ ไม่มีแอคชั่นมันส์ ๆ บ้างเหรอ”
“ก็ไม่ค่อยได้ดู”
“น่าสงสารจัง” ปรายฟ้าแกล้งทำหน้าเวทนา
“งั้นเดี๋ยวฉันแนะนำให้” เธอยิ้มกว้าง
“ว่าแต่วันหยุดของนายไม่เคยมีอะไรน่าสนใจเลยเหรอ”
“ก็นี่ไงได้มาทำงานกับคุณ” ภาคภูมิพูดขึ้นลอย ๆ สายตาของเขาเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงอ่านเมนูต่อทำให้ปรายฟ้ารู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าเล็กน้อย
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งคู่ก็กลับมาทำงานต่อปรายฟ้ารู้สึกง่วงหนักมากเพราะเธอทำงานหนักทุกคืน เธอพยายามจะฝืนตัวเองแต่ความง่วงก็เข้าครอบงำ ท้ายที่สุดเธอก็เผลอหลับไปบนโต๊ะทำงาน หัวทิ้งลงบนกองเอกสารอย่างหมดท่า
ภาคภูมิที่กำลังจดบันทึกตัวเลขอยู่เงียบ ๆ ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ
เขาเงยหน้าขึ้นมามองปรายฟ้าที่กำลังหลับปุ๋ยไปแล้ว ใบหน้าของเธอดูสงบและน่ารักกว่าตอนที่ตื่นอยู่หลายเท่า ผมที่ปรกลงมาเล็กน้อยทำให้เธอดูอ่อนโยนลงอย่างประหลาด
ภาคภูมิมองเธออยู่นานกว่าที่ควรจะเป็นมุมปากของเขาแอบยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัวก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ขยับตัวไปหยิบเสื้อคลุมของเขามาคลุมให้เธอเบา ๆ กันลมเครื่องปรับอากาศและกลับมาทำงานต่อ
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ปรายฟ้าขยับตัวเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นเสื้อคลุมของภาคภูมิคลุมอยู่เธอก็หันไปมองเขาที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
“อ้าวฉันหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย” ปรายฟ้าถามเสียงเบา ๆ
ภาคภูมิ เงยหน้าขึ้นมามอง “ไม่นานครึ่งชั่วโมง”
“นายเอาเสื้อคลุมมาให้ฉันเหรอ” ปรายฟ้าถามเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ลมแอร์แรง” ภาคภูมิตอบสั้น ๆ ก่อนจะกลับไปสนใจงานของตัวเอง
ปรายฟ้าคลี่ยิ้มเล็ก ๆ เธอดึงเสื้อคลุมของเขาเข้ามากอดเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“โอ๊ย!!! เมื่อยไปหมดเลย” ปรายฟ้าบ่นพลางบิดตัวไปมา
ภาคภูมิแอบชำเลืองมองเธอแล้วอมยิ้มเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรบางอย่างปรายฟ้าเห็นแผ่นหลังของเขาขยับเล็กน้อยคล้ายกำลังหัวเราะ เธอเลยแอบชะเง้อหน้าไปดู ภาพบนหน้าจอคือคลิปวิดีโอเจ้าแมวที่กำลังเต้นดุ๊กดิ๊กอย่างบ้าคลั่ง ภาคภูมิ ไม่รู้ตัวว่า ปรายฟ้า แอบมองอยู่ เขาหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นายหัวเราะด้วย” ปรายฟ้า พูดขึ้นเสียงดังอย่างตื่นเต้น
“ฉันไม่เคยเห็นนายหัวเราะแบบนี้เลย ตลกขนาดนั้นเลยเหรอ”
ภาคภูมิสะดุ้งเล็กน้อย รีบเก็บโทรศัพท์ทันที ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม
“เปล่าแค่เห็นอะไรตลกนิดหน่อย”
แต่ปรายฟ้าก็ยิ้มกว้างเธอได้เห็นมุมที่แตกต่างของเขาอีกแล้วมุมที่ดูผ่อนคลายและมีอารมณ์ขันซ่อนอยู่ภายใต้ความนิ่งขรึม
เมื่อสิ้นสุดวันทำงานปรายฟ้าเดินกลับหอพักด้วยความรู้สึกที่สับสนในใจการได้อยู่ใกล้ภาคภูมิตลอดทั้งวันทำให้เธอเห็นมุมอื่น ๆ ของเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่ใช่แค่คนเคร่งขรึมและจริงจังแต่เขาก็มีมุมที่ใจดีและใส่ใจอย่างไม่แสดงออก แถมบางครั้งยังมีความกวน ๆ ที่ทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้ ปรายฟ้าเริ่มรู้สึกว่าการอยู่กับภาคภูมิไม่ได้แย่อย่างที่คิดและบางทีเธอก็เริ่มรู้สึกดี ๆ กับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน ภาคภูมิ เดินกลับหอพักอย่างเงียบๆ เช่นกัน ภาพของ ปรายฟ้า ที่หัวเราะเสียงใสๆ ตอนที่เขาช่วยเธอลุกขึ้นจากโคลน ภาพที่เธอกำลังสอนเด็กๆ ปลูกต้นไม้ด้วยความอ่อนโยน และภาพที่เธอยิ้มกว้างตอนเห็นคลิปแมวเต้น มันวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา ปรายฟ้า ไม่ได้วุ่นวายอย่างเดียว เธอกลับนำสีสันบางอย่างเข้ามาในชีวิตที่เคยมีแต่ความถูกต้องและแม่นยำของเขา การได้อยู่ใกล้เธอทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างประหลาด ภาคภูมิ เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าความรู้สึกสบายใจนี้มันคืออะไรกันแน่
ทั้งสองคนต่างก็ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับความรู้สึกใหม่ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้าๆ โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะนำพาพวกเขาไปในทิศทางใด
ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป
ตอนที่12กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาดมือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรา
ตอนที่11เจอกันบ่อยไปไหม เสียงจอแจในโรงอาหารอื้ออึง ปรายฟ้ากำลังหอบถาดข้าวแกงเดินหาที่นั่ง แต่ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ ที่มีภาคภูมินั่งอยู่คนเดียว ทำให้เธอตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที“ขอนั่งด้วยคนนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นเบา ๆ พลางมองหากัสและมีนาที่กำลังซื้ออาหารเพราะเธอจะได้เรียกเพื่อนของเธอมานั่งด้วยภาคภูมิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจปรายฟ้านั่งลงตรงข้ามกับเขา วางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูจริงจังแม้กระทั่งตอนกินข้าว เธอเห็นกัสและมีนากำลังเดินถือจานข้าวมาทางนี้พอดี จึงรีบกวักมือเรียกอย่างร่าเริง“นี่กัส มีนา มานั่งนี่สิ โต๊ะนี่ว่างไกัสกับมีนาหันมามองก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ภาคภูมิที่นั่งอยู่กับปรายฟ้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเดินตรงมาที่โต๊ะ“โอ๊ย!!! ตายแล้วปรายฟ้า มานั่งกินข้าวกับนายภาคภูมิได้ไงเนี่ย” มีนากระซิบกัสแต่เสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน“นั่นสิ ฉันว่าแล้วเชียวทำไม ปรายฟ้าถึงชอบโรงอาหารเวลานี้” กัสแซวต่อพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อย “พวกแกสองคนนี่ก็นะ ฉันแค่ไม่มีที่นั่งเฉย ๆ หรือพวกแกจะไม่นั่งล่
ตอนที่10แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ” ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู” “งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อก
ตอนที่9เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง ห้องประชุมที่เดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้านิ่ง ๆ ยิ้มเย็นเยือก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราควรสร้างมุมผ่านคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้”“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ“เอาล่ะ ๆ พอแค่นั้นก่อน” อาจารย์โบกมือเป็นสัญญาณหยุดศึก“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปร