ตอนที่
18
เตรียมตัวออกเดินทางได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษ
ปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน
“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์
“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”
“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆ
กัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”
“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้ว
กัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อน
ปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเขาจะมาหยุดลงที่ปรายฟ้า เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม
“เขาคงมองหาสัมภาระนั่นแหละ” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองแต่ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่ใช่ค่ะเพื่อนเขามองหาแกนั่นแหละปรายฟ้า” มีนาพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้ม ๆ ขึ้นมา
“บ้าไปแล้ว” ปรายฟ้ารีบปฏิเสธทันควัน ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีกระดับ
“จะมามองอะไรฉันเล่า เขาก็มองไปเรื่อยนั่นแหละ” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็หันมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน
กัสพยักหน้าเห็นด้วยกับมีนา “ใช่เขาจะมองสัมภาระทำไม เขาก็ต้องมองหาแกสิ เขาชอบแก”
ปรายฟ้าทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพื่อน ๆ แต่ในใจกลับคิดตามคำพูดของเพื่อน เธอแอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะเป็นอย่างที่เพื่อนพูดจริง ๆ
อาจารย์ประจำโปรเจกต์เริ่มเรียกชื่อนักศึกษาเพื่อเช็กจำนวนและแบ่งกลุ่มสำหรับขึ้นรถบัส
“ปรายฟ้า”
“ค่ะ” ปรายฟ้าขานรับด้วยเสียงแหบ ๆ นิด ๆ
“ภาคภูมิ”
“ครับ” ภาคภูมิขานรับเสียงเรียบ ๆ
“เอาล่ะค่ะนักศึกษา เนื่องจากจำนวนนักศึกษาเยอะ เราจะแบ่งเป็นสองคันนะครับ คันที่หนึ่งไปกับอาจารย์สมชาย ส่วนคันที่สองไปกับอาจารย์สุภาวิณี” อาจารย์ประกาศเสียงดังฟังชัด
“นักศึกษากลุ่มเอถึงกลุ่มซี ขึ้นรถบัสคันที่หนึ่งส่วนกลุ่มดีถึงกลุ่มเอฟขึ้นรถบัสคันที่สองนะครับ”
ปรายฟ้า มีนาและกันอยู่มในกลุ่มดี ส่วนภาคภูมิ ชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ในกลุ่มบี นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องขึ้นรถบัสกันคนละคัน
“โธ่เอ๊ย!!! อุตส่าห์อยากนั่งรถคันเดียวกัน” กัสบ่นขึ้นมาเบา ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก” ปรายฟ้าพยายามทำเป็นไม่สนใจ
“ยังไงเดี๋ยวก็ไปเจอกันที่โน่นอยู่ดี” แต่ในใจกลับรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
นักศึกษาเริ่มทยอยขึ้นรถบัสตามกลุ่มที่อาจารย์กำหนด ภาคภูมิมองที่ปรายฟ้าก่อนจะขึ้นรถคันของตัวเอง ส่วนปรายฟ้าก็ขึ้นรถไปกับเพื่อน ๆ แต่กัสดูจะผิดหวังที่ไม่ได้นั่งคันเดียวกันกับณัฐพล
ปรายฟ้า มีนาและกัส ขึ้นไปบนรถบัสคันที่ 2 พวกเธอเลือกที่นั่งแถวกลาง ๆ
ขณะที่รถบัสกำลังจะออกตัว อาจารย์สุภาวิณีก็เดินขึ้นมาบนรถพร้อมกับนักศึกษาชายอีกสองสามคน
“นักศึกษาคะ เนื่องจากรถบัสคันแรกนักศึกษาเยอะเกินไป กลุ่มบีบางส่วนจึงต้องมานั่งรถคันนี้ด้วยนะคะ” อาจารยาสุภาวิณีประกาศ
“ภาคภูมิ ชัยวัฒน์ ณัฐพล พวกเธอมานั่งข้างหลังนี่นะ”
ปรายฟ้าเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชื่อนั้น เธอหันไปมองทันที กัสเองก็ยิ้มออกมาเพราะได้นั่งคันเดียวกับณัฐพล
“เพื่อนฉันคงดีใจสินะที่จะได้นั่งกับหวานใจ” มีนาพูดขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของเพื่อน
ปรายฟ้ามองไปที่ภาคภูมิที่กำลังเดินเข้ามาในรถบัส ภาคภูมิเองก็เหมือนกำลังมองหาปรายฟ้าเช่นกัน
“โอ๊ย!!! พระเจ้าเข้าข้างฉันจริง ๆ เลยแก” กัสกระซิบกับปรายฟ้า
ภาคภูมิเดินมาตามทางเดิน มีนารีบขยับไปนั่งเบาะข้าง ๆ กัสเพื่อให้เบาะข้าง ๆ ปรายฟ้าว่าง
ภาคภูมิเดินเข้ามาใกล้ที่นั่งของปรายฟ้า เมื่อเห็นว่าเบาะว่างข้าง ๆ ปรายฟ้า เขาไม่ได้ลังเลนั่งลงข้างปรายฟ้าทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร
ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนไฟฟ้าสถิตแล่นไปทั่วร่าง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามสงบสติอารมณ์และหันไปมองออกนอกหน้าต่างอย่างสนใจ ทั้ง ๆ ที่ในใจเต้นระรัว
“บังเอิญจังนะ” ภาคภูมิทักขึ้นมาเสียงเรียบ ๆ แต่นุ่มนวล
“อืม ไม่คิดว่าจะได้มานั่งด้วยกัน” ปรายฟ้าตอบสั้น ๆ แต่มันดังมากในใจของเธอ
รถบัสเริ่มเคลื่อนตัวออกไปสู่จุดหมายปลายทาง การเดินทางที่ยาวนานเริ่มต้นขึ้น ปรายฟ้าพยายามรวบรวมสมาธิกับการชมวิวข้างทาง แต่สายตาของเธอก็อดที่จะชำเลืองมองภาคภูมิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ ความรู้สึกหวั่นไหวเล็ก ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในของเธออย่างช้า ๆ
ตอนที่20ใกล้กันอีกนิด ไม่นานนักรถบัสก็เริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถของศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาจะมาทัศนศึกษา อาคารไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น ด้านหน้ามีป้ายต้อนรับที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างสวยงามอาจารย์สุภาวิณีประกาศให้นักศึกษาลงจากรถและมารวมตัวกันหน้าอาคาร“ถึงแล้ว!!!” กัสกระซิบณัฐพลใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันปรายฟ้าลงมาจากรถพร้อมกับภาคภูมิ กลิ่นอายของธรรมชาติ ทั้งกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้และความชื้นจากอากาศที่ร่มเย็นทำให้เธอรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก“อากาศดีจังเลยเนอะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นขณะสูดหายใจเข้าลึก ๆ“จริง” ภาคภูมิตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจอาจารย์สุภาวิณีเริ่มอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่และกิจกรรมที่นักศึกษาจะต้องทำรวมถึงการแบ่งกลุ่มสำหรับการเดินสำรวจและเก็บข้อมูล“เอาล่ะค่ะนักศึกษา ทุกคนจะต้องทำงานเป็นกลุ่มนะครับ ตามกลุ่มโปรเจกต์ที่เราแบ่งไว้แล้ว แต่ละกลุ่มต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณ สัตว์เล็ก ๆ และระบบนิเวศน์ในบริเวณนี้ เพื่อนำ
ตอนที่19เมื่อมนุษย์น้ำแข็งละลาย ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงคลอเบา ๆ บนรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปรายฟ้าที่แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่หายขาดจากอาการเพลีย เธอเผลอหลับไปแล้วศีรษะของเธอค่อย ๆ เอนไปซบไหล่ของภาคภูมิภาคภูมิรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ เขาหันมามองปรายฟ้าที่หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอรดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เขาเพียงแค่ทอดสายตามองไปข้างหน้า ปล่อยให้เธอหลับพิงอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยกัสที่ได้นั่งข้างณัฐพลก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบหันไปมองปรายฟ้าและภาคภูมิ แล้วยกนิ้วโป้งให้มีนาที่นั่งอยู่ข้างชัยวัฒน์ มีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปโมเมนต์ของปรายฟ้ากับภาคภูมิเก็บไว้ในขณะที่ปรายฟ้ากำลังหลับพิงไหล่ภาคภูมิอย่างสบายใจ กัสที่ได้นั่งเบาะข้างกันกับณัฐพลก็รู้สึกมีความไม่แพ้กัน เธอมองณัฐพลที่กำลังเปิดมือถือดูรูปถ่ายที่ทั้งสองแอบไปเดทกันมาเมื่อไม่นานแล้วยิ้มออกมา“พลจำได้ด้วยเหรอว่ากัสชอบรูปนี้” กัสถามณัฐพลเสียงเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานเผยออกมาณัฐพลเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัส “ก็จำได้สิ รูปนี้เธอยิ้มสวยดี” เ
ตอนที่18เตรียมตัวออกเดินทางได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆกัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้วกัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเข
ตอนที่17ทริปทัศนศึกษาแม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้“กินยาหรือยังไปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน“จ้าพ
ตอนที่16ไม่สบาย หลังจากวันนั้นปรายฟ้าที่ตากฝนมาเต็ม ๆ ก็เริ่มมีอาการป่วย ไอค่อกแค่กตั้งแต่เช้า แถมยังปวดหัวจนแทบจะคิดงานไม่ออก ใบหน้าซูบเซียวผิดปกติ แต่ก็ยังฝืนมาทำงานโปรเจกต์ของมหาวิทยาลัย“แค่ก ๆ ๆ โอ๊ย!!! ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้นะ” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองพยายามจะเพ่งมองตัวเลขบนหน้าจอภาคภูมิที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงไอและเสียงบ่นของเธอ เขาสังเกตเห็นว่าปรายฟ้าดูหน้าแดง ๆ ซึม ๆ ผิดปกติปกติปรายฟ้าจะเสียงดังฟังชัดและร่าเริงกระตือรือร้นกว่านี้มาก ๆ เขามองเธออยู่สักพักแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ใบหน้ายังคงเรียบเฉยแต่ในใจกลับเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ“นี่ปรายฟ้าไหวไหม” ณัฐพลที่ทำงานช่วยภาคภูมิเองก็เห็นอาการของปรายฟ้าจึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง“ไหวสิไอนิดหน่อยเอง” ปรายฟ้าพยายามยิ้มแต่ก็ไอออกมาอีกครั้งภาคภูมิชำเลืองมองปรายฟ้าที่ยังคงฝืนตัวเองทำงานหนัก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่สบายเอามาก ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปตรง ๆช่วงพักกลางวันปรายฟ้าแทบไม่อยากกินอะไรเลย เธอเอาหน้าฟุบกับโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย“ปรายไม่กินข้าวเหรอ เดี๋ยวไม่มีแรงหรอก” มีนาที่เห็นอาการเพื่อนก็ถาม
ตอนที่15ความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ ช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังเลิกเรียนภาคภูมิและปรายฟ้ากำลังช่วยกันขนอุปกรณ์และเอกสารเข้าห้องทำโปรเจกต์ ลมพัดแรงมาก ๆ และพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อเช้าตอนนี้กลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว“โอ๊ย!!! ทำไมอากาศมันเปลี่ยนเร็วอย่างนี้เนี่ย” ปรายฟ้าบ่นอุบเงยหน้ามองท้องฟ้า“ท่าทางฝนจะตกแน่เลย”“รีบขนของดีกว่าครับ” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบแต่ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาช่วยเธอถือกล่องอุปกรณ์หนัก ๆ โดยไม่บ่นไม่ทันที่ทั้งคู่จะไปตึกทำงานเม็ดฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายลงมา ก่อนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นพายุฝนกระหน่ำอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ดังสนั่น“กรี๊ด!!! ฝนตกหนักเลย” ปรายฟ้าร้องเสียงดัง เธอพยายามวิ่งหลบฝนแต่ไม่ทัน เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดในพริบตาภาคภูมิเองก็เปียกไปทั้งตัวเช่นกัน เขาไม่ได้บ่นอะไรเพียงแต่ใช้ตัวบังปรายฟ้าไว้เล็กน้อย พยายามให้เธอเปียกน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารีบดึงมือของปรายฟ้าให้เข้าไปในอาคารด้วยกันเพื่อหลบฝนทั้งคู่ยืนสั่นเทาด้วยความหนาวอยู่ใต้อาคาร สายตาของปรายฟ้ามองไปที่ภาคภูมิที่ยืนเปียกโชกไปทั้งตัวเช่นกัน ผมของเขาเปียกแนบใบหน้า เสื้อเชิ้ตส