ตอนที่
8
วุ่นวายไม่หยุด
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมดังหึ่งๆ แต่ก็ยังไม่ดังเท่าเสียงโต้เถียงที่คุ้นเคย บรรยากาศยังคงมีความตึงเครียดเบา ๆ ระหว่างสองหัวหน้าทีมที่เพิ่งผ่านศึกใหญ่จากงานแฟร์นวัตกรรม
ภาคภูมิหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อคม ยืนอยู่หน้าจอฉายภาพกราฟและตารางข้อมูล เขาชี้ไปที่ตัวเลขแสดงสถิติผู้เข้าชมและผลตอบรับทางเทคนิคอย่างจริงจังแววตาคมกริบบ่งบอกถึงความมั่นใจในข้อมูล
“จากข้อมูลที่รวบรวมมา ผู้เข้าชมสนใจในนวัตกรรมอย่างชัดเจนนะครับ ซึ่งเป็นผลมาจากประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลงาน” น้ำเสียงของภาคภูมินิ่งจริงจัง ปราศจากอารมณ์อื่นใดตามแบบฉบับของลูกชายมหาเศรษฐีที่เติบโตมากับการวิเคราะห์และตัวเลข
ปรายฟ้าที่สาวร่างเพรียวสมส่วน หน้าตาสวยน่ารัก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างขัดใจ เธอรอให้ภาคภูมิพูดจบแล้วลุกขึ้นพร้อมนำเสนอภาพถ่ายบูธที่เต็มไปด้วยผู้คนและข้อความชื่นชมจากโซเชียลมีเดีย
“สำหรับการออกแบบและประชาสัมพันธ์เราก็ประสบความสำเร็จเช่นกันค่ะ ถ้าไม่มีความสวยงามน่าดึงดูดใครจะอยากเดินเข้ามา จากผลสำรวจก็พบว่าผู้เข้าชมส่วนใหญ่ประทับใจบรรยากาศของงานและบอกว่าบูธสวยงามดึงดูดสายตา ทำให้อยากเดินเข้ามาที่บูธค่ะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่บ่งบอกถึงความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง เพื่อความภาคภูมิใจและอนาคตของครอบครัวที่รอเธออยู่
เมื่อนำเสนอจบทั้งคู่ก็จ้องมองตากันเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ราวกับประกายไฟที่ปะทะกันระหว่างความจริงจังกับความอ่อนหวานที่แฝงด้วยความดื้อรั้น
“ถ้าไม่มีนวัตกรรมที่ดีแล้วจะเข้ามาดูอะไรครับ” ภาคภูมิเปิดประเด็นขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและสีหน้าไร้อารมณ์ตามแบบฉบับของเขา
ปรายฟ้าถึงกับสะบัดหน้าพรืดด้วยความหงุดหงิด เธอไม่ชอบความมั่นใจในตัวเองที่ดูเย็นชาของภาคภูมิ ใบหน้าสวยน่ารักของเธอบึ้งตึง เธออยากจะบอกว่ามันคือความไร้รสนิยม
“คุณคิดว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่ซับซ้อนแบบนั้นเหรอคะโลกนี้มันขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกและการรับรู้ที่ง่ายที่สุดต่างหาก” ปรายฟ้าโต้กลับเสียงสูง
“แต่ถ้าโครงเหล็กมันไม่แข็งแรง ตัวเลขมันไม่แม่นยำ ทุกอย่างก็พังได้ตั้งแต่แรกแล้วนะครับ ตอนนั้นคุณคงได้แต่ยืนมองตาปริบๆ” ภาคภูมิโต้กลับอย่างใจเย็น แต่แววตาของเขาก็ไม่ได้ปิดบังความไม่พอใจในความคิดของเธอ
ทั้งสองกำลังเริ่มเปิดประเด็นโต้เถียงกันอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะไม่มีท่าทีจะลดน้อยลง เสียงเริ่มดังขึ้นทีละน้อยและก่อนที่เสียงโต้เถียงจะดังลั่นกว่าเดิม อาจาย์ก็รีบเข้ามาขัดจังหวะด้วยรอยยิ้มกว้างแต่แววตานั้นจริงจังมาก ๆ
“เอาล่ะ ๆ ทุกคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันแต่อย่างน้อย ๆ ผลงานเมื่อรวมกันแล้วมันก็ยอดเยี่ยม” อาจารย์กล่าวพลางมองหน้าของภาคภูมิสลับกับปรายฟ้า พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยอย่างอ่อนใจ
ในขณะที่ทั้งสองยังคงโต้เถียงกันด้วยสายตา เสียงของอาจารย์ผู้ประสานงานก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศตึงเครียดให้เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแทน
“ด้วยเหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยจึงมีโปรเจกต์ใหม่ที่สำคัญยิ่งกว่าเดิม และจำเป็นต้องใช้ความสามารถของพวกคุณทั้งสองคนมาร่วมทำงานกันอีกครั้ง”
ปรายฟ้าอ้าปากค้างส่วนภาคภูมิถึงกับนิ่งไป ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาบ่งบอกถึงความรู้สึกหนักใจ ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
“หมายความว่าอย่างไรคะอาจารย์” ปรายฟ้าถามเสียงเบา ๆ อย่างสงสัย น้ำเสียงเจือความไม่เชื่อในสิ่งที่อาจารย์พูดออกมา
“เราจะจัดทำโปรเจกต์ ‘มหาวิทยาลัยสีเขียว’ ขึ้นมา ซึ่งจะรวมการนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” อาจารย์เริ่มอธิบายในสิ่งที่ปรายฟ้าสงสัย
“และอาจารย์ก็อยากให้ภาคภูมิกับปรายฟ้าร่วมกันทำโปรเจกต์นี้ในฐานะหัวหน้าโปรเจกต์ร่วมกัน”
“นี่อาจารย์ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ” ปรายฟ้าถามย้ำใบหน้าบ่งบอกถึงหายนะที่กำลังจะมาถึง เธอจ้องอาจารย์เขม็งเพื่อหาความจริง
“อาจารย์ไม่มีเหตุผลใดต้องล้อเล่น แต่อาจารย์คิดว่านี่คือโอกาสที่ดีที่พวกคุณทั้งสองจะได้ทำงานด้วยกันอย่างแท้จริง”
ทั้งภาคภูมิและปรายฟ้าหันมาสบตากันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างเห็นความรู้สึกเดียวกันในดวงตาของอีกฝ่าย คือความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ราวกับโชคชะตากำลังเล่นตลกที่จะต้องวนเวียนอยู่กับคนที่ไม่เข้าใจกันสุด ๆ อีกครั้ง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” ภาคภูมิคิดขึ้นมาในใจซึ่งไม่ได้ต่างไปจากปรายฟ้าแม้แต่นิด
หลังเลิกประชุมปรายฟ้ารีบเดินออกมาระบายอารมณ์กับมีนาและกัสที่รออยู่หน้าห้อง ใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงความปวดหัวอย่างรุนแรง
“แกเชื่อไหมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการชนกับมนุษย์น้ำแข็งนั่นอีก แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ต้องทำงานด้วยกัน!!! นี่มันฝันร้ายชัด ๆ” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาอย่างใช้อารมณ์เสียงของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเพราะเธอไม่ชอบภาคภูมิเอาซะเลยยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งไม่ชอบมากขึ้นเท่านั้น
“ใจเย็น ๆ ก่อนปราย” มีนาพยายามบอกให้เพื่อนใจเย็น ๆ และมีสติ พลางลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลมเพื่อน
“ก็คงไม่แย่ไปกว่าเดิมมั้งแก” กัสเอ่ยขึ้นมาอีกคนด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ไม่แย่กว่าเดิมอะไร แค่รายงานผลงานแฟร์นายนั่นยังเอาแต่อวยตัวเองอยู่ได้” ปรายฟ้าบ่นไม่หยุด เท้าเรียวกระทืบพื้นเบา ๆ อย่างระบายอารมณ์ที่หงุดหงิดมาก ๆ
“แต่ก็ดีนะปราย แกจะได้ฝึกความอดทนไง” กัสแซวขำ ๆ พลางหัวเราะคิกคัก
“แกน่ะอยู่ฝั่งใครกันแน่กัส”
“ก็ต้องอยู่ฝ่ายแกสิเพื่อนแต่ก็แค่แซว ๆ อ่ะไม่อยากให้แกต้องคิดมาก” กัสพูดแล้วก็ทำหน้าหงอย ๆ เมื่อเพื่อนของเธอไม่ได้อารมณ์ดีไปด้วย
ในเวลาเดียวกันภาคภูมิที่เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็ถูกชัยวัฒน์และณัฐพลเดินเข้าตบไหล่ปลอบใจปนแซว
“โอ๊ย!!! ไอ้ภูมิโดนจับคู่กับสาวสวยอีกแล้วเหรอวะ” ชัยวัฒน์แซวเพื่อนแล้วก็ยิ้มหัวเราะออกมาอย่างพอใจสีหน้าบ่งบอกว่างานนี้มีเรื่องสนุกให้ได้ล้อเลียน
“งานนี้คงมีเรื่องให้แกปวดหัวแน่นอนภูมิ”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าอาจารย์คิดอะไรอยู่” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมต้องเป็นยัยปรายฟ้าปรายดินอะไรนั่นด้วย”
“ก็เขาว่าน้ำกับไฟรวมกันมันก็ระเบิดไงภูมิ” ณัฐพลพูดติดตลก “แต่ถ้าควบคุมได้มันก็สร้างพลังงานนะ”
ภาคภูมิถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ระเบิดแน่นอนงานนี้” เขาก้มมองเอกสารโปรเจกต์ใหม่ในมืออย่างไม่สบอารมณ์ เขายังคงมองว่าปรายฟ้าเป็นความวุ่นวายที่เข้ามาทำลายความสงบในชีวิตของเขาและมันทำลายพลังงานในตัวของเขามาก ๆ ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของมารดาเขา คุณหญิงวลัยลักษณ์ที่ต้องการให้เขามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไร้ปัญหา
เย็นวันนั้นปรายฟ้า เดินออกมาจากห้องสมุดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด มือถือเอกสารโปรเจกต์ใหม่ เธอพยายามทำความเข้าใจกับโปรเจกต์ใหม่นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่ถนัดเอาเสียเลย เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับขยี้ผมอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย!!! ทำไมมันซับซ้อนขนาดนี้นะ แค่เรื่องต้นไม้”
ในจังหวะเดียวกันนั้น ภาคภูมิก็เดินสวนมาพอดี เขาก็เพิ่งออกมาจากห้องสมุดเช่นกัน มือถือหนังสือวิชาการเล่มหนาหลายเล่ม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและจริงจังในทุกเรื่องของเขา และดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอย่างหนักจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว
สายตาของทั้งคู่ประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ปรายฟ้ารีบหลบตา ส่วนภาคภูมิก็ทำเป็นไม่เห็น เดินเลยไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ
แต่แล้วภาคภูมิ ก็หยุดชะงักฝีเท้า เขาเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ ที่มีรูปการ์ตูนต้นไม้ยิ้มแฉ่งวาดอยู่ พร้อมสูตรเคมีเกี่ยวกับดินที่เขียนโย้เย้หล่นอยู่ตรงทางเดินที่ปรายฟ้าเพิ่งเดินผ่านไปเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาด้วยท่าทีที่แสดงออกว่าไม่อยากยุ่ง
เขามองกระดาษแผ่นนั้นครู่หนึ่ง แววตาแฝงความไม่เข้าใจในความวุ่นวายของเธอ แต่ริมฝีปากก็แอบกระตุกยิ้มบางๆ อย่างไม่มีใครเห็น ราวกับว่าความวุ่นวายเล็กๆ นี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อยเป็นรอยยิ้มที่หาดูได้ยากจากชายผู้เงียบขรึมอย่างเขา
“เขาจะรู้ไหมนะว่าฉันกำลังปวดหัวกับเรื่องของเขาอยู่เนี่ย!” ปรายฟ้า คิดในใจพลางถอนหายใจแรง ๆ เธอหันกลับไปมองแผ่นหลังของ ภาคภูมิที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ
ส่วนภาคภูมิเมื่อเดินพ้นจากปรายฟ้าไปไม่กี่ก้าวเขาก็แอบเหลียวหลังกลับไปมองเธอเล็กน้อย เห็นเธอยังคงยืนขยี้ผมตัวเองและบ่นงึมงำกับหนังสือในมือ เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“วุ่นวายไม่หยุดจริง ๆ ยัยคนนี้” เขาพึมพำกับตัวเองแต่เขาก็กำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีรูปต้นไม้ยิ้มแฉ่งในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
การต้องมาเป็นหัวหน้าโปรเจกต์ร่วมกัน ทำให้ทั้งภาคภูมิและ ปรายฟ้า ต้องเข้ามาพัวพันในชีวิตของกันและกันอย่างเลี่ยงไม่ได้และนั่นก็หมายถึงความวุ่นวายที่ยังคงจะดำเนินต่อไป
ที่ห้องพักในหอพักนักศึกษา ปรายฟ้านอนพักหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันที่ต้องทะเลาะกับภาคภูมิเรื่องโปรเจกต์ ทำให้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และน้องสาวของเธอที่เชียงรายมากๆ ถ้าตอนนี้มีพ่อกับแม่และน้องสาวอยู่ข้างๆ คงจะดีมากๆ เธอคงหายเหนื่อยแน่ๆ
ปรายฟ้าคิดได้อย่างนั้นก็กดมือถือโทรกลับไปที่บ้านของเธอทันที และทันทีทีพ่อกับแม่รับสายความเหนื่อยล้ามาทั้งวันก็หายไปในทันที
ตอนที่95ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) “งั้นเราไปป้อนนมพ่อกันดีกว่า”ปรายฟ้าพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ภาคภูมิยิ้มกว้าง ก่อนจะอุ้มปรายฟ้าขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของทั้งคู่ห้องนอนถูกจัดแสงสลัว ๆ ด้วยโคมไฟข้างเตียง ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก ภาคภูมิวางปรายฟ้าลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอไม่ละสายตา“วันนี้เมียสวยจังเลย” ภาคภูมิเอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มนวลของปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนปรายฟ้าหลับตาพริ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมา เธอกระซิบตอบกลับไปว่า“ภูมิก็หล่อค่ะ”ภาคภูมิยิ้มกว้างก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบปรายฟ้าอย่างดูดดื่ม จูบของเขาเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาและความคิดถึงปรายฟ้าตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เธอสอดมือเข้าไปในเส้นผมของภาคภูมิแล้วดึงรั้งท้ายทอยเขาเข้ามาใกล้ เพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนของทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน ราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปตลอดทั้งวันมือของภาคภูมิเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของปรายฟ้า ก่อนจะเลื่อนลงไปปลดกระดุมชุดนอนผ้าซาตินที่ปรายฟ้าสวมอยู่
ตอนที่94ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) หกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ชีวิตของภาคภูมิและปรายฟ้า เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากคู่รักหนุ่มสาวกลายเป็นพ่อแม่เต็มตัวพร้อมกับสมาชิกใหม่สองคนคือน้องพายุและน้องสายฝนที่เติมเต็มชีวิตคู่ของทั้งสองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น มีพื้นที่กว้างขวางให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นและมีสนามหญ้าที่กว้างพอสำหรับเด็กน้อยสองคนภาคภูมิจัดสรรเวลาให้กับการทำงานและครอบครัวอย่างลงตัว ทุกวันหลังกลับจากบริษัท สิ่งแรกที่เขาทำคือตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อมาเล่นกับลูก ๆ เสียงหัวเราะสดใสของน้องพายุและน้องสายฝนคือยาชั้นดีที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดีเขามักจะอุ้มลูกน้อยทั้งสองคนขึ้นมาโยนเบา ๆ จนลูก ๆ ส่งเสียงคิกคักด้วยความชอบใจหรือไม่ก็เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังจนกระทั่งลูก ๆ เคลิ้มหลับไปในอ้อมแขนปรายฟ้าเองก็ดูสดใสขึ้นมากแม้จะเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกแฝดแต่เธอก็มีความสุขกับบทบาทความเป็นแม่ปรายฟ้ามีพี่เลี้ยงสองคนคอยช่วยดูแลลูก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่มีพี่เลี้ยงช่วย
ตอนที่94คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงเกือบเก้าเดือนที่ปรายฟ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ท้องของเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มรู้สึกหนักตัวและอุ้ยอ้ายไปหมดทุกที่แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมีความสุขในทุกวันที่มีภาคภูมิอยู่เคียงข้างและแล้ววันที่เธอกับภาคภูมิรอคอยก็มาถึงในช่วงกลางดึกปรายฟ้าเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนภาคภูมิถึงกับตกใจ เขารีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่ลังเล“คุณต้องหายใจเข้าลึก ๆ นะปราย” ภาคภูมิกล่าวกับปรายฟ้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เขากุมมือของเธอไว้แน่นตลอดเวลาที่อยู่บนรถปรายฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา “ปรายไม่เป็นไรค่ะ ปรายทนได้ค่ะ”เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปรายฟ้าก็ถูกนำตัวเข้าไปในห้องคลอดทันที ภาคภูมิกอดเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ“ภูมิจะอยู่เคียงข้างปรายเสมอนะครับปรายไม่ต้องกลัวนะ”ปรายฟ้าถูกนำตัวไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่คุณหมอตรวจดูว่าเหมาะสมแก่การผ่าคลอดเอาเด็กน้อยออกมาหลังจากนั้นไม่นานเสียงของเด็กทารกน้อยก็ดังขึ้นมา ภาคภูมิถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไปมองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คุณหมออุ้มเด็กน้อยออกมาจากห้องคลอดแล้วกล่าวว่า“คุณได
ตอนที่93เลขาใหม่กับหัวใจที่ว้าวุ่นปรายฟ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกที่สดชื่นแต่เมื่อภาคภูมิออกไปทำงานที่บริษัท เธอก็เริ่มรู้สึกเหงาและเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้านเพียงคนเดียวความรู้สึกนี้ทำให้เธอคิดถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายและสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของเมย์เลขาคนใหม่ของภาคภูมิเธอพยายามที่จะไล่ความคิดเหล่านี้ออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้เธอยังคงคิดถึงภาพของเมย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ภาคภูมิที่ห้องทำงานของเขา ความรู้สึกหึงหวงที่กลับมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบเธอรู้ดีว่าภาคภูมิเป็นคนดีและไม่คิดอะไรกับใครแต่ความกังวลที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและไม่มั่นคง“ยัยปรายหยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” ปรายฟ้าพูดกับตัวเอง“ภูมิรักเราคนเดียว”แม้จะพูดกับตัวเองแบบนั้นแต่เธอก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ดี เธอพยายามหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้เลยในตอนเย็นเมื่อปรายฟ้ากำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างเงียบ ๆ ภาคภูมิก็กลับมาจากบริษัทเขามองดูปรายฟ้าที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่อ่อนเพลียแต่ก็ยังคงความสง่างามอยู่ ภาคภูมินั่งลงข้าง ๆ เธอแล้วโอบกอดเธอไว้แน่น
ตอนที่92ท้อง สามเดือนผ่านไปหลังจากงานแต่งงานอันแสนสุขของปรายฟ้าและภาคภูมิ ชีวิตคู่ของพวกเขาราบรื่นและเต็มไปด้วยความรัก แต่ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาปรายฟ้าเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของตัวเอง เธอรู้สึกอ่อนเพลียและคลื่นไส้อย่างไม่มีสาเหตุและที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่รู้สึกถึงอาการปวดประจำเดือนที่เคยเกิดขึ้นทุกเดือนเลยด้วยความสงสัยและความหวังเล็ก ๆ ในใจ ปรายฟ้าตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวคนเดียว เมื่อคุณหมอบอกข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วปรายฟ้าถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี เธอดีใจมากที่ความรักของเธอและภาคภูมิได้มาถึงอีกขั้นที่สำคัญแล้วเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมปรายฟ้าก็รีบวิ่งเข้าไปหาภาคภูมิแล้วกอดเขาไว้แน่น ภาคภูมิสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในท่าทางของเธอ“เกิดอะไรขึ้นครับที่รัก” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลปรายฟ้ายื่นผลตรวจการตั้งครรภ์ให้กับเขา ภาคภูมิถึงกับตกใจ เขามองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะอ่านผลตรวจแล้วยิ้มกว้างออกมาจนแก้มปริ“จริงเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ“
ตอนที่91เข้าเรือนหอ (18+)ห้องสวีทอีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งในโทนสีอบอุ่น ประดับด้วยภาพวาดศิลปะล้ำค่า ชัยวัฒน์พยุงมีนาที่อยู่ในอ้อมกอดเข้ามาในห้องมีนาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีครีมดูงดงามราวกับนางฟ้าที่เพิ่งจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ที่ทำให้ชัยวัฒน์แทบคลั่งชัยวัฒน์อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบขมับของเธออย่างแสนรัก และสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธออย่างลืมตัว “เมียจ๋าหอมชื่นใจที่สุดเลย”“ในที่สุดมีนก็เป็นของชัยอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะมีนเป็นของชัยแล้วจริง ๆ” ชัยวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม มือแกร่งของเขาประคองใบหน้าสวยหวานของเธอขึ้นมาสบตา ดวงตาของเขาฉายแววรักใคร่ลึกซึ้งและปรารถนาอย่างเปิดเผยมีนายิ้มหวานหยาดเยิ้ม เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระซิบข้างหูเขา“มีนรอคอยวันนี้มานานแสนนานเหมือนกันอยากจะเป็นของชัยในวันแต่งงานใจจะขาดแล้ว”ชัยวัฒน์อุ้มมีนาขึ้นในอ้อมแขน พาเธอไปยังกลางห้องที่ปูพรมหนานุ่มสีแดงก่ำ เขาวางเธอลงช้า ๆ บนพรม ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ จูบหลังมือเรียวของเธออย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ชัยรักมีน รักหมดหัวใจและอยากให้มีนเป็นของชัยในคืนนี้อยากให้มีนรู้สึกดีที่สุด”มีนาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง เ