ตอนที่
9
เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง
ห้องประชุมห้องเดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ แฟ้มเอกสารวางเรียงเป็นระเบียบบนโต๊ะ สะท้อนตัวตนที่เคร่งครัดของเขาได้เป็นอย่างดีเพราะเขาคือบุตรชายของตระกูลใหญ่ผู้ถูกปลูกฝังให้มีระเบียบวินัยในทุกย่างก้าว“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมกริบมองไปทั่วห้องกวาดสายตาสำรวจท่าทีของทุกคน
“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”
ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใบหน้าสวยเรียบเฉยแต่แฝงรอยยิ้มเย็นเยือก ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเก็บงำความรู้สึก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม
“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราไม่ได้ต้องการแค่ความยั่งยืน แต่เราต้องสร้างแรงบันดาลใจด้วยค่ะ เราควรสร้างมุมผ่อนคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้และอยากเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง”
“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน เริ่มคิ้วขมวดเข้าหากันอีกครั้ง แววตาฉายแววไม่พอใจในแนวคิดที่ดูไม่เป็นรูปธรรม
“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้ คุณไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรือไง” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิดด้วยความหงุดหงิดระคนไม่เข้าใจตรรกะของเขา
“เอาล่ะ ๆ พอแค่นี้ก่อนนะทั้งสองคน” เสียงของอาจารย์ผู้ประสานงานดังขึ้นขัดจังหวะการโต้เถียง
“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”
ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร ประกายไฟแห่งความขัดแย้งแลบแปลบปลาบในดวงตาของทั้งสอง
“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปรายฟ้ารีบเสนออย่างรวดเร็ว รอยยิ้มผู้ชนะผุดขึ้นบนใบหน้าพลางชายตาไปทางภาคภูมิอย่างท้าทาย
“งานมันเชื่อมโยงกันหมด คุณจะแยกได้อย่างไร ผมว่าการประชาสัมพันธ์เป็นส่วนที่ต้องทำความเข้าใจรายละเอียดของงานด้วย” ภาคภูมิแย้งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“โอ๊ย!!! ทำไมคุณมันเรื่องเยอะอย่างนี้นะ” ปรายฟ้าเริ่มหงุดหงิด เธอเท้าสะเอวอย่างหมดความอดทน
“ผมก็แค่ทำตามหลักการครับ” ภาคภูมิยักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่แยแส
สุดท้ายทั้งคู่ก็ยังคงเถียงกันจนชัยวัฒน์ต้องพูดขึ้นมา “เดี๋ยว ๆ ๆ ครับอาจารย์ ผมว่าให้สองคนนี้สุ่มจับฉลากงานเลยดีกว่าไหมครับ ถ้าเถียงกันแบบนี้คงไม่จบง่าย ๆ” อาจารย์พยักหน้าเห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอาจารย์เองนั่นแหละที่ต้องสรุปแบ่งงานให้คร่าว ๆ
โดยให้ภาคภูมิดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคนิค ส่วนปรายฟ้า ดูแลการออกแบบภูมิทัศน์และกิจกรรมทั้งหมด
แต่มีข้อแม้ว่าทั้งสองต้องปรึกษาหารือกันตลอดเวลา “สรุปแบบนี้แล้วไม่มีใครเถียงนะ!” อาจารย์กำชับเสียงแข็ง
ปรายฟ้ากับภาคภูมิได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก พร้อมกับถอนหายใจออกมาพร้อมกันราวกับนัดไว้ เสียงถอนหายใจบ่งบอกถึงความหนักใจไม่แพ้กัน
วันรุ่งขึ้นภาคภูมิและปรายฟ้าต้องไปสำรวจพื้นที่โปรเจกต์ด้วยกัน ภาคภูมิถือเครื่องมือวัดระยะและสมุดจดเล่มหนาส่วนปรายฟ้าถือแฟ้มสเกตช์ภาพพร้อมปากกาหลายสีสัน ท่าทางของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“พื้นที่ตรงนี้มีความชื้นสูง เหมาะสำหรับพืชชอบร่มเงา” ภาคภูมิบอกข้อมูลพลางจดบันทึกโดยไม่ได้มองหน้าปรายฟ้าเลยแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในหน้าที่โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
“แต่ถ้าจะจัดมุมนั่งเล่นตรงนี้ เราก็ต้องเพิ่มไฟประดับให้ดูโรแมนติกขึ้นนะ” ปรายฟ้าชี้ไปที่มุมมืด ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่พลางก้าวถอยหลังเพื่อหามุมถ่ายรูปสำหรับสเก็ตช์ภาพเธอเพลินจนลืมดูทาง
และแล้ว
“โอ๊ย!!!”
ปรายฟ้าสะดุดเข้าอย่างจัง ร่างเซไปด้านข้าง มือที่ถือแฟ้มพยายามคว้าที่ยึด แต่ไม่มีอะไรเลย
“ระวัง!!!”
เสียงทุ้มต่ำของภาคภูมิดังขึ้นพร้อมกับที่เขาพุ่งเข้ามาคว้าแขนปรายฟ้าไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มคะมำลงไปกับพื้นดิน ใบหน้าของภาคภูมิใกล้กับใบหน้าของปรายฟ้าแค่คืบ
สายตาของเขามองเธอด้วยความตกใจเล็กน้อยส่วนปรายฟ้าก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและหัวใจที่เต้นระรัว หน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“เดินระวังหน่อยสิ” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบพลางปล่อยมือจากแขนเธอทันที ราวกับโดนน้ำร้อนลวก
ปรายฟ้าจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เธอพยายามเก็บงำความรู้สึกไม่ชอบหน้าภาคภูมิเอาไว้ให้ลึกที่สุด “ขอบคุณ ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเพราะยังสงวนท่าทีไม่ชอบหน้าภาคภูมิอยู่
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมก็แค่ไม่อยากให้งานต้องล่าช้าเพราะอุบัติเหตุ” ภาคภูมิตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำลายบรรยากาศหวั่นไหวที่เกิดขึ้นไปอย่างสิ้นเชิง เขาหันไปดูแผนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปรายฟ้าได้แต่บ่นในใจ “ปากแข็งที่สุด” เธอชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูเหมือนจะกลับไปอยู่ในโหมดมนุษย์หุ่นยนต์เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ขณะนั้นเองเสียงหัวเราะคิกคักของชัยวัฒน์และมีนาที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดีก็ดังขึ้น
“โอ๊ย!!! ดูนั่นสิ หนุ่มหล่อกำลังช่วยสาวสวยด้วยท่าทางสุดโรแมนติกเลยนะ” ชัยวัฒน์แซวเสียงดังพลางยกคิ้วให้ภาคภูมิ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคะนอง
มีนาเดินเข้าไปใกล้ปรายฟ้า “ไม่เป็นไรนะปราย ฉันว่าเมื่อกี้ดูเหมือนฉากในซีรีย์เลยนะ หวานจนมดขึ้นหมดแล้วแก” เธอกระซิบข้างหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น
ปรายฟ้าหน้าแดงก่ำกว่าเดิม “บ้า!!! ไม่ใช่นะมีน อย่าคิดไปไกล” เธอรีบแก้ตัว
ภาคภูมิที่ได้ยินเสียงแซวก็หันมามองชัยวัฒน์ด้วยสายตาเย็นชา “แกทำงานของแกไปเถอะ” เขาพูดเสียงเรียบ
“ครับ ๆ ผมไม่กวนใจแล้วครับคุณหัวหน้าโปรเจกต์” ชัยวัฒน์รีบตอบพลางหัวเราะคิกคิกกับมีนาที่ยังคงยิ้มกรุ่มกริ่ม
ทั้งชัยวัฒน์และมีนาเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ภาคภูมิและปรายฟ้ายืนอยู่ในบรรยากาศที่อึดอัดกว่าเดิม
ตอนบ่ายของวันนั้น ณ มุมหนึ่งของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้ากำลังยืนดูรุ่นน้องนิเทศฯ กลุ่มหนึ่งที่กำลังช่วยกันวาดภาพฝาผนังรีไซเคิลสำหรับโปรเจกต์ เธอยิ้มกว้างและหัวเราะกับเรื่องตลกของรุ่นน้องอย่างสดใส แววตาเปล่งประกายความสุขออกมา
เสียงหัวเราะสดใสของเธอดึงดูดความสนใจจากภาคภูมิที่บังเอิญเดินผ่านมา เขาชะงักเล็กน้อย เขายืนมองปรายฟ้าอยู่เงียบ ๆ เห็นเธอมีความสุขกับการทำงานแบบที่เขาไม่เคยเข้าใจ มันเป็นความสุขที่แตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ในใจกลับรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เธอดูมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติ เขามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ปรายฟ้าที่กำลังเดินไปทีโรงอาหารเธอแอบเห็นภาคภูมิกำลังช่วยเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งที่ทำหนังสือหล่นกระจายเกลื่อนพื้น เขาไม่ได้พูดอะไรมากแค่ก้มลงช่วยเก็บอย่างเงียบ ๆ โดยไม่คาดหวังคำขอบคุณ เมื่อเพื่อนคนนั้นขอบคุณ ภาคภูมิก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินจากไปทันที
ปรายฟ้ายืนมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า เธออดคิดไม่ได้ว่าภาคภูมิไม่ได้เย็นชาอย่างที่แสดงออกมาแต่เป็นคนที่ไม่ชอบแสดงออกและเขาก็มีมุมที่ใจดีและชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบเงียบ ๆ เป็นมุมที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ขณะที่เธอกำลังจะเดินต่อกัสกับมีนาก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เป็นไงบ้างปรายทำงานกับคุณชายน้ำแข็ง” กัสเอ่ยถามปรายฟ้า
“ปวดหัวจะแย่ แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวหรอก” ปรายฟ้าตอบพลางยักไหล่ ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่รอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชัยวัฒน์และณัฐพลที่กำลังเดินออกมาจากร้านกาแฟก็สวนทางกับภาคภูมิพอดี
“เฮ้ย!!! ภูมิ” ณัฐพลทักเสียงดังพร้อมตบไหล่ภาคภูมิเบา ๆ
“เมื่อกี้เห็นแกเดินอยู่แถวคณะนิเทศน์ แวบ ๆ นี่นา”
“แค่ไปธุระ” ภาคภูมิตอบสั้น ๆ ใบหน้าเรียบเฉย
“ธุระที่ว่านี่คือไปเดินกับปรายฟ้าหรือเปล่าครับเพื่อน เห็นเธอยิ้มหวานเชียว” ชัยวัฒน์แซวเสริม
“เห็นเธอยิ้มหวานเชียว”
“อ๋อ!!! ธุระจนหน้าแดงกันเลยทีเดียว” ณัฐพลเสริมพลางยิ้มล้อเลียน แววตาเจ้าเล่ห์
“สงสัยต้องไปเช็กระบบระบายความร้อนใหม่แล้วมั้งภูมิ”
ภาคภูมิเหลือบมองณัฐพลเล็กน้อย แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาแค่ถอนหายใจ
“เลิกพูดมากแล้วไปช่วยฉันทำงานเลยแกสองคนนี่มันไร้สาระไปวัน ๆ จริง ๆ” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ตบไปที่ไหล่ของเพื่อนทั้งสองคนเป็นการเตือน
ตอนที่95ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) “งั้นเราไปป้อนนมพ่อกันดีกว่า”ปรายฟ้าพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ภาคภูมิยิ้มกว้าง ก่อนจะอุ้มปรายฟ้าขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของทั้งคู่ห้องนอนถูกจัดแสงสลัว ๆ ด้วยโคมไฟข้างเตียง ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก ภาคภูมิวางปรายฟ้าลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอไม่ละสายตา“วันนี้เมียสวยจังเลย” ภาคภูมิเอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มนวลของปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนปรายฟ้าหลับตาพริ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมา เธอกระซิบตอบกลับไปว่า“ภูมิก็หล่อค่ะ”ภาคภูมิยิ้มกว้างก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบปรายฟ้าอย่างดูดดื่ม จูบของเขาเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาและความคิดถึงปรายฟ้าตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เธอสอดมือเข้าไปในเส้นผมของภาคภูมิแล้วดึงรั้งท้ายทอยเขาเข้ามาใกล้ เพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนของทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน ราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปตลอดทั้งวันมือของภาคภูมิเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของปรายฟ้า ก่อนจะเลื่อนลงไปปลดกระดุมชุดนอนผ้าซาตินที่ปรายฟ้าสวมอยู่
ตอนที่94ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) หกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ชีวิตของภาคภูมิและปรายฟ้า เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากคู่รักหนุ่มสาวกลายเป็นพ่อแม่เต็มตัวพร้อมกับสมาชิกใหม่สองคนคือน้องพายุและน้องสายฝนที่เติมเต็มชีวิตคู่ของทั้งสองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น มีพื้นที่กว้างขวางให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นและมีสนามหญ้าที่กว้างพอสำหรับเด็กน้อยสองคนภาคภูมิจัดสรรเวลาให้กับการทำงานและครอบครัวอย่างลงตัว ทุกวันหลังกลับจากบริษัท สิ่งแรกที่เขาทำคือตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อมาเล่นกับลูก ๆ เสียงหัวเราะสดใสของน้องพายุและน้องสายฝนคือยาชั้นดีที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดีเขามักจะอุ้มลูกน้อยทั้งสองคนขึ้นมาโยนเบา ๆ จนลูก ๆ ส่งเสียงคิกคักด้วยความชอบใจหรือไม่ก็เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังจนกระทั่งลูก ๆ เคลิ้มหลับไปในอ้อมแขนปรายฟ้าเองก็ดูสดใสขึ้นมากแม้จะเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกแฝดแต่เธอก็มีความสุขกับบทบาทความเป็นแม่ปรายฟ้ามีพี่เลี้ยงสองคนคอยช่วยดูแลลูก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่มีพี่เลี้ยงช่วย
ตอนที่94คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงเกือบเก้าเดือนที่ปรายฟ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ท้องของเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มรู้สึกหนักตัวและอุ้ยอ้ายไปหมดทุกที่แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมีความสุขในทุกวันที่มีภาคภูมิอยู่เคียงข้างและแล้ววันที่เธอกับภาคภูมิรอคอยก็มาถึงในช่วงกลางดึกปรายฟ้าเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนภาคภูมิถึงกับตกใจ เขารีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่ลังเล“คุณต้องหายใจเข้าลึก ๆ นะปราย” ภาคภูมิกล่าวกับปรายฟ้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เขากุมมือของเธอไว้แน่นตลอดเวลาที่อยู่บนรถปรายฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา “ปรายไม่เป็นไรค่ะ ปรายทนได้ค่ะ”เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปรายฟ้าก็ถูกนำตัวเข้าไปในห้องคลอดทันที ภาคภูมิกอดเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ“ภูมิจะอยู่เคียงข้างปรายเสมอนะครับปรายไม่ต้องกลัวนะ”ปรายฟ้าถูกนำตัวไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่คุณหมอตรวจดูว่าเหมาะสมแก่การผ่าคลอดเอาเด็กน้อยออกมาหลังจากนั้นไม่นานเสียงของเด็กทารกน้อยก็ดังขึ้นมา ภาคภูมิถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไปมองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คุณหมออุ้มเด็กน้อยออกมาจากห้องคลอดแล้วกล่าวว่า“คุณได
ตอนที่93เลขาใหม่กับหัวใจที่ว้าวุ่นปรายฟ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกที่สดชื่นแต่เมื่อภาคภูมิออกไปทำงานที่บริษัท เธอก็เริ่มรู้สึกเหงาและเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้านเพียงคนเดียวความรู้สึกนี้ทำให้เธอคิดถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายและสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของเมย์เลขาคนใหม่ของภาคภูมิเธอพยายามที่จะไล่ความคิดเหล่านี้ออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้เธอยังคงคิดถึงภาพของเมย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ภาคภูมิที่ห้องทำงานของเขา ความรู้สึกหึงหวงที่กลับมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบเธอรู้ดีว่าภาคภูมิเป็นคนดีและไม่คิดอะไรกับใครแต่ความกังวลที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและไม่มั่นคง“ยัยปรายหยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” ปรายฟ้าพูดกับตัวเอง“ภูมิรักเราคนเดียว”แม้จะพูดกับตัวเองแบบนั้นแต่เธอก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ดี เธอพยายามหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้เลยในตอนเย็นเมื่อปรายฟ้ากำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างเงียบ ๆ ภาคภูมิก็กลับมาจากบริษัทเขามองดูปรายฟ้าที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่อ่อนเพลียแต่ก็ยังคงความสง่างามอยู่ ภาคภูมินั่งลงข้าง ๆ เธอแล้วโอบกอดเธอไว้แน่น
ตอนที่92ท้อง สามเดือนผ่านไปหลังจากงานแต่งงานอันแสนสุขของปรายฟ้าและภาคภูมิ ชีวิตคู่ของพวกเขาราบรื่นและเต็มไปด้วยความรัก แต่ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาปรายฟ้าเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของตัวเอง เธอรู้สึกอ่อนเพลียและคลื่นไส้อย่างไม่มีสาเหตุและที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่รู้สึกถึงอาการปวดประจำเดือนที่เคยเกิดขึ้นทุกเดือนเลยด้วยความสงสัยและความหวังเล็ก ๆ ในใจ ปรายฟ้าตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวคนเดียว เมื่อคุณหมอบอกข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วปรายฟ้าถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี เธอดีใจมากที่ความรักของเธอและภาคภูมิได้มาถึงอีกขั้นที่สำคัญแล้วเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมปรายฟ้าก็รีบวิ่งเข้าไปหาภาคภูมิแล้วกอดเขาไว้แน่น ภาคภูมิสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในท่าทางของเธอ“เกิดอะไรขึ้นครับที่รัก” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลปรายฟ้ายื่นผลตรวจการตั้งครรภ์ให้กับเขา ภาคภูมิถึงกับตกใจ เขามองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะอ่านผลตรวจแล้วยิ้มกว้างออกมาจนแก้มปริ“จริงเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ“
ตอนที่91เข้าเรือนหอ (18+)ห้องสวีทอีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งในโทนสีอบอุ่น ประดับด้วยภาพวาดศิลปะล้ำค่า ชัยวัฒน์พยุงมีนาที่อยู่ในอ้อมกอดเข้ามาในห้องมีนาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีครีมดูงดงามราวกับนางฟ้าที่เพิ่งจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ที่ทำให้ชัยวัฒน์แทบคลั่งชัยวัฒน์อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบขมับของเธออย่างแสนรัก และสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธออย่างลืมตัว “เมียจ๋าหอมชื่นใจที่สุดเลย”“ในที่สุดมีนก็เป็นของชัยอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะมีนเป็นของชัยแล้วจริง ๆ” ชัยวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม มือแกร่งของเขาประคองใบหน้าสวยหวานของเธอขึ้นมาสบตา ดวงตาของเขาฉายแววรักใคร่ลึกซึ้งและปรารถนาอย่างเปิดเผยมีนายิ้มหวานหยาดเยิ้ม เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระซิบข้างหูเขา“มีนรอคอยวันนี้มานานแสนนานเหมือนกันอยากจะเป็นของชัยในวันแต่งงานใจจะขาดแล้ว”ชัยวัฒน์อุ้มมีนาขึ้นในอ้อมแขน พาเธอไปยังกลางห้องที่ปูพรมหนานุ่มสีแดงก่ำ เขาวางเธอลงช้า ๆ บนพรม ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ จูบหลังมือเรียวของเธออย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ชัยรักมีน รักหมดหัวใจและอยากให้มีนเป็นของชัยในคืนนี้อยากให้มีนรู้สึกดีที่สุด”มีนาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง เ