Ep.3 ใจดีแค่กับเธอ
เช้าวันถัดมา
10.00 น.
พอลตื่นนอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังรบกวน วันนี้เขามีเรียนแค่ช่วงบ่ายก็เลยนอนตื่นสายได้ เมื่อสมองประมวลผลเข้าที่เข้าทางแล้ว ร่างหนาจึงลุกจากที่นอนและเปิดประตูห้องเพื่อมองหาใครอีกคน ทว่า… เงียบ
แกร๊ก…
พอลถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนอีกห้องเพื่อดูว่ามิเกลอยู่ในห้องนอนไหม เพราะตอนนี้ภายในห้องของเขามันเงียบเหมือนเขาอยู่คนเดียว และตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่าคนตัวเล็กไม่อยู่แล้ว
พอลเหลือบมองไปยังโต๊ะกระจกปลายเตียงก็พบว่ามีกระดาษโน็ตใบเล็กๆ จำนวนหนึ่งใบที่เขียนด้วยลายมือน่ารักเอาไว้ว่า...
‘เกลขอบคุณที่พอลมากๆ นะคะ ขอขอบคุณที่ช่วยเหลือทุกอย่างเลย ไว้มีโอกาสถ้าเราได้เจอกันอีกครั้ง เกลจะขอตอบแทนพี่พอลคืนบ้างนะคะ’
รอยยิ้มร้ายประดับตรงมุมปาก ตอบแทนเขาคืนงั้นเหรอ ได้สิ เขาจะทำให้เธอติดค้างเขาหลายๆ เรื่องเลยคอยดู หาตัวไม่ยากแน่เพราะเรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน เมื่อคืนเธอบอกเขาว่าเรียนที่มหาลัยไหน แต่เขาไม่ได้บอกมิเกลว่าเรียนที่เดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะต้องบอก ซึ่งพอย้อนนึกกลับไป ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยเห็นมิเกลเลยสักครั้ง ปกติหญิงสาวหน้าตาน่ารัก หรือผู้หญิงหน้าตาสวยๆ มักจะต้องมีพวกผู้ชายพูดถึงกันอยู่แล้ว แต่มิเกลน่ารักขนาดนั้นรอดสายตาพวกนั้นไปได้ยังไง แต่ไม่เป็นไร ต่อไปเขาต้องได้เจอมิเกลอีกแน่นอน
พอลอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ใส่เสื้อยืดสีดำด้านในและสวมเสื้อช็อปสีแดงทับ ก่อนหน้านี้ พอร์ชและแอลโทรนัดเขาให้ไปเจอกันที่ร้านหมาล่าหลังมอเพื่อไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อนเข้าเรียนในตอนบ่าย ซึ่งเขาก็รับปากแล้วจะไปเจอกันที่นั่น
คนตัวสูงหยิบกุญแจรถสปอร์ตคันหรู แกว่งกุญแจควงนิ้วพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี และเดินออกจากห้องไป
พอลขับรถออกจากคอนโดได้เพียงไม่นาน ก็ต้องเบรครถกะทันหัน(อีกแล้ว) เขาจอดเทียบฟุตบาทและบีบแตรเรียกคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าตาน่ารักอยู่ที่ป้ายรถเมล์ และที่บอกว่าเบรครถกะทันหันอีกแล้ว เพราะเจอมิเกลทีไรเขาต้องเบรครถกะทันหันทุกที
พอลลดระดับกระจกรถลงและบีบแตรเรียกมิเกลสองครั้ง จนคนที่ยืนแถวหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน คนอื่นมองคงจะคิดว่าผัวมาง้อเมียกลับบ้านแน่ๆ เพราะมิเกลมีกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ
“ขึ้นรถ ยัยกุ้งแห้ง”
“...”
“เร็ว รถคันหลังรออยู่”
“ค… ค่ะ”
กึก! เสียงประตูถูกปิดลง พอลลงจากรถและเอากระเป๋าเดินทางเก็บเข้าที่เรียบร้อย จากนั้นก็ก้าวขายาวๆ ขึ้นรถนั่งตำแหน่งคนขับทันที
บรึ้นนน ~~~
พอลขับรถออกตัวแรงจนคนที่นั่งข้างๆ หงายหลังไปชนเบาะดังตึก เธอยังคาดเข็มขัดนิรภัยยังไม่เรียบร้อยเลยก็โดนคนข้างๆ แกล้งซะแล้ว ที่รับรู้ได้ว่าโดนแกล้ง เพราะมิเกลหันหน้าไปมองค้อนคนที่กำลังขับรถ ใบหน้าของพอลมองตรงก็จริงแต่กลับมีรอยยิ้มร้ายประดับมุมปาก
“ขะ ขับระวังๆ หน่อยได้ไหมคะ”
“เหรอ ฉันขับไม่ระวังตรงไหน”
“...” ฉันพูดได้ไหมล่ะว่าทุกตรง ทุกครั้งเลย ครั้งก่อนหน้านั้นก็เหมือนกัน
“มาขับให้ฉันนั่งสิ”
“เกลขับไม่เป็นหรอกค่ะ ว่าแต่ทำไมเกลต้องขับให้พี่นั่งด้วยคะ?”
“ซ้อมไว้”
“...”
“หึ ยัยซื่อบื้อ”
“...” เอะอะก็ยัยกุ้งแห้งบ้างล่ะ ยัยซื่อบื้อบ้างล่ะ ชิ! คนปากร้าย
“เธอจะไปไหน”
“เกลกำลังจะหาหอค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”
“ก็เลยเริ่มจากนั่งทำหน้าเอ๋ออยู่ที่ป้ายรถเมล์สินะ”
“พี่พอล”
“เรียกทำไม”
“ทำไมชอบว่าเกล”
“ฉันพูดความจริงต่างหาก”
“...”
ฉันรู้ตัวนะ ว่าตอนนี้ฉันกำลังทำหน้าบึ้งตึง ฉันเห็นพี่พอลหันมามองแล้วก็ยิ้มมุมปากแบบที่เขาชอบทำ คิดว่าหล่อมากมั้ง แต่ก็ไม่เถียงหรอก หล่อมากจริงๆ ใบหน้านิ่งนัยน์ตาคม ผิวเนียนไร้สิว ขาวกำลังดีไม่มากไปแบบผู้ชายแมนๆ เท่ๆ คนนึง พระเจ้าปั้นใบหน้าหล่อแบบฟ้าประทานมาให้ ก็ต้องยอมรับนั่นแหละว่าพี่พอลหล่อมากจริงๆ
“รีบไหม”
“รีบค่ะ เกลอยากหาหอก่อนที่มันจะค่ำ”
“ไปทานข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
“เกลขอตัวได้ไหมคะ เกลต้องรีบหาหอใหม่จริงๆ ค่ะ”
“เดี๋ยวฉันช่วยหา”
“...”
“ดูสภาพตัวเองยัยกุ้งแห้ง เดินลากกระเป๋าเดินไปเดินมาเหมือนคนเร่ร่อน”
“เอ๊ะ”
“หรือไม่จริง”
… “ถ้าฉันอิ่มแล้ว เดี๋ยวช่วยหาหอใหม่”
“...”
“มองหน้าพี่ทำไมครับ”
คำว่า ‘พี่’ ก็ทำให้ใจฉันเต้นแรงมากพอแล้ว ไหนจะโน้มใบหน้ามาถามใกล้ๆ อีก ตอนนี้รถกำลังติดไฟแดงอยู่พอดี พี่พอลก็เลยโน้มใบหน้ามาใกล้จนฉันรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้ม และในขณะเดียวกัน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิด พี่พอลเสียหลัก แขนที่เขาค้ำยันที่เบาะไว้มันลื่นจนทำให้เขาเซถลามาใกล้ฉัน ไม่แค่นั้น จมูกโด่งๆ ของเขาฝังลงบนแก้มของฉันทันที แต่ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุ มันต้องไม่มีเสียง
ฟอด~~ สิ แต่นี่มันเหมือนเขาจงใจหอมแก้มฉันเลยนะ แถมยังค้างเอาไว้แบบนั้น แต่แทนที่ฉันจะต้องรู้สึกว่าโดนคุกคาม โดนฉวยโอกาส ทว่า ร่างกายกลับไม่ปฎิเสธอะไรเลยสักนิด แถมใจยังเต้นแรงกระหน่ำจนกลัวว่าพี่พอลจะได้ยินอีกต่างหาก และสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจดันอกแกร่งเพื่อให้พี่พอลถอยห่างออกไป“โทษที เบาะมันลื่น”
“...”
“แก้มหอมดีนะ”
“พะ พูดอะไร”
“หึ”
ไฟจราจรสีเขียวช่วยชีวิตมิเกลไว้พอดี พอลก็หันไปสนใจการขับรถต่อ เกิดภาวะเงียบงันภายในรถคันหรู มิเกลเกร็งจนเกือบลืมหายใจ มือสองข้างประสานกันไว้จนเหงื่อออก ส่วนพอลเขาไม่ได้เกร็งอะไรนอกใจจากที่เต้นแรงกระหน่ำไม่แพ้กัน
ร้านอาหาร
“อยากกินอะไรก็สั่ง”
“ข้าวไข่เจียวค่ะ”
“แค่นั้น?”
“ค่ะ”
“สั่งอีก กินแค่นั้นมันจะไปอิ่มได้ยังไง”
“เกลเอาแค่อย่างเดียวค่ะ ต้องประหยัดเงินไว้จ่ายค่าหอกับค่าเทอม” จบประโยคของมิเกลพอลถึงกับถอนหายใจหนักๆ เขาไม่ได้อยากจะแชร์ค่าอาหารกับเธอสักหน่อย ค่าข้าวไม่เท่าไหร่เขาจ่ายเอง กินแพงกว่านี้เขาก็จ่ายไหว บางครั้งมิเกลก็ทำตัวน่าหงุดหงิดในสายตาของเขา
“มากับคนรวย อยากกินไรก็สั่งๆ ไปเถอะ ฉันจ่ายเอง”
“...”
น่าหมั่นไส้มาก ฉันเผลอเบะปากอย่างไม่รู้ตัว แต่พี่พอลเห็นน่ะสิ เขาจ้องฉันตาเขม็งเลย ฉันก็เลยหลบสายตาเขาโดยการก้มหน้าจ้องมองเมนูที่จะสั่งเพิ่ม เกือบไปแล้วยัยมิเกลเอ้ย ฉันสั่งอาหารเพิ่มไปอีกสามสี่อย่าง มากับคนรวยใช่ไหม ได้สิ มิเกลจัดให้ ฉันจะกินให้ท้องแตกไปเลย
อาหารที่สั่งมาครบแล้ว แต่พนักงานสาวยังคงยืนรออะไรสักอย่างทั้งความเป็นจริงแล้ว หากเสิร์ฟอาหารเสร็จเรียบร้อยไม่ต้องยืนรอใกล้ๆ ขนาดนั้นแล้วก็ได้ จนมิเกลรู้สึกได้จึงหันไปมองก็พบว่าพนักงานสาวคนนั้นกำลังยืนมองพอลและและยิ้มหวานรอเพียงแค่พอลหันกลับไปเธอก็จะฉีกยิ้มกว้างให้ทันที และเมื่อพอลมองตามสายตามิเกลไปจนได้สบตากับพนักงานสาวคนนั้น เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเขาก็ละสายตากลับมามองมิเกลอีกครั้ง ไม่ทันได้มองว่าพนักงานสาวคนนั้นกำลังส่งยิ้มหวานให้ เขาไม่ได้สนใจ
“ลูกค้ากำลังทานข้าว จะยืนเสียมารยาทอยู่ทำไม”
ประโยคหักหน้าที่มิเกลไม่คาดคิดว่าพอลจะตอบกลับไปแบบนั้น
“ขะ ขอโทษค่ะ เอ่อ เผื่อว่าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติม”
พอลไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาทำเพียงสะบัดมือไล่หนึ่งครั้งราวกับรำคาญ เขาว่าเขารู้จุดประสงค์ที่พนักงานคนนั้นต้องการ ร้านนี้เขาไม่ได้มาครั้งแรก เขามาทานกับเพื่อนบ่อยครั้ง เขารู้ดีว่าการบริการของร้านนี้เป็นแบบไหน ก็คงจะมีแต่พนักงานคนนี้ที่ปฏิบัติแตกต่างออกไป
“พี่พอล พูดแบบนั้นเลยเหรอ แรงมากนะ”
“หรือไม่จริง”
“แต่เขาเป็นผู้หญิงนะ รักษาน้ำใจหน่อยก็ได้นี่นา”
“ไม่จำเป็น”
“...”
“ฉันใจดีแค่กับเธอ”
✨✨✨
ตอนพิเศษ1 ปีผ่านไปแน่นอนว่ามิเกลเริ่มทานยาบำรุงครรภ์ตามคำสั่งของคุณแม่เรียบร้อยแล้ว ท่านนับวันถอยหลังรอ คาดหวังว่าลูกชายของตัวเองจะมีน้ำยาพอที่ยิงเป้าทีเดียวได้ผลเลย และสุดท้ายก็เป็นจริง มิเกลท้องตอนเรียนจบพอดี เธออาจจะไม่มีโอกาสได้รับปริญญาพร้อมกับเพื่อนๆ เพราะตอนนั้นคงท้องแก่ ไม่ก็คงคลอดลูกแล้วและอยู่ในช่วงเลี้ยงเจ้าก้อนน้อยเรื่องทั้งหมดนี้ มิเกลได้ปรึกษาและขออนุญาตยายจ๋าก่อนแล้ว ซึ่งยายจ๋าเองก็ดีใจมาก ท่านแล้วแต่เกลจะตัดสินใจเลย ยายจ๋าเชื่อมั่นในตัวหลานสาวสุดที่รักเสมอว่า มิเกลเป็นคนที่ใฝ่ดี เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง การที่มิเกลตัดสินใจเรื่องอะไรสักอย่าง ยายจ๋าเชื่อมั่นเสมอ และในตอนนี้เป็นเรื่องที่มิเกลต้องสร้างครอบครัว ยายจ๋าเคารพการตัดสินใจทุกอย่าง เพราะพอลเป็นคนดี ครอบครัวของพอลก็เป็นคนดี กลับกัน หากคนที่มิเกลเลือกคบเป็นคนที่ไม่ดี เรื่องนี้ยายจะขอยุ่งและห้ามมิเกลแน่นอน“เป็นยังไงบ้างคะพี่พอล” “ไม่ไหวอ่ะเกล พี่เวียนหัว”“พี่พอลนั่งก่อนนะคะ เกลไปทำน้ำส้มคั้นให้ค่ะ”ตอนนี้กลายเป็นว่าคนท้องต้องดูแลว่าที่คุณพ่อแทน มิเกลตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว แต่ยังแข็งแรงคล่องตัวเหมือนเดิม และ
Ep.39 โอบกอดด้วยรักข่าวซุบซิบหนาหูในมหาวิทยาลัยที่พอลและมิเกลกลับมาคืนดีกัน แน่นอนว่าการกลับมาคบกันในครั้งนี้ พอลคลั่งรักมิเกลมาก มากจนใครก็อิจฉาตาร้อน หล่อกร้าวใจแบบพอลเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายคน มิเกลมักจะโดนพอลแสดงความรักใส่บ่อยครั้งทั้งต่อหน้าเพื่อนเขาเอง เขาก็ไม่อาย ก็คนมันคลั่งรักจะให้ทำยังไง พอลไม่อยากเสียดายวันเวลาอีกต่อไปแล้ว รักกันก็แค่แสดงออกต่อกัน เชื่อใจกัน ความเชื่อใจนี่แหละสำคัญที่สุด เขาเจอมาเองกับตัวจนเกือบจะเสียคนที่เขาเองรักมากไป โชคดียังมีบุญเก่าเหลืออยู่บ้างให้ตาสว่างทันเวลา “พี่พอลใกล้เรียนจบแล้ว เกลเหงาแน่เลย”“ให้พี่เรียนเป็นเพื่อนไหม เพื่อนพี่ก็เรียนรอเมียพวกมันอยู่นะ”“ไม่ต้องหรอกค่ะ เกลรู้ว่าความฝันของพี่พอลคืออะไร ฉะนั้นพี่ทำตามความฝันได้เลย”“พี่ห่วงเกลนะ ถ้าเกิดมีใครมาหาเรื่องอีกล่ะ” ก็เพราะว่าพริ้งค์และลูกน้ำยังคงพูดจาเหน็บมิเกลอยู่บ้าง บ้างก็หาเรื่องเดินชนแรงๆ แต่เรื่องนี้ไม่เคยถึงมือมิเกล แคนดี้จัดการตลอด“พี่พอลปล่อยให้เกลได้สู้คนบ้างนะคะ ความจริงเกลก็ไม่ได้กลัวใครเลยด้วยซ้ำ”“ถ้าพูดดีๆ กันไม่ได้ ก็ใช้กำลังซะ เดี๋ยวพี่มาจัดการให้เอง”“แบบที่พี่พ
Ep.38 ฉลองความสุขสมาชิกทั้งหมดต่างก็นั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรดาสาวๆ ก็เริ่มตาหวาน พูดจายานคาง แม้กระทั่งตอนที่นั่งอยู่ก็นั่งทรงตัวแบบปกติไม่ได้ นั่งเอนตัวไปเอนตัวมาจนแฟนหนุ่มข้างกายต้องคองประคองไว้ในระหว่างนั้น พอลมีความรู้สึกว่ากำลังถูกใครสักคนจ้องมองอยู่ จึงหันไปมองตามความรู้สึก จึงเห็นโต๊ะข้างๆ ที่อยู่ไม่ไกลมาก ‘พริ้งค์’ ที่นั่งจ้องมองเขาและมิเกลด้วยแววตาอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนคนข้างๆ ก็เป็นลูกน้ำที่ควงผู้ชายคนใหม่มาด้วย ลูกน้ำเลิกรากับโฬมตั้งแต่ที่รู้ว่าโฬมวางแผนหลอกล่อมิเกล จนรู้เพิ่มเติมว่าทางบ้านของโฬมมีปัญหาเรื่องการเงิน ลูกน้ำจึงเลือกที่จะทิ้งโฬมไปคบคนใหม่ “พี่พอลมองอะไรคะ”มิเกลถามแต่ก็มองตามสายตาของพอลไป จนกระทั่งได้สบตากับสายตาอิจฉาริษยาที่มองมายังมิเกล“โอ๊ะ นางมองเกลจนตาลุกเป็นไฟเลยค่ะ”“ยังไง”“โด่ว ตาร้อนไงพี่พอล อิจฉาตาร้อนง่ะ ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย”“เมาแล้วพูดมากนะ ระวังจะโดนพี่สั่งสอน”“คิก~ น่ากลัวจังเลยนะคะ เกลกลัวจนตัวสั่น”“กลับเลยไหม จะได้ตัวสั่นอย่างที่พูด”“เฮ้ยๆ สองคนนี้ซุบซิบอะไรกันสองคน คุยกับคนอื่นบ้าง”… “อย่าเพิ่งกลับนะเว้ย ยังสนุกกันอยู่
Ep.37 โลกทั้งใบของมิเกลหอพักแอนนาแมนชั่นวันนี้พอลชวนมิเกลมาลาป้าแอนนาเพื่อจะกลับไปอยู่กับเขาตามเดิม พร้อมทั้งเตรียมลูกน้องสามคนช่วยกันขนย้ายเสื้อผ้าและสิ่งของทุกอย่างให้มิเกล พอลตั้งใจจะซื้อทุกอย่างให้ใหม่ทั้งหมด จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการขนย้าย แต่ความประหยัดของมิเกลที่ยื่นคำขาดกับพอลว่า… หัดใช้เงินให้เป็นประโยชน์บ้างนะ เงินมันมีค่ามาก พอลถึงกับอึ้ง นี่เมียตัวน้อยกล้าสอนเขาแบบนี้แล้วเหรอ แต่นี่แหละคือธรรมชาติของมิเกล เป็นคนประหยัดและขยันมาก ไม่เคยหวังรวยทางลัดด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาเองก็สามารถเปย์ได้ทุกอย่าง อยากได้อะไรแค่ชี้นิ้วบอก แต่มิเกลไม่เคยทำแบบนั้น พอลไม่กล้าซื้ออะไรเป็นการเซอร์ไพรส์อีกแล้วเพราะมิเกลเคยดุเขาว่าใช้เงินเปลือง ทำอะไรไม่เคยปรึกษา ก็ได้แต่ก้มหน้ารับฟังในสิ่งที่เมียดุ แต่ลึกๆ ก็รู้สึกภูมิใจในตัวมิเกลมาก ยายจ๋าของเธอเลี้ยงหลานมาได้เป็นอย่างดีและเติบโตมาอย่างมีคุณภาพจริงๆ นี่แหละแม่ของลูกที่เขาต้องการ ไม่ต้องบ้านรวย ไม่ต้องลูกคุณหนู เขาชอบที่มิเกลแบบนี้ นับตั้งแต่วันแรกที่เจอกันวันคืนฝนพรำ“ป้าแอน เกลลานะคะ ขอบคุณทุกการช่วยเหลือตลอดเวลาที่ผ่านมา เกลจะไม่ลืมบุญคุณเลยค่ะ”
Ep.36 อุ๋งอุ๋งของมิเกล“เกลขอตัวกลับก่อนนะคะ”“พี่ไม่ให้กลับ กลับทำไม ใครอนุญาต”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่เกลนะ”“ก็พี่บอกแล้วไง ว่าจะไม่ให้เกลห่างจากพี่อีกแล้ว”พอลพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนขึ้น คำพูดก่อนหน้านั้นเขาเผลอลืมตัว ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวแล้วมิเกลมาบอกว่าจะกลับ เขาจึงเผลอพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่นัก แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นมีความผิดติดตัวอยู่ ก็ต้องยอมคนตัวเล็กไปก่อน คืนนี้ค่อยกำราบก็ยังไม่สาย“เกลไม่มีชุดใส่ค่ะ เกลไม่ได้เอาอะไรมาเลย”“มีแค่ตัวกับหัวใจก็เพียงพอแล้วครับ”“น้ำเน่า”“กลับมาครั้งนี้ ปากแซ่บดีนะ”“ก็ไม่ได้แซ่บแค่ปากนะคะ”ให้ตายเถอะ ฉันเผลอพูดอะไรออกไป ความจริงฉันไม่ได้หมายความอย่างที่พี่พอลกำลังเข้าใจนะ มันเหมือนเป็นการเปิดทางให้พี่พอลคิดในทางทะลึ่ง เพราะแววตามันฟ้องจนรู้ว่าพี่พอลกำลังคิดอะไรอยู่ แววตาที่มองมาแบบนั้น ค่อยๆ สะกดฉันให้ลุ่มหลงเขา นี่มันท่าไม้ตายของพี่พอลชัดๆ“อื้มมม นั่นสินะ”… “งั้นก็ต้องพิสูจน์”“ว๊าย” ไม่รอช้าพี่พอลอุ้มฉันพาดบ่าแล้วไปยังห้องนอนที่คุ้นเคยทันที… “พี่พอล หยุดเดี๋ยวนี้นะ เกลบอกแล้วไงคะว่ารอไปก่อน”“เกลพูดอะไรนะ พี่ไม่ค่
Ep.35 ขอบคุณและขอโทษ“สวัสดีค่ะ อุ๋งอุ๋งของมิเกล”“...”“เบบี๋กลับมาให้ง้อ และกลับมาให้อุ๋งอุ๋งรักค่ะ”พรึบ!มิเกลโดนกระชากข้อมือให้เข้ามาในห้อง หลังจากที่ปิดประตูจนสนิท พอลไม่รอช้าโผเข้ากอดคนตัวเล็กทันที เขารู้สึกเหมือนหยาดฝนที่ชุ่มฉ่ำตกกระทบหัวใจที่แห้งแล้ง หัวใจเต็มอิ่มไปด้วยความอิ่มเอิบและรู้สึกหัวใจมันพองโตมิเกลโอบกอดแผ่นหลังแน่นไม่ต่างกัน ความรัก ความคิดถึง ความโหยมันไม่เคยลดลงเลยสักนิด ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งรัก ยิ่งคิดถึง ยิ่งโหยหา แต่ในขณะเดียวมันก็เจ็บและทรมานใจ วันนี้ทั้งสองต่างก็ได้รับคนที่เป็นดั่งหัวใจของตัวเองกลับคืน แม้ไม่มีคำพูดที่น่าฟังมากมาย แต่การกระทำทุกอย่างมันชัดเจนเป็นร้อยเท่ากลิ่นคนรักที่คุ้นเคย กลิ่นกายที่อบอุ่น แค่สูดดมก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหายเหนื่อยได้อย่างมหัศจรรย์ ร่างกายทั้งสองคนกอดกันอย่างแนบชิด กอดที่เหมือนผ้าห่มนุ่มคลุมกายให้หายหนาวเย็น กอดที่รู้สึกปลอดภัย อ้อมกอดนี้เท่านั้นที่ต่างก็ต้องการกันและกัน“เบบี๋ พี่ขอโทษ”“ไม่ต้องขอโทษเกลหรอกนะ เกลเองต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่พอลที่ช่วยเหลือเกลมาตลอด”“...” พี่พอลทำหน้าตาสงสัย เขาคงยังไม่รู้ว่าฉันรู้ความจริงทุกอ