Home / รักโบราณ / วุ่นนัก รักข้ามภพ / บทที่ 7 ทุบตีหมอผี

Share

บทที่ 7 ทุบตีหมอผี

last update Last Updated: 2025-05-15 13:53:36

จวนโหวตระกูลอวิ๋น

"ซื่อจื่อขอรับ หัวข้าน้อยหลุดอีกแล้วขอรับ"

อวิ๋นหลัวซีแทบจะโยนหนังสือในมือทิ้งเมื่อได้ยินเสียงของวิญญาณที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

"หลุดเจ้าก็ต่อใหม่ ถ้าเจ้าต่อไม่ได้ก็ไปตายรอบสองซะ"

"เจอแล้วขอรับซื่อจื่อฮิๆๆๆๆ"

"ไสหัวไป!!!"

เสียงตะโกนของอวิ๋นหลัวซีทำให้เหล่าบรรดาพ่อบ้าน แม่นม สาวรับใช้ขนลุกกันไปทั่ว นี่ซื่อจื่อของพวกเขาอาการกำเริบอีกแล้วหรือ หลายวันมานี้คล้ายว่าจะกำเริบหนักกว่าเก่าเสียด้วย

อวิ๋นหลัวซียกมือขึ้นนวดที่หว่างคิ้วของตนอย่างหงุดหงิด สิบปีแล้วที่เขาต้องทรมานกับการมองเห็นวิญญาณเร่ร่อนพวกนี้

ตอนนั้นเขาอายุเพียงสิบขวบปี กลับล้มป่วยกะทันหันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ท่านแม่เชิญหมอเก่งจากหลายสำนักมาก็รักษาเขาไม่หาย จนกระทั่งท่านหมอเทวดาจากหุบเขาลึกเดินทางผ่านเมืองหลวง ท่านพ่อของเขาได้ขอร้องให้ท่านหมอเทวดาผู้นี้รักษาและรับเขาเป็นศิษย์ เขาก็หายป่วยแต่กลับพบว่าตนเองสามารถเห็นวิญญาณที่คนทั่วไปมองไม่เห็น

บางครั้งที่เขาไม่อยากพบเห็นวิญญาณพวกนี้ให้กวนใจ เขาก็จะดื่มเหล้าเพื่อทำให้ตนเองหลับ ทั้งที่เขาไม่ชอบดื่มมันแม้แต่น้อย 

เรื่องราวของอวิ๋นหลัวซีเป็นที่ถกเถียงอย่างสนุกปากในตระกูลชั้นสูงว่าเขาเป็นซื่อจื่อเสเพล เมามาย ซ้ำยังมีอาการทางจิตชอบพูดคนเดียว จนบ่าวในเรือนต่างหวาดกลัวเขา เรื่องราวบานปลายจนสุดท้ายเขาก็กลายเป็นตัวตลกของผู้คน เขาถูกปฏิเสธการหมั้นหมายถึงสามครั้งสร้างความทุกข์ใจให้อวิ๋นเสวียนบิดาของเขายิ่งนัก

จวนโหวแห่งนี้มีเขาเป็นบุตรชายคนโต มีน้องสาวนามว่าอวิ๋นเฟยที่เกิดจากมารดาเดียวกันและ เขามีน้องชายหนึ่งคนนามว่า อวิ๋นหลงเยียน บุตรที่เกิดจากฮูหยินรอง อวิ๋นหลงเยียนเป็นบุรุษรูปงาม เขาเป็นบัณฑิตที่หญิงสาวต่างใฝ่ฝัน จนมีการเปรียบเทียบระหว่างเขากับน้องชายเกิดขึ้น ผู้คนต่างกล่าวกันว่า อวิ๋นหลงเยียนช่างเหมาะสมกับตำแหน่งซื่อจื่อมากกว่าเขา

อวิ๋นหลัวซีเดินออกจากห้องตำราท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของสาวรับใช้ เขาเดินตรงไปที่ห้องนอนของตนเองก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

หนีอีกตัวมาเจออีกตัว ให้ตายสิ!!!

"ซื่อจื่อท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ มาเจ้าค่ะ ข้าจะนวดให้ท่าน ท่านจะได้สบายตัว"

"        ออกไปจากห้องข้า ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนกับเจ้า"

"ซื่อจื่อเจ้าขา อ๊าาา!!! ข้าไปแล้ว ข้าไปแล้ว"

อวิ๋นหลัวซีดึงมีดที่ท่านหมอเทวดาให้เขามาพกติดตัวไว้ก่อนจะโยนมันใส่ผีสาวนางนั้น มันคือมีดสกัดวิญญาณ ป้องกันวิญญาณร้ายมาก่อกวนเขา

แต่เพราะวันหนึ่งเขาลืมพกมันไปด้วยทำให้วิญญาณหญิงนางโลมตนนี้ตามเขากลับจวนมาด้วย นางบอกว่าหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบจะยอมเป็นภรรยาผีของเขาไปชั่วชีวิต

ให้ตายสิ!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

อวิ๋นหลัวซีหันหลังกลับ เดินออกจากเรือนตนเองตรงไปที่เรือนท่านแม่ของเขา

"ท่านแม่หลับหรือยัง?"

"ยังเจ้าค่ะ ฮูหยินกำลังดื่มยาอยู่เจ้าค่ะ"

"บอกท่านแม่ว่าข้ามาขอพบ"

"เจ้าค่ะ"

ไม่นานประตูเรือนก็เปิดออก อวิ๋นหลัวซีเดินเข้าไปด้านใน ก็พบกับท่านแม่ของเขากำลังเอนกายอยู่บนเตียงมองมาที่เขาด้วยสายตารักใคร่

"อาหลัวมานั่งข้างๆ แม่นี่มา"

"ขอรับ"

ฮูหยินซื่อจื่อค่อยลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะยื่นมือเข้าไปจับมือของบุตรชายตนไว้ 

"ได้ข่าวคราวของอวิ๋นเฟยบ้างหรือไม่"

อวิ๋นหลัวซีส่ายศีรษะไปมาอย่างอับจนหนทาง แววตาของฮูหยินซื่อจื่อหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

"ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าสัญญาว่าจะตามหาน้องหญิงให้เจอขอรับ"

ฮูหยินซื่อจื่อพยักหน้าก่อนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างเศร้าหมอง สร้างความเจ็บปวดใจให้เขาไม่น้อย

อวิ๋นเฟยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของอวิ๋นหลัวซี ครั้งนั้นท่านพ่อพาเขากับนางไปพบท่านหมอเทวดาที่หุบเขาลึกด้วยกัน อวิ๋นเฟยมีอายุเพียงห้าขวบปี ท่านพ่อเป็นห่วงนางจึงแต่งนางเป็นเด็กผู้ชายพาออกไปหุบเขาลึกด้วยกัน

แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อพวกเขาถูกลอบโจมตีจากโจรภูเขา พวกมันลักพาตัวอวิ๋นเฟยหายไปอย่างไร้ร่องรอย เกือบสิบปีแล้วที่ท่านแม่ล้มป่วยลงเพราะตรอมใจที่ตามหาน้องสาวไม่พบ

ในใจของอวิ๋นหลัวซีเขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นโจรป่า เขาสังเกตเห็นว่ามีโจรคนหนึ่งมองเขาสลับกับน้องสาว เขากับอวิ๋นเฟยหน้าตาเหมือนกันมากพวกมันตั้งใจจะจับเขาแต่มันกลับจับผิดตัว

เมื่อเขาเดินทางกลับเมืองหลวง ก็พบว่าองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปเช่นกันขณะที่ฮองเฮากำลังเดินทางไปไหว้ขอพรที่วัดบนเขา

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาพยายามค้นหาอวิ๋นเฟยและองค์หญิงหยางซูหนี่ว์มาโดยตลอดแต่ก็ไร้เบาะแสใดใด

สองวันแล้วที่แม่นมซูสอนมรรยาทหญิงงามสี่ข้อกับเสี่ยวหง แต่ทว่านางก็ยังคงใช้เวลาในการจำได้ไม่ดีเช่นเคย  แม่นมที่เคยงดงามผิวพรรณผุดผ่อง ตอนนี้กลับหน้าตาหมองคล้ำ ดูแก่ลงไปสิบปี เพราะถูกอดข้าวอดน้ำ กินไม่ตรงเวลาจนล้มป่วยลง

"ข้าน้อยไร้ความสามารถขอเสี่ยวกุ้ยเฟยได้โปรดลงโทษด้วย"

เสี่ยวกุ้ยเฟยมองแม่นมคนสนิทของตนอย่างไม่เชื่อสายตา แม่นมดูแก่ลงไปสิบปีไร้ความงดงามเช่นแต่ก่อน รวมไปถึงเรื่องราวที่แม่นมซูเล่าให้ฟังถึงความร้ายกาจของเสี่ยวหง

เป็นไปไม่ได้! เด็กคนนั้นเป็นตัวโง่งมมาโดยตลอด ไม่ได้การนางต้องทำสิ่งใดสักอย่างหนึ่ง

เรือนกุ้ยฮวา

เสี่ยวหงยืนมองดูหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่กำลังยืนสวดมนต์พึมพำอยู่หน้าเรือนของนาง

"ออกไปจากร่างคุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้นังปีศาจชั่ว"

หึ! ใช้แม่นมซูมาก่อเรื่องไม่สำเร็จ ครั้งนี้กลับพาหมอผีจอมปลอมมาสร้างความวุ่นวายถึงเรือนของนางอีกหรือ

"เสี่ยวหง ตอนนี้ท่านย่าล้มป่วยลงอย่างไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่เจ้าฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคน เจ้ามันตัวหายนะ!!!"

เสี่ยวชิงชี้มือด่าเสี่ยวหงอย่างเย้ยหยัน

ท่านย่าป่วยเพราะถูกลมหนาวมาหลายวันแล้ว นางเองรู้ดี สองวันก่อนที่นางไปเยี่ยมท่านย่า แค่มองก็รู้ว่าป่วยเพราะลมหนาวธรรมดาทั่วไป แต่สองแม่ลูกผู้นี้ก็ช่างหาเรื่องปวดหัวให้นางเสียจริง

"ท่านย่าป่วยเพราะถูกลมหนาว กินยาไม่กี่เทียบก็ดีขึ้นแล้ว เหตุใดพวกท่านสองคนถึงเอาแต่โทษข้าเล่า"

"เจ้ามันตัวหายนะ ทำให้ตระกูลเสี่ยวพบภัยร้าย แม่หมอเจ้าคะจัดการมันเลยเจ้าค่ะ!!!"

เสี่ยวหงคร้านจะสนใจกับสองแม่ลูกผู้นี้ นางหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนนอน แต่ทว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างผลักจากด้านหลังจนทำให้เสี่ยวหงเซถลาจนหน้าทิ่มกระแทกพื้น

เจ็บชะมัด!!!

"ออกไปซะนังปีศาจ"

เสี่ยวหงยันกายลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปพบกับหญิงสูงวัยคนเดิมกำลังจ้องมองมาที่นาง ประตูถูกล็อกจากด้านนอกเป็นฝีมือของสองแม่ลูกนั่น

กล้าดีนัก!!! ลอบถีบนางจากทางด้านหลัง จนนางล้มลงไปกองกับพื้น ไม่สั่งสอนเสียบ้างคงไม่หลาบจำ

"เจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ วันนี้ข้าเหนื่อยไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"

"นังปีศาจข้าพูดกับเจ้าดีดีเจ้าไม่ยอมฟัง ข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ"

หญิงผู้นั้นหยิบแส้ที่เหน็บเอวออกมาฟาดตีไปทางเสี่ยวหง นางกระโดดหลบอย่างสบายๆ ก่อนจะมองไปที่หญิงผู้นั้นอย่างเบื่อหน่าย

รู้ไสยศาสตร์แค่ปลายนิ้วยังกล้าอวดดีมาไล่นาง

"ถ้าเจ้าเหนื่อยก็พอเถอะ เห็นแล้วข้าสมเพช"

หญิงสูงวัยผู้อ้างตัวว่าเป็นหมอผียืนหอบหน้าซีดเผือดก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ รวมพลังฟาดแส้ไปที่เสี่ยวหงอีกครั้ง

ครั้งนี้เสี่ยวหงยื่นมือไปจับแส้ก่อนจะสะบัดมันจนหลุดจากมือหมอผีนางนั้น นางจับแส้สะบัดฟาดกลับคืนไปที่หมอผีอย่างสุดแรง

"อ๊าาาาาาา"

หมอผีนางนั้นร้องตะโกนจนสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด แส้นี้นางแอบส่งสัญญาณให้มู่มู่ปล่อยพลังปราณเข้ามา เวลานี้นางฟาดตีใส่หมอผีจอมปลอมทำให้มันเจ็บแสบเป็นร้อยเท่าพันทวี

"ท่านแม่เจ้าคะ นังตัวดีนั่นร้องเหมือนถูกเชือดเลยเจ้าค่ะ สาแก่ใจข้านัก ไม่เสียแรงที่เป็นคนของท่านอากุ้ยเฟย"

ฮูหยินหลิวกับเสี่ยวหงกระซิบกระซาบหัวเราะกันอย่างมีความสุข

"ปล่อยข้าไปเถิดแม่นางข้ากลัวแล้ว อ๊าาา"

"รู้คาถาเวทมนตร์แค่เพียงน้อยนิดยังคิดจะมาเป็นหมอปราบผี ช่างน่าสมเพชนัก ข้าบอกให้เจ้ากลับไปแล้วเจ้าก็ยังไม่ไป ยังจะตามรังควานข้า วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!!"

"อ๊าาาา ยอมแล้ว ข้ายอมแล้ว"

เสี่ยวหงดึงแส้กลับมา ก่อนจะปรายตามองหญิงสูงวัยที่นั่งตัวสั่นเทา บาดแผลเต็มร่างกาย มองมาที่นางด้วยสายตาหวาดกลัว

"เจ้ายอมข้าทุกอย่างเลยหรือ?"

"เจ้าค่ะ ข้ายอมทุกอย่าง ฮือออ"

"เช่นนั้นเจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่ง"

หญิงนางนั้นมองเสี่ยวหงอย่างหวาดกลัว ท่าทางไม่ยินยอมของนางทำให้เสี่ยวหงสะบัดแส้ในมือฟาดใส่นางอีกครั้ง

"อ๊าาา ยอมแล้ว"

"ยอมแล้วเจ้าก็จงฟังข้า!!!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 43 ชวนทำลูกส่งท้าย The End

    งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 42 ศึกแย่งอาหลัว 1-2

    อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 41 ศึกแย่งอาหลัว 1-1

    หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 40 ไม่ยอมรับความจริง

    เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 39 องค์หญิงผู้สูญหาย

    อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 38 เป็นตายไปด้วยกัน

    หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 37 ชาตินี้สัญญาจะรักเพียงเจ้า

    ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 36 อำมหิตเพื่อความอยู่รอด

    ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 35 นางกำนัลเสี่ยวหง

    พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status