Home / รักโบราณ / วุ่นนัก รักข้ามภพ / บทที่ 6 แม่นมของเสี่ยวกุ้ยเฟย

Share

บทที่ 6 แม่นมของเสี่ยวกุ้ยเฟย

last update Last Updated: 2025-05-15 13:53:16

พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างลอยอยู่กลางท้องฟ้า เสี่ยวหงเดินเข้าออกซื้อชุดใหม่หลายชุด เครื่องประดับอีกหลายชิ้นอย่างเพลิดเพลิน

"อิ๋งเอ๋อร์ข้าหิวแล้ว เจ้าพาข้าไปหาของกินหน่อยสิ"

"ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยมเจ้าค่ะคุณหนู"

เสี่ยวหงกลอกตาไปมา นางเคยอ่านเจอในนิยายจีนโบราณมาไม่น้อย นางเอกเกิดหิวจึงไปที่โรงเตี๊ยมแล้วพบรักกับพระเอก นางไม่ต้องการพบชายใดทั้งนั้นนอกจากเขา อวิ๋นหลัวซี

"เจ้ามีที่อื่นหรือไม่ ข้าไม่อยากไปโรงเตี๊ยม"

"เอ๋?"

เสี่ยวหงหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบกับร้านหมั่นโถวร้านหนึ่งไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก นางยิ้มตาหยีก่อนจะจูงมืออิ๋งเอ๋อร์ให้ตามไป

"เถ้าแก่ หมั่นโถวลูกใหญ่สองลูก"

เถ้าแก่พยักหน้ารับก่อนจะยื่นหมั่นโถวส่งให้เสี่ยวหง นางกัดชิมไปคำนึงด้วยแววตาเป็นประกาย

อร่อยยิ่งนัก!!!

"คุณหนูเจ้าคะ ท่านอยากเดินเที่ยวต่อหรือไม่"

เสี่ยวหงส่ายหน้าไปมา นางเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อนที่จวนเหลือเกิน

เสี่ยวหงเดินตามทางมาเรื่อยๆ จนผู้คนเริ่มน้อยลง ระหว่างนั้นกลับมีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาขวางทางนางไว้

เสี่ยวหงขมวดคิ้วแน่น นางพิจารณามองบุรุษตรงหน้า เขาดูสง่างามอย่างผู้สูงศักดิ์ รูปร่างสูงสง่า ใบหน้างดงามดั่งภาพวาด

หยางเส้าเฉินมองพิจารณาเสี่ยวหงอย่างไม่ละสายตาจนนางเริ่มรู้สึกประหม่า

"เจ้าคือแม่นางน้อยที่ชนะการประกวดว่าวสวยงามเมื่อครู่"

เสี่ยวหงพยักหน้าอย่างมึนงง เขาเป็นใครกัน รู้จักนางเช่นนั้นหรือ?

"คุณชายรู้จักข้าหรือ หากว่าไม่เช่นนั้นขออภัยด้วยข้าไม่รู้จักท่านมาก่อน ต้องขอตัว"

เสี่ยวหงพยายามคิดในหัวว่าเจ้าของร่างเดิมเคยรู้จักชายตรงหน้าหรือไม่ แต่ก็ไม่ปรากฏภาพของเขาในความทรงจำของนางเลยแม้แต่น้อย

หยางเส้าเฉินขยับกายมาขวางทางเสี่ยวหงเอาไว้ ดวงตาล้ำลึกของเขาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง

"เช่นนั้นก็มาทำความรู้จักกันเสียหน่อย"

เสี่ยวหงสบถในใจอย่างหงุดหงิด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการออกมาเที่ยวนอกจวนวันนี้จะเจอผู้ชายขี้ตื๊อน่ารำคาญเช่นนี้

"ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น อิ๋งเอ๋อร์กลับจวน!!!"

"คุณหนู!!!"

เสี่ยวหงหันไปมองพบว่าอิ๋งเอ๋อร์ถูกชายชุดดำจับตัวเอาไว้

"ท่านคิดจะทำอะไร? ข้ากับท่านไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เหตุใดจึงจับตัวสาวใช้ของข้าไว้!!!"

หยางเส้าเฉินยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้นางเรื่อยๆ เสี่ยวหงขยับถอยหนีตามสัญชาตญาณทันที

"ข้าชอบเจ้า อยากรู้จักกับเจ้า"

"แต่ข้าไม่อยากรู้จักท่าน"

หยางเส้าเฉินยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกมือเป็นสัญญาณให้ชายชุดดำปล่อยตัวอิ๋งเอ๋อร์ 

"พอใจเจ้าแล้วหรือยัง?"

เสี่ยวหงคว้าข้อมือของอิ๋งเอ๋อร์ก่อนจะดึงนางกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับจวน

หยางเส้าเฉินมองนางเดินหายไปจนลับสายตา ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวนางหนึ่งที่แอบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลเท่าใดนัก

"จะออกมาเองหรือให้คนของข้าไปลากเจ้าออกมา"

หญิงสาวสวมชุดนางกำนัลของวังหลวงเดินออกมาจากที่ซ่อนด้วยใบหน้าซีดขาว นางทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นไม่กล้าสบตาหยางเส้าเฉิน

"ขออภัยองค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ"

"พระชายาเอกส่งเจ้ามาตามข้า"

นางกำนัลน้อยนางนั้นแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว นางมีท่าทางลุกลี้ลุกลนหันซ้ายมองขวาอย่างร้อนใจ

"พระชายาเอกหลิวเย่ว์หลีเจ้าออกมาเถิด หรือจะให้เราสังหารนางกำนัลของเจ้าทิ้งเสีย"

"อย่าเพคะองค์รัชทายาท"

หลิวเย่ว์หลีบุตรสาวคนโตตระกูลหลิว บิดาดำรงตำแหน่งเจ้ากรมอาญา นางเป็นชายาเอกของหยางเส้าเฉินที่เพิ่งอภิเษกเข้ามาวังหลวง

หลิวเย่ว์หลีก้าวเดินออกมาจากหลังต้นดอกเหมยด้วยสีหน้าเรียบเฉย เดิมทีวันนี้นางเพียงอยากออกจากวังมาเที่ยวเล่นชมเทศกาลละเล่นว่าวเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะพบกับสวามีของตนกำลังเกี้ยวพาสตรีน้อยนางหนึ่งเข้า

"เจ้าตามเรามาหรือ?"

"หามิได้เพคะ หม่อมฉันเพียงออกมาเที่ยวเล่นกับนางกำนัล"

หยางเส้าเฉินส่งเสียเฮอะในลำคอ ก่อนจะปรายตามองหลิวเย่ว์หลีด้วยสายตาเย็นชา

"เจ้าเป็นถึงชายาเอกของเรา แต่กลับมีใจอยากออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกเหมือนสตรีที่ยังมิได้ออกเรือน?"

"ไม่ใช่นะเพคะ"

"กลับตำหนักไปเสียอย่าให้เราต้องนำเรื่องนี้ทูลต่อเสด็จแม่"

หลิวเย่ว์หลีมีสีหน้าซีดเผือดไม่น้อย มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ถึงความโหดร้ายของฮองเฮาพระองค์นี้

เหมยฮองเฮา นามว่าเหมยอิ๋ง เป็นธิดาคนโตของตระกูล ท่านปู่ของพระนางเป็นถึงพระราชครูของฮ่องเต้พระองค์ก่อน บิดาของนางก็เป็นอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง สั่งสอนบัณฑิตที่เก่งกาจลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วน ฐานอำนาจของตระกูลนางนั้นแข็งแกร่งไม่น้อย

หยางเส้าเฉินยกยิ้มมุมปาก ทุกครั้งที่อ้างเสด็จแม่ หลิวเย่ว์หลีก็แพ้เขาทุกครั้ง อย่างครั้งก่อนที่เขาต้องการรับสนมเพิ่มเสด็จแม่ก็จัดการจนหลิวเย่ว์หลีไม่สามารถทำอะไรได้

เขาเคยชอบหลิวเย่ว์หลีก่อนที่จะแต่งนางเข้ามาเป็นชายาเอก แต่ก่อนนางงดงามดั่งดอกไม้แรกแย้มชวนให้เขาเชยชม แต่นานวันเข้านางก็ยิ่งทำตัวน่าเบื่อทุกวัน เขาแต่งนางเข้าวังสองปีแล้วยังคงไร้วี่แววกำเนิดทายาทเสียที

"เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ"

"เชิญ"

หยางเส้าเฉินไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหลิวเย่ว์หลีด้วยซ้ำ นางถอนหายใจออกมาหนักๆ ครั้งหนึ่ง แต่ก่อนหยางเส้าเฉินเป็นบุรุษที่นางใฝ่ฝัน นางชื่นชอบเขายิ่งนัก เขาเองก็มีใจแก่นาง ทั้งสองเหมือนจะรักกันอย่างสุดซึ้ง จนกระทั่งวันที่นางสนมมากหน้าหลายตาเข้ามาในตำหนักคนแล้วคนเล่า นางเองไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากกล้ำกลืนความอัปยศนี้ลงท้อง

"พระชายาเพคะ ส่งคนไปจัดการหญิงแพศยานางนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ"

หลิวเย่ว์หลีส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ ให้นางกำนัลข้างกายของตน

"ปล่อยนางไปเถิด จากที่ข้าเห็นเมื่อครู่ นางเองก็ไม่ได้มีใจชื่นชอบองค์รัชทายาทเท่าใดนัก"

"แต่ว่า"

"กลับวังหลวงเถิด"

เสี่ยวหงที่เที่ยวเล่นจนเหน็ดเหนื่อย เมื่อมองดูท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดค่ำแล้วนางก็พาอิ๋งเอ๋อร์กลับเรือน

เมื่อกลับมาถึงเรือนหลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว เสี่ยวหงที่กำลังทิ้งร่างกายเอนลงบนเตียงกลับได้ยินเสียงจากด้านนอก ก่อนจะพบว่าอิ๋งเอ๋อร์กำลังเดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้าซีดเผือด

"มีอะไร?"

"คุณหนูเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวกุ้ยเฟยส่งแม่นมจากในวังหลวงมาอบรมคุณหนูเจ้าค่ะ"

"เสี่ยวกุ้ยเฟย?".

เสี่ยวหงหลับตาลงนึกคิดถึงสตรีผู้นี้ ก่อนจะปรากฏภาพหญิงสาวที่ผิวขาวราวหิมะใบหน้างดงามสูงศักดิ์

เสี่ยวหลิง น้องสาวร่วมมารดาของเสนาบดีเสี่ยวเถียนนี่เอง

เสี่ยวหลิงเป็นบุตรสาวคนเล็กของท่านย่า ที่ถูกพระทัยฮ่องเต้จนได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟยในวังหลวง นางไม่ชอบเสี่ยวหงแต่แรก และที่โหดร้ายไปกว่านั้นนางเป็นคนยุยงเสี่ยวชิงให้แย่งชิงชินอ๋องหยางเทียนฉีจากเสี่ยวหง

หน้าไม่อายทั้งอาทั้งหลานจริงๆ

เสี่ยวหงลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปด้านหน้าเรือนกุ้ยฮวา นางพบกับสตรีสูงวัยนางหนึ่ง ท่าทางหยิ่งยโส จ้องมองมาที่นางด้วยสายตาดูแคลนไม่น้อย

"คารวะแม่นม"

"คุณหนูเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยนามว่าแม่นมซูเป็นแม่นมคนสนิทของเสี่ยวกุ้ยเฟยเจ้าค่ะ"

"ท่านมาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?"

"ข้าได้รับมอบหมายจากกุ้ยเฟย ให้มาดูแลอบรมเรื่องกิริยามรรยาทของสตรีให้คุณหนูเจ้าค่ะ กุ้ยเฟยทรงเป็นห่วงคุณหนูเกรงว่าออกเรือนไปแล้วจะไม่เป็นที่พอใจของแม่สามี"

เสี่ยวหงส่งเสียงเฮอะในลำคอแต่ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า

"ลำบากกุ้ยเฟยแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้รีบแต่งงานมีสามีเรื่องมรรยาทพวกนี้คงไม่จำเป็นเท่าไหร่"

แม่นมชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แม่นางน้อยผู้นี้เดิมทีก็เป็นเพียงผู้อาศัย กล้ามาไล่นางด้วยคำพูดไร้มรรยาทเช่นนี้หรือ

"เป็นความประสงค์ของกุ้ยเฟยข้าไม่อาจขัดได้เจ้าค่ะ"

"อ้อออ"

เสี่ยวหงส่งเสียงอ้อในลำคอก่อนจะหันไปส่งยิ้มที่ชวนขนลุกให้แม่นมนางนั้น

"เช่นนั้นแม่นมก็พักที่เรือนรับรองนี่เถิด อิ๋งเอ๋อร์พาแม่นมไปเรือนพักดูแลอย่าให้ขาดเหลือสิ่งใดเป็นอันขาด"

"เจ้าค่ะคุณหนู"

เสี่ยวหงเดินกลับเข้ามาในห้องนอนก่อนจะนั่งลงและแสยะยิ้มที่มุมปาก

อยากสั่งสอนคนอย่างข้าหรือ?

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเสี่ยวหงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งเตรียมที่จะรับสำรับมื้อค่ำ 

"คุณหนูใหญ่ ท่านจะต้องเรียนสี่คำสอนของสตรีก่อนมื้ออาหารทุกวัน หากท่านท่องจำไม่ได้ ข้าคงไม่อาจให้ท่านรับสำรับมื้อเย็นได้เจ้าค่ะ"

เสี่ยวหงเงยหน้าไปมองแม่นมนางนั้นก่อนจะยิ้มออกมา แม่นมซูมองอาหารตรงหน้าเสี่ยวหง ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ หยิบตะเกียบอย่างถือดี

"แม่นมซูท่านจะทำอะไร?"

"ข้าต้องรับสำรับเย็นก่อนที่จะสอนคุณหนูใหญ่ อาหารของเรือนท่านหน้าตาน่ากินยิ่งนัก ข้าคงต้องฝากท้องไว้ที่เรือนท่านแล้ว ท่านเองก็นั่งอ่านท่องตำราเหล่านี้รอข้าเถิด รอข้ารับสำรับเย็นเรียบร้อยแล้วข้าจะทดสอบท่าน"

แม่นมซูมองเสี่ยวหงพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน เสี่ยวหงยกยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะยื่นมือไปดึงตะเกียบออกจากมือของแม่นมซู

"คุณหนูท่านจะทำสิ่งใด!!!"

แม่นมซูมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชา เสี่ยวหงวางตะเกียบลงก่อนจะสั่งให้อิ๋งเอ๋อร์ยกอาหารไปเก็บ

"ที่เรือนของข้ามีกฎระเบียบข้อหนึ่งที่แม่นมซูคงยังไม่รู้"

"กฎอะไรเจ้าคะ"

เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในเรือนของข้า หากข้ายังไม่ได้กินข้าว ใครก็ห้ามกินทั้งนั้น"

"คุณหนูใหญ่ข่มขู่ข้าหรือเจ้าคะ?"

แม่นมซูมองหน้าเสี่ยวหงอย่างเอาเรื่อง กฎบ้าบออะไรกัน มีเช่นนี้ที่ไหนนางไม่เคยได้ยินมาก่อน!!!

"ข้าไม่ได้ข่มขู่เสียหน่อย แม่นมซูเองก็เรียนมรรยาทมาไม่น้อย เหตุใดจึงเสียมรรยาทต่อเจ้าบ้านเช่นนี้เล่า"

"คุณหนูใหญ่! ท่าน! ช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ยิ่งนัก"

"สอนมรรยาทข้าเถิด ข้าพร้อมแล้ว"

แม่นมซูกัดฟันอย่างโกรธแค้น มือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นอยากจะฉีกร่างเสี่ยวหงเป็นชิ้นๆ

ผ่านไปนานเกือบสองก้านธูป เสี่ยวหงก็ยังคงจำสิ่งที่แม่นมซูพร่ำสอนไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่านางจำมันไม่ได้ แต่นางไม่อยากจะจำมันมากกว่า

ความจริงแล้วนางเป็นอัจฉริยะด้านความจำด้วยซ้ำ แต่เพื่อเล่นกับแม่นมซูผู้นี้นางแกล้งโง่เสียหน่อยคงจะสนุกไม่น้อย

เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปาก มองแม่นมที่หน้าซีดเผือดเหงื่อไหลไคลย้อย กุมท้องอย่างน่าเวทนา หึ! จะให้ข้าอดข้าวแย่งอาหารข้ากิน เจ้าฝันไปเถิด!!!

"วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถิด ข้าขอตัวเจ้าค่ะ คุณหนูเองก็ท่องจำให้ได้ ตอนเช้าข้าจะมาทดสอบท่านอีกครั้ง"

แม่นมซูเร่งรีบเดินออกไปจากเรือนของเสี่ยวหงด้วยความเจ็บใจ เดิมทีนางคิดว่าจะมาถ่วงเวลาการสอนให้กับเสี่ยวหง ให้นางอับจนหนทางจนน่าสมเพช

แต่เหตุใดจึงกลายเป็นนางที่มีสภาพน่าสมเพชแทนเล่า!!!

อิ๋งเอ๋อร์มองแม่นมซูที่เดินจากไป ก่อนจะหันมามองเสี่ยวหงที่มีท่าทางสบายใจอยู่บนเตียง

"คุณหนู แม่นมซูต้องโกรธท่านแน่ๆ เจ้าค่ะ"

เสี่ยวหงปรายตามองอิ๋งเอ๋อร์ ก่อนจะยิ้มตาหยี

"ช่างนางสิ!!! นางอยากมาก่อกวนข้าก่อนทำไม"

"แต่นางเป็นแม่นมที่เสี่ยวกุ้ยเฟยส่งมานะเจ้าคะ"

"ข้าไม่สน ที่นี่คือเรือนของข้า ใครที่เข้ามาสร้างความลำบากใจแก่ข้า ข้าไม่มีทางละเว้น"

อิ๋งเอ๋อร์ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ คุณหนูของนางตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาบางครั้งก็ดูแปลกพิกลยิ่งนัก

"คุณหนูท่านยังไม่ได้รับสำรับเย็นเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเตรียมให้ท่านใหม่นะเจ้าคะ"

"ไม่ต้องข้าอิ่มแล้ว"

"แต่บ่าวเห็นคุณหนูยังไม่ได้รับสำรับเย็นเลยนะเจ้าคะ"

"ใครว่าข้ายังไม่ได้รับสำรับเย็น ข้ากินขนมจุกจิกพวกนี้จนอิ่มแล้วต่างหากเล่า!!!"

เสี่ยวหงหยิบขนมกุ้ยฮวากับเกาลัดออกมาจากแขนเสื้อของนางก่อนจะยัดมันเข้าไปในปากพลางยิ้มตาหยี

คุณหนูของนางช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก มิน่าเล่าถึงได้นั่งอ่านตำราหน้าตาเฉย ขณะที่แม่นมซูผู้โชคร้ายนั่นก็หิวจนตาลาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 43 ชวนทำลูกส่งท้าย The End

    งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 42 ศึกแย่งอาหลัว 1-2

    อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 41 ศึกแย่งอาหลัว 1-1

    หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 40 ไม่ยอมรับความจริง

    เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 39 องค์หญิงผู้สูญหาย

    อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 38 เป็นตายไปด้วยกัน

    หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 37 ชาตินี้สัญญาจะรักเพียงเจ้า

    ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 36 อำมหิตเพื่อความอยู่รอด

    ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ

  • วุ่นนัก รักข้ามภพ   บทที่ 35 นางกำนัลเสี่ยวหง

    พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status