Share

บทที่ 9

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ฆ่าคนหรือ? ไม่จำเป็นหรอก”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากำลังจะไปแนวหน้า การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในเมืองหลวงไม่เกี่ยวกับข้า การฆ่าคนไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้า”

กวนอวิ๋นชะงักไป

เพื่อความปลอดภัยของแนวหน้า จวิ้นอ๋องยอมที่จะไม่รักษาหน้าตาของตนเอง กระทั่งไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงกับองค์ชายคนอื่น ๆ

หากในราชสำนักมีคนสนับสนุน จวิ้นอ๋องต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดบัลลังก์

น่าเสียดายที่การไปแนวหน้าครั้งนี้ มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จวิ้นอ๋องคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นแล้ว

“เอาละ ไม่ต้องไปสนใจเซียวหมิงผู้นั้น ต่อไปนี้ข้าจะสอนวิธีการตีเหล็กแบบหนึ่งให้พวกเจ้า”

ฉู่หนิงหยิบเหล็กดิบที่ถูกตีเป็นรูปทรงของดาบขึ้นมา กล่าวอย่างช้า ๆ “วิธีนี้เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า!”

หลังจากที่ได้เห็นกระบี่คู่กายและหอกประจำตัวของฮ่องเต้แล้ว ฉู่หนิงก็มั่นใจว่ายุคสมัยนี้ยังคงหยุดอยู่ที่ยุคเหล็ก

อาวุธทั้งหมด ล้วนทำมาจากเหล็ก

และครั้งนี้ เขาจะหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า เพื่อสร้างอาวุธถนัดมือให้ผู้คุ้มกันของตนเอง

ภายใต้การสอนของฉู่หนิง เหล่าทหารผ่านศึกก็เริ่มลงมือตีเหล็ก เสียงตีเหล็กภายในร้านตีเหล็กดังขึ้นไม่ขาดสาย

การตีเหล็กครั้งแรก ฉู่หนิงไม่วางใจ เขาจึงลงมือด้วยตนเอง

ภาพนี้ ก็ถูกคนที่มีเจตนาแอบแฝงมองเห็นเข้า

ข่าวแพร่ไปถึงพระราชวังอย่างรวดเร็ว

ฮ่องเต้ที่เพิ่งเลิกว่าราชการกำลังตรวจฎีกาอยู่ในตำหนัก ข้างกายมีหัวหน้าขันทีจ้าวหมิงคอยปรนนิบัติอยู่

ทันใดนั้น องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้ไล่พวกช่างตีเหล็กไปแล้ว เขา... เขากำลังตีอาวุธในร้านตีเหล็กด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ที่เดิมทีทรงอารมณ์ดีอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นสีพระพักตร์ก็พลันมืดมนอย่างยิ่ง ดวงตาอันเย็นเยียบฉายแววอำมหิตน่าสะพรึงกลัว

“หึ องค์ชายผู้สูงศักดิ์กลับลงมือตีเหล็กด้วยตนเอง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้มีเหตุผลที่มาที่ไปพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์เงาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านตีเหล็กวันนี้ให้ฟังหนึ่งรอบ

ฮ่องเต้ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง ยิ่งฟังก็ยิ่งกริ้ว

ฉู่หนิงเป็นโอรสของเรา ถึงจะเป็นบุตรนอกสมรส ต่อให้ไม่มีอำนาจและบารมี แต่ก็จะไปรับใช้บ้านเมืองที่แนวหน้าแล้ว

แค่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กแห่งหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมารังแกฉู่หนิงถึงเพียงนี้!

เจ้าฉู่หนิงนี่ก็เหมือนกัน เจ้าเป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้?

เหตุใดเจ้าไม่กล้าแสดงอำนาจและบารมีขององค์ชายออกมา?

เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าหยิ่งผยองโอหังกว่านี้อีกสักหน่อย!

ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น กลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตำหนัก

จ้าวหมิงที่คุ้นเคยกับนิสัยของฮ่องเต้ดีถึงกับคอหด รู้สึกเย็นเยียบไปถึงสันหลัง

เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังจะฆ่าคนแล้ว!

“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”

ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็น “แค่เถ้าแก่ตัวเล็ก ๆ กล้ามารังแกฉู่หนิง ฉู่หนิงไม่อยากจะก่อเรื่อง แต่เราจะปล่อยให้คนผู้นี้กำเริบเสิบสานได้อย่างไร”

“องครักษ์เงา เจ้าจงนำคนไปฆ่าล้างตระกูลเถ้าแก่นั่นเสีย!”

องครักษ์เงาตกตะลึง

ไม่จริงน่า แค่ต่อปากต่อคำกับฉู่หนิงไม่กี่ประโยค ฮ่องเต้ถึงกับจะสั่งฆ่าล้างตระกูลเชียวหรือ?

“ฝ่าบาท เถ้าแก่นั่นเป็นคนที่องค์รัชทายาทส่งไปแฝงตัวอยู่กับองค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ถลึงตา “เราไม่สนว่ามันเป็นคนของใคร รังแกองค์ชาย ต้องตายสถานเดียว!”

องครักษ์เงาใจสั่น รู้ว่าฮ่องเต้ทรงพิโรธแล้ว จึงรีบรับคำแล้วออกไปจัดการทันที

จ้าวหมิงรีบยกน้ำชาเข้ามา “ฝ่าบาททรงจิบชาดับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองถ้วยชาแวบหนึ่ง กำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อพบว่าใบชาข้างในเป็นของที่ฉู่หนิงมอบให้ ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

เจ้าเด็กฉู่หนิงนี่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง ไม่กล้าล่วงเกินผู้ใด ถึงกับถูกเถ้าแก่ร้านตีเหล็กตัวเล็ก ๆ รังแกถึงเพียงนี้

หากเราไม่ออกหน้าให้ฉู่หนิง แล้วเกียรติของราชวงศ์จะเหลืออะไร?

จากนั้นยื่นพระหัตถ์ไปยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ คำพูดขององครักษ์เงาเมื่อครู่ก็เริ่มดังก้องอยู่ในหัวอย่างช้า ๆ

เวลานี้ จ้าวหมิงก็ยิ้มพลางกระซิบเบา ๆ “อันที่จริงเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็ทรงชาญฉลาดมากนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่กลยุทธ์ที่ทำให้เจ้าเซียวหมิงนั่นยอมมอบร้านตีเหล็กออกมาเอง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนประหลาดใจแล้ว

จะว่าไปแล้ว ด้านนี้ของจวิ้นอ๋องก็คล้ายกับฝ่าบาทมากนะพ่ะย่ะค่ะ~”

ฮ่องเต้วางถ้วยชาลง เหลือบมองจ้าวหมิงแวบหนึ่ง “เจ้าคนประจบสอพลอ!”

จ้าวหมิงยิ้มเจื่อน ๆ ไม่ได้พูดอะไร

แม้จะรู้ว่าเป็นคำประจบสอพลอ แต่ในพระทัยของฮ่องเต้ก็ยังทรงรู้สึกพึงพอใจ บนใบหน้าไม่ได้ดูเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหารอีกต่อไป

ฉู่หนิงจะขี้ขลาดก็ส่วนขี้ขลาด แต่ความฉลาดนี่สืบทอดมาจากเราโดยแท้!

ฮ่องเต้แสดงสีหน้าพึงพอใจ “เอาละ เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้”

ตรัสเพียงประโยคเดียวก็เป็นการกำหนดทิศทางแล้ว ฮ่องเต้กลับไปประทับที่เดิมแล้วตรวจฎีกาต่อ

จ้าวหมิงอ้าปากอยากจะพูด แต่เมื่อเห็นฮ่องเต้กำลังตรวจฎีกา เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

เจ้าเซียวหมิงนั่นเป็นไส้ศึกขององค์รัชทายาท และภายนอกก็เป็นคนขององค์ชายรอง หากถูกฆ่าล้างตระกูล องค์รัชทายาทและองค์ชายรองจะยอมรามือได้อย่างไร?

แม้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ องค์รัชทายาทและองค์ชายรองย่อมไม่กล้าทำอะไรฮ่องเต้ แต่ฉู่หนิงจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน!

เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ เขาไม่กล้าพูดออกไป

การต่อสู้ระหว่างองค์ชาย เขาเป็นเพียงขันทีคนหนึ่งจะกล้าพูดมากได้อย่างไร

อีกอย่าง ฉู่หนิงนั่นไม่มีทั้งอำนาจและบารมี เหตุใดเขาจะต้องไปล่วงเกินองค์รัชทายาทและองค์ชายรองเพื่อฉู่หนิงด้วย?

ทางด้านนี้ องครักษ์เงาได้นำคนมาถึงบ้านของเซียวหมิงแล้ว การสังหารหมู่ได้เริ่มขึ้น

เซียวหมิงที่กำลังซ่อนเงินอยู่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากข้างนอก สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเปิดประตูห้องแล้วคิดจะหลบหนี

แต่องครักษ์เงาได้ขวางทางไว้แล้ว กระบี่คมกริบในมือตวัดออกไป เซียวหมิงถูกแทงทะลุจนเย็นวาบไปทั้งตัว ยังไม่ทันได้พูดอะไร ดวงตาก็เบิกโพลง ล้มลงสิ้นใจตายทันที

ทั้งตระกูลเซียวถูกองครักษ์เงาฆ่าล้างจนหมดสิ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแล้ว องครักษ์เงาจึงจุดไฟเผาสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่นานก็แพร่ไปถึงตำหนักบูรพา

“องค์รัชทายาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเซียวถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว!” เหอเผิงคนสนิทขององค์รัชทายาทวิ่งเข้ามารายงานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

องค์รัชทายาทที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่สีหน้าพลันมืดมน เจตนาสังหารทั่วร่างพุ่งขึ้น พู่กันในมือถูกบีบจนแตกละเอียดในทันที

“บัดซบ เป็นฝีมือใคร?”

“เป็น... เป็นองครักษ์เงาพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์รัชทายาทถึงกับตะลึง เจตนาสังหารทั่วร่างพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

องครักษ์เงาฟังคำสั่งจากเสด็จพ่อเท่านั้น!

เรื่องนี้เป็นฝีมือของเสด็จพ่อ

“เหตุใดเสด็จพ่อถึงต้องฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิง?”

“เพราะวันนี้เซียวหมิงจงใจหาเรื่องเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

เหอเผิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังคร่าว ๆ

องค์รัชทายาทหลังจากฟังจบก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้น “เพื่อไอ้ขยะฉู่หนิงคนเดียว สด็จพ่อถึงกับสั่งฆ่าล้างตระกูล ดูเหมือนว่าฉู่หนิงผู้นี้จะเก็บไว้ไม่ได้แล้ว!”

ในใจของเหอเผิงเคียดแค้น “ให้กระหม่อมไปสั่งสอนเขาสักหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น!”

มุมปากขององค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ภายนอกเซียวหมิงเป็นคนของน้องรอง ข้าเชื่อว่าตอนนี้น้องรองคงจะโกรธแค้นยิ่งกว่า รอดูพวกเขาต่อสู้กันเองไม่ดีกว่าหรือ?”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เหอเผิงรับคำ หลังจากออกไปแล้วก็ส่งคนไปกระจายข่าว

ครึ่งชั่วยามต่อมา ภายในจวนองค์ชายรองก็มีเสียงคำรามดังลั่น

พร้อมกับเสียงแจกันแตกกระจาย ดวงตาทั้งสองของฉู่หมิงแดงก่ำ สองมือกำแน่น ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจที่ยากจะระบายออกมา ทำให้หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด

“ดีมากฉู่หนิง ร้านตีเหล็กเจ้าเอาไปก็ช่างเถอะ ยังจะมาไล่ช่างตีเหล็กออกไป มิหนำซ้ำยังทำให้เสด็จพ่อฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิงอีก เจ้าช่างใจคอโหดเหี้ยมนัก!”

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ฉู่หมิงถึงกับพลิกโต๊ะด้วยความโมโห!

“รีดไถร้านตีเหล็กสองแห่งกับเงินหนึ่งพันตำลึงของข้าไป ทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ ตอนนี้ยังมาฆ่าคนของข้าอีก หากข้าไม่ตอบโต้กลับไป จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนหรอกหรือ!”

ฉู่หมิงคำรามลั่นออกไปนอกห้องโถง “ไปตามรองเสนาบดีกรมกลาโหมมาพบข้า!”

ลักลอบตีอาวุธ นี่เป็นความผิดมหันต์!

ถึงแม้เสด็จพ่อจะไม่ฆ่าฉู่หนิง ก็จะต้องลงโทษอย่างแน่นอน

ข้า ก็แค่จะทำให้ฉู่หนิงต้องเดือดร้อนบ้าง!

ก็แค่ตัวตายตัวแทน ยังกล้ามาทำตามอำเภอใจในเมืองหลวงอีกหรือ!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status