Share

บทที่ 9

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ฆ่าคนหรือ? ไม่จำเป็นหรอก”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากำลังจะไปแนวหน้า การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในเมืองหลวงไม่เกี่ยวกับข้า การฆ่าคนไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้า”

กวนอวิ๋นชะงักไป

เพื่อความปลอดภัยของแนวหน้า จวิ้นอ๋องยอมที่จะไม่รักษาหน้าตาของตนเอง กระทั่งไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงกับองค์ชายคนอื่น ๆ

หากในราชสำนักมีคนสนับสนุน จวิ้นอ๋องต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดบัลลังก์

น่าเสียดายที่การไปแนวหน้าครั้งนี้ มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จวิ้นอ๋องคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นแล้ว

“เอาละ ไม่ต้องไปสนใจเซียวหมิงผู้นั้น ต่อไปนี้ข้าจะสอนวิธีการตีเหล็กแบบหนึ่งให้พวกเจ้า”

ฉู่หนิงหยิบเหล็กดิบที่ถูกตีเป็นรูปทรงของดาบขึ้นมา กล่าวอย่างช้า ๆ “วิธีนี้เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า!”

หลังจากที่ได้เห็นกระบี่คู่กายและหอกประจำตัวของฮ่องเต้แล้ว ฉู่หนิงก็มั่นใจว่ายุคสมัยนี้ยังคงหยุดอยู่ที่ยุคเหล็ก

อาวุธทั้งหมด ล้วนทำมาจากเหล็ก

และครั้งนี้ เขาจะหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า เพื่อสร้างอาวุธถนัดมือให้ผู้คุ้มกันของตนเอง

ภายใต้การสอนของฉู่หนิง เหล่าทหารผ่านศึกก็เริ่มลงมือตีเหล็ก เสียงตีเหล็กภายในร้านตีเหล็กดังขึ้นไม่ขาดสาย

การตีเหล็กครั้งแรก ฉู่หนิงไม่วางใจ เขาจึงลงมือด้วยตนเอง

ภาพนี้ ก็ถูกคนที่มีเจตนาแอบแฝงมองเห็นเข้า

ข่าวแพร่ไปถึงพระราชวังอย่างรวดเร็ว

ฮ่องเต้ที่เพิ่งเลิกว่าราชการกำลังตรวจฎีกาอยู่ในตำหนัก ข้างกายมีหัวหน้าขันทีจ้าวหมิงคอยปรนนิบัติอยู่

ทันใดนั้น องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้ไล่พวกช่างตีเหล็กไปแล้ว เขา... เขากำลังตีอาวุธในร้านตีเหล็กด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ที่เดิมทีทรงอารมณ์ดีอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นสีพระพักตร์ก็พลันมืดมนอย่างยิ่ง ดวงตาอันเย็นเยียบฉายแววอำมหิตน่าสะพรึงกลัว

“หึ องค์ชายผู้สูงศักดิ์กลับลงมือตีเหล็กด้วยตนเอง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้มีเหตุผลที่มาที่ไปพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์เงาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านตีเหล็กวันนี้ให้ฟังหนึ่งรอบ

ฮ่องเต้ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง ยิ่งฟังก็ยิ่งกริ้ว

ฉู่หนิงเป็นโอรสของเรา ถึงจะเป็นบุตรนอกสมรส ต่อให้ไม่มีอำนาจและบารมี แต่ก็จะไปรับใช้บ้านเมืองที่แนวหน้าแล้ว

แค่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กแห่งหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมารังแกฉู่หนิงถึงเพียงนี้!

เจ้าฉู่หนิงนี่ก็เหมือนกัน เจ้าเป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้?

เหตุใดเจ้าไม่กล้าแสดงอำนาจและบารมีขององค์ชายออกมา?

เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าหยิ่งผยองโอหังกว่านี้อีกสักหน่อย!

ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น กลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตำหนัก

จ้าวหมิงที่คุ้นเคยกับนิสัยของฮ่องเต้ดีถึงกับคอหด รู้สึกเย็นเยียบไปถึงสันหลัง

เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังจะฆ่าคนแล้ว!

“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”

ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็น “แค่เถ้าแก่ตัวเล็ก ๆ กล้ามารังแกฉู่หนิง ฉู่หนิงไม่อยากจะก่อเรื่อง แต่เราจะปล่อยให้คนผู้นี้กำเริบเสิบสานได้อย่างไร”

“องครักษ์เงา เจ้าจงนำคนไปฆ่าล้างตระกูลเถ้าแก่นั่นเสีย!”

องครักษ์เงาตกตะลึง

ไม่จริงน่า แค่ต่อปากต่อคำกับฉู่หนิงไม่กี่ประโยค ฮ่องเต้ถึงกับจะสั่งฆ่าล้างตระกูลเชียวหรือ?

“ฝ่าบาท เถ้าแก่นั่นเป็นคนที่องค์รัชทายาทส่งไปแฝงตัวอยู่กับองค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ถลึงตา “เราไม่สนว่ามันเป็นคนของใคร รังแกองค์ชาย ต้องตายสถานเดียว!”

องครักษ์เงาใจสั่น รู้ว่าฮ่องเต้ทรงพิโรธแล้ว จึงรีบรับคำแล้วออกไปจัดการทันที

จ้าวหมิงรีบยกน้ำชาเข้ามา “ฝ่าบาททรงจิบชาดับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองถ้วยชาแวบหนึ่ง กำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อพบว่าใบชาข้างในเป็นของที่ฉู่หนิงมอบให้ ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

เจ้าเด็กฉู่หนิงนี่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง ไม่กล้าล่วงเกินผู้ใด ถึงกับถูกเถ้าแก่ร้านตีเหล็กตัวเล็ก ๆ รังแกถึงเพียงนี้

หากเราไม่ออกหน้าให้ฉู่หนิง แล้วเกียรติของราชวงศ์จะเหลืออะไร?

จากนั้นยื่นพระหัตถ์ไปยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ คำพูดขององครักษ์เงาเมื่อครู่ก็เริ่มดังก้องอยู่ในหัวอย่างช้า ๆ

เวลานี้ จ้าวหมิงก็ยิ้มพลางกระซิบเบา ๆ “อันที่จริงเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็ทรงชาญฉลาดมากนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่กลยุทธ์ที่ทำให้เจ้าเซียวหมิงนั่นยอมมอบร้านตีเหล็กออกมาเอง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนประหลาดใจแล้ว

จะว่าไปแล้ว ด้านนี้ของจวิ้นอ๋องก็คล้ายกับฝ่าบาทมากนะพ่ะย่ะค่ะ~”

ฮ่องเต้วางถ้วยชาลง เหลือบมองจ้าวหมิงแวบหนึ่ง “เจ้าคนประจบสอพลอ!”

จ้าวหมิงยิ้มเจื่อน ๆ ไม่ได้พูดอะไร

แม้จะรู้ว่าเป็นคำประจบสอพลอ แต่ในพระทัยของฮ่องเต้ก็ยังทรงรู้สึกพึงพอใจ บนใบหน้าไม่ได้ดูเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหารอีกต่อไป

ฉู่หนิงจะขี้ขลาดก็ส่วนขี้ขลาด แต่ความฉลาดนี่สืบทอดมาจากเราโดยแท้!

ฮ่องเต้แสดงสีหน้าพึงพอใจ “เอาละ เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้”

ตรัสเพียงประโยคเดียวก็เป็นการกำหนดทิศทางแล้ว ฮ่องเต้กลับไปประทับที่เดิมแล้วตรวจฎีกาต่อ

จ้าวหมิงอ้าปากอยากจะพูด แต่เมื่อเห็นฮ่องเต้กำลังตรวจฎีกา เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

เจ้าเซียวหมิงนั่นเป็นไส้ศึกขององค์รัชทายาท และภายนอกก็เป็นคนขององค์ชายรอง หากถูกฆ่าล้างตระกูล องค์รัชทายาทและองค์ชายรองจะยอมรามือได้อย่างไร?

แม้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ องค์รัชทายาทและองค์ชายรองย่อมไม่กล้าทำอะไรฮ่องเต้ แต่ฉู่หนิงจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน!

เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ เขาไม่กล้าพูดออกไป

การต่อสู้ระหว่างองค์ชาย เขาเป็นเพียงขันทีคนหนึ่งจะกล้าพูดมากได้อย่างไร

อีกอย่าง ฉู่หนิงนั่นไม่มีทั้งอำนาจและบารมี เหตุใดเขาจะต้องไปล่วงเกินองค์รัชทายาทและองค์ชายรองเพื่อฉู่หนิงด้วย?

ทางด้านนี้ องครักษ์เงาได้นำคนมาถึงบ้านของเซียวหมิงแล้ว การสังหารหมู่ได้เริ่มขึ้น

เซียวหมิงที่กำลังซ่อนเงินอยู่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากข้างนอก สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเปิดประตูห้องแล้วคิดจะหลบหนี

แต่องครักษ์เงาได้ขวางทางไว้แล้ว กระบี่คมกริบในมือตวัดออกไป เซียวหมิงถูกแทงทะลุจนเย็นวาบไปทั้งตัว ยังไม่ทันได้พูดอะไร ดวงตาก็เบิกโพลง ล้มลงสิ้นใจตายทันที

ทั้งตระกูลเซียวถูกองครักษ์เงาฆ่าล้างจนหมดสิ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแล้ว องครักษ์เงาจึงจุดไฟเผาสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่นานก็แพร่ไปถึงตำหนักบูรพา

“องค์รัชทายาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเซียวถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว!” เหอเผิงคนสนิทขององค์รัชทายาทวิ่งเข้ามารายงานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

องค์รัชทายาทที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่สีหน้าพลันมืดมน เจตนาสังหารทั่วร่างพุ่งขึ้น พู่กันในมือถูกบีบจนแตกละเอียดในทันที

“บัดซบ เป็นฝีมือใคร?”

“เป็น... เป็นองครักษ์เงาพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์รัชทายาทถึงกับตะลึง เจตนาสังหารทั่วร่างพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

องครักษ์เงาฟังคำสั่งจากเสด็จพ่อเท่านั้น!

เรื่องนี้เป็นฝีมือของเสด็จพ่อ

“เหตุใดเสด็จพ่อถึงต้องฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิง?”

“เพราะวันนี้เซียวหมิงจงใจหาเรื่องเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

เหอเผิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังคร่าว ๆ

องค์รัชทายาทหลังจากฟังจบก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้น “เพื่อไอ้ขยะฉู่หนิงคนเดียว สด็จพ่อถึงกับสั่งฆ่าล้างตระกูล ดูเหมือนว่าฉู่หนิงผู้นี้จะเก็บไว้ไม่ได้แล้ว!”

ในใจของเหอเผิงเคียดแค้น “ให้กระหม่อมไปสั่งสอนเขาสักหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น!”

มุมปากขององค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ภายนอกเซียวหมิงเป็นคนของน้องรอง ข้าเชื่อว่าตอนนี้น้องรองคงจะโกรธแค้นยิ่งกว่า รอดูพวกเขาต่อสู้กันเองไม่ดีกว่าหรือ?”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เหอเผิงรับคำ หลังจากออกไปแล้วก็ส่งคนไปกระจายข่าว

ครึ่งชั่วยามต่อมา ภายในจวนองค์ชายรองก็มีเสียงคำรามดังลั่น

พร้อมกับเสียงแจกันแตกกระจาย ดวงตาทั้งสองของฉู่หมิงแดงก่ำ สองมือกำแน่น ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจที่ยากจะระบายออกมา ทำให้หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด

“ดีมากฉู่หนิง ร้านตีเหล็กเจ้าเอาไปก็ช่างเถอะ ยังจะมาไล่ช่างตีเหล็กออกไป มิหนำซ้ำยังทำให้เสด็จพ่อฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิงอีก เจ้าช่างใจคอโหดเหี้ยมนัก!”

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ฉู่หมิงถึงกับพลิกโต๊ะด้วยความโมโห!

“รีดไถร้านตีเหล็กสองแห่งกับเงินหนึ่งพันตำลึงของข้าไป ทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ ตอนนี้ยังมาฆ่าคนของข้าอีก หากข้าไม่ตอบโต้กลับไป จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนหรอกหรือ!”

ฉู่หมิงคำรามลั่นออกไปนอกห้องโถง “ไปตามรองเสนาบดีกรมกลาโหมมาพบข้า!”

ลักลอบตีอาวุธ นี่เป็นความผิดมหันต์!

ถึงแม้เสด็จพ่อจะไม่ฆ่าฉู่หนิง ก็จะต้องลงโทษอย่างแน่นอน

ข้า ก็แค่จะทำให้ฉู่หนิงต้องเดือดร้อนบ้าง!

ก็แค่ตัวตายตัวแทน ยังกล้ามาทำตามอำเภอใจในเมืองหลวงอีกหรือ!

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 100

    ฉู่หนิงถือจอกเหล้าแล้วยิ้ม “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ช่วยให้ลูกได้แต่งงานในครั้งนี้”ฮ่องเต้พยักหน้าถือจอกเหล้า “จากนี้ เจ้าต้องดีกับท่านหญิงเสิ่นให้มาก”“เสด็จพ่อวางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้หว่านอิ๋งต้องลำบากใจ!”“ดี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”เมื่อเห็นฉู่หนิงเปลี่ยนกระทั่งสรรพนาม ส่วนเสิ่นหว่านอิ๋งไม่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดังยกจอกเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมดทว่า ในขณะที่ฉู่หนิงเตรียมดื่มคารวะฮองเฮา กลิ่นหอมโชยมาพร้อมเสียงฝีเท้าอย่างรวดเร็วต่อมา เสียงใสกังวานดังขึ้นด้านหลังเขา “ยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายสำเร็จแล้ว เหล้าจอกนี้ข้าขอดื่มคารวะเจ้า!”ฉู่หนิงเลิกคิ้ว แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่จ้าวเฟยเยี่ยนเป็นฝ่ายเสนอหน้า แต่ก็หันหลังพร้อมหัวเราะเสียงค่อย“นานทีองค์หญิงแห่งต้าจ้าวจะเดินทางมาต้าฉู่ เหล้าจอกนี้ ข้าดื่มหมดจอก!”พูดจบ ฉู่หนิงดื่มจนหมดในคราวเดียวจ้าวเฟยเยี่ยนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดในคราวเดียวเช่นกันแม้จะเป็นสตรี แต่ความองอาจบนตัวนางกลับไม่แพ้ชายใดเมื่อดื่มเสร็จ จ้าวเฟยเยี่ยนหันมองเสิ่นหว่านอิ๋ง หยิบกาเหล้ารินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก พลางยิ้มแล้ว

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 99

    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ ฮองเฮา!”ฉู่หนิงเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรถม้าขบวนเสด็จหยุดลง ฮ่องเต้ที่สวมชุดสีเหลืองทองเป็นฝ่ายเดินลงมาก่อนฮ่องเต้เปลี่ยนจากความน่าเกรงขามในยามปกติที่สวมชุดมังกร เป็นรอยยิ้มที่มีเมตตาของบิดาต่อมา หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดฝ่ายในสีม่วงเดินลงมาจากรถม้าหลวงอย่างเชื่องช้าแม้รูปโฉมนางจะไม่ได้งดงามมากนัก แต่บนตัวกลับมีพลังของความเป็นแม่แห่งแผ่นดินเผยออกมา!นั่นคือฮองเฮาแห่งต้าฉู่ มารดาแท้ ๆ ของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน จูซูเหยา!เมื่อมองฉู่หนิงที่ก้มลงทำความเคารพแวบหนึ่ง ดวงตาฮองเฮามีความแปลกใจแวบผ่านช่วงเวลานี้ นางพอจะได้ยินเรื่องราวการกระทำของฉู่หนิงมาบ้าง แต่รู้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า ดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสนใจฉู่หนิงมากนักหากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เรียนเชิญด้วยพระองค์เอง นางคงไม่มีทางปรากฏตัวในงานหมั้นของฉู่หนิงครั้งแรกที่เห็นฉู่หนิง มองดูใบหน้าที่ละม้ายกับฮ่องเต้อยู่บ้าง ไม่รู้เหตุใด ในใจกลับรู้สึกประหม่าว่าฉู่หนิงจะชิงบัลลังก์กับลูกชายของนางต่อมาเมื่อนึกได้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า ความกังวลนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆขณะ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 98

    เมื่อมองดูใบหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนที่โกรธจนหน้าถมึงทึง เหล่าขุนนางหัวเราะเสียงดัง ต่างเยาะเย้ย“องค์ชายกล่าวถูกต้อง องค์หญิงเฟยเยี่ยนช่างเป็นคนดีเหลือเกิน”“ต้นโสมช่างให้ได้เหมาะเจาะ องค์หญิงเฟยเยี่ยน หากครั้งหน้ายังมีต้นโสมเช่นนี้โปรดส่งมาสักหลายต้น!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายรับต้นโสมเอาไว้ ได้ประโยชน์ถึงสองทาง!”“สมแล้วที่เป็นต้าจ้าว มั่งคั่งร่ำรวย รู้ว่ายามนี้องค์ชายต้องการต้นโสม ถึงกับนำมามอบให้เอง ถือเป็นการช่วยเหลือกันในยามยาก!”คำพูดของเหล่าขุนนางราวกระบี่คมกริบ เชือดเฉือนใจจ้าวเฟยเยี่ยนอย่างแรงนางไม่เคยนึกไม่เคยฝัน เจ้าฉู่หนิงกลับนึกถึงเหตุผลที่ไร้ยางอายขนาดนี้ได้นางปรามาสฉู่หนิงเกินไป!จ้าวเฟยเยี่ยนแววตาเย็นเยียบ ความทรงพลังทั่วร่างล่มสลายในวินาทีนี้ ไม่มีความกำเริบเสิบสานเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงจวนอ๋องทว่าขณะนั้น เจ้าฉู่หนิงกลัวหัวเราะ “ทำไมองค์หญิงเฟยเยี่ยนไม่พูดซะแล้วล่ะ? หรือไม่เห็นด้วยกับคำพูดของข้า?”จ้าวเฟยเยี่ยนจ้องมองฉู่หนิงครู่หนึ่ง “นึกไม่ถึงว่าองค์ชายจะพูดจาฉะฉานเช่นนี้ กลับเป็นเฟยเยี่ยนที่ไม่รอบคอบ ทว่า วันนี้เป็นวันมหามงคลขององค์ชาย เฟยเยี่ยนไม่ขอโดดเด่นเก

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 97

    ต้นโสมสามร้อยปีหนึ่งต้นทำให้ฉู่หนิงจมสู่ห้วงความคิดทว่าขณะนั้น นอกจวนอ๋องดันมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ขุนนางมากมายต่างทยอยมาถึงแล้วพิธีกรที่เดิมทียืนอยู่หน้าประตูเตรียมเรียกขานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เข้ามากระซิบข้างกายฉู่หนิง “องค์ชาย ใกล้ถึงฤกษ์ดีแล้ว เหล่าขุนนางในราชสำนักมาแล้วขอรับ”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปที่ถนน พบว่ามีขุนนางมากมายบ้างก็ขี่ม้า บ้างก็นั่งเกี้ยวกำลังมุ่งหน้ามาทางจวนอ๋องหากยังมัวร่ำไรอยู่กับจ้าวเฟยเยี่ยน รอให้ทุกคนมาถึง กลับกลายเป็นที่ขบขันของทุกคนระหว่างครุ่นคิด มุมปากจ้าวเฟยเยี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย จนเป็นองศาที่น่าตะลึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกละสิ?เหงื่อคงเต็มแผ่นหลังสินะ!ใครใช้ให้เจ้าเป็นอริกับข้า!วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้าอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลฮึ กล้าปฏิเสธองค์หญิงอย่างข้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีกัน!“แค่โสมต้นเดียวก็ทำให้จวิ้นอ๋องลำบากใจเพียงนี้เชียวหรือ?”จ้าวเฟยเยี่ยนขยับริมฝีปากแดงแผ่วเบา เหลือบมองร่างกายท่อนล่างของฉู่หนิง หัวเราะกล่าวว่า “หรือองค์ชายมีความลำบากที่ยากจะเอื้อยเอ่ย?”คำพูดประโยคหลัง นางเน้นย้ำเป็นพิเศษ!ฉู่หนิงเลิกคิ้ว “องค์หญิงเฟ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 96

    กลับเป็นเสิ่นหว่านอิ๋งที่มองฉู่หนิงอย่างขอโทษ จากนั้นจึงคล้องแขนมารดาตัวเองเข้าไปพร้อมกันฉู่หนิงลูบจมูกตัวเอง แล้วหัวเราะเจื่อน กลับไม่ได้ซักไซ้อะไรให้มากความ อย่างไรวันนี้เป้าหมายของเขาคือของขวัญของเหล่าองค์ชายและขุนนาง ท่าทีที่เสิ่นฮูหยินมีต่อเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ“ดูแลเสิ่นฮูหยินกับท่านหญิงให้ดี ข้าจะไปต้อนรับทุกคนที่หน้าประตูด้วยตนเอง!”ฉู่หนิงสั่งการเสร็จสรรพ จึงได้พากวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สองคนเดินไปต้อนรับหน้าประตูจวนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป แขกที่มาร่วมงานคนแรกปรากฏตัวแล้วคนผู้นั้นอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีน้ำเงิน ผมยาวถักเปียเป็นเส้นเล็กมากมาย ปล่อยสยายอยู่บนบ่าและแผ่นหลังดวงตาสดใสมีชีวิตชีวาคู่นั้น เข้าคู่กับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจาง ๆ หากไม่ใช่จ้าวเฟยเยี่ยนองค์หญิงสิบแห่งต้าจ้าวจะเป็นใครได้อีก!ฉู่หนิงอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเป็นคนแรกส่วนกวนอวิ๋นกับจ้าวอวี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เคลื่อนฝีเท้าไปข้างกายฉู่หนิง หากอีกฝ่ายกล้าก่อเรื่อง พวกเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่!”“ขอแสดงความยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายในวันนี้ ข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าจวิ้นอ๋องคงไม่อย

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 95

    “อะไรนะ ฉู่หนิงเอาเรื่องที่เรากับฮองเฮาจะไปร่วมงานหมั้นของเขาไปเผยแพร่หรือ?”คืนนั้น ภายในตำหนักอิงอู่ของวังหลวงเสียงประหลาดใจของฮ่องเต้ดังขึ้นมาองครักษ์เงาภายในตำหนักเอ่ยด้วยความเคารพว่า “เรื่องนี้แพร่กระจายในเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทั้งหมดกับขุนนางใหญ่ได้ยินข่าวนี้ก็กำลังเปลี่ยนของขวัญที่เตรียมไว้แต่เดิมกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ตาเป็นประกายขึ้นมา ทำหน้าเข้าใจทันทีที่แท้ฉู่หนิงทำเพื่อของขวัญแสดงความยินดีที่คนเหล่านี้มอบให้ถึงแม้ว่าเดิมทีอยากเก็บเรื่องเข้าร่วมงานนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ ข่มขวัญพวกคนที่อยากจะก่อความวุ่นวายในงานหมั้นเพื่อหนุนหลังฉู่หนิง แต่ในเมื่อฉู่หนิงอยากให้เอิกเกริก เช่นนั้นก็เอาให้เอิกเกริกไปเลยถึงอย่างไรของขวัญแสดงความยินดีที่ฉู่หนิงได้รับพวกนั้นก็ไม่อาจเก็บไว้ได้อยู่ดี ถูกนำไปใช้ในแนวหน้ามากกว่าครึ่งว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับต้าฉู่เหมือนกัน“ในเมื่อเรื่องแพร่ไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว จ้าวหมิง เจ้าให้กรมวังไปเตรียมราชรถสำหรับอีกสองวันข้างหน้า” “กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วไปเตรียมการทันทีต่อมา ฮ่องเต้ก็เผยส

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status