แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: สายลมไร้กาลเวลา
เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ในคืนวันนั้น จ้าวหมิงก็นำรายชื่อหญิงสาวที่อยู่ในวัยเหมาะสมเข้ามาถวาย

ใต้แสงเทียนที่ริบหรี่ในยามค่ำคืน เดิมทีควรจะเงียบสงัด แต่ฮ่องเต้ที่อยู่ภายในตำหนักอิงอู่กลับทรงกระปรี้กระเปร่า ดวงพระเนตรคมแหลมคมกวาดมองรายชื่อในมืออย่างต่อเนื่อง

หญิงสาววัยเหมาะสมมีอยู่มากมาย แต่การจะหาคนที่เหมาะสมกับฉู่หนิงนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย

ฉู่หนิงจะต้องเดินทางไปสนามรบที่แนวหน้า การไปครั้งนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับมา ภรรยาที่จะเลือกให้เขา จะต้องยอมรับในจุดนี้ได้

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฉู่หนิงคือองค์ชาย ชาติตระกูลของภรรยาจะต่ำต้อยเกินไปไม่ได้

“หลานสาวของมหาราชครูอายุสิบหกแล้วหรือ? น่าเสียดาย มหาราชครูคงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้แน่”

“เอ๊ะ? บุตรสาวของเสนาบดีโจวอายุสิบแปดแล้วยังไม่ออกเรือนหรือ? ไม่ได้ อายุมากไปหน่อย”

“บุตรสาวของหลิวอ้ายชิงอายุสิบห้าก็นับว่าเหมาะสมดี น่าเสียดายที่หลิวอ้ายชิงนั่นนิสัยเสีย เราไม่อยากจะไปยุ่งกับเขา”

ฮ่องเต้ทรงตรวจดูรายชื่อทีละบรรทัด ค่อย ๆ คัดคนที่ไม่เหมาะสมออกไปทีละคน

จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างมองจนหนังตากระตุก

ฝ่าบาทคงไม่ได้ถือโอกาสนี้เลือกสนมเข้าวังหรอกกระมัง?

เผิงไหลจวิ้นอ๋องเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน กำลังจะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องวุ่นวายเลือกภรรยาให้เขาด้วย?

แค่หาใครสักคนแต่งกับฉู่หนิงไปก็สิ้นเรื่องแล้ว

แน่นอนว่า คำพูดนี้จ้าวหมิงไม่กล้าพูดออกไป ทำได้เพียงคอยรินน้ำชาอยู่ข้าง ๆ เป็นครั้งคราว

กลิ่นหอมของชากระจายไปทั่ว ปลุกให้ฮ่องเต้ตื่นจากภวังค์

“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ก็เจ้าเล่ห์นัก รายชื่อมากมายขนาดนี้ให้เราเลือกคนเดียว ส่วนตัวเองก็แอบอู้อยู่ข้าง ๆ ”

ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร ยื่นรายชื่อในมือส่งไปให้ “เจ้าหาคนที่เหมาะสมจะแต่งกับฉู่หนิงมาให้เรา คืนนี้ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องนอน!”

จ้าวหมิงร้อนรนขึ้นมาทันที

เหตุใดถึงได้กลายเป็นเรื่องของตัวเองไปได้?

จ้าวหมิงใช้สองมือรับรายชื่อมา ไม่แม้แต่จะมองสักแวบเดียว ยิ้มเจื่อน ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท อันที่จริงมีคนหนึ่งที่เหมาะสมมากพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงพระเนตรของฮ่องเต้เป็นประกาย “เรารู้อยู่แล้วว่าตาเฒ่าอย่างเจ้าต้องมีความคิดเห็นดี ๆ แน่ รีบพูดมา เป็นใคร?”

“เสิ่นหว่านอิ๋งพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ฮ่องเต้ก็ทรงเลิกคิ้วขึ้น พบว่าตนเองไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับชื่อนี้เลย

จ้าวหมิงสังเกตเห็นความอึดอัดของฮ่องเต้ จึงรีบอธิบาย “สตรีผู้นี้เป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน บิดาของนางพลีชีพในสนามรบเพื่อปกป้องแผ่นดินต้าฉู่ของเรา หลายปีมานี้ จวนเสิ่นอยู่ได้ก็เพราะการช่วยเหลือของรองเสนาบดีเฝิงพ่ะย่ะค่ะ

จะว่าไปแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งก็มีฐานะเป็นถึงท่านหญิง ฐานะก็เหมาะสมกับท่านอ๋องฉู่หนิงมากนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็พลันนึกขึ้นได้

ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ได้ขึ้นครองราชย์จากการยึดอำนาจทางการทหารและราชสำนักของราชวงศ์ก่อน

แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันกว้างขวางของปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ พระองค์จึงไม่ได้สังหารเชื้อพระวงศ์ก่อนจนสิ้นซาก แต่ให้พำนักอยู่ในเมืองหลวงและเลี้ยงดูเอาไว้

ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการป่าวประกาศว่าต้าฉู่ปฏิบัติต่อทายาทของราชวงศ์ก่อนเป็นอย่างดี อีกด้านหนึ่งก็เป็นการกักบริเวณคนของราชวงศ์ก่อนไปในตัว

ด้วยเหตุนี้ ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่จึงได้ตั้งกฎว่า คนในตระกูลเสิ่นจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง!

บุรุษจะต้องเป็นจวิ้นอ๋อง สตรีย่อมต้องเป็นท่านหญิง!

เพียงแต่เมื่อมาถึงรุ่นของเสิ่นหว่านอิ๋ง บิดาของนางไม่เต็มใจที่จะถูกเลี้ยงดูอยู่ในเมืองหลวง จึงได้ละทิ้งพู่กัน หันไปจับอาวุธเดินทางไปออกรบที่แนวหน้า

แม้ว่าจะได้รู้จักกับเฝิงอันกั๋วที่แนวหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงเสียชีวิตในสงคราม

เฝิงอันกั๋วนั่นก็นับว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมและน้ำใจ หลายปีมานี้ ก็คอยช่วยเหลือตระกูลเสิ่นมาโดยตลอด

เมื่อนึกถึงเฝิงอันกั๋ว บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ ช่างเข้าใจเราเสียจริง!”

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลเบา ๆ “ไปเขียนราชโองการบัดเดี๋ยวนี้ พระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง รอจนเขาและเสิ่นหว่านอิ๋งแต่งงานกันแล้วค่อยไปแนวหน้า พรุ่งนี้ เจ้าจงไปประกาศราชโองการด้วยตนเอง”

“บ่าวน้อมรับพระราชโองการ!”

ท่ามกลางเสียงพระสรวลของฮ่องเต้ การแต่งงานของฉู่หนิงก็ถูกกำหนดลงเช่นนี้

จ้าวหมิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างขมขื่น

ใต้เท้าเฝิง ท่านจะมาโทษข้าไม่ได้นะ จะโทษก็ต้องโทษที่ฐานะของท่านหญิงเสิ่นนั่นพิเศษเกินไป ประกอบกับท่านเองก็ไปหาเรื่องท่านอ๋องฉู่หนิงเข้า

การให้ท่านหญิงเสิ่นแต่งออกไป ทั้งยังเป็นการแต่งให้กับองค์ชาย สามารถแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ของราชวงศ์ที่มีต่อตระกูลเสิ่น

ต่อให้ฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า แต่ฐานะองค์ชายก็ยังคงอยู่ที่นี่!

ตระกูลเสิ่น ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

อีกอย่าง วันนี้เฝิงอันกั๋วไปหาเรื่องฉู่หนิง ในพระทัยของฝ่าบาทย่อมมีโทสะอยู่แล้ว ถือโอกาสนี้สั่งสอนเฝิงอันกั๋วสักหน่อย ให้ฝ่าบาทได้ระบายโทสะ!

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวคือเสิ่นหว่านอิ๋ง

แม้จะเป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน แต่สตรีผู้นี้กลับมีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหญิงงามผู้เปี่ยมความสามารถ

หากไม่ใช่เพราะฐานะที่พิเศษเกินไป คงจะออกเรือนไปนานแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปมาหาสู่ที่จวนเสิ่นในแต่ละวันก็ยังคงมีไม่ขาดสาย

ประการแรกคือเสิ่นหว่านอิ๋งมีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติและมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง ประการที่สองคือตระกูลเสิ่นมีกิจการเป็นของตนเอง และประการที่สามคือเสิ่นหว่านอิ๋งเป็นท่านหญิง!

สำหรับตระกูลขุนนางทั่วไปแล้ว การได้แต่งงานกับเสิ่นหว่านอิ๋ง ย่อมจะสามารถเพิ่มชื่อเสียงและบารมีให้แก่ตระกูลของตนเองได้อย่างแน่นอน

การให้สตรีผู้นี้แต่งงานกับฉู่หนิง คิดว่าฉู่หนิงคงจะดีใจอย่างยิ่ง

อย่างไรเสียหญิงงามปานนี้ ใครเล่าจะไม่ชอบ?

จ้าวหมิงคิดถึงตรงนี้ ในดวงตาก็ฉายแววแปลกประหลาดแวบหนึ่ง

ฝ่าบาททรงดูแลฉู่หนิงถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นเพราะทรงระลึกถึงมารดาของฉู่หนิงจริง ๆ ?

ส่ายหน้าไปมา จ้าวหมิงก็หัวเราะเยาะตนเอง

เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา พรุ่งนี้แค่ไปประกาศราชโองการตามคำสั่งของฮ่องเต้ก็พอ

ตลอดคืนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เวลาล่วงเลยมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวหมิงถือราชโองการมาถึงจวนเผิงไหลจวิ้นอ๋อง

“ราชโองการมาถึงแล้ว!”

พร้อมกับเสียงแหลมเล็กของจ้าวหมิงดังขึ้น ฉู่หนิงที่กำลังล้างหน้าอยู่ที่เรือนหลังก็เลิกคิ้วขึ้น

ฮ่องเต้เฒ่าส่งคนมาประกาศราชโองการแต่เช้าเลยหรือ?

หรือว่าแนวหน้าเกิดเรื่องขึ้น?

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ฉู่หนิงก้าวเท้ายาว ๆ มาถึงเรือนด้านหน้า

เมื่อเห็นจ้าวหมิงมาประกาศราชโองการด้วยตนเอง สีหน้าของฉู่หนิงก็จริงจังขึ้น ทำความเคารพทันที

จ้าวหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลง กางราชโองการออกแล้วอ่าน “แนวหน้ากำลังวิกฤต องค์ชายสิบแปดฉู่หนิงยินดีรับใช้บ้านเมือง เรามีความยินดียิ่ง ขอพระราชทานสมรสให้แก่ท่านหญิงเสิ่นหว่านอิ๋ง รอจนแต่งงานแล้วค่อยเดินทางไปแนวหน้า!”

ฉู่หนิงถึงกับตกตะลึงในทันที

พระราชทานสมรสหรือ?

ฮ่องเต้เฒ่านี่หมายความว่าอย่างไร?

ไหนว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย แล้วเหตุใดในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังจะมาพระราชทานสมรสอีก?

แนวหน้าก็ใกล้จะถูกคนอื่นล้อมไว้หมดแล้ว เขาในฐานะแม่ทัพใหญ่ไม่รีบไป แต่กลับจะต้องมาแต่งงานหรือ?

ช่างเหลวไหลสิ้นดี!

ฉู่หนิงขมวดคิ้ว ไม่ยอมรับราชโองการเสียที ทำให้จ้าวหมิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

จะให้ถือราชโองการค้างอยู่อย่างนี้ตลอดก็คงไม่ได้กระมัง?

จ้าวหมิงกระแอมครั้งหนึ่ง กระซิบเตือนเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านควรจะรับราชโองการและขอบพระทัยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ดึงจ้าวหมิงไปข้าง ๆ แล้วกระซิบถาม “หัวหน้าจ้าว เสด็จพ่อทรงพระราชทานสมรสในยามนี้ มีพระประสงค์อันใดกันแน่?”

ระหว่างที่พูด ก็ยื่นถุงเงินถุงหนึ่งส่งไปให้

มุมปากของจ้าวหมิงกระตุก

หากเป็นเงินของคนอื่น เขาคงจะไม่รับเด็ดขาด

แต่ฉู่หนิงไม่เหมือนกัน

ฮ่องเต้ทรงออกหน้าให้ฉู่หนิงมาสองครั้งแล้ว

หากไม่รับเงินถุงนี้ ฉู่หนิงจะไม่พอใจ

ฉู่หนิงไม่พอใจ เขาก็จะเดือดร้อน

ยื่นมือออกไปรับเงิน จ้าวหมิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทไม่มีพระประสงค์อื่นใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ทรงรู้สึกว่าท่านอ๋องควรมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกท่าน

ท่านหญิงเสิ่นผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดานะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เพียงแต่จะมีรูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของราชวงศ์เรา ท่านอ๋องมีบุญวาสนาแล้ว~”

พูดจบ จ้าวหมิงก็ยัดราชโองการใส่มือฉู่หนิง หัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “บ่าวยังต้องไปประกาศราชโองการที่จวนเสิ่นอีก คงจะไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ จ้าวหมิงก็รีบร้อนจากไป

ฉู่หนิงมองราชโองการในมือแล้วตกอยู่ในห้วงความคิด

รูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ทั้งยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งอีก?

สตรีเช่นนี้ เหตุใดต้องมาพระราชทานสมรสให้ตนด้วย?

นี่คงจะไม่ใช่หลุมพรางหรอกกระมัง?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status