แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: สายลมไร้กาลเวลา
เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ในคืนวันนั้น จ้าวหมิงก็นำรายชื่อหญิงสาวที่อยู่ในวัยเหมาะสมเข้ามาถวาย

ใต้แสงเทียนที่ริบหรี่ในยามค่ำคืน เดิมทีควรจะเงียบสงัด แต่ฮ่องเต้ที่อยู่ภายในตำหนักอิงอู่กลับทรงกระปรี้กระเปร่า ดวงพระเนตรคมแหลมคมกวาดมองรายชื่อในมืออย่างต่อเนื่อง

หญิงสาววัยเหมาะสมมีอยู่มากมาย แต่การจะหาคนที่เหมาะสมกับฉู่หนิงนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย

ฉู่หนิงจะต้องเดินทางไปสนามรบที่แนวหน้า การไปครั้งนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับมา ภรรยาที่จะเลือกให้เขา จะต้องยอมรับในจุดนี้ได้

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฉู่หนิงคือองค์ชาย ชาติตระกูลของภรรยาจะต่ำต้อยเกินไปไม่ได้

“หลานสาวของมหาราชครูอายุสิบหกแล้วหรือ? น่าเสียดาย มหาราชครูคงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้แน่”

“เอ๊ะ? บุตรสาวของเสนาบดีโจวอายุสิบแปดแล้วยังไม่ออกเรือนหรือ? ไม่ได้ อายุมากไปหน่อย”

“บุตรสาวของหลิวอ้ายชิงอายุสิบห้าก็นับว่าเหมาะสมดี น่าเสียดายที่หลิวอ้ายชิงนั่นนิสัยเสีย เราไม่อยากจะไปยุ่งกับเขา”

ฮ่องเต้ทรงตรวจดูรายชื่อทีละบรรทัด ค่อย ๆ คัดคนที่ไม่เหมาะสมออกไปทีละคน

จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างมองจนหนังตากระตุก

ฝ่าบาทคงไม่ได้ถือโอกาสนี้เลือกสนมเข้าวังหรอกกระมัง?

เผิงไหลจวิ้นอ๋องเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน กำลังจะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องวุ่นวายเลือกภรรยาให้เขาด้วย?

แค่หาใครสักคนแต่งกับฉู่หนิงไปก็สิ้นเรื่องแล้ว

แน่นอนว่า คำพูดนี้จ้าวหมิงไม่กล้าพูดออกไป ทำได้เพียงคอยรินน้ำชาอยู่ข้าง ๆ เป็นครั้งคราว

กลิ่นหอมของชากระจายไปทั่ว ปลุกให้ฮ่องเต้ตื่นจากภวังค์

“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ก็เจ้าเล่ห์นัก รายชื่อมากมายขนาดนี้ให้เราเลือกคนเดียว ส่วนตัวเองก็แอบอู้อยู่ข้าง ๆ ”

ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร ยื่นรายชื่อในมือส่งไปให้ “เจ้าหาคนที่เหมาะสมจะแต่งกับฉู่หนิงมาให้เรา คืนนี้ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องนอน!”

จ้าวหมิงร้อนรนขึ้นมาทันที

เหตุใดถึงได้กลายเป็นเรื่องของตัวเองไปได้?

จ้าวหมิงใช้สองมือรับรายชื่อมา ไม่แม้แต่จะมองสักแวบเดียว ยิ้มเจื่อน ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท อันที่จริงมีคนหนึ่งที่เหมาะสมมากพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงพระเนตรของฮ่องเต้เป็นประกาย “เรารู้อยู่แล้วว่าตาเฒ่าอย่างเจ้าต้องมีความคิดเห็นดี ๆ แน่ รีบพูดมา เป็นใคร?”

“เสิ่นหว่านอิ๋งพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ฮ่องเต้ก็ทรงเลิกคิ้วขึ้น พบว่าตนเองไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับชื่อนี้เลย

จ้าวหมิงสังเกตเห็นความอึดอัดของฮ่องเต้ จึงรีบอธิบาย “สตรีผู้นี้เป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน บิดาของนางพลีชีพในสนามรบเพื่อปกป้องแผ่นดินต้าฉู่ของเรา หลายปีมานี้ จวนเสิ่นอยู่ได้ก็เพราะการช่วยเหลือของรองเสนาบดีเฝิงพ่ะย่ะค่ะ

จะว่าไปแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งก็มีฐานะเป็นถึงท่านหญิง ฐานะก็เหมาะสมกับท่านอ๋องฉู่หนิงมากนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็พลันนึกขึ้นได้

ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ได้ขึ้นครองราชย์จากการยึดอำนาจทางการทหารและราชสำนักของราชวงศ์ก่อน

แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันกว้างขวางของปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ พระองค์จึงไม่ได้สังหารเชื้อพระวงศ์ก่อนจนสิ้นซาก แต่ให้พำนักอยู่ในเมืองหลวงและเลี้ยงดูเอาไว้

ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการป่าวประกาศว่าต้าฉู่ปฏิบัติต่อทายาทของราชวงศ์ก่อนเป็นอย่างดี อีกด้านหนึ่งก็เป็นการกักบริเวณคนของราชวงศ์ก่อนไปในตัว

ด้วยเหตุนี้ ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่จึงได้ตั้งกฎว่า คนในตระกูลเสิ่นจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง!

บุรุษจะต้องเป็นจวิ้นอ๋อง สตรีย่อมต้องเป็นท่านหญิง!

เพียงแต่เมื่อมาถึงรุ่นของเสิ่นหว่านอิ๋ง บิดาของนางไม่เต็มใจที่จะถูกเลี้ยงดูอยู่ในเมืองหลวง จึงได้ละทิ้งพู่กัน หันไปจับอาวุธเดินทางไปออกรบที่แนวหน้า

แม้ว่าจะได้รู้จักกับเฝิงอันกั๋วที่แนวหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงเสียชีวิตในสงคราม

เฝิงอันกั๋วนั่นก็นับว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมและน้ำใจ หลายปีมานี้ ก็คอยช่วยเหลือตระกูลเสิ่นมาโดยตลอด

เมื่อนึกถึงเฝิงอันกั๋ว บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ ช่างเข้าใจเราเสียจริง!”

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลเบา ๆ “ไปเขียนราชโองการบัดเดี๋ยวนี้ พระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง รอจนเขาและเสิ่นหว่านอิ๋งแต่งงานกันแล้วค่อยไปแนวหน้า พรุ่งนี้ เจ้าจงไปประกาศราชโองการด้วยตนเอง”

“บ่าวน้อมรับพระราชโองการ!”

ท่ามกลางเสียงพระสรวลของฮ่องเต้ การแต่งงานของฉู่หนิงก็ถูกกำหนดลงเช่นนี้

จ้าวหมิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างขมขื่น

ใต้เท้าเฝิง ท่านจะมาโทษข้าไม่ได้นะ จะโทษก็ต้องโทษที่ฐานะของท่านหญิงเสิ่นนั่นพิเศษเกินไป ประกอบกับท่านเองก็ไปหาเรื่องท่านอ๋องฉู่หนิงเข้า

การให้ท่านหญิงเสิ่นแต่งออกไป ทั้งยังเป็นการแต่งให้กับองค์ชาย สามารถแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ของราชวงศ์ที่มีต่อตระกูลเสิ่น

ต่อให้ฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า แต่ฐานะองค์ชายก็ยังคงอยู่ที่นี่!

ตระกูลเสิ่น ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

อีกอย่าง วันนี้เฝิงอันกั๋วไปหาเรื่องฉู่หนิง ในพระทัยของฝ่าบาทย่อมมีโทสะอยู่แล้ว ถือโอกาสนี้สั่งสอนเฝิงอันกั๋วสักหน่อย ให้ฝ่าบาทได้ระบายโทสะ!

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวคือเสิ่นหว่านอิ๋ง

แม้จะเป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน แต่สตรีผู้นี้กลับมีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหญิงงามผู้เปี่ยมความสามารถ

หากไม่ใช่เพราะฐานะที่พิเศษเกินไป คงจะออกเรือนไปนานแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปมาหาสู่ที่จวนเสิ่นในแต่ละวันก็ยังคงมีไม่ขาดสาย

ประการแรกคือเสิ่นหว่านอิ๋งมีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติและมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง ประการที่สองคือตระกูลเสิ่นมีกิจการเป็นของตนเอง และประการที่สามคือเสิ่นหว่านอิ๋งเป็นท่านหญิง!

สำหรับตระกูลขุนนางทั่วไปแล้ว การได้แต่งงานกับเสิ่นหว่านอิ๋ง ย่อมจะสามารถเพิ่มชื่อเสียงและบารมีให้แก่ตระกูลของตนเองได้อย่างแน่นอน

การให้สตรีผู้นี้แต่งงานกับฉู่หนิง คิดว่าฉู่หนิงคงจะดีใจอย่างยิ่ง

อย่างไรเสียหญิงงามปานนี้ ใครเล่าจะไม่ชอบ?

จ้าวหมิงคิดถึงตรงนี้ ในดวงตาก็ฉายแววแปลกประหลาดแวบหนึ่ง

ฝ่าบาททรงดูแลฉู่หนิงถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นเพราะทรงระลึกถึงมารดาของฉู่หนิงจริง ๆ ?

ส่ายหน้าไปมา จ้าวหมิงก็หัวเราะเยาะตนเอง

เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา พรุ่งนี้แค่ไปประกาศราชโองการตามคำสั่งของฮ่องเต้ก็พอ

ตลอดคืนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เวลาล่วงเลยมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวหมิงถือราชโองการมาถึงจวนเผิงไหลจวิ้นอ๋อง

“ราชโองการมาถึงแล้ว!”

พร้อมกับเสียงแหลมเล็กของจ้าวหมิงดังขึ้น ฉู่หนิงที่กำลังล้างหน้าอยู่ที่เรือนหลังก็เลิกคิ้วขึ้น

ฮ่องเต้เฒ่าส่งคนมาประกาศราชโองการแต่เช้าเลยหรือ?

หรือว่าแนวหน้าเกิดเรื่องขึ้น?

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ฉู่หนิงก้าวเท้ายาว ๆ มาถึงเรือนด้านหน้า

เมื่อเห็นจ้าวหมิงมาประกาศราชโองการด้วยตนเอง สีหน้าของฉู่หนิงก็จริงจังขึ้น ทำความเคารพทันที

จ้าวหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลง กางราชโองการออกแล้วอ่าน “แนวหน้ากำลังวิกฤต องค์ชายสิบแปดฉู่หนิงยินดีรับใช้บ้านเมือง เรามีความยินดียิ่ง ขอพระราชทานสมรสให้แก่ท่านหญิงเสิ่นหว่านอิ๋ง รอจนแต่งงานแล้วค่อยเดินทางไปแนวหน้า!”

ฉู่หนิงถึงกับตกตะลึงในทันที

พระราชทานสมรสหรือ?

ฮ่องเต้เฒ่านี่หมายความว่าอย่างไร?

ไหนว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย แล้วเหตุใดในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังจะมาพระราชทานสมรสอีก?

แนวหน้าก็ใกล้จะถูกคนอื่นล้อมไว้หมดแล้ว เขาในฐานะแม่ทัพใหญ่ไม่รีบไป แต่กลับจะต้องมาแต่งงานหรือ?

ช่างเหลวไหลสิ้นดี!

ฉู่หนิงขมวดคิ้ว ไม่ยอมรับราชโองการเสียที ทำให้จ้าวหมิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

จะให้ถือราชโองการค้างอยู่อย่างนี้ตลอดก็คงไม่ได้กระมัง?

จ้าวหมิงกระแอมครั้งหนึ่ง กระซิบเตือนเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านควรจะรับราชโองการและขอบพระทัยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ดึงจ้าวหมิงไปข้าง ๆ แล้วกระซิบถาม “หัวหน้าจ้าว เสด็จพ่อทรงพระราชทานสมรสในยามนี้ มีพระประสงค์อันใดกันแน่?”

ระหว่างที่พูด ก็ยื่นถุงเงินถุงหนึ่งส่งไปให้

มุมปากของจ้าวหมิงกระตุก

หากเป็นเงินของคนอื่น เขาคงจะไม่รับเด็ดขาด

แต่ฉู่หนิงไม่เหมือนกัน

ฮ่องเต้ทรงออกหน้าให้ฉู่หนิงมาสองครั้งแล้ว

หากไม่รับเงินถุงนี้ ฉู่หนิงจะไม่พอใจ

ฉู่หนิงไม่พอใจ เขาก็จะเดือดร้อน

ยื่นมือออกไปรับเงิน จ้าวหมิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทไม่มีพระประสงค์อื่นใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ทรงรู้สึกว่าท่านอ๋องควรมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกท่าน

ท่านหญิงเสิ่นผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดานะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เพียงแต่จะมีรูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของราชวงศ์เรา ท่านอ๋องมีบุญวาสนาแล้ว~”

พูดจบ จ้าวหมิงก็ยัดราชโองการใส่มือฉู่หนิง หัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “บ่าวยังต้องไปประกาศราชโองการที่จวนเสิ่นอีก คงจะไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ จ้าวหมิงก็รีบร้อนจากไป

ฉู่หนิงมองราชโองการในมือแล้วตกอยู่ในห้วงความคิด

รูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ทั้งยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งอีก?

สตรีเช่นนี้ เหตุใดต้องมาพระราชทานสมรสให้ตนด้วย?

นี่คงจะไม่ใช่หลุมพรางหรอกกระมัง?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 350

    พอพูดจบ เฝิงมู่หลานออกจากห้องรับแขกความจริงใช่ว่านางจะไม่รู้ฐานะของตนเอง เพียงแต่เมื่อคิดว่าฉู่หนิงกำลังจะแต่งงานกับเสิ่นหว่านอิ๋ง ภายในใจนางหึงหวงอย่างมากจงใจหาข้ออ้างตามเสิ่นหว่านอิ๋งมาด้วย ก็เพื่ออยากอยู่กับฉู่หนิงให้นานขึ้นเท่านั้นแต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของฉู่หนิงและเสิ่นหว่านอิ๋ง ในใจนางทรมานยิ่งกว่าไม่สู้จากมา ไม่เห็นจะได้ไม่ต้องรกตา!เสิ่นหว่านอิ๋งไม่ได้รั้งไว้ นางรู้ว่าฉู่หนิงพานางมาที่นี่ต้องมีธุระแน่นอนเป็นไปตามคาด ฉู่หนิงยิ้มแล้วเดินมาข้างกาย จับมือนางแล้วเอ่ยขึ้น “ในที่สุดก็มีเวลาสำหรับพวกเราสองคนแล้ว”เสิ่นหว่านอิ๋งเคยชินกับการถูกฉู่หนิงจับมือ ครั้งนี้จึงไม่หน้าแดง“ท่านพาข้ามา คงไม่ใช่แค่เรื่องให้ข้ารับผิดชอบงานแต่งหรอกนะ?”“ไม่ใช่แน่นอน!”ฉู่หนิงพาเสิ่นหว่านอิ๋งไปนั่งลง แล้วยิ้ม “นอกจากเรื่องงานแต่ง ทางปิงโจวก็ต้องให้เจ้าช่วย”เสิ่นหว่านอิ๋งส่ายหน้าเบาๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่หวังดี เงื่อนไขของท่านในคืนนี้เท่ากับเปลี่ยนปิงโจวให้กลายเป็นพื้นที่ของตัวเอง อยากปกครองทางโน้นให้ดี ถ้าไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมคงไม่ได้”หยุดไปครู่หนึ่ง นา

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 349

    จวนอ๋องฉู่แสงไฟภายในห้องรับแขกกระพริบ กลิ่นชาอบอวล ทำให้จิตใจผ่อนคลายฉู่หนิงนั่งตรงตำแหน่งประธานจิบชาร้อนหนึ่งคำ ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นไม่น้อย อาการมึนเมาเมื่อครู่ก็ตื่นขึ้นมาบ้างย่างเข้าเดือนสิบเอ็ดแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง ฉู่หนิงกลัวเสิ่นหว่านอิ๋งหนาว จึงอดยิ้มไม่ได้ “หว่านอิ๋ง ดื่มชาร้อนอุ่นร่างกายสักถ้วย”เสิ่นหว่านอิ๋งพยักหน้า ยกถ้วยน้ำชาดื่มหนึ่งคำใครจะไปคิดว่ายามนี้ เฝิงมู่หลานที่อยู่ข้างกันกลอกตา “ทำไม ให้แค่หว่านอิ๋งดื่มชา ไม่ให้คุณหนูอย่างข้าดื่มหรือ?”ฉู่หนิงปวดหัวไม่น้อยก้างขวางคอชิ้นโตอยู่ตรงนี้เกะกะเหลือเกิน ข้าอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับหว่านอิ๋งอีกขั้น ก็ยังไม่มีโอกาสทว่า หากจัดการหญิงป่าเถื่อนอย่างเฝิงมู่หลานได้ไม่ดี เกรงว่าข้าคงไม่มีวันสงบสุขฉู่หนิงวางถ้วยน้ำชาลง แล้วยิ้มเจื่อน “ข้าแค่เป็นห่วงร่างกายหว่านอิ๋งจะหนาว คุณหนูเฝิงเจ้าวรยุทธ์สูงส่ง ย่อมไม่กังวลเรื่องนี้แต่ชานี่ก็เป็นชาที่ดีจริงๆ หากคุณหนูเฝิงสนใจก็ลองชิมดูสักคำ”เฝิงมู่หลานกลับทำเสียงฮึดฮัด “ข้าไม่สนใจชาของเจ้าหรอก!”มุมปากฉู่หนิงกระตุก ทำหน้าหมดคำพูดเจ้าว่าข้าไม่ให้เจ้าดื่ม พอตอนนี้ให

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 348

    เอาอีกแล้ว!โรคแคลงใจที่องค์รัชทายาทสืบทอดมาจากฮ่องเต้!หลิงเฟยเยียนสีหน้ามืดครึ้ม บนใบหน้างดงามปรากฏแววโกรธ “ฉู่หนิงเพิ่งกลับเมืองหลวง หม่อมฉันจะไปมีอะไรกับเขาได้อย่างไร?”องค์รัชทายาทชะงักถูกต้อง ฉู่หนิงเพิ่งกลับมา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลามาหาหลิงเฟยเยียนหรือข้าคิดมากเกินไป?องค์รัชทายาทที่หายโกรธถึงได้ปล่อยมือหลิงเฟยเยียน สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามให้ตัวเองสงบลง“ข้าวู่วามไปเอง เจ้าฉู่หนิงนั่นน่าชังยิ่งนัก ถึงขนาดโต้แย้งข้าต่อหน้าธารกำนัล!”องค์รัชทายาทมองข้อมือหลิงเฟยเยียนแวบหนึ่ง แสร้งเอ่ยอ่อนโยน “มือเจ้าไม่เป็นไรนะ?”ขณะที่พูด เขาอยากเข้าไปตรวจดูแต่ใครจะคิดหลิงเฟยเยียนถอยหลังสองก้าว เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “หากองค์รัชทายาทไม่มีเรื่องอื่น หม่อมฉันขอตัวก่อน”พูดจบก็ไม่รอองค์รัชทายาทตอบ หันหลังจากไปทันทีองค์รัชทายาทยื่นมือออกไปอยากเรียกหลิงเฟยเยียนไว้ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เมื่อครู่เขากระทำต่อนาง ก็ไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร ได้แต่ทนดูหลิงเฟยเยียนจากไปต่อหน้าต่อตาหญิงชั้นต่ำผู้นี้ ถึงขนาดกล้าชักสีหน้าใส่ข้าเชียวหรือ!ฮึ หากไม่เห็นแก่บิดาของเจ้าที่ยังมีประโยชน์ต่อข้า จะป

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 347

    ฉู่หนิงได้รับสิทธิ์ในการปกครองตนเองที่เขาอยากได้จากฮ่องเต้แล้ว จึงเตรียมจากไป แต่องค์รัชทายาทกลับหาเรื่องเหล่าขุนนางที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ไปแล้ว แต่ละคนล้วนกำลังรอดูละครฉากเด็ดยิ่งองค์ชายอื่นๆ ยิ่งเผยสีหน้าเพลิดเพลิน อยากให้องค์รัชทายาทลงมือกับฉู่หนิงเหลือเกินแม้จะไม่ทำให้ฉู่หนิงถึงตายทันที แต่ลดทอนอำนาจและชื่อเสียงของฉู่หนิงน่าจะได้ศึกนี้ทำให้ชื่อเสียงฉู่หนิงโด่งดัง อยู่เหนือองค์ชายทุกคน ทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งจำเป็นต้องลดทอนชื่อเสียงของฉู่หนิง พวกเขาถึงจะผงาดขึ้นมาได้!ขณะที่ทุกคนรอดูละครฉากเด็ด ฉู่หนิงเลิกคิ้ว หันมององค์รัชทายาท“ท่านพี่องค์รัชทายาท ความจริงน้องมีเรื่องหนึ่งที่ไม่กระจ่าง ขอท่านพี่องค์รัชทายาทโปรดชี้แนะด้วย”องค์รัชทายาทแค่นหัวเราะ สองมือไพล่หลัง ทำหน้าเย่อหยิ่ง “เรื่องที่ทำให้น้องสิบแปดไม่กระจ่าง ข้าอยากรู้นัก”ฉู่หนิงชี้นิ้วไปที่หลิงเฮ่าหรานท่ามกลางเหล่าขุนนาง เอ่ยเสียงเรียบ “เสนาบดีกรมอาญาคือใต้เท้าหลิง ท่านพี่องค์รัชทายาทไม่ได้ดูแลกรมอาญา เหตุใดท่านจึงมักจะทำงานแทนกรมอาญา?”“ข้า...” องค์รัชทายาทกำลังจะอธิบายฉู่หนิงยิ้มแล้วพูดขัดขึ้น “ท่านพี่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 346

    ฮ่องเต้เลิกคิ้ว มององค์รัชทายาทแวบหนึ่งเรายังไม่เอ่ยปาก เจ้ารีบร้อนอะไร?องค์รัชทายาทหดคอ ชั่วขณะนั้นไม่กล้าพูดสิ่งใดนิสัยฮ่องเต้ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ยังยิ้มแย้ม แต่ปุบปับก็อาจโกรธเคือง อย่างไรระวังไว้ก่อนดีกว่าโชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้จ้ององค์รัชทายาทตลอด หันมองฉู่หนิง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เงื่อนไขของเจ้า เราสามารถรับปาก”ฉู่หนิงตาลุกวาวทว่าต่อมาฮ่องเต้กลับส่ายหน้า “แต่สิบปี นานเกินไป!”หลังหยุดไปชั่วครู่ ฮ่องเต้ยื่นฝ่ามือขวาออกมา แล้วเอ่ยเชื่องช้า “เอาอย่างนี้ เราให้เวลาเจ้าห้าปี ว่าอย่างไร?”ฉู่หนิงหน้าเศร้า “ห้าปีน้อยเกินไปแล้ว เสด็จพ่อ พระองค์ก็ต่อรองโหดเกินไปแล้วกระมัง หั่นครึ่งเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“แต่ในเมื่อเสด็จพ่อเอ่ยปาก กระหม่อมก็ต้องให้เกียรติพระองค์ เอาอย่างนี้ แปดปี แปดปีเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ทั้งสองต่อรองกันไปมาเหล่าองค์ชายและเหล่าขุนนางรอบข้างต่างตะลึงนี่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ไฉนทั้งสองจึงทำตัวเหมือนแม่ค้าตลาดสดซะอย่างนั้น?ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “แปดปีหรือ? นานไปหน่อย เอาอย่างนี้ เรากับเจ้าถอยกันคนละหนึ่งก้าว เจ็ดปี

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 345

    “เงื่อนไขหรือ?”ฮ่องเต้ตะลึงเรามอบอำนาจทางทหารให้เจ้า เจ้ายังยื่นเงื่อนไขกับเราหรือ?หรืออำนาจทางทหารของต้าฉู่ตกต่ำจนถึงขั้นนี้แล้ว?“ถูกต้อง หากเสด็จพ่อยอมรับเงื่อนไขของกระหม่อมได้ กระหม่อมถึงจะกล้ารับช่วงทหารแนวหน้า ไม่อย่างนั้นกระหม่อมยอมถูกพระองค์ตำหนิก็จะทิ้งตราอาญาสิทธิ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ!”ท่าทางของฉู่หนิงหนักแน่น ขณะกล่าว ตราอาญาสิทธิ์ในมือถูกเขาวางไว้บนโต๊ะมุมปากฮ่องเต้กระตุก ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์องค์รัชทายาทข้างกันสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของฮ่องเต้ จึงอดไม่ได้ต้องหรี่ตา ทั้งมีความแปลกใจแวบผ่านหากคืนนี้ไม่ให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไป เสด็จพ่อต้องเลือกให้ข้าหรือหนึ่งในท่ามกลางองค์ชายอื่นรับตราอาญาสิทธิ์เอาไว้ ถึงยามนั้น เรื่องยุ่งยากกลับมาตกอยู่ที่ข้าไม่ได้ ต้องทำให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไว้“เสด็จพ่อ น้องสิบแปดเพิ่งชนะศึกกลับมา อย่างไรลองฟังเงื่อนไขของเขาก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทยิ้มอย่างประนีประนอม “หากเงื่อนไขของน้องสิบแปดมีเหตุผล ทางราชสำนักจะพิจารณาอย่างเหมาะสม”ใครก็รู้ว่าฮ่องเต้รักหน้าตา หากไม่ให้ทางลงแก่ฮ่องเต้ ฮ่องเต้คงไม่ยอมรับปากโดยง่ายองค์ชายอื่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status