“เธอจะยืนอีกนานไหม?”
เสียงสกายดังขึ้นพร้อมแรงดึงที่ข้อมือพาให้ปลายฟ้าหลุดออกจากภวังค์กลับมาที่โลกแห่งความจริง เธอมัวแต่คิดเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมจนเหม่อลอย ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าใครเรียกเธอไปบ้าง แต่ดูจากสีหน้าของลินดาและสกายก็เดาได้ไม่อยากว่าคงเรียกไปเกิน 10 ครั้ง “ขอโทษที ช่วงนี้...งานเราเยอะจนเบลอ ๆ นะ” ปลายฟ้าเอ่ยขอโทษพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ร่างเพรียวหมุนกายเดินเลี่ยงไปทางชิงช้าที่เคยนั่งแต่กลับโดนแรงดึงปริศนารั้งแขนเอาไว้ก่อน “จะไปนั่งไกลทำไม นั่งกับเราก็ได้นิ” เป็นสกายที่คว้าแขนและดึงรั้งเธอไว้ พลางเอ่ยชวนให้นั่งข้างกัน ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นไข้ ทั้งที่สกายก็แค่ชวนนั่งปกติ แต่กลับเป็นเธอเองที่ขัดเขินจนไม่มีความกล้าพอจะนั่งลงข้างชายหนุ่ม “ไม่...” “นั่งเถอะ ฉันไม่กัดเธอหรอกน่า” คำกล่าวเชื้อเชิญดังขึ้นอีกครั้ง สั่นคลอนศีลธรรมทุกอย่างในจิตใจจนหมดสิ้น ร่างเพรียวบางทรุดกายลงนั่งข้าง ๆ เพื่อนสนิทที่เธอแอบหลงรัก แน่นอนว่ามันเป็นทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี เรื่องที่ดี คือเธอได้มีโอกาสใกล้ชิดกว่าปกติ เรื่องไม่ดี คือถ้ามีคนเห็นภาพของเธอและสกายในโซเชี่ยลมีเดีย อาจเกิดการเข้าใจผิดจนสกายเสียหายได้ และเรื่องนั้นรวมถึง เป็นต้นเหตุให้สกายทะเลาะกับแฟนสาวด้วย “งานที่บริษัทมันเยอะมากเลยเหรอฟ้า ฉันเห็นแกเหม่อตั้งนาน เรียกก็ไม่ตอบ จนสกายเรียกอ่ะถึงมีสติ” ลินดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เธอพอรู้มาบ้างว่าตอนนี้ที่บ้านปลายฟ้ากำลังมีปัญหา แต่อยากเลี่ยงไปเรื่องงานแทนเพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวคิดมาก แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่เอ่ยปากถาม เพราะปลายฟ้าไม่ชอบเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟัง หากแอบสืบเองแล้วยื่นมือเขาช่วยเหลือ นอกจากจะโดนโกรธแล้ว เจ้าหล่อนอาจตีตัวออกห่างจนพวกเธอตามหาตัวไม่เจอเลยก็ได้ เพราะงั้นทางที่ดีที่สุดคือการรอให้ปลายฟ้าเล่าออกมาเองเท่านั้น “ก็นิดหน่อย...แต่ไม่เป็นไรหรอก เราว่า...ผ่านช่วงนี้ไปก็คงดีขึ้นแหละ” ปลายฟ้าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เสียงหวานใสที่ขบขันเบาบางก้องกังวานในจิตใจของผู้ฟัง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเธอทำเช่นนั้นเพื่อเย้ยหยันให้กับชีวิตของตัวเองที่โชคชะตาโปรยทางไว้ด้วยขวากหนาม ทั้งทางกาย ทั้งทางใจ ลูกแก้วใสต่างสีสี่คู่จ้องมองมาทางปลายฟ้าที่นั่งเหม่อมองเท้าตัวเองอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะลินดาและโชที่ในแววตานั้นเจื่อไปด้วยความวิตกเต็มขั้น ทั้งสองคนอยากยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ในโลกความเป็นจริงไม่มีใครสามารถยื่นมือไปช่วยผู้ที่ไม่วิงวอนขอให้ช่วยได้ พวกเขาทำได้แค่เฝ้ามองและแอบโอบอุ้มตัวตนอันแสนบอบช้ำนั้นไว้ ไม่ใช่แตกสลายไปก่อนที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของความพยายามก็เท่านั้น โชลุกขึ้นจากเบาะนั่ง พลางก้าวย่างเข้าไปหาปลายฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตนแล้วโถมตัวโอบกอดร่างเพรียวเข้าเต็มรัก “มีอะไรให้ช่วยก็บอกกันได้นะ เราช่วยฟ้าได้เสมอ เครียดอะไร กังวลอะไร ฟ้าบอกเราได้ตลอดนะ” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดงอแงของโชดังขึ้นพร้อมกับ ๆ น้ำหนักจากตัวของลินดาที่เดินเข้ามากอดซ้อนทับอีกคน “แกรู้ใช่ไหมพวกฉันรวย มีเพื่อนรวยก็หัดใช้ความรวยของเพื่อนบ้าง รู้เปล่า อยากให้ไปตีใคร ตบใคร ดีดหัวใครบอกได้ตลอด ใครทำร้องไห้ก็ฟ้องมาเลย ฉันจะไปเล่นมันเอง” ลินดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง เรียกเสียงหัวเราะจากปลายฟ้ากับพฤติกรรมขี้เว่อร์ของเพื่อนสาวทั้งสอง “อื้อ ๆ รู้แล้ว ปล่อยเราก่อน เราหนัก” มือเรียวตบที่ไหล่ของเพื่อนสาวทั้งสองเบา ๆ ก่อนที่อ้อมกอดแสนอบอุ่นจากสองสาวจะละออกไป ก่อนที่ปลายฟ้าจะเป็นคนชวนเพื่อน ๆ ดื่มต่อเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ เก้าที่เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดคลี่คลายแล้วก็เดินย่องมายืนแก้วเหล้าเพียว ๆ ให้สกายและยื่นแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มสีสวยเอาไว้จนเต็มให้ปลายฟ้า “อ้าว ทำไมของเราเป็นน้ำหวานอ่ะ...” ดวงเนตรกลมช้อนขึ้นมองเพื่อนชายอีกคนของกลุ่มด้วยความสงสัย ว่าทำไมแก้วของเธอถึงแตกต่างคนอื่น ๆ “เธอแน่ใจเหรอว่าเป็นน้ำหวาน” สกายที่เล็งเห็นแก้วสีสวยในมือเก้าตั้งอีกฝ่ายเดินย่องเข้ามาหากลุ่มสาว ๆ เอ่ยขึ้น รอยยิ้มที่ทำเพียงกดมุมปากลงอันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ประจำตัวประดับบนใบหน้าคมพาลเอาปลายฟ้าระแวงไม่กล้าดื่มเครื่องดื่มในมือ “ไอ้สกาย ไอ้เวร แค่ค็อกเทลไหม” เก้าหันไปปรามาสสกายเสียงดังพร้อมฝ่ามือพิฆาตที่ผลักศีรษะของชายหนุ่มจนเกือบทิ่ม ก่อนจะหันมาอธิบายกับปลายฟ้าที่ยังทำหน้ากังวลไม่หาย “ไม่ต้องห่วงนะฟ้า เราผสมหวาน ๆ ไม่เมาแน่นอน ฟ้าค่อย ๆ จิบก็ได้ เรารีบชงให้ก่อนกลัวไอ้ลินกับไอ้โชกินมิกเซอร์หมด” “เอ้า อีเก้า อีเวร ใส่ร้ายกูเหรอ!” มือเรียวตีรัว ๆ ที่ไหล่ขวาของชายหนุ่ม เก้าที่ทนน้ำหนักมือที่มากขึ้นไม่ไหววิ่งจ้ำอ้าวไปรอบ ๆ เพื่อหนีฝ่ามืออรหันต์จากลินดา “คิก ๆ” ปลายฟ้าที่นั่งมองเพื่อนวิ่งไล่กันอย่างสนุกโดยมีโชที่เริ่มกรึ่ม ๆ ปรบมือเป็นกำลังใจราวกับเชียร์มวยไทยคู่หยุดโลกก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ยิ้มออกแล้วเหรอ?” “อืม เพราะพวกนายเลย ขอบคุณนะ” ปลายฟ้ากล่าวขอบคุณอย่างจริงใจพลางหันไปยิ้มให้สกายที่หันมองเธออยู่เช่นกัน ดวงตาสีน้ำตาลดำสองคู่สอดประสานสื่อความนัยถึงกันและกันก่อนทั้งปลายฟ้าและสกายจะหันไปสนใจเพื่อน ๆ ที่กลับมาจากวิ่งไล่กันไปรอบ ๆ “หอบเป็นหมาเลยนะมึง” “เอ่อ ใครจะคิดว่าผู้ประกาศข่าวเช้าจะวิ่งไวขนาดนี้ละวะ” เก้าทรุดกายลงนั่งข้าง ๆ สกายพลางยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มก่อนเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายก่อนจะดื่มเหล้าต่ออย่างเต็มสูบ ทั้งห้าคนแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตในช่วงสองเดือนให้กันและกันฟัง เกิดเป็นเสียงพูดคุยดังขึ้นไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงกลางดึก ตอนนี้สกายได้เป็นประธานบริษัทอย่างเต็มตัว เหลือบไรที่ดูดน้ำหล่อเลี้ยงของบริษัทมานานหลายปีถูกกำจัดออกไปจนหมดด้วยฝีมือของเขาเอง ส่วนเก้ากำลังยินดีที่กิจการของตนไปได้สวยและมีแต่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ โชกับลินดาเองก็ได้เลื่อนเป็นผู้ประกาศข่าวเช้าในช่วงที่แอร์ไทม์ดีที่สุดของช่อง เงินเดือนมหาศาลและชื่อเสียงที่ได้รับมากมายถล่มทลายชนิดที่ไม่มีใครทำได้ เหล้า เบียร์ รสนุ่มถูกเทลงใส่แก้วของกันและกัน ขวดแล้ว ขวดเล่า ไม่มีหยุด แต่ต่อให้คอทองแดงมากแค่ไหนก็มีมึน ๆ เมา ๆ กันได้บ้างเมื่อคนชงเหล้าให้วันนี้มือหนักกว่าทุกวัน “อึก...” โชที่โดนค็อกเทลสีหวานฤทธิ์แรงเล่นงานเริ่มแสดงอาหารเมามาย ลินดาที่เห็นเพื่อนสนิทเมาก็หันไปแหวใส่คนชงเหล้าในวันนี้เสียงแหลมสูง “อีเก้า อีเวร ให้มันแดกขนาดนี้มึงจะมอมมันขึ้นเตียงรึไง! โว๊ะ!” “เอ้า ก็มันบอกจัดเลย ๆ กูก็จัดเต็มดิ แล้วประโยคนั้นนะ ตีปาก! เดี๋ยวไอ้สกายเอาไปฟ้องเมียกู!” “ตีปากมึงก่อนนะสิ มึงก็รู้มันแค่แหย่ ไม่ได้เอาจริง โอย ไม่รู้แล้ว มึงเฝ้ามันไว้อย่าให้มันโวยวายละ กูไปห้องน้ำแปปนึง” “เออ ๆ ไปไหนก็ไป” เก้าบอกปัดเพื่อนสาวพร้อมทำหน้าล้อเลียนไล่หลังสาวเจ้าไปด้วยความหมั่นไส้ ปลายฟ้าที่เริ่มมึน ๆ มองภาพนั้นด้วยดวงตาพร่าเบลอ รอยยิ้มสดใสประดับบนดวงหน้าหวาน เสริมให้เจ้าของร่างยิ่งดูงดงามขึ้นไปมากกว่าเก่า เสียงหัวเราะเรียกความสนใจจากโชในร่างคนเมาให้หันมาหา ดวงตากลมจดจ้องใบหน้าของเพื่อนสาวที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องสาวก่อนจะเบนสายตาไปทางสกายที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน “มองทำไม” “หึ หึ เปล่า” โชนั่งตัวเอนไปเอนมาด้วยความมึนเบลอจากฤทธิ์ของเครื่องดื่มเผยยิ้มร้ายที่คนเมาไม่อาจกระทำออกมาได้ ในหัวก็กำลังเรียบเรียงเรื่องราวที่เพิ่งได้ยินมาจากกลุ่มไลน์บริษัทเมื่อเช้าอย่างหมายมาด เรื่องฉาวร้อนฉ่าของดาราสาวชื่อดัง ที่น่าจะทำให้ใครในกลุ่มของเขาร้อนในอกราวกับไฟสุม ใจจริงโชอยากจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เจอหน้าสกาย แต่เพราะลินดากลัวเพื่อนชายคนนี้จะเสียใจ จึงขอร้องไม่ให้เขาพูด แต่ถ้าคนเมาเผลอพูดมันก็ไม่ผิดจริงไหม ขอแค่มีใครชี้โพรงให้เขาสักนิด เขาจะเทสาดเรื่องราวที่รู้มาทันทีอย่างไม่รี่รอ “เออ มึง ตอนนี้มีข่าวไร ดัง ๆ ไหมวะ กูไม่ค่อยได้ดูข่าวเลย ทำแต่งาน อยากอัพเดตเอาไปคุยกับพนักงานบ้าง” นั่นไงผู้ชี้โพรงให้เขา “มึงนี่มัน ชาวบ้าน 1 สุดขี้เสือกชัด ๆ เลยวะเก้า ฮึ ๆ” “เออ แล้วมันมีไหมละ” “มันก็....มีอยู่น้า...” “ข่าวไรวะ” “ก็ข่าว ซุบซิบแหละมึง ข่าวดาราอ่ะ จริง ๆ ก็ข่าวฮอตเลยเชียวแหละ ฮิ ๆ” “อย่าอมพะนำครับคนสวย เล่ามาเร็ว” “ข่าวดาราคบชู้น่ะ มึงอยากฟังเหรอ” รอยยิ้มหวานอาบยาพิษถูกส่งให้เก้าที่เข้าใจความนัยของคำพูดนั้นทันทีโดยไม่ต้องอธิบาย ดวงตาคมเหลือบมองทางสกายด้วยความลังเล เขาไม่แน่ใจว่าควรจะชี้โพรงให้งูพิษเบื้องหน้าตนต่อไป หรือควรพอแค่นี้ แน่นอนว่าความอยากรู้อยากเห็นนั่นมีชัยชนะเหนือศีลธรรมอยู่ร่ำไป “แล้วข่าวใครวะ” เก้าเอ่ยถามย้ำ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นข่าวของใคร “จะข่าวใคร ก็ข่าวของคุณญาดา นักแสดงนำหญิงชื่อดัง แฟนสาวของคุณสกายเขาไง”ปลายฟ้ากำลังยุ่งจนหัวหมุน งานมากมายกองทับเธอราวกับจะฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ เธอใช้เวลากว่า 1 อาทิตย์ถึงจะยกเอากองมรสุมนั้นออกไปได้แต่โดยดี ไม่ใช่แค่เธอ เพื่อน ๆ ของเธอเองก็เช่นกัน หนักสุดคงเป็นสกายกับเก้าที่จู่ ๆ ก็เกิดปัญหาเรื่องการค้นส่งสินค้าทั้งคู่ โชคดีที่เพื่อนของเธอทั้งสองผ่านวิกฤตนั้นไปได้แล้ว“เฮ้อออ กว่าจะยกโปรเจ็คผ่านได้ เหนื่อยชะมัดเลย ฮื่อ”“อ้าว ยัยฟ้า ดีใจด้วยนะที่โปรเจ็คผ่านเสียที”“อื้อ ขอบคุณนะพิม เธอด้วย โปรเจ็คหน้า เราขอให้โชคดีนะ”“ขอบคุณจ้า อ่ะ กำลังใจ ดื่มซะจะได้สดชื่น” ขวดน้ำหวานสีสวยถูกส่งให้ปลายฟ้าพร้อมรอยยิ้มพริ้มใจจากพิมเพื่อนร่วมงานต่างแผนกของเธอ หญิงสาวเอื้อมมือไปรับน้ำหวานมาดูดปล่อยให้ความหอมหวานและน้ำตาลคลายความเครียดที่สะสมมานานเป็นสัปดาห์ออกไป“เฮ้ออ อะไรจะดีเท่าน้ำหวานสูตรของแม่พิมกันนะ นี่ถ้าเราเปิดร้านอาหาร เราขอเอาน้ำหวานนี่ไปลงขายในร้านได้ไหม?”ทันทีที่ความเหนื่อยล้าหายไป ปลายฟ้าก็เพิ่มหาช่องทางโปรโมทร้านของบิดาทันที เธอยังคงวางแผนพัฒนาร้านอาหารของบิดาเรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน สูตรอาหารที่ล้าสมัยก็ปรับสูตรให้ถูกปากคนรุ่นใหม่มากขึ้น ลูกค้าทั้งเก่าทั้ง
[แชท สกาย – ปลายฟ้า]สกาย :: ปลายฟ้า เธอ เป็นยังไงบ้าง สกาย :: เมื่อเช้าฉันขอโทษ ฉันมึนมากจริงๆสกาย :: ที่บ้านเธอมีปัญหาเหรอ ฉัน...ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ใส่ใจเธอเลย สกาย :: มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ฉันยินดีช่วยเต็มที่ปลายฟ้านั่งมองข้อความของสกายผ่านแจ้งเตือนที่หน้าจอมือถือด้วยแววตาเจ็บปวด ความใส่ใจของเขากำลังทำร้ายเธออย่างแสนสาหัส หัวใจไม่รักดีของเธอที่ยังสั่นไหวทุกครั้งที่เขาแสดงท่าทีเป็นห่วงเธอไม่รู้ว่าควรตอบอีกฝ่ายในฐานะใด คนรัก?เพื่อนสนิท?หรือ ชู้รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นดวงหน้าหวาน ด้วยเมื่อตระหนักดูแล้วสถานะของเธอตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชู้เลยจริง ๆ มันคงไม่เป็นแบบนี้ถ้าเธอไม่ตัดสินใจข้ามเส้นความเป็นเพื่อนไปเมื่อคืน เป็นอีกครั้งที่ปลายฟ้านึกอยากให้ตัวเองเลือกทางเดินใหม่ที่ไม่ใช่การปล่อยตัวปลอบโยนชายหนุ่มเช่นเมื่อคืนแต่เธอก็รู้ตัวดีว่าถ้าให้เลือกอีกครั้ง เธอก็ยังเลือกเช่นเดิมเพราะเธอไม่สามารถทนเห็นสกายร้องไห้โดยที่ไม่ปลอบโยนได้แม้จะมีข้ออ้างเป็นการปลอบโยนชายหนุ่ม แต่ถึงแบบนั้นก็อดต่อว่าตัวเองไม่ได้อยู่ดี...Rrrr Rrrr เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง ดวงเนตรกลมที่ฉายแววอ่อนล้าบร
เสียงโหวกเหวกโวยวายของโช ปลุกสกายและปลายฟ้าให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นแต่งตัวออกไปรับหน้าเพื่อนอีกสองคน แต่ก็ไม่ลืมปลุกเจ้าหญิงนิทราบนเตียงให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวด้วยปลายฟ้าตื่นขึ้นตามเสียงเรียก ความปวดเมื่อยและความจุกเสียดในช่องท้องยังคงอยู่ ร่างเพรียวยันกายขึ้นจากฟูกนอนพยายามฝืนทนความปวดหนึบที่ยังคั่งค้าง เพื่อไม่ให้สกายต้องเป็นห่วง“ไหวไหม”“ไหว เราไม่เป็นไร รีบไปดูพวกโชเถอะ ไม่งั้นอีกแปป คงได้พังประตูกันเข้ามาแน่” ปลายฟ้าส่งยิ้มบางๆให้สกาย พลางออกปากไล่ให้ชายหนุ่มออกไปส่งเพื่อนอีกสองคนที่นอนค้างด้วยเมื่อคืนร่างสูงโปร่งของสกายเดินออกไปแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องอีกครั้ง ความปวดหนึบในท้องน้องเรียกให้หญิงสาวนอนเอนลงกับฟูกนิ่ม เธอนอนแบบนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจประคองตัวลุกขึ้นแต่เดินไปได้ไม่เท่าไรก็ทรุดตัวลงกองกับพื้น ด้วยความปวดหนึบที่ช่องทางรักบวกกับแข้งขาที่อ่อนแรง หยาดธานสีใสไหลรินจากหางตา ปลายฟ้ากัดฟันข่มความเจ็บอีกครั้งแล้วประคองตัวเข้าไปชำระล้างคราบต่าง ๆ ออกจากตัว“อึก...เจ็บ...” ความจุกปวดยังคงถาโถมใส่เธออย่างบ้าคลั่ง ราวกับพายุ ปลายฟ้าคิดว่าอย่างไรวันนี้หรือตอนบ่าย
“อือ” ทันทีที่ได้ยินดีคำอนุญาต สกายก็ช้อนร่างบางขึ้นอุ้มเข้าเอว ให้ใบหน้าสวยพอดีใบหน้าตน ก่อนจะเริ่มคลอเคลียตั้งแต่ก้าวเดินไปจนถึงห้องนอน แขนแกร่งช้อนใต้บันท้ายนิ่มไว้กันตก อีกมือที่ละออกไปก็ทำการปิดล็อคประตูห้องนอนอย่างแน่นหนา กันใครเข้ามาเพื่อปกป้องเกียรติของตัวปลายฟ้าเองเมื่อมั่นใจแล้วว่าห้องล็อคแน่นหนา ริมฝีปากหยักก็บดเบียดเข้าที่กลีบปากบางอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนโลมเลียให้คนสวยในอ้อมแขนยอมเผยอปากรับเรียวลิ้นของเขาเข้าไป ปลายฟ้าพยายามหอบหายใจก่อนจะเผลอตัวเผยอปากเปิดโอกาสให้สกายสอดลิ้นเข้ามาชิมความหวานในโพรงปากของตนอีกครั้ง เธออยากจะฝืนตัวร้องขอว่านี่คือครั้งแรกแต่ก็มัวเมาให้รสจูบเกินกว่าจะเอ่ยปากขอให้หยุดได้ไหวเธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ กับการที่สกายอยู่เหนือร่างเธอแบบนี้ แม้จะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสก็ตามและในตอนนี้เธอหมายมาดแล้วว่าไม่ว่าสกายจะเอาแต่ใจเท่าไรเธอก็จะไม่โวย เพราะเธอจะยอมอยู่ใต้ร่างเขา แม้มันจะไม่ค่อยถูกต้องก็ตาม...ลมเย็นสายหนึ่งพัดผ่านให้ร่างบางสะท้านไปทั้งกาย เรียกสติที่หลุดลอยไปของปลายฟ้าให้กลับมา เธอเหลือบมองเสื้อผ้าของตนเองที
“ฮู่วว เสร็จสักที แต่นานขนาดนี้พวกเก้ากับโชยังไม่มากันอีกเหรอ...” กิ๊งก๋อง!! เสียงกริ่งกดย้ำ ๆ ที่หน้าประตูเรียกให้เรียวขาขาววิ่งเยาะไปเปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อน ๆ ของเธอทั้งสามคน “ไฮ ดาร์ลิ่งงงง มาเร็วเสมอเลยน้า” โชเอ่ยทักท้ายด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมชูถุงค็อกเทลเบา ๆ ให้ปลายฟ้าดูว่าตนเองได้ซื้อมาเผื่อเพื่อนสาวคนน่ารักเรียบร้อย เพราะโชรู้ดีว่าถ้าให้ปลายฟ้าซื้อ ปลายฟ้าจะซื้อแต่ของพวกเธอและของสกายเท่านั้นไม่ซื้อของตัวเอง “ขอบคุณน้า เข้ามา ๆ สกายอยู่ตรงโซนนั่งเล่นอ่ะ เราขอไปเอากับแกล้มก่อน” ปลายฟ้าเอ่ยเชิญเพื่อน ๆ เข้ามาในห้องสกายก่อนจะรีบเดินไปเอาของกินเล่นที่เธอทำไว้ในครัวมาวางก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างสกายเหมือนเดิมไร้อาการขัดเขินใดใดเพราะวันนี้เธอตั้งใจจะมาดูแลสกายโดยเฉพาะ “อ้าว เก้าไปไหนอ่ะ” “ซี๊ด อร่อยย ๆ ยำแซลมอนอร่อยมาก นี่สิปลายฟ้าคนสวย ว่าที่เถ้าแก่เนี้ยร้านอาหาร เออ ส่วนไอ้เก้ามันไปขออนุญาตเมียดื่ม ความล่กของมันล้วน ๆ ห่วงเพื่อนจนลืมรายงานเมียจ้า 555555” โชเอ่ยตอบพร้อมกับชมกับแกล้มที่ปลายฟ้าทำไม่ขาดปาก สลับกับดื่มเครื่องดื่มที่ตัวเองชงไปด้วยอย่างสนุกสนาน ปล
[หลายวันต่อมา]ไม่มีการติดต่อจากสกายอีกเลยนับจากนั้น ปลายฟ้าพยายามทั้งโทรหาและส่งข้อความ แต่ไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะตอบกลับมา ไม่ใช่แค่เธอที่เป็นห่วง แต่เพื่อน ๆ อีกสามคนก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน เพราะสกายเล่นไม่ตอบทั้งข้อความส่วนตัวและในกลุ่ม ไม่ว่าเพื่อนจะคุยกันเยอะแค่ไหนก็ไม่ยอมมาตอบ ยิ่งสกายหายไปนานมากเท่าไร ข่าวของนางเอกสาวชื่อดังที่กำลังออกเดทกับลูกชายผู้กำกับหนุ่มอนาคตไกลก็ยิ่งกระแสดีขึ้นเรื่อย ๆ พาลเอาปลายฟ้าที่ตามดูข่าวของญาดาในทีวีเศร้าซึมหนักยิ่งกว่าเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของสกาย“แกเห็นข่าวญาดากับลูกชายผู้กำกับหรือยัง เหมาะสมกันมากเลยเนอะ”“อื้อ ๆ ฉันได้ยินว่าลูกชายผู้กำกับจะขอคุณญาดาแต่งงานด้วยนะเว้ย หวี๊ด” “จริงป่ะ โอย ฉันอิจฉา แต่ก็นะ คนสวยก็ต้องคู่กับหล่อสิ จริงไหม”ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่นด้วยความไม่พอใจ ที่แฟนคลับและคนทั่วไปไม่มีใครรู้ความจริงเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งยังเชียร์ทั้งคู่ออกนอกหน้าด้วยเพราะหลงคิดว่าญาดานั้นเพียบพร้อม ทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม ไม่เคยมีข่าวเสียหายกับใครหรือดาราคนไหนทั้ง ๆ ที่ดาราสาวคบกับสกายตั้งแต่ตัวเองยังเป็นแค่นักศึกษาและนางแบบโนเนมคนหนึ่งด้วยซ