บทที่ 4
สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม "เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ" "ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน " "อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าว สญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็นดวงตาเธอแดงระเรื่อ น้ำตาคลอหน่วยอยู่ในลูกตา "สญามน งั่นเดี๋ยวฉันถามให้ อืม…ร้านนี้แล้วกันดูแล้วหน้าจะอยู่มานาน" พายุมองไปที่ร้านหนึ่งที่ มีคนชายชราอายุราว ๆ หกสิบถึงเจ็ดสิบปีนั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน ชายหนุ่มจึงจูงมือหญิงสาวเดินเข้าไปหา "คุณตาครับ บ้านที่อยู่แถว ๆ นี้เมื่อหลายสิบปีก่อนหายไปไหนหมดล่ะครับ" ชายชราคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสอง "อืม บ้านแถวนี้นะหรือ เขาย้ายออกกันไปนานมากแล้วล่ะไอ้หนุ่ม น่าจะตั้งแต่ตาเด็ก ๆ เเล้วตอนนั้นซอยกลางนี้มีบ้านคนอาศัยอยู่เยอะ เพราะเจ้าของที่เขาจะสร้างตลาดไงเลยเรียกคืนจึงได้ย้ายออกกันหมด แล้วมันก็เจริญขึ้นถึงปัจจุบันนี้ล่ะ" "อ๋อ ครับ แล้วคุณตาเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ไหมครับ" พายุกล่าวพร้อมกับจูงสญามนมายืนต่อหน้าชายชรา หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ชายชราจึงมองไปที่เธอแบบเพ่งพินิจ "คือเธออยากตามหาญาติครับ ญาติเธอเมื่อก่อนเคยอยู่แถวนี้" ชายชราพยักหน้าและมองเธอ ทั้งสองจึงรู้สึกตื่นเต้นคิดว่าชายแก่คงนึกออก "คุ้น ๆ ไหมคะ" หญิงสาวเอ่อถาม คุณตาคนนั้นมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา และยิ้ม ทั้งสองจึงยิ่งดีใจ "เมียแก่นี้สวยดีนะไอ้หนุ่ม" "เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ" "ไม่ใช่ครับ" พายุและสญามนพูดออกมาพร้อมกัน "ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่ได้เป็นเมียเขาค่ะ เอางี้ คุณตาพอรู้จักคนที่นามสกุล กลิ่นขจรบ้างไหมค่ะ" "อืม…..ไม่เคยได้ยินนะ" ชายแก่คุ้นคิดและตอบออกมา สญามนหันหน้ากลับไปหันพายุ ทำสีหน้าเศร้าสร้อย "ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่รบกวนแล้วขอตัวก่อนนะครับคุณตา" ทั้งสองจึงไหว้ขอบคุณคุณตาแล้วเดินจากมา "เดี๋ยวเราไปโรงพักแถวนี้ดู" พายุเอ่ยบอก สญามนจึงได้แต่ทำตามเขาไป เพราะตอนนี้เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ได้แต่พึงพาชายหนุ่มเท่านั้น โรงพัก สองหนุ่มสาวยืนอยู่หน้าโรงพัก หญิงสาวเธอมองไปที่ชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ "พายุ นายคิดอะไรอยู่ ทำไมเราไม่เข้าไปล่ะ" "ฉันกำลังคิดว่าจะบอกตำรวจยังดี ถ้าตำรวจถาม ว่าเจอคุณได้ยัง ถ้าบอกว่าคุณมาจากปี 2502 คงได้หาว่าผมบ้าแน่ ๆ" "ก็ฉันมาจากปี 2502 จริง ๆ " "ไม่มีใครเชื่อหรอก" "แล้วนายจะทำยังไง" พายุทำถ้าคุ้นคิดอยู่พักหนึ่ง "เอางี้ บอกว่าเธออยากตามหาตุณยายแล้วกัน" พูดจบชายหนุ่มก็ดึงมือเธอเดินขึ้นโรงพักไป "ห่ะ ดะ เดี๋ยว คุณยายเลยหรอก" "ชื่ออะไรนะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนเอ่ยถามทั้งคู่ แต่สญามนยังคงเงียบ พายุจึงใช้ข้อศอกสะกิดเบา ๆ "ชะ ชื่อ สญามน กลิ่นขจร ค่ะ " "หายไปเมื่อไรครับ" "เมื่อปี 2502 ค่ะ" "โอ้ 64 ปีผ่านแล้วนะครับ" "ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้ว่ามีคนมาแจ้งความคนหายบ้างไหมคะ" ตำรวจวัยกลางคนใช้สายตาลอดแว่น มองทั้งคู่ "เออ พอจะมีข้อมูลบ้างไหมครับเกี่ยวผู้หญิงที่ชื่อ สญามน กลิ่นขจร น่ะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจก้มหน้าลง กดบางอย่างได้คอมพิวเตอร์ สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมาบอกว่า "ไม่มีชื่อนี้ในฐานข้อมูลคนหายเลยครับ หรือช่วงเวลานั้นเทคโนโลยีต่าง ๆ ยังเข้าไม่ถึง หรืออาจไม่มีคนมาแจ้งความไว้ครับ" "อ๋อ ครับ" "ค่ะ" "ยังไงทิ้งเบอร์ติดต่อไว้นะครับ ถ้าเจอข้อมูลหรือเบาะแสอะไรผมจะโทรติดต่อไป" "ได้ครับ" พายุจดเบอร์โทรศัพท์ส่งให้เจ้าหน้าที่แล้วทั้งคู่จึงเดินออกมา "ถ้าหาไม่เจอจะทำยังไงดี แต่ถ้าฉันเจอทุกคนไม่แก่กันไปหมดแล้วหรอ" สญามนพึมพำขณะเดินออกมา "ฉันจะทำยังไงดี" เธอเอ่ยถามชายหนุ่ม "เอาหน้าไม่ต่องกังวล ถ้ายังไม่เจอเธอก็อยู่ที่คอนโดไปก่อน รอตำรวจติดต่อมา" "ฉันอยู่กับนายได้หรอ" "ก็ได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ หรือกลัวฉัน" "ฉันจะรังเกียจหรือกลัวนายได้ยังไง นายช่วยฉันขนาดนี้ ฉันกลัวว่านายจะรังเกียจฉันมากกว่า" "ฉันไม่รังเกียจ.. และเต็มใจช่วย" ดวงตากลมตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่ดวงตาชายหนุ่ม ๆ ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน เริ่มมีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นเเรง แต่เขาก็ยังไม่อยากละสายตาไปจากดวงตากลมโตนั้น จนใบหน้าสวยเริ่มมีสีแดงระเรื่อที่แก้ม ก่อนเธอจะหุบสายตาและหันหน้าไปทางอื่น " ฉันคิดว่าฉันจะหาทางกลับไปปี 2502 " "ยังไง" พายุเอ่ยถามเธอ "ที่เดิม" "ที่ไหนล่ะ" "ที่วัดป่านั้นไง ถนนเส้นนั้น ที่เรียงรายไปดอกต้นลั่นทม" "แล้วเธอจะไปปี 2502 ยังไง นั่งไทม์แมชชีนไปหรอ" "ห่ะ ไทม์ ไทม์อะไรนะ " "ไทม์แมชชีน ของโดเรม่อนน่ะ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทางข้ามเวลาไง" "มีแบบนี้ด้วยหรอ! งั้นนายไปยืมให้หน่อย เออใครนะ โด โดเรม่อน เหรอ" พายุได้ฟังคำที่หญิงสาวพูดก็ขำพืดออกมาอย่างสุดกลั้น สร้างความงงงวยให้กับเธอยิ่งนัก "นายจะหัวเราะอะไร มีอะไรน่าหัวเราะ" "ผม ผมขอโทษ ลืมไปว่าการ์ตูนโดเรม่อนพึงฉายในไทยปี 2525 " "การ์ตูนเหรอ" "ใช่" "ฉันเคยอ่านแค่ในหนังสือ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ นายรู้จักไหม" "รู้ ตอนนี้ก็น่าจะยังมีอยู่นะ ผมเคยได้ยิน" "แต่ อย่าพึงเปลี่ยนเรื่อง ฉันคิดว่าฉันข้ามเวลามาปีนี้ได้เพราะอาจจะมีมิติเวลาอยู่แถว ๆ นั้น ตอนที่ฉันก้มลงไปเก็บดอกลั่นทม จู่ ๆ ก็มีลมพัดแรงมาก" "ทำให้เธอถูกมิติเวลาดูดมาปี 2566 นี้ใช่ไหม" "ฉันคิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น" "ก็ได้ผมจะพาไปที่วัดป่าอีกครั้ง" ชายหนุ่มจึงขับรถพาเธอมายังวัดป่าอีกครั้ง เมื่อถึงถนนเส้นเดิมที่เจอกัน ทั้งสองจึงลงจากรถเดินมายังจุดนั้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก็พบแต่ความเงียบสงบ สายลมพัดเอื่อย ๆ ดอกลั่นทนส่งกลิ่มหอมอ่อนไม่ขาดสาย "จุดนี้ล่ะ ที่ฉันก้มเก็บดอกไม้" ชายหนุ่มมองเธอนิ่งช่างใจครุ่นคิดเรื่องของเธอ ที่เธอบอกว่าเธอข้ามมิติเวลามามันจะเป็นเรื่องจริงไหมนะ "งั้นเราอยู่ตรงนี้อีกสักพัก เพื่อมิติเวลาจะเปิด" พายุกล่าวบอกเธอ "......" หญิงสาวพยักหน้ารับ ทั้งคู่ยืนอยู่บริเวณนั้นจนเวลาผ่านเลยไปจนท้องฟ้าใกล้จะมืด ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูมันบอกเวลาหกนาฬิกาสามสิบนาทีกว่าแล้ว สญามนเห็นท่าทีของพายุ คิดว่าเขาคงจะรอจนเบื่อจึงได้พยายามหาเรื่องคุยกับเขา "วันนั้นนายมาทำอะไรที่วัดนี้ล่ะ" "ผมมาเอาของหลวงตา หลวงตาผมบวชอยู่วัดนี้" "อ่าว แล้วนี้นายไม่เข้าไปกราบท่านล่ะ มาถึงวัดแล้ว" "ตอนนี้หลวงตาไปเยี่ยมบ้าน ท่านแก่มากแล้วโรคประจำตัวเยอะ อยู่ที่วัดไม่มีคนดูแล" "อ๋อ" "แล้วครอบครัวนายล่ะทำงานอะไรกันเหรอ" "อืม ครอบครัวพ่อเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างน่ะ พอเรียนจบผมก็จะกับไปรับช่วงกิจการต่อจากพ่อ "บ้านนาย คงรวยมาก ๆ ใช่ไหม" "อืมก็พอได้อยู่นะ" "ไอ้พอได้อยู่นะ นี้มันคืออะไร" "ก็… รวยไง ถือว่าว่ารวยแล้วกัน" "ดีจัง" "ทำไมเหรอ" พายุถามเธอกลับ ฟิ้วววว.. เสียงลมพัดผ่าน กิ่งไม้เริ่มเสียดสีกันไป ใบไม้ดอกไม้ที่หล่นอยู่ตามพื้นเริ่มปลิวไปตามลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองต่างมองหน้ากัน "ลมแบบนี้แหละ เหมือนวันนั้นเลย" สญามนพูดพร้อมเดินออกไปกลางถนนเส้นนี้ เธอปล่อยให้ลมพัดผ่านหมุนวนร่างบางไป "เดี๋ยว สญามน" พายุเอ่ยเรียกเธอฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาบังฝุ่่นผงไม้ให้เข้าดวงตา เพราะลมที่พัดแรงขึ้น "ขอบคุณนะพายุ ที่ค่อยช่วยเหลือฉันหลาย ๆ วันที่ผ่านมานี้" สญามนเอ่ยเสียงดังฝ่าเสียงลมและเศษใบไม้ที่ปลิวว่อน "ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ" "สญามน นี้มันเรื่องจริงเหรอเนียเธอจะข้ามผ่านมิติเวลาจริง ๆ เหรอ" พายุเริ่มมองไม่เห็นร่างบางของเธอ…..พายุกลับมาถึงบ้านของพ่อและแม่ เขาทิ้งตัวลงบนที่นอน อารมณ์เศร้าหมองพาความรู้สึกเขาดิ่งลงจนน้ำใส ๆ เอ่อล้นไหลผ่านหางตาไป ไม่มีสิ่งใดสามารถปลอบประโลมความรู้สึกเจ็บช้ำที่จิตใจเขาได้ในขณะนี้ภาพทุกอิริยาบถต่าง ๆ ของหญิงสาวไหลผ่านคลื่นสมองผุดเป็นภาพต่าง ๆ ห้วนให้ชายหนุ่มยิ่งคิดถึง ชายหนุ่มพลิกตะแคงงอตัวกำผ้าปูที่นอนไว้แน่ซุกหน้าร้องไห้โฮไปกับที่นอนใหญ่ ด้วยความอ่อนล้าจากการอดนอนมาหลายวันจนร่างกายไม่สามารถจะทานทนได้ ในที่สุดเขาก็หลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนในห้วนฝันของชายหนุ่มขณะที่เขาหลับไหล ในนั้นเขาได้อยู่กับสญามนได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ เมื่อมองออกไปยังสนามหน้าบ้านมีเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเล่นขายของบนเสื่อ แล้วยังมีเด็กผู้ชายที่ดูโตกว่าไม่กี่ปีปั่นจักรยานเล่นอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนเขากับเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะค่อยมองดู ๆ เด็กสองคนนั้นอย่างมีความสุขชายหนุ่มสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาก็สายของอีกวัน เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง คิดทบทวนความฝันเมื่อคืนนี้แล้วมันทำให้เขาไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมาเลยสักนิดเสียงถอนลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด ชายหนุ่มชันกายลุกขึ้นในท่านั่ง มองไปยังรูปพ่อแม่และเขาเองเมื่อครั้
“ยุ..”“มีอะไรเหรอครับแม่น้ำเสียงดูจริงจัง”“หลวงตาลูกเขาบอกกับแม่ว่า”“ว่าอะไรหรอครับ”“ประตูมิติเวลามันจะเปิดขึ้นอีกครั้ง”เมื่อได้ยินคำที่ประโยคที่ไม่อยากจะได้ยิน หัวใจของชายหนุ่มไหววูบ เขาหันกลับเข้ามามองยังภายในห้องก็เจอกับหญิงสาวยืนส่งยิ้มหวานให้เขาอยู่เบื้องหน้า"ยุ.. ยุยังฟังแม่อยู่ไหม" ปลายสายเห็นเงียบไปเลยเอ่ยเรียกขึ้น"ครับผมฟังอยู่" เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุดแล้วตอบกลับไป หญิงสาวเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคุยต่อเธอจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาหน้าทีวีปล่อยให้เขาคุยโทรศัพท์ไป"เมื่อไรครับ หลวงตาได้บอกไหม"พายุเอื้อมมือไปปิดประตูกระจกแล้วกลับมาคุยโทรศัพท์กับแม่ของตนต่อ"ไม่ได้บอกอะไรต่อลูก ท่านบอกมาแค่นี้แล้วก็หลับไป ท่านอ่อนแรงมากเลยลูก"“.........” ชายหนุ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง“ยุ ค่อย ๆ คิดนะลูก มีอะไรมาปรึกษาพ่อกับแม่ได้ตลอด”“ครับ” เขากดปิดสายโทรศัพท์ และกำมันไว้จนแนน่นแทบจะแหลกค้างมือ ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำมันสบสนไปหมด ดวงตาชายหนุ่มเหม่อมองเข้ามาในห้อง มองหญิงสาวที่เขารักเธอก็หันมาส่งยิ้มให้เขาอีกเช่นกัน แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดของชายหนุ่ม เธอจึงหุบยิ้มแล
ตอนที่ 15ร่างบางเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ หญิงสาวยกแขนขึ้นบิดตัวไปมาด้วยความปวดเมื่อยร่างกาย "หายไปไหนของเขานะ" สญามนชันกายลุกขึ้นนั่ง มองหาชายหนุ่มจนทั่วห้องนอนแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ร่างบางก้าวลงจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวไว้ เปิดประตูห้องนอกชะโงกหน้าออกมามองหาชายหนุ่ม ก็เห็นแผ่นหลังของเขายืนอยู่บริเวณระเบียบห้องพร้อมกับควันบางอย่างที่ลอยขึ้นมาสญามนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอเดินตรงมาที่ระเบียบและเปิดกระจกออก กลิ่นควันบุหรี่ก็ลอยเข้าจมูกเธอทันที"ฉันไม่เคยรู้ว่านายก็สูบบุหรี่ด้วย" เมื่อได้ยินเสียงเธอชายหนุ่มก็กดบุหรี่ลงยังที่รองเพื่อดับมัน "ฉันมีเรื่องให้คิดนะ" เขาตอบกลับเธออกไป"นายคิดเรื่องอะไร ไหนเราคุยกันแล้วไงถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกกัน นายก็บอกฉันมาสิฉันจะได้ช่วยแบ่งเบาความคิดให้นายได้บาง" ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิง สายตาเลือนลงมองผ้าขนหนูที่เธอพันร่างกายอยู่ก็ยิ้มออกมา"แค่เรื่องเรียนนะ""จริงหรอ""จริง""แล้วให้ฉันช่วยอะไรไหม""มากอดหน่อย" พายุอ้าแขนรอ สญามนจึงเดินเข้ามาชิดร่างใหญ่ให้เขาได้กอด เธอเองก็กอดเข้าตอบเช่นกัน "นายอย่าสูบมั
"แม่ฉันโทรมาบอกว่าหลวงตาฟื้นแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเธอ เมื่อวางสายหลังจากคุยกับแม่ไป"ดีจัง แล้วท่านเป็นไงบ้าง""แม่บอกว่า ท่านพอพูดคุยด้วยแต่ยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไรนัก""แล้วเราจะเข้าไปหาท่านกันไหม ไม่สิ ๆ นายไปคนเดียวก่อนดีกว่า เพื่อเห็นฉันแล้วเกิดท่านตกใจขึ้นมาล่ะ""งั้นฉันไปคนเดียวก่อน วันหลังค่อยพาเธอไปนะ""โอเค"ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงขับรถมุ่งหน้าต่อเพื่อกลับคอนโด(โรงพยาบาล)ช่วงสายวันต่อมา พายุเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมหลวงตา เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วย ก็พบเจอพ่อและแม่ของตนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว พวกท่านยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่มีหลวงตากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่"หลานสุดที่รักมาแล้วค่ะหลวงพ่อ" ผู้เป็นแม่รีบเอ่ยบอกเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามา เธอมองเลยพายุไปแต่ก็ไร้เงาของสญามน ตอนแรกกะจะเอ่ยถามแต่ก็เลือกที่ยังจะไม่ถามดีกว่าพายุกล่าวสวัสดีทุกคน แล้วเดินตรงมายังข้างเตียง ชายหนุ่มโน้มตัวลงกราบไปที่มือที่เหี่ยวไปตามวัย นั้นของพระชราหลวงตาเองก็ค่อย ๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาลูบหัวหลานชายสุดที่รัก พายุพงกหัวรีบประคองมือของหลวงตาไว้ทันที"หลวงตาครับ….""ว่ายังไง" น้ำเสียงแหบต่ำของ
บทที่ 13พายุลงมาที่ชั้นล่างเพื่อตามหาหญิงสาว เมื่อก้าวเช้ามาในบริเวณร้านกาแฟ ชายหนุ่มเห็นร่างบางที่คุ้นเคยนั้นทันที ถึงแม้ว่าเธอจะหันหลังอยู่ก็ตาม พายุเดินอ้อมมานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว ตอนนี้เธอมีสีหน้าเรียบเฉย ทั้งสองสบตากันไปมา“ฉันขอโทษที่คำพูดของฉันทำให้เธอคิดมาก”“...................” เธอยังคงมองชายหนุ่มนิ่ง“สญามน” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด“ฉันรู้แล้ว ไม่ได้โกรธอะไรนายหรอก ฉันเข้าใจ นายแค่ไม่อยากให้ฉันเป็นกังวล”“ตอนนี้ฉันก็เข้าใจเธอ เธอไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน ฉันก็ยังคงรักเธอ ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไร แต่ตอนนี้รักมากบอกเลย” พายุกล่าวความรู้สึกออกมาจากใจทั้งหมด จนทำให้หญิงสาวยิ้มออกอย่างเขินอาย“เรากับขึ้นไปบนห้องกันเถอะ”“อืม” ทั้งสองจึงเดินกลับขึ้นมาเพื่อหาหลวงตาอีกครั้ง“ตอนที่ฉันนั่งกินกาแฟอยู่เมื่อกี้ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว เราไม่รู้ว่ามิติเวลามันจะเปิดขึ้นอีกเมื่อไรตอนไหน ฉันเลยอยากใช้เวลาอยูกับนายให้นานที่สุด” สญามนก้มหน้าพยายามเก็บความรู้กลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา “ไม่ ไม่มีทางฉันจะไม่ยอมให้เธอไปไหนทั้งนั้นเธอจะอยู่กับฉัน เราจะต้อง
"วันนี้นายไม่มีเรียนเหรอ"ร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มสาว ที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มือเรียวเกลี่ยไรผมที่ปิดใบหน้าหล่อของชายหนุ่มที่เปลือกตายังปิดสนิท"อืมมม" เสียงต่ำครางอยู่ในลำคอ ลำแขนใหญ่เริ่มขยับ และเกี่ยวเอาคนตัวเล็กที่เอ่ยคำถามเมื่อครู่เอามากอดไว้แน่น"พายุ.. ฉันถามว่าวันนี้นายไม่มีเรียนเหรอ" เธอเอ่ยถามย้ำชายหนุ่มปรือตามอง ร่างบางในอ้อมกอด ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากเธออย่างแผ่วเบา"ยังเช้าอยู่เลยนอนต่ออีกนิดนะ" กล่าวจบจมูกโด่ง ก็หอมฟอดใหญ่ไปที่แก้มเนียน ก่อนจะเลื่อนลงซุกไซร้ที่ซอกคอหญิงสาว"คริ คริ คริ ฮ่า ฮ่า พอได้แล้ว " สญามนหดคอ หัวเราะคิกคักก่อนจะดิ้น ลุกออกจากเตียงเดินมานอกห้องนอนพายุมองตามแผ่นหลังบางนั้นจดลับสายตา ชายหนุ่มก็ได้ลุกจากที่นอน เพื่อเตรียมตัวไปมหาลัยวันนี้ไม่นานชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง ด้วยชุดนักศึกษา รูปร่างสูงผิวที่ดูขาวสะอาดใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางแนวเกาหลี มันทำให้หญิงสาวต้องมองจนตาค้างพายุก็จ้องตาเธอกลับเช่นกัน แถมยังหมุนตัวโชว์หญิงสาวไปหนึ่งรอบ พร้อมกลับเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าตรงกับใบหน้าของเธอหญิงสาวหรี่ตามอง และทำหน้าสง