บทที่ 5
"ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ" พายุได้ยินเสียงของหญิงสาว ผ่านสายลมที่เเรงขึ้น ทั้งฝุ่นผงเศษใบไม้และดอกไม้ปลิวว่อน "สญามน เดี๋ยว" ชายหนุ่มยกแขนขึ้นบังดวงตา ฝ่ามืออีกข้างยกขึ้นมาปัดป้องไปมา แต่ก็ไม่สามารถป้องกันฝุ่นได้ "ฉันจะได้กลับแล้วใช่มั้ย" หญิงสาวหลับตาลง ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมนั้น พายุกระพริบตาถี่ ๆ ชายหนุ่มเริ่มมองไม่เห็นตัวของหญิงสาว ดวงตาของเขาไม่อาจต้านทานลมได้ เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที ลมเริ่มเบาบางลง ชายหนุ่มกระพริบตาที่พร่ามัวไปด้วยฝุ่นผง เเล้วเพ่งมองไปจุดที่สญามนยืนอยู่ "สญามน" เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้น "พายุ นะ นาย" หญิงสาวเริ่มมองไปรอบ ๆ "ฉันยังอยู่ที่เดิม ทำไม ทำไมล่ะ " เธอทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก เมื่อดวงตาหายพร่ามั่ว พายุจึงรีบเดินเข้ามาหาหญิงสาวตรงที่เธอนั่งอยู่ เขาทรุดตัวนั่งลงใช้เข่าแตะพื้นหนึ่งข้าง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปหยิบเศษใบไม้ ดอกไม้ออกจากผมของเธอ สญามนมองใบหน้าของพายุ อย่างลืมตัว เมื่อชายหนุ่มจัดการกับผมของเธอเสร็จแล้ว สายตาจึงเลือนมามองใบหน้าของหญิงสาว ทั้งสองต่างจ้องมองสึกกันเเละกัน "เธอเป็นไรไหม" "......" สญามนส่ายหน้าไปมา "กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวจะมืด" พายุลุกขึ้นยืน และส่งมือยื่นให้หญิงสาว เธอเงยหน้ามองเขา ก่อนจะมองมาที่มือที่ชายหนุ่มยื่นส่งมาด้วยท่าทีที่ดูอบอุ่น จนเธอรู้สึกได้ มือเรียวเล็กจึงเอื้อมไปจับมือเขาไว้อย่างไม่ลังเล (วันต่อมา) "แต่งตัวสิ วันนี้จะพาไปเทียว" "ไปเทียว นายไม่มีเรียนเหรอ" "ไม่" "ได้ รอแปบนะ" หญิงสาวกล่าวอย่างดีใจ เธอรีบหมุนตัวกับเข้าไปยังห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที พายุมองเธอ และยิ้มออกมาเมื่อเห็นอาการดีใจของหญิงสาว ใช้เวลาไม่นานสญามนก็ออกมาจากห้องด้วยชุดเดรสยาวเกือบเข่า แขนกุดสีขาวไล่โทนสีชมพูอ่อน ๆ ที่ลายเดรสนั้น ขับกับผิวขาวเนียน เรือนผมดำขลับเรียงเส้นสวยยาวถึงกลางหลัง เรียกได้ว่าสวยสะดุดตา จนพายุถึงกับมองค้องอยู่หลายวิ "ตอนเห็นชุดนี้ที่หุ่น ไม่เห็นสวยขนาดนี้" ชายหนุ่มพูดเบากับตนเอง "พึมพำอะไร ชุดนี้ได้ไหม" สญามนกล่าวพร้อกับหมุนตัวหนึ่งรอบ "พายุ พายุ" หญิงสาวเอ่ยเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไป "เอ่อ ชุดนี้เหรอผมว่าไม่เหมาะไปเปลี่ยนเหอะ" พายุกล่าวพร้อมเดินเเทรกตัวเข้าห้องไปเลือกชุดใหม่ให้เธอ "อะไรออกจะสวย" สญามนบ่นกับตนเอง "จะแต่งสะสวยขนาดนี้ไปโชว์ใคร" พายุก็พืมพำกับตนเอง "อะไรนะ นายว่าอะไรนะ" "เปล่า นี้! ใส่ชุดนี้ไปแล้วกัน" พายุกล่าวพร้อมส่งชุดใหม่ให้เธอ กางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดพอดีตัวยี่ห้อหนึ่ง แต่พอเธอใส่ชุดนี้มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ พายุอมยิ้มอย่างพอใจ แต่สญามนกับยืนทำแก้มป่องมองค้อนชายหนุ่ม "ได้ไปเทียวทั้งที่ ใส่ชุดนี้ไม่เห็นจะสวยเลย" "นี้ก็สวยแล้วเธอไม่รู้ตัวเหรอ" "......" (นี้เขากำลังชมฉันอยู่ใช่ไหม) หญิงสาวคิดในใจ "ผมตาถึงไง เลือกชุดไหนก็สวยไปหมด" "......." "ไปกันเถอะ" "แล้วนายจะพาไปเที่ยวไหน" "ดรีมเวิลด์" "คือที่ไหน" "........" พายุเงียบมองหน้าหญิงสาวพร้อมกับก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หาข้อมูลบ้างอย่าง "เดี๋ยวเล่าให้ฟังระหว่างทาง" "ตกลงนายจะบอกได้ยัง ที่นายจะพาไปคือที่ไหน" "ดรีมเวิลด์ สวนสนุก" "สวนสนุก ฟังชื่อแล้วน่าจะสนุกดีนะ" "เธอ… รู้จักไหม" พายุแกล้งถาม "ไม่นะ ไม่เคยได้ยินเลยมันเป็นยังไงล่ะ นายก็เล่ามาสิ" "เดี๋ยวก็ถึงเธอก็รู้เอง แล้วเธอจะกรี๊ด" "ขนาดนั้นเลยเหรอ" "กรี๊ด!!! กรี๊ด พายุ อร้ายยย นายพาฉันมาเล่นอะไรรรรร กรี๊ด!!" เมื่อรถไฟเหาะหยุดลง สญามนเดินโซซัดโซเซมาพิงอยู่ข้างทาง ด้วยอาการใจเต้นตุ๊บ ๆ หายใจแรง "เป็นไงสนุกไหม" พายุเอ่ยถามแบบขำ ๆ "สนุกบ้าอะไรคิดว่าวิญญาณหลุดออกไปจากร่างแล้วซะอีก" หญิงสาวกล่าวพร้อมเอามือแนบอกไว้ "ป่ะ ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า" พายุจับข้อมือจูงหญิงสาวให้เดิมตามมา "ม่ายยย ไม่เล่นแล้วฉันจะกลับบ้าน" เธอเอ่ยงอแงแบบเด็ก และขืนตัวไว้ไม่ไปตามแรงจูงเขา "เหอะน่า มีเครื่องเล่นอีกหลายอย่างไม่หน้ากลัวเเล้ว" "จริงนะ" "เชื่อใจผม" พายุยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ เดินมาไม่ไกลทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ปราสาทผีสิง "อันนี้คงไม่เท่าไร ฉันเคยเข้าตามงานวัดยังรู้สึกเฉยๆ" "เหรอออ จะคอยดูอย่ากลัวจนกรี๊ดแตกแล้วมากอดผมนะ" "ฝันไปเถอะ" พายุกับสญามนค่อยๆ เดินฝ่าความมืดเข้าไปเรือย ๆ ความเย็นยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศอันหนาวเย็นนำพาให้เธอจะเดินเบียดเข้าหาชายหนุ่ม "ไหนบอกว่าไม่กลัว" "มัน มะ มืด ฉันมองไม่เห็นต่างหาก" แฮ่!! จู่ ๆ ก็มีผีดักอยู่ข้างหน้าทั้งสองคน ด้วยความตกใจต่างกรี๊ดร้องออกมาสุดเสียง และหันหน้าเข้ากอดกัน จนผีปลอมตัวนั้นเดินไปผ่าน ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งผลักออกจากกันและหัวเราะกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ตึก ๆ ตึก ๆ ปัง ๆ ปัง ๆ เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง สญามนทำหน้าตาตื่น พายุจึงจับมาเธอไว้ ทั้งคู่จึงพากันวิ่งหนีบ้าง เดินบ้างเจอ ผีปลอมตลอดทาง สร้างความตื่นตกใจ และความสนุกสนานไปด้วยเช่นกัน ในที่สุดทั้งสองก็ออกมาจากปราสาทผีสิงห์ได้ ต่างมายืนพักเหนื่อยหัวเราะชอบใจกับผีรูปแบบต่าง ๆ ที่เจอมาตลอดทาง "สนุกดีจัง น่ากลัวกว่าบ้านผีสิงห์ตามงานวัดจริง ๆ ด้วย" "ใช้สิ กอดผมจนแน่นเลย" "นายนั้นแหละกอดฉันจนแน่น ตัวก็ใหญ่" ทั้งคู่เถียงกันไปมาก็เกิดอาการเขินกันเอง จนหญิงสาวต่องเปลี่ยนเรื่องคุย "มีอะไรหน้าเล่นอีกไหม" "เมืองหิมะ" "หมายถึงหิมะจริงเหรอ" "ไม่ ของปลอม ไปเถอะ" "โอโห ของจริงจะเป็นแบบนี้ไหม" สญามนเอ่ยเมื่เธอไปยืนอยู่ใต้ที่หิมะกำลังโปรยลงมา "ก็คล้าย ๆ แบบนี้" "วู๊ เย็นจังเลย" เธอจับหิมะเล่นอย่างสนุกสนาน "สญามน" พายุเอ่ยเรียกเธอ "ห่ะ" "ยืนดีๆ ถ่ายรูปให้" หญิงสาวหันรีหันขวางเลือกจุดที่จะยืนเมื่อได้ที่เเล้วจึงยิ้มแฉ่งส่งให้ ชายหนุ่มกดถ่าวรูปที่ผ่านกล้องมือถือ "ไหนกล้องนาย" "นี้ไง" พายุหันหน้าจอมือถือให้เธอดูรูปที่เขาถ่ายเมื่อครู่ สญามนทำตาโตอย่างประหลาดใจ "ทันสมัยมาก เจ้าจอเล็ก ๆ นี้ถ่ายรูปแทนกล้องได้ด้วย" พายุขำกับคำพูดของเธอ "ฉันถ่ายให้นายบ้างเอาไหม" "ไม่เป็นไร ฉันถ่ายเอง" ชายหนุ่มปรับเป็นกล้องหน้าก้าวมายืนข้างหญิงสาว แต่เพราะความสูงต่างกันมันเลยดูไม่พอดี สญามนจึงพยายามเขย่งเท้าให้ตัวสูงขึ้น จังหวะนั้นพายุก็ย่อตัวลงมา ทั้งคู่จึงหันมาสบตากัน นิ้วมือใหญ่ก็กดถ่ายได้เพราะดี "ยืนเฉย ๆ ฉันย่อตัวเอง" ทั้งสองเปลี่ยนมุมจนได้รูปมาหลายรูป ชายหนุ่มเลื่อนดูรูปเหล่านี้ไปมาซ้ำ ๆ และรู้สึกชอบ ใบหน้าจึงเผลอยิ้มออกมา "ยิ้มอะไร หน้าฉันตลกเหรอ ขอดูหน่อย" "ไม่ตลก เธอน่ารักดี" "ไม่เชื่อ ขอดู" พายุจึงส่งมือถือให้เเล้วบอกวิธีดูให้เธอ หญิงสาวเลือนแต่ดูรูปที่ถ่ายด้วยกัน เธอก็ยิ้มออกมา "นายหล่อมากเลย" "ของมันเเน่อยู่แล้ว" พายุรีบตอบกลับ "นายหล่อขนาดนี้ ยังไม่มีแฟนเหรอ" "ไม่มี" หญิงสาวเลือนจนมาถึงรูปที่ทั้งคู่สบตากัน ใบหน้าก็เห่อร้อนและแดงขึ้นมา "ไม่อยากจะเชื่อ" สญามนรีบส่งมือถือคืนให้เขา "ไม่มีจริง ๆ ทำไมเธอหน้าแดงล่ะ หรือว่าอากาศเย็นเกินเราออกไปกันเถอะ" "ไม่ ไม่เป็นไร ยังไม่ได้เล่นอันนั้นเลย" เธอกล่าวพร้อมชี้มือไปที่เนินหิมะสูงนั้นที่เอาไว้สำหรับเล่นสไลเดอร์ลงมา มีเจ้าหน้าที่ยืนดูแลอยู่ และมีคนเล่นอยู่ไม่มากนั้น "ได้สิ" พายุจึงเดินนำเธอมาไปหยิบกระดานสำหรับรองนั่งเพื่อที่จะได้สไลด์ลงมาจากเนินหิมะลูกนั้น ซึ่งก็ดูสูงอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มพาเธอขึ้นมาถึงด้านบนสุด พอมองลงไปก็ดูสูงมาก เธอจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา จนเจ้าหน้าที่เอ่ยถามเพราะยังมีคนอื่นรอเล่นอยู่ "ไม่เป็นไรครับผมไปกับเธอเอง" พายุเอ่ยบอกกับเจ้าหน้าที่ เขาจึงนั่งลงที่กระดานก่อนส่งยื่นมือไปหาเธอ และพยักหน้าเป็นเชิงบอกเธอว่าไม่ต้องกลัว สญามนมองใบหน้าชายหนุ่ม ทำให้เธอรู้สึกเบาใจจึงกล้าที่จะลองเผชิญหน้าดู เพราะวันนี้เธอเองก็เจอมาหลายอย่างแล้ว มีเขาอยู่ด้วยจึงเบาใจขึ้น หญิงสาวลงไปนั่งอยู่ด้านหน้าที่ชายหนุ่มเว้นที่ไว้ให้ เขาจับมือเธอให้กำเชือกด้านข้างไว้ เมื่อพร้อมแล้วเจ้าหน้าที่จึงดันกระดานของทั้งคู่ สไลด์ลงมา ความรู้สึกเสียววูบวาบอยู่ในท้องเมื่อไหลจากที่สูงลงมาที่ต่ำ ร่างบางเอียงหลังจนไปพิงกับอกใหญ่ของเขาไว้ เปลือกตาเธอเปิดสนิทจนกระดานสไลด์นั้นหยุดลงเมื่อถึงพื้นราบ เธอจึงลืมตาขึ้นมา "สนุกจังเลย" พายุมองดูเธออยากเอ็นดู เมื่อออกจากเมืองหิมะ สองหนุ่มสาวก็ไปเล่นเครื่องอื่น ๆ อีกหลายอย่างจนกระทั่งเย็นจึงกลับคอนโด พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขวด กว่าจะถึงคอนโดก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่งกินอาหารดื่มเบียร์ เเล้วเริ่มพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนดึก ขวดเบียร์เปล่า ๆ ที่ล้มกลิ้งอยู่ที่พื้นก็นับรวม ๆ ได้เกือบสิบขวด เบียร์ก็หมดพอดี แต่เพราะทั้งคู่ยังอยากที่จะคุยกันต่อ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็นดู แต่เบียร์ก็หมดไปแล้ว สายตาเขาก็เหลือบไปแล้วโซจูที่ซื้อไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน จึงหยิบมันออกมาทั้งสองขวด แล้วเดินกลับมาส่งให้หญิงสาวหนึ่งขวด เธอรับมันมาเเล้วเพ่งดู "โซจูน่ะ หรือเหล้าของเกาหลี" "นายรู้ใช่ไหม ฉันน่ะชอบนักร้องเกาหลีกลุ่มนั้น เลยเอาเหล้าเกาหลีมาให้ฉัน" น้ำเสียงของเธอเริ่มยานคล้อย "ลองชิมดูสิ" "อ่าาา สุดยอด" เธอเปิดขวดเเล้วกระดกมัน "เป็นไงรสชาติดีไหม" "ดี" เวลาผ่านไปจนโซจูของทั้งคู่เหลือไม่ถึงครึ่งขวด "ฉานโชดดี จริง ๆ เลยที่ข้ามเวลาแล้วมาเจอคนหล่อ ๆ และยังใจดีแบบนาย" ใบหน้าสวยแก้มแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ จับไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ที่กำลังนั่งท้าวคางมองเธออยู่ "เธอน่ะมาจากปี 2502 จริง ๆ เหรอ" "ก็ช่ายย นะสิ นี้ ฉานกำลังชมว่านายหล่ออยู่นะได้ยินไหม" "แล้วเธอจะกับไปไหม เธอไม่กับไปไม่ได้เหรอ" "ฉัน…ฉัน..ไม่รู้ " เธอละมือจากใบหน้าชายหนุ่มแต่เขากลับรีบคว้ามือเรียมมากุมไว้ "หรือเธอมีคนรักรออยู่" "มะ ไม่ ไม่มี" "งั้น อยู่กับฉันได้ไหม" จบคำพูดของชายหนุ่ม ทั้งสองสบตากัน ใบหน้าทั้งคู่ก็ค่อยเลื่อนเข้าหากันเหมือนมีบางอย่างดึงดูดคนทั้งคู่ ริมฝีปากของทั้งสองก็จูบผสานกัน….วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
บทที่ 5 "ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ" พายุได้ยินเสียงของหญิงสาว ผ่านสายลมที่เเรงขึ้น ทั้งฝุ่นผงเศษใบไม้และดอกไม้ปลิวว่อน"สญามน เดี๋ยว" ชายหนุ่มยกแขนขึ้นบังดวงตา ฝ่ามืออีกข้างยกขึ้นมาปัดป้องไปมา แต่ก็ไม่สามารถป้องกันฝุ่นได้ "ฉันจะได้กลับแล้วใช่มั้ย" หญิงสาวหลับตาลง ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมนั้นพายุกระพริบตาถี่ ๆ ชายหนุ่มเริ่มมองไม่เห็นตัวของหญิงสาว ดวงตาของเขาไม่อาจต้านทานลมได้ เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที ลมเริ่มเบาบางลง ชายหนุ่มกระพริบตาที่พร่ามัวไปด้วยฝุ่นผง เเล้วเพ่งมองไปจุดที่สญามนยืนอยู่"สญามน" เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้น"พายุ นะ นาย" หญิงสาวเริ่มมองไปรอบ ๆ "ฉันยังอยู่ที่เดิม ทำไม ทำไมล่ะ " เธอทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อดวงตาหายพร่ามั่ว พายุจึงรีบเดินเข้ามาหาหญิงสาวตรงที่เธอนั่งอยู่ เขาทรุดตัวนั่งลงใช้เข่าแตะพื้นหนึ่งข้าง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปหยิบเศษใบไม้ ดอกไม้ออกจากผมของเธอ สญามนมองใบหน้าของพายุ อย่างลืมตัว เมื่อชายหนุ่มจัดการกับผมของเธอเสร็จแล้ว สายตาจึงเลือนมามองใบหน้าของหญิงสาว ทั้งสองต่างจ้องมองสึกกันเเละกัน"เธอเป็นไรไหม" "......" สญามนส่ายหน้าไปมา "กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยว
บทที่ 4 สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม"เป็นไง" "อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ""ไปนั่งสิ" "ไม่เป็นไร ฉันช่วย" ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย "พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน ""อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าวสญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ "ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็น
บทที่ 3"นายชื่อพายุใช่ไหม" "อืม""ฉัน สญามน นะ""รู้แล้ว เธอเป็นคนให้ดูบัตร""......."พายุขับรถมาได้ร่วมชั่วโมงเริ่มเข้าใกล้กลางเมืองมากขึ้น แต่เพราะดึกมากเเล้วทำให้รถไม่ติดเท่าไรนัก "ถ้าง่วงก็หลับได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันเรียก"" โอโห นั้นอะไรน่ะ" จู่ ๆ สญามนก็เอ่ยออกมาเสียงดัง"อะไร ….""นู่น ๆ เหมือนรถไฟแต่มันอยู่บนนั่นน่ะ""ไม่รู้จริงอ่ะ" "ฉันพึงเคยเห็นครั้งแรก" เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น "รถไฟฟ้านะ ใต้ดินก็มีนะ" "จริงเหรอ ใต้ดินนี้นะ " "ใช่" พายุตอบกลับและแอบขำกับอาการตื่นเต้นของเธอ "หูย… นี้มันเมืองสวรรค์หรอ นายดูไฟพวกนั้นสิ นั้นตึกใช่ไหมทำไมถึงสูงอย่างนั้นล่ะ" ตลอดทางสมญามนยังไม่เลิกตื่นตากับสิ่งที่เห็นตามทางที่ผ่านมา เหมือนเธอจะลืมอาการเศร้าและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่นานนักก็ถึงคอนโดที่ พายุอาศัยอยู่ เขาขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ และพาหญิงสาวขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด หญิงสาวก้าวเข้ามาในลิฟท์ เธอมองสำรวจไปทั่ว เมื่อลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้น ร่างบางจึงเซถลาพายุยืนอยู่กลางลิฟท์สองมือลวงกระเป๋ากางเกง อยู่หญิงสาวก็เซมาเกาะแขนเขาอยู่ เขาเหล่ตาลงมองเธอที่เกาะแขนเขาไว้จนแน่น"อย่
บทที่ 2 ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ แขนเรียวของสญามนขยับขึ้นมากอดตัวไว้ เปลือกตาสวยค่อย ๆ ลืมขึ้นมา พร้อมกระพริบตาถี่เริ่มเพ่งมองไปรอบ ๆ ตัว "นี้ที่ไหน" จู่ ๆ หญิงสาวที่สลบอยู่หน้ารถเมื่อครู่นี้ ก็เอ่ยขึ้นมา พายุจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง "นายเป็นใคร จะพาฉันไปไหน นายลักพาตัวฉันมาเหรอ " สญามนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เมื่อตื่นมาก็เจอชายแปลกหน้า และยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "เดี๋ยว เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันขับรถของดี ๆ อยู่ ๆ คุณก็มายืนเป็นลมขวางหน้ารถ" "อะไรนะ" หญิงสาวพยายามนึก "ดีนะที่ฉันขับไม่เร็วไม่งั้นเหยียบเละไปแล้ว" "ฉันเป็นลมอยู่หน้ารถนาย" "ใช่ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เลยจะพาไปโรงพยาบาลนี้ไง แล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนไหม" สญามนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง ก็พบว่าไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเจ็บ "ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบเขาออกไปเริ่มมองสำรวจรถคันนี้แต่ เพราะมันมืดมากแล้วธอจึงมองไม่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก "ถ้าไม่เป็นไรแล้วจะให้ฉันไปไปส่งที่ไหน" "ที่วัดป่าก็ได้ค่ะ พอดีฉันมางานประจำปีที่วัดกับเพื่อน" "งานประจำปี ? " "ใช่ค่ะคืนนี้มีรำวง" "ห่ะ?? รำวง"
วันที่ 6 กันยายน 2566วัดป่าเอี๊ยด !! "เฮ้ย อะไรว่ะ" เสียงเบรครถอย่างกระทันหันพร้อมร้องอุทานออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฎตัวอยู่หน้ารถของพายุ ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางออกจากวัดป่าแห่งนี้ ดีที่ที่นี่เป็นบริเวณวัด เขาจึงไม่ได้ขับรถเร็วมากนัก จึงเบรคได้ทัน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถลงมาขายาว ๆ ของเขารีบก้าวมายังหน้ารถยนต์คันหรูภาพเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ติดกับหน้ารถเขาพอดี ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเขาต้องเป็นคนขับรถชนเธอแน่ ๆ เเต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ชนโดนตัวเธอสักนิด ชายหนุ่มจึงรีบไปประคองตัวเธอคนนั้นขึ้นมา"เธอ เธอ นี้ เธอ " พายุเอ่ยเรียกหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่เธอก็ไม่ตอบสนองใด ๆ เขามองสำรวจร่างกายเธอรายละเอียด ไม่พบบาดแผลสักนิด รอยฟกช้ำก็ไม่มี พายุมองไปรอบ ถนนลาดยางเส้นเล็ก ๆ บริเวณหลังวัดนี้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นลั่นทมดอกสีขาว ๆ ร่วงโรยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันอบอวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ที่บัดนี้เริ่มมืดสลัด ชายหนุ่มหันกลับมาที่หญิงสาว พยายามเรียกเธออีกหลายครั้งแต่ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม"หรือหัวกระแทก เลือดก็ไม่มี" พายุพึมพำออกมาและจับศีรษะเธอดู"ยังไงก็ต้อง