บทที่ 5
"ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ" พายุได้ยินเสียงของหญิงสาว ผ่านสายลมที่เเรงขึ้น ทั้งฝุ่นผงเศษใบไม้และดอกไม้ปลิวว่อน "สญามน เดี๋ยว" ชายหนุ่มยกแขนขึ้นบังดวงตา ฝ่ามืออีกข้างยกขึ้นมาปัดป้องไปมา แต่ก็ไม่สามารถป้องกันฝุ่นได้ "ฉันจะได้กลับแล้วใช่มั้ย" หญิงสาวหลับตาลง ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมนั้น พายุกระพริบตาถี่ ๆ ชายหนุ่มเริ่มมองไม่เห็นตัวของหญิงสาว ดวงตาของเขาไม่อาจต้านทานลมได้ เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที ลมเริ่มเบาบางลง ชายหนุ่มกระพริบตาที่พร่ามัวไปด้วยฝุ่นผง เเล้วเพ่งมองไปจุดที่สญามนยืนอยู่ "สญามน" เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้น "พายุ นะ นาย" หญิงสาวเริ่มมองไปรอบ ๆ "ฉันยังอยู่ที่เดิม ทำไม ทำไมล่ะ " เธอทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก เมื่อดวงตาหายพร่ามั่ว พายุจึงรีบเดินเข้ามาหาหญิงสาวตรงที่เธอนั่งอยู่ เขาทรุดตัวนั่งลงใช้เข่าแตะพื้นหนึ่งข้าง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปหยิบเศษใบไม้ ดอกไม้ออกจากผมของเธอ สญามนมองใบหน้าของพายุ อย่างลืมตัว เมื่อชายหนุ่มจัดการกับผมของเธอเสร็จแล้ว สายตาจึงเลือนมามองใบหน้าของหญิงสาว ทั้งสองต่างจ้องมองสึกกันเเละกัน "เธอเป็นไรไหม" "......" สญามนส่ายหน้าไปมา "กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวจะมืด" พายุลุกขึ้นยืน และส่งมือยื่นให้หญิงสาว เธอเงยหน้ามองเขา ก่อนจะมองมาที่มือที่ชายหนุ่มยื่นส่งมาด้วยท่าทีที่ดูอบอุ่น จนเธอรู้สึกได้ มือเรียวเล็กจึงเอื้อมไปจับมือเขาไว้อย่างไม่ลังเล (วันต่อมา) "แต่งตัวสิ วันนี้จะพาไปเทียว" "ไปเทียว นายไม่มีเรียนเหรอ" "ไม่" "ได้ รอแปบนะ" หญิงสาวกล่าวอย่างดีใจ เธอรีบหมุนตัวกับเข้าไปยังห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที พายุมองเธอ และยิ้มออกมาเมื่อเห็นอาการดีใจของหญิงสาว ใช้เวลาไม่นานสญามนก็ออกมาจากห้องด้วยชุดเดรสยาวเกือบเข่า แขนกุดสีขาวไล่โทนสีชมพูอ่อน ๆ ที่ลายเดรสนั้น ขับกับผิวขาวเนียน เรือนผมดำขลับเรียงเส้นสวยยาวถึงกลางหลัง เรียกได้ว่าสวยสะดุดตา จนพายุถึงกับมองค้องอยู่หลายวิ "ตอนเห็นชุดนี้ที่หุ่น ไม่เห็นสวยขนาดนี้" ชายหนุ่มพูดเบากับตนเอง "พึมพำอะไร ชุดนี้ได้ไหม" สญามนกล่าวพร้อกับหมุนตัวหนึ่งรอบ "พายุ พายุ" หญิงสาวเอ่ยเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไป "เอ่อ ชุดนี้เหรอผมว่าไม่เหมาะไปเปลี่ยนเหอะ" พายุกล่าวพร้อมเดินเเทรกตัวเข้าห้องไปเลือกชุดใหม่ให้เธอ "อะไรออกจะสวย" สญามนบ่นกับตนเอง "จะแต่งสะสวยขนาดนี้ไปโชว์ใคร" พายุก็พืมพำกับตนเอง "อะไรนะ นายว่าอะไรนะ" "เปล่า นี้! ใส่ชุดนี้ไปแล้วกัน" พายุกล่าวพร้อมส่งชุดใหม่ให้เธอ กางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดพอดีตัวยี่ห้อหนึ่ง แต่พอเธอใส่ชุดนี้มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ พายุอมยิ้มอย่างพอใจ แต่สญามนกับยืนทำแก้มป่องมองค้อนชายหนุ่ม "ได้ไปเทียวทั้งที่ ใส่ชุดนี้ไม่เห็นจะสวยเลย" "นี้ก็สวยแล้วเธอไม่รู้ตัวเหรอ" "......" (นี้เขากำลังชมฉันอยู่ใช่ไหม) หญิงสาวคิดในใจ "ผมตาถึงไง เลือกชุดไหนก็สวยไปหมด" "......." "ไปกันเถอะ" "แล้วนายจะพาไปเที่ยวไหน" "ดรีมเวิลด์" "คือที่ไหน" "........" พายุเงียบมองหน้าหญิงสาวพร้อมกับก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หาข้อมูลบ้างอย่าง "เดี๋ยวเล่าให้ฟังระหว่างทาง" "ตกลงนายจะบอกได้ยัง ที่นายจะพาไปคือที่ไหน" "ดรีมเวิลด์ สวนสนุก" "สวนสนุก ฟังชื่อแล้วน่าจะสนุกดีนะ" "เธอ… รู้จักไหม" พายุแกล้งถาม "ไม่นะ ไม่เคยได้ยินเลยมันเป็นยังไงล่ะ นายก็เล่ามาสิ" "เดี๋ยวก็ถึงเธอก็รู้เอง แล้วเธอจะกรี๊ด" "ขนาดนั้นเลยเหรอ" "กรี๊ด!!! กรี๊ด พายุ อร้ายยย นายพาฉันมาเล่นอะไรรรรร กรี๊ด!!" เมื่อรถไฟเหาะหยุดลง สญามนเดินโซซัดโซเซมาพิงอยู่ข้างทาง ด้วยอาการใจเต้นตุ๊บ ๆ หายใจแรง "เป็นไงสนุกไหม" พายุเอ่ยถามแบบขำ ๆ "สนุกบ้าอะไรคิดว่าวิญญาณหลุดออกไปจากร่างแล้วซะอีก" หญิงสาวกล่าวพร้อมเอามือแนบอกไว้ "ป่ะ ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า" พายุจับข้อมือจูงหญิงสาวให้เดิมตามมา "ม่ายยย ไม่เล่นแล้วฉันจะกลับบ้าน" เธอเอ่ยงอแงแบบเด็ก และขืนตัวไว้ไม่ไปตามแรงจูงเขา "เหอะน่า มีเครื่องเล่นอีกหลายอย่างไม่หน้ากลัวเเล้ว" "จริงนะ" "เชื่อใจผม" พายุยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ เดินมาไม่ไกลทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ปราสาทผีสิง "อันนี้คงไม่เท่าไร ฉันเคยเข้าตามงานวัดยังรู้สึกเฉยๆ" "เหรอออ จะคอยดูอย่ากลัวจนกรี๊ดแตกแล้วมากอดผมนะ" "ฝันไปเถอะ" พายุกับสญามนค่อยๆ เดินฝ่าความมืดเข้าไปเรือย ๆ ความเย็นยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศอันหนาวเย็นนำพาให้เธอจะเดินเบียดเข้าหาชายหนุ่ม "ไหนบอกว่าไม่กลัว" "มัน มะ มืด ฉันมองไม่เห็นต่างหาก" แฮ่!! จู่ ๆ ก็มีผีดักอยู่ข้างหน้าทั้งสองคน ด้วยความตกใจต่างกรี๊ดร้องออกมาสุดเสียง และหันหน้าเข้ากอดกัน จนผีปลอมตัวนั้นเดินไปผ่าน ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งผลักออกจากกันและหัวเราะกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ตึก ๆ ตึก ๆ ปัง ๆ ปัง ๆ เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง สญามนทำหน้าตาตื่น พายุจึงจับมาเธอไว้ ทั้งคู่จึงพากันวิ่งหนีบ้าง เดินบ้างเจอ ผีปลอมตลอดทาง สร้างความตื่นตกใจ และความสนุกสนานไปด้วยเช่นกัน ในที่สุดทั้งสองก็ออกมาจากปราสาทผีสิงห์ได้ ต่างมายืนพักเหนื่อยหัวเราะชอบใจกับผีรูปแบบต่าง ๆ ที่เจอมาตลอดทาง "สนุกดีจัง น่ากลัวกว่าบ้านผีสิงห์ตามงานวัดจริง ๆ ด้วย" "ใช้สิ กอดผมจนแน่นเลย" "นายนั้นแหละกอดฉันจนแน่น ตัวก็ใหญ่" ทั้งคู่เถียงกันไปมาก็เกิดอาการเขินกันเอง จนหญิงสาวต่องเปลี่ยนเรื่องคุย "มีอะไรหน้าเล่นอีกไหม" "เมืองหิมะ" "หมายถึงหิมะจริงเหรอ" "ไม่ ของปลอม ไปเถอะ" "โอโห ของจริงจะเป็นแบบนี้ไหม" สญามนเอ่ยเมื่เธอไปยืนอยู่ใต้ที่หิมะกำลังโปรยลงมา "ก็คล้าย ๆ แบบนี้" "วู๊ เย็นจังเลย" เธอจับหิมะเล่นอย่างสนุกสนาน "สญามน" พายุเอ่ยเรียกเธอ "ห่ะ" "ยืนดีๆ ถ่ายรูปให้" หญิงสาวหันรีหันขวางเลือกจุดที่จะยืนเมื่อได้ที่เเล้วจึงยิ้มแฉ่งส่งให้ ชายหนุ่มกดถ่าวรูปที่ผ่านกล้องมือถือ "ไหนกล้องนาย" "นี้ไง" พายุหันหน้าจอมือถือให้เธอดูรูปที่เขาถ่ายเมื่อครู่ สญามนทำตาโตอย่างประหลาดใจ "ทันสมัยมาก เจ้าจอเล็ก ๆ นี้ถ่ายรูปแทนกล้องได้ด้วย" พายุขำกับคำพูดของเธอ "ฉันถ่ายให้นายบ้างเอาไหม" "ไม่เป็นไร ฉันถ่ายเอง" ชายหนุ่มปรับเป็นกล้องหน้าก้าวมายืนข้างหญิงสาว แต่เพราะความสูงต่างกันมันเลยดูไม่พอดี สญามนจึงพยายามเขย่งเท้าให้ตัวสูงขึ้น จังหวะนั้นพายุก็ย่อตัวลงมา ทั้งคู่จึงหันมาสบตากัน นิ้วมือใหญ่ก็กดถ่ายได้เพราะดี "ยืนเฉย ๆ ฉันย่อตัวเอง" ทั้งสองเปลี่ยนมุมจนได้รูปมาหลายรูป ชายหนุ่มเลื่อนดูรูปเหล่านี้ไปมาซ้ำ ๆ และรู้สึกชอบ ใบหน้าจึงเผลอยิ้มออกมา "ยิ้มอะไร หน้าฉันตลกเหรอ ขอดูหน่อย" "ไม่ตลก เธอน่ารักดี" "ไม่เชื่อ ขอดู" พายุจึงส่งมือถือให้เเล้วบอกวิธีดูให้เธอ หญิงสาวเลือนแต่ดูรูปที่ถ่ายด้วยกัน เธอก็ยิ้มออกมา "นายหล่อมากเลย" "ของมันเเน่อยู่แล้ว" พายุรีบตอบกลับ "นายหล่อขนาดนี้ ยังไม่มีแฟนเหรอ" "ไม่มี" หญิงสาวเลือนจนมาถึงรูปที่ทั้งคู่สบตากัน ใบหน้าก็เห่อร้อนและแดงขึ้นมา "ไม่อยากจะเชื่อ" สญามนรีบส่งมือถือคืนให้เขา "ไม่มีจริง ๆ ทำไมเธอหน้าแดงล่ะ หรือว่าอากาศเย็นเกินเราออกไปกันเถอะ" "ไม่ ไม่เป็นไร ยังไม่ได้เล่นอันนั้นเลย" เธอกล่าวพร้อมชี้มือไปที่เนินหิมะสูงนั้นที่เอาไว้สำหรับเล่นสไลเดอร์ลงมา มีเจ้าหน้าที่ยืนดูแลอยู่ และมีคนเล่นอยู่ไม่มากนั้น "ได้สิ" พายุจึงเดินนำเธอมาไปหยิบกระดานสำหรับรองนั่งเพื่อที่จะได้สไลด์ลงมาจากเนินหิมะลูกนั้น ซึ่งก็ดูสูงอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มพาเธอขึ้นมาถึงด้านบนสุด พอมองลงไปก็ดูสูงมาก เธอจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา จนเจ้าหน้าที่เอ่ยถามเพราะยังมีคนอื่นรอเล่นอยู่ "ไม่เป็นไรครับผมไปกับเธอเอง" พายุเอ่ยบอกกับเจ้าหน้าที่ เขาจึงนั่งลงที่กระดานก่อนส่งยื่นมือไปหาเธอ และพยักหน้าเป็นเชิงบอกเธอว่าไม่ต้องกลัว สญามนมองใบหน้าชายหนุ่ม ทำให้เธอรู้สึกเบาใจจึงกล้าที่จะลองเผชิญหน้าดู เพราะวันนี้เธอเองก็เจอมาหลายอย่างแล้ว มีเขาอยู่ด้วยจึงเบาใจขึ้น หญิงสาวลงไปนั่งอยู่ด้านหน้าที่ชายหนุ่มเว้นที่ไว้ให้ เขาจับมือเธอให้กำเชือกด้านข้างไว้ เมื่อพร้อมแล้วเจ้าหน้าที่จึงดันกระดานของทั้งคู่ สไลด์ลงมา ความรู้สึกเสียววูบวาบอยู่ในท้องเมื่อไหลจากที่สูงลงมาที่ต่ำ ร่างบางเอียงหลังจนไปพิงกับอกใหญ่ของเขาไว้ เปลือกตาเธอเปิดสนิทจนกระดานสไลด์นั้นหยุดลงเมื่อถึงพื้นราบ เธอจึงลืมตาขึ้นมา "สนุกจังเลย" พายุมองดูเธออยากเอ็นดู เมื่อออกจากเมืองหิมะ สองหนุ่มสาวก็ไปเล่นเครื่องอื่น ๆ อีกหลายอย่างจนกระทั่งเย็นจึงกลับคอนโด พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขวด กว่าจะถึงคอนโดก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่งกินอาหารดื่มเบียร์ เเล้วเริ่มพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนดึก ขวดเบียร์เปล่า ๆ ที่ล้มกลิ้งอยู่ที่พื้นก็นับรวม ๆ ได้เกือบสิบขวด เบียร์ก็หมดพอดี แต่เพราะทั้งคู่ยังอยากที่จะคุยกันต่อ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็นดู แต่เบียร์ก็หมดไปแล้ว สายตาเขาก็เหลือบไปแล้วโซจูที่ซื้อไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน จึงหยิบมันออกมาทั้งสองขวด แล้วเดินกลับมาส่งให้หญิงสาวหนึ่งขวด เธอรับมันมาเเล้วเพ่งดู "โซจูน่ะ หรือเหล้าของเกาหลี" "นายรู้ใช่ไหม ฉันน่ะชอบนักร้องเกาหลีกลุ่มนั้น เลยเอาเหล้าเกาหลีมาให้ฉัน" น้ำเสียงของเธอเริ่มยานคล้อย "ลองชิมดูสิ" "อ่าาา สุดยอด" เธอเปิดขวดเเล้วกระดกมัน "เป็นไงรสชาติดีไหม" "ดี" เวลาผ่านไปจนโซจูของทั้งคู่เหลือไม่ถึงครึ่งขวด "ฉานโชดดี จริง ๆ เลยที่ข้ามเวลาแล้วมาเจอคนหล่อ ๆ และยังใจดีแบบนาย" ใบหน้าสวยแก้มแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ จับไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ที่กำลังนั่งท้าวคางมองเธออยู่ "เธอน่ะมาจากปี 2502 จริง ๆ เหรอ" "ก็ช่ายย นะสิ นี้ ฉานกำลังชมว่านายหล่ออยู่นะได้ยินไหม" "แล้วเธอจะกับไปไหม เธอไม่กับไปไม่ได้เหรอ" "ฉัน…ฉัน..ไม่รู้ " เธอละมือจากใบหน้าชายหนุ่มแต่เขากลับรีบคว้ามือเรียมมากุมไว้ "หรือเธอมีคนรักรออยู่" "มะ ไม่ ไม่มี" "งั้น อยู่กับฉันได้ไหม" จบคำพูดของชายหนุ่ม ทั้งสองสบตากัน ใบหน้าทั้งคู่ก็ค่อยเลื่อนเข้าหากันเหมือนมีบางอย่างดึงดูดคนทั้งคู่ ริมฝีปากของทั้งสองก็จูบผสานกัน….พายุกลับมาถึงบ้านของพ่อและแม่ เขาทิ้งตัวลงบนที่นอน อารมณ์เศร้าหมองพาความรู้สึกเขาดิ่งลงจนน้ำใส ๆ เอ่อล้นไหลผ่านหางตาไป ไม่มีสิ่งใดสามารถปลอบประโลมความรู้สึกเจ็บช้ำที่จิตใจเขาได้ในขณะนี้ภาพทุกอิริยาบถต่าง ๆ ของหญิงสาวไหลผ่านคลื่นสมองผุดเป็นภาพต่าง ๆ ห้วนให้ชายหนุ่มยิ่งคิดถึง ชายหนุ่มพลิกตะแคงงอตัวกำผ้าปูที่นอนไว้แน่ซุกหน้าร้องไห้โฮไปกับที่นอนใหญ่ ด้วยความอ่อนล้าจากการอดนอนมาหลายวันจนร่างกายไม่สามารถจะทานทนได้ ในที่สุดเขาก็หลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนในห้วนฝันของชายหนุ่มขณะที่เขาหลับไหล ในนั้นเขาได้อยู่กับสญามนได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ เมื่อมองออกไปยังสนามหน้าบ้านมีเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเล่นขายของบนเสื่อ แล้วยังมีเด็กผู้ชายที่ดูโตกว่าไม่กี่ปีปั่นจักรยานเล่นอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนเขากับเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะค่อยมองดู ๆ เด็กสองคนนั้นอย่างมีความสุขชายหนุ่มสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาก็สายของอีกวัน เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง คิดทบทวนความฝันเมื่อคืนนี้แล้วมันทำให้เขาไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมาเลยสักนิดเสียงถอนลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด ชายหนุ่มชันกายลุกขึ้นในท่านั่ง มองไปยังรูปพ่อแม่และเขาเองเมื่อครั้
“ยุ..”“มีอะไรเหรอครับแม่น้ำเสียงดูจริงจัง”“หลวงตาลูกเขาบอกกับแม่ว่า”“ว่าอะไรหรอครับ”“ประตูมิติเวลามันจะเปิดขึ้นอีกครั้ง”เมื่อได้ยินคำที่ประโยคที่ไม่อยากจะได้ยิน หัวใจของชายหนุ่มไหววูบ เขาหันกลับเข้ามามองยังภายในห้องก็เจอกับหญิงสาวยืนส่งยิ้มหวานให้เขาอยู่เบื้องหน้า"ยุ.. ยุยังฟังแม่อยู่ไหม" ปลายสายเห็นเงียบไปเลยเอ่ยเรียกขึ้น"ครับผมฟังอยู่" เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุดแล้วตอบกลับไป หญิงสาวเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคุยต่อเธอจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาหน้าทีวีปล่อยให้เขาคุยโทรศัพท์ไป"เมื่อไรครับ หลวงตาได้บอกไหม"พายุเอื้อมมือไปปิดประตูกระจกแล้วกลับมาคุยโทรศัพท์กับแม่ของตนต่อ"ไม่ได้บอกอะไรต่อลูก ท่านบอกมาแค่นี้แล้วก็หลับไป ท่านอ่อนแรงมากเลยลูก"“.........” ชายหนุ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง“ยุ ค่อย ๆ คิดนะลูก มีอะไรมาปรึกษาพ่อกับแม่ได้ตลอด”“ครับ” เขากดปิดสายโทรศัพท์ และกำมันไว้จนแนน่นแทบจะแหลกค้างมือ ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำมันสบสนไปหมด ดวงตาชายหนุ่มเหม่อมองเข้ามาในห้อง มองหญิงสาวที่เขารักเธอก็หันมาส่งยิ้มให้เขาอีกเช่นกัน แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดของชายหนุ่ม เธอจึงหุบยิ้มแล
ตอนที่ 15ร่างบางเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ หญิงสาวยกแขนขึ้นบิดตัวไปมาด้วยความปวดเมื่อยร่างกาย "หายไปไหนของเขานะ" สญามนชันกายลุกขึ้นนั่ง มองหาชายหนุ่มจนทั่วห้องนอนแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ร่างบางก้าวลงจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวไว้ เปิดประตูห้องนอกชะโงกหน้าออกมามองหาชายหนุ่ม ก็เห็นแผ่นหลังของเขายืนอยู่บริเวณระเบียบห้องพร้อมกับควันบางอย่างที่ลอยขึ้นมาสญามนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอเดินตรงมาที่ระเบียบและเปิดกระจกออก กลิ่นควันบุหรี่ก็ลอยเข้าจมูกเธอทันที"ฉันไม่เคยรู้ว่านายก็สูบบุหรี่ด้วย" เมื่อได้ยินเสียงเธอชายหนุ่มก็กดบุหรี่ลงยังที่รองเพื่อดับมัน "ฉันมีเรื่องให้คิดนะ" เขาตอบกลับเธออกไป"นายคิดเรื่องอะไร ไหนเราคุยกันแล้วไงถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกกัน นายก็บอกฉันมาสิฉันจะได้ช่วยแบ่งเบาความคิดให้นายได้บาง" ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิง สายตาเลือนลงมองผ้าขนหนูที่เธอพันร่างกายอยู่ก็ยิ้มออกมา"แค่เรื่องเรียนนะ""จริงหรอ""จริง""แล้วให้ฉันช่วยอะไรไหม""มากอดหน่อย" พายุอ้าแขนรอ สญามนจึงเดินเข้ามาชิดร่างใหญ่ให้เขาได้กอด เธอเองก็กอดเข้าตอบเช่นกัน "นายอย่าสูบมั
"แม่ฉันโทรมาบอกว่าหลวงตาฟื้นแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเธอ เมื่อวางสายหลังจากคุยกับแม่ไป"ดีจัง แล้วท่านเป็นไงบ้าง""แม่บอกว่า ท่านพอพูดคุยด้วยแต่ยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไรนัก""แล้วเราจะเข้าไปหาท่านกันไหม ไม่สิ ๆ นายไปคนเดียวก่อนดีกว่า เพื่อเห็นฉันแล้วเกิดท่านตกใจขึ้นมาล่ะ""งั้นฉันไปคนเดียวก่อน วันหลังค่อยพาเธอไปนะ""โอเค"ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงขับรถมุ่งหน้าต่อเพื่อกลับคอนโด(โรงพยาบาล)ช่วงสายวันต่อมา พายุเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมหลวงตา เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วย ก็พบเจอพ่อและแม่ของตนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว พวกท่านยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่มีหลวงตากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่"หลานสุดที่รักมาแล้วค่ะหลวงพ่อ" ผู้เป็นแม่รีบเอ่ยบอกเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามา เธอมองเลยพายุไปแต่ก็ไร้เงาของสญามน ตอนแรกกะจะเอ่ยถามแต่ก็เลือกที่ยังจะไม่ถามดีกว่าพายุกล่าวสวัสดีทุกคน แล้วเดินตรงมายังข้างเตียง ชายหนุ่มโน้มตัวลงกราบไปที่มือที่เหี่ยวไปตามวัย นั้นของพระชราหลวงตาเองก็ค่อย ๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาลูบหัวหลานชายสุดที่รัก พายุพงกหัวรีบประคองมือของหลวงตาไว้ทันที"หลวงตาครับ….""ว่ายังไง" น้ำเสียงแหบต่ำของ
บทที่ 13พายุลงมาที่ชั้นล่างเพื่อตามหาหญิงสาว เมื่อก้าวเช้ามาในบริเวณร้านกาแฟ ชายหนุ่มเห็นร่างบางที่คุ้นเคยนั้นทันที ถึงแม้ว่าเธอจะหันหลังอยู่ก็ตาม พายุเดินอ้อมมานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว ตอนนี้เธอมีสีหน้าเรียบเฉย ทั้งสองสบตากันไปมา“ฉันขอโทษที่คำพูดของฉันทำให้เธอคิดมาก”“...................” เธอยังคงมองชายหนุ่มนิ่ง“สญามน” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด“ฉันรู้แล้ว ไม่ได้โกรธอะไรนายหรอก ฉันเข้าใจ นายแค่ไม่อยากให้ฉันเป็นกังวล”“ตอนนี้ฉันก็เข้าใจเธอ เธอไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน ฉันก็ยังคงรักเธอ ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไร แต่ตอนนี้รักมากบอกเลย” พายุกล่าวความรู้สึกออกมาจากใจทั้งหมด จนทำให้หญิงสาวยิ้มออกอย่างเขินอาย“เรากับขึ้นไปบนห้องกันเถอะ”“อืม” ทั้งสองจึงเดินกลับขึ้นมาเพื่อหาหลวงตาอีกครั้ง“ตอนที่ฉันนั่งกินกาแฟอยู่เมื่อกี้ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว เราไม่รู้ว่ามิติเวลามันจะเปิดขึ้นอีกเมื่อไรตอนไหน ฉันเลยอยากใช้เวลาอยูกับนายให้นานที่สุด” สญามนก้มหน้าพยายามเก็บความรู้กลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา “ไม่ ไม่มีทางฉันจะไม่ยอมให้เธอไปไหนทั้งนั้นเธอจะอยู่กับฉัน เราจะต้อง
"วันนี้นายไม่มีเรียนเหรอ"ร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มสาว ที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มือเรียวเกลี่ยไรผมที่ปิดใบหน้าหล่อของชายหนุ่มที่เปลือกตายังปิดสนิท"อืมมม" เสียงต่ำครางอยู่ในลำคอ ลำแขนใหญ่เริ่มขยับ และเกี่ยวเอาคนตัวเล็กที่เอ่ยคำถามเมื่อครู่เอามากอดไว้แน่น"พายุ.. ฉันถามว่าวันนี้นายไม่มีเรียนเหรอ" เธอเอ่ยถามย้ำชายหนุ่มปรือตามอง ร่างบางในอ้อมกอด ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากเธออย่างแผ่วเบา"ยังเช้าอยู่เลยนอนต่ออีกนิดนะ" กล่าวจบจมูกโด่ง ก็หอมฟอดใหญ่ไปที่แก้มเนียน ก่อนจะเลื่อนลงซุกไซร้ที่ซอกคอหญิงสาว"คริ คริ คริ ฮ่า ฮ่า พอได้แล้ว " สญามนหดคอ หัวเราะคิกคักก่อนจะดิ้น ลุกออกจากเตียงเดินมานอกห้องนอนพายุมองตามแผ่นหลังบางนั้นจดลับสายตา ชายหนุ่มก็ได้ลุกจากที่นอน เพื่อเตรียมตัวไปมหาลัยวันนี้ไม่นานชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง ด้วยชุดนักศึกษา รูปร่างสูงผิวที่ดูขาวสะอาดใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางแนวเกาหลี มันทำให้หญิงสาวต้องมองจนตาค้างพายุก็จ้องตาเธอกลับเช่นกัน แถมยังหมุนตัวโชว์หญิงสาวไปหนึ่งรอบ พร้อมกลับเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าตรงกับใบหน้าของเธอหญิงสาวหรี่ตามอง และทำหน้าสง