Home / รักโบราณ / สตรีบ้าของจอมมาร / บทที่ 12 เหตุใดจึงรังเกียจ

Share

บทที่ 12 เหตุใดจึงรังเกียจ

last update Last Updated: 2025-11-03 23:42:48

บทที่ 12 เหตุใดจึงรังเกียจ

        เมื่อชายทั้งสามอยู่ในห้องทำงานที่ปิดลงเรียบร้อยแล้ว ก็พลันเกิดความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นในทันใด ผู้นำสกุลกงที่ได้รับข่าวการหายตัวไปขององค์ชายรอง แม้จะโล่งใจแต่ก็เป็นกังวลด้วยเช่นกัน

“ข้าอยากร้องขอให้ท่านรับสตรีด้านนอกเป็นบุตรบุญธรรม นางคือผู้ที่ช่วยเหลือข้าในยามที่หนีตายไปยังภพมนุษย์” 

“ท่านจะให้สกุลกงของเรารับมนุษย์เป็นบุตรบุญธรรม นี่ออกจะ…” สีหน้าตึงเครียดฉายแววออกมา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากกล่าว หากแต่บุตรชายของเขาก็ยังคงต้องทำงานให้คนผู้นี้อยู่

“ท่านไม่ต้องกลัวว่านางจะทำให้สกุลของท่านเสื่อมบารมีลง เพราะข้าจะรับนางเข้าไปเป็นชายาเอก”

“สิ้นคิด!” กงมู่จ่ายทุบโต๊ะพร้อมกับตะคอกอย่างแรง เหตุที่เขากล้าขึ้นเสียงกับจอมมารที่ทุกคนหวาดกลัวนั้นเป็นเพราะองค์ชายรองเฟยเทียนเข้าออกบ้านสกุลกงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ใช้เวลาในจวนแห่งนี้มากกว่าในวังของตนเองเสียอีก หากจะนับไปแล้วมู่จ่ายก็เปรียบเสมือนบิดาผู้หนึ่ง

“ทำเช่นนี้คิดจะสละตำแหน่งองค์มารไปให้พี่ชายน้องชายของเจ้าแล้วหรือ”

“แต่นางคือผู้มีบุญคุณ หากข้าทอดทิ้งนางไว้ยังโลกมนุษย์ ข้าก็ไม่สมควรเป็นประมุขดินแดนใด”

“ก็ให้เงินทองไปเสียจะเป็นอะไร เหตุใดต้องนำมาที่นี่ หากนางเป็นเซียนก็ยังพอจะอนุโลมได้ แต่นี่นางเป็นมนุษย์ที่ไม่บรรลุเซียนเลยด้วยซ้ำ เจ้าคิดอันใดอยู่” กงมู่จ่ายเอือมระอาในความคิดตื้นเขินของชายหนุ่มตรงหน้า

“องค์ชายเพียงแค่คิดว่าสตรีที่มีเลือดสีน้ำเงินไม่ควรตกอยู่ในมือของผู้อื่น” กงต้าต้าที่ไม่ต้องการให้บิดาของตนผิดใจกับจอมมารผู้โหดเหี้ยมไปมากกว่านี้กล่าวแทรกแซงขึ้น แม้ว่าครอบครัวของตนจะมีสิทธิ์ที่พิเศษเหนือผู้อื่นในใจขององค์ชาย แต่การท้าทายอย่างเปิดเผยเช่นนี้ก็มิใช่ทางเลือกที่หลักแหลมนัก

“เฮ้อ ข้าเพียงหวังว่าครอบครัวของท่าน จะเห็นความดีของนางจากใจจริง แต่เห็นทีเรื่องเช่นนี้คงบังคับให้ทำใจยอมรับได้ยาก เช่นนั้นก็ขอให้เห็นประโยชน์ของนางที่จะมีต่อข้าด้วย” ตงเฟยเทียนถอนหายใจก่อนจะกล่าวออกมายืดยาว 

       สิ้นคำพูดนี้เองจึงทำให้กงมู่จ่ายท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรคนตรงหน้าก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ถูกลอบปองร้ายจากคนทั้งกองกำลัง หากต้องการมียาวิเศษอยู่ติดกายย่อมเป็นความคิดที่สมเหตุผล เกิดเป็นการวางแผนรับบุตรบุญธรรม และพูดคุยเรื่องสินสอดและสินเดิมของลูกสาวที่ได้เข้ามาแล้วต้องส่งออกไปทันที

.

.

.

       ทางด้านของหรงลี่ เมื่อได้รับน้ำแกงหอมๆ มารองท้อง เปลือกตาก็เริ่มขยับเปิดอ้าขึ้น นางใช้เวลากะพริบตาถี่ๆ มองเพดานครู่หนึ่งเพราะรู้สึกเคืองตาเล็กร้อยจากการเปิดเปลืองตาไว้นานเกินไป เมื่อหันกลับมามองปกติก็พบกับสตรีหน้าตางดงามผุดผาดยิ้มให้อย่างใจดี ด้านหลังมีสตรีที่หน้าตาคล้ายกัน แต่ดูมีอายุมากกว่ายืนมองด้วยสายตาอ่อนโยน

“เหตุใดไม่กินข้าวเยอะๆ เจ้ากลัวอ้วนหรือ” สตรีสูงวัยด้านหลังเอ่ยถาม

“โถ่ท่านแม่เจ้าขา สตรีสมัยนี้หากไม่ได้มีตัวผอมเพรียวก็ยากที่จะมีคนมองเจ้าค่ะ” สตรีอ่อนวัยหันไปตอบมารดาของนาง

“เด็กสาวสมัยนี้ไม่รู้อย่างไรกัน จะผอมเพรียวข้าก็ไม่ว่าหรอกนะแต่จะให้มาเป็นลมเป็นแล้งเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน”

“ขออภัยที่รบกวนเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้กลัวว่าจะอ้วน แต่เหตุที่ไม่กินเพราะอยู่ในป่ามานาน ไม่มีอันใดดีๆ ให้กินเลยเจ้าค่ะ ขนาดกินผลท้อยังต้องทำให้ตนเองร้องไห้ เพื่อให้ความเค็มของน้ำตาไปตัดรสฝาดบ้าง”

“ตายจริง อี้ฉุนไปเตรียมสำรับชุดใหญ่มาให้นาง” กรงหรูอี้กล่าวใช้บ่าวของตนทันใด “ข้ามีนามว่ากงหรูอี้ ส่วนนี้มารดาของข้าจงม่านอี้”

“หากข้าคาดเดาไม่ผิด เจ้าคงเป็นคนที่ช่วยเหลือท่านจอมมารไว้ใช่หรือไม่” จงม่านอี้เอ่ยถามด้วยความเอ็นดู

“พี่เฟยเทียนน่ะหรือเจ้าคะ” หรงลี่ถามพร้อมกับรอยยิ้ม

“เจ้าเรียกขานเขาว่าพี่เฟยเทียนหรือ” หรูอี้ถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“เจ้าค่ะ พี่เฟยเทียนสั่งให้เรียกเช่นนี้” หรงลี่ยิ้มอย่างขัดเขินเล็กน้อยใบหน้าก้มงุด

“เช่นนี้ก็ดีแล้ว ดีแล้วจริงๆ” ฮูหยินเอกสกุลกงพยักหน้าอย่างพอใจ เห็นตงเฟยเทียนมาแต่เล็กชีวิตมีแค่เป้าหมายและราชกิจ หากเขาจะมีความรักและได้ผ่อนคลายลงบ้างตัวนางก็สบายใจ แม้ว่าจะเป็นสตรีไร้หัวนอนปลายเท้านางก็ไม่สนใจ ขอแค่ทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่ต่างจากบุตรในครรภ์อ่อนโยนกับตนเองลงบ้างก็เพียงพอ

“ท่านน้าคงสบายใจ” หรูอี้เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ท่านน้าที่นางกล่าวถึงนั้นหมายถึงมารดาขององค์ชายรองผู้เป็นหนึ่งในสหายที่พูดคุยกันได้ถูกคอของท่านแม่ แต่ก็สนิทกันได้เพียงไม่นานก็จากไปเสียก่อน

“สำรับอาหารมาแล้วเจ้าค่ะ” อี้ฉุนยกอาหารสำรับใหญ่เข้ามา 

       กลิ่นหอมหวนลอยขึ้นมาเตะจมูกของเสิ่นหรงลี่ เรียกให้เสียงท้องร้องดังขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ‘โครกคราก’ 

“ขออภัยเจ้าค่ะ อาหารจวนท่านกลิ่นหอมเย้ายวนมากจริงๆ” คุณหนูเสิ่นรู้สึกอับอายนักที่ท้องของตนร้องขึ้นมา เมื่อได้รับมาแล้ว นางนั่งกินอย่างสุภาพเรียบร้อย เพื่อไม่ให้ผู้ที่เพิ่งรู้จักกันคิดว่านางเป็นคนป่าเถื่อน

       ในระหว่างที่นั่งเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้า สตรีทั้งสองก็นั่งจิบน้ำชาและกินขนมเป็นเพื่อนนาง ทั้งยังคอยชวนพูดคุยมิให้รู้สึกประหม่า 

       นางสัมผัสได้ว่าทั้งสองมีท่าทีแปลกประหลาดเล็กน้อย ในยามที่รู้ว่านางเป็นมนุษย์ แต่เพียงไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาเห็นใจ

“ทำไมทำสีหน้าเช่นนั้นกันเล่าเจ้าคะ” หรงลี่ถามออกไปอย่างอดไม่ได้

“อายุขัยของเจ้าสั้นนัก แม้จะสามารถหยุดรูปร่างหน้าตาให้ไม่แก่ลงได้ แต่อายุขัยก็ยังคงคล้ายเดิม ยืดออกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

“ข้ากลับมองว่านั่นเป็นข้อดีนะเจ้าคะ เมื่อชีวิตสั้นหากต้องการทำสิ่งใดต้องรีบทำก่อนหมดโอกาส”

“ผู้คนในที่แห่งนี้ มองมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่า  หากเป็นเซียนจึงจะพอมองในแง่ดีขึ้นบ้าง เจ้าจะทนไหวหรือ” จงม่านอี้เอ่ยอย่างเป็นห่วง

“ข้าก็เพียงต้องหาคนที่ไม่ได้รังเกียจข้า”

“เช่นนั้นหรูอี้ผู้นี้เป็นสหายของเจ้าเอง มีแค่คนยุคบิดามารดาของเราเท่านั้นที่จะรังเกียจมนุษย์ คนรุ่นข้าส่วนมากก็มิได้คิดอะไรเช่นนั้นแล้ว”

“ถามได้หรือไม่เจ้าค่ะ ว่าเป็นเพราะเหตุใด”

“เพราะมนุษย์ไม่นับถือมารน่ะสิ นับถือเพียงคนของเผ่าสวรรค์ แต่ข้าว่าพวกมารทำทีเป็นเกลียดชัง เพราะน้อยใจมากกว่า” หรูอี้ตอบอย่างยิ้มๆ

“ใครจะไปน้อยใจมนุษย์กัน มารอย่างเรา แข็งแกร่งกว่าเป็นไหนๆ ยังกล้าพากันก่นด่าเหล่ามาร” 

“มนุษย์เพียงแค่ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าเหตุใดเหล่ามารต้องคอยทำลาย ขออภัยแทนมนุษย์ทั้งหลายด้วยนะเจ้าคะ” หรงลี่เอ่ยจากสิ่งที่รับรู้

“คนรุ่นข้าก็เข้าใจเช่นนี้แหละ ผู้ใดจะชอบกัน จู่ๆ ก็เกิดภัยพิบัติ จู่ๆ ก็เกิดโรคระบาด จะไม่ถูกบูชาก็สมควรแล้ว” หรูอี้เอ่ยพลางส่ายหัวไปด้วย

       สิ้นคำของหรูอี้ก็บังเกิดเสียงหัวเราะอย่างขบขันดังขึ้น แต่สนุกกันได้เพียงเท่านี้ก็ถูกขัดจังหวะโดยชายทั้งสามที่เดินออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ตามบ่าวที่เกี่ยวข้องมาที่โถงนี้” กงมู่จ่ายเอ่ยสั่งการกับพ่อบ้านของตน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตน

    บทที่ 22 ถึงเวลามีบ่าวของตนเสิ่นหรงลี่กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องตรงหน้า สตรีทั้งสี่นางมองมาอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เรื่องนี้ทำให้หรงลี่สับสนอยู่มากทีเดียว ด้วยมิเคยพบคนทั้งสี่มาก่อน นางจึงได้แต่หันมองซ้ายทีขวาทีพยายามเสี่ยงไม่สบตากับคนเหล่านั้น“ใครส่งพวกเจ้ามา” องค์ชายรองเอ่ยถามออกไป“ฮองเฮาและเสียนเฟยส่งพวกหม่อมฉันมาติดตามรับใช้ใกล้ชิด เพื่ออบรมสั่งสอนธรรมเนียมทั้งหมดที่สะใภ้ราชวงศ์ควรต้องเรียนรู้เพคะ การเรียนรู้แค่ยามไปที่วังมารคงไม่เพียงพอจะขัดเกลาได้” ตัวแทนของนางกำนัลกล่าว“ข้าสามารถหาคนมาดูแลนางเองได้ ผู้อื่นมิต้องลำบาก”“หม่อมฉันรับคำสั่งจากฮองเฮามาแล้วย่อมต้องทำให้ลุล่วงเพคะ” นางกำ

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 21 ไม่อยากตบตีกับเมียหลวง

    บทที่ 21 ไม่อยากตบตีกับเมียหลวงหลังจบมื้ออาหารกับครอบครัวที่ต่างคนต่างกัดกันดังว่าเป็นการแข่งขันชิงรางวัล เสิ่นหรงลี่ก็เดินตามองค์ชายรองผู้นี้ออกมาโดยมิได้กล่าววาจาใดหากเพราะมิใช่คิดว่าเขาคือภารกิจไถ่บาปของตน นางคงจากไปและหาทางรอดเอาดาบหน้าเสียแล้ว เพราะแม้ว่าช่วงหลังของมื้ออาหารนางจะมิใช่เป้าหมายหลักของการฟาดฟันวาจา แต่คนบนโต๊ะอาหารนั้นก็ยังหาโอกาสกระทบกระทั่งเรื่องที่นางเป็นเพียงว่าที่ชายารองต่างจากสะใภ้อีกสองที่เป็นถึงชายาเอกแต่ทว่าเมื่อถึงรถม้าความอดทนของคุณหนูเสิ่นก็หมดลง นางต้องกล่าวความในใจออกมา “เหตุใดองค์ชายจึงไม่บอกกับหม่อมฉันก่อน การให้หม่อมฉันไปรู้จากปากผู้อื่นเช่นนี้อีกแล้ว นับเป็นเป็นการหักหน้ากันเกินไป หากหม่อมฉันได้เตรียมใจก่อนย่อมหาวิธีรั

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 20 ตบหัวแล้วลูบหลัง

    บทที่ 20 ตบหัวแล้วลูบหลัง“ยืนเจ้าค่ะ” อี้ฉุนกระซิบกับเสิ่นหรงลี่เมื่อมีเสียงกระดิ่งสั่นครบเก้าครั้ง ทำให้คุณหนูผู้นี้มิต้องขายหน้าที่ยืนช้ากว่าผู้ใด เมื่อรออยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นบุคคลน่าเกรงขามถึงสามพระองค์กำลังก้าวผ่านประตูเข้ามา“องค์มา-” ว่าฉุยที่กำลังจะขานการมาถึงของเจ้าเหนือหัวแคว้นมาร ถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือของตงหานเฟยเสียก่อน“ไม่ต้องขาน เป็นคนกันเองทั้งสิ้น”องค์มารผู้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นเดินมาพร้อมกับฮองเฮา และสนมเอกผู้ที่หรงลี่คาดเดาว่าเป็นมารดาขององค์ชายองค์หญิงทั้งหลาย เสิ่นหรงลี่เห็นเช่นนั้นจริงสังเกตสีหน้าขององค์ชายรอง พยายามจับสังเกตว่าผู้ใดคือมารดาของเขา แต่มองไปแล้วก็พบแต่สายตาว่างเปล่าคล้ายว่าสตรีทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดเลย

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 19 ครอบครัวใหญ่

    บทที่ 19 ครอบครัวใหญ่องค์ชายรองที่รู้ว่าต้องอยู่รอร่วมโต๊ะกับทุกคนก่อนก็พาเสิ่นหรงลี่เดินชมสวนในบริเวณที่มิได้หวงห้ามไปพลางก่อน“ต้นไม้ในแดนมารมีสีเข้มหมดเลยหรือเพคะ”“อืม สีเข้มเช่นนี้แหละ หากสีซีดลงก็บ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดภายในได้”“ชมสวนเสร็จแล้ว ต้องทำอันใดอีกหรือไม่เพคะ” เสิ่นหรงลี่ถามออกมา เพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า และหิวขึ้นมาแล้ว ขนมกับน้ำชาที่คุยกันไว้กับองค์หญิงอิงเจาก็ยังมิได้ใส่เข้าปากรองท้องเมื่อนึกถึงขนมหรงลี่ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะนางแน่ใจว่ายามที่กำลังมีปัญหากับองค์หญิงจูจู ในมือขององค์หญิงอิงเจาไม่มีสิ่งใดที่ถือกลับมาด้วย

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 18 ปะทะ

    บทที่ 18 ปะทะ“หน้าตาเช่นนี้ ชั้นต่ำ อันใดกัน” เสิ่นหรงลี่เอียงคอยังสงสัย พยายามมองหาองค์หญิงอิงเจาว่าไปอยู่ที่ใด“มองหาให้พี่ชายข้ามาช่วยเจ้าหรือ” องค์หญิงจูจูตวาดลั่นศาลาด้วยเสียงสูงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดท่านใดนั้นก็มีชายแปลกหน้าปรากฏตัวเพิ่มอีกสองคน คนหนึ่งมีสีหน้าเรียบขรึม อีกคนหนึ่งมีท่าทางคล้ายชายเสเพลพร้อมกับสีหน้ายกยิ้ม“จูจูโวยวายอันใดกัน” ชายที่ดูนิ่งและสุขุมกว่าเอ่ยขึ้น“สตรีผู้นี้ สมบัติจากบ้านพี่สามใช่หรือไม่ เหตุใดพานางเหยียบเข้ามาถึงในวัง ข้าไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนในสังคมเรา” จูจูมิได้ตอบคำถามออกไป แต่กลับหันไปยังทิศทางที่ชายอีกคนด้านข้าง

  • สตรีบ้าของจอมมาร   บทที่ 17 เข้าวัง

    บทที่ 17 เข้าวังในที่สุดวันมะรืนที่เฟยเทียนบอกไว้ก็มาถึง เมื่อเขาบอกว่าจะมาพบวันมะรืน เขาก็หายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างที่ว่าจริง คราแรกเสิ่นหรงลี่แอบรู้สึกน้อยอกน้อยใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นถึงองค์ชาย ทั้งยังหายตัวไปหลายสัปดาห์ เรื่องราวที่ต้องจัดการคงมีมาก ไหนจะยังเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เจอกัน แม้นางจะมิอาจตอบโต้อันใดได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีสติรับรู้คำพูดปลอบใจอย่างอ่อนหวานพรั่งพรูออกมา จนนางคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มนักรักมิใช่นักรบ หากแต่เมื่อหรูอี้และอี้ฉุนเข้ามา เขาก็หยุดคำพูดเหล่านั้นลงไปในทันที และนั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นางหลับตาลง เพราะหากต้องลืมตามองหรูอี้ ตัวนางคงจะหลุดอาการขัดขืนออกมาจนถูกจับได้ยามนี้มีบ่าวหญิงหลายคนกำลังช่วยนางแต่งตัว เพราะวันนี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status