Share

บทที่8 ข้าคือมือสังหาร

Penulis: Midzilee01
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 20:27:23

ภายในห้องตำราของฉินเฉินอวี้นั้นถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย และมีน้ำตกเทียมตั้งอยู่กลางห้อง หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก บริเวณรอบตำหนักเริ่มถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงสำหรับงานมงคลที่กำลังจะถูกจัดขึ้น

ขณะที่ฉินเฉินอวี้กำลังก้มหน้าจัดการเอกสารต่าง ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอันคุ้นเคยของหลี่เฉียนอัน องครักษ์คนสนิทของเขา 

"กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ"

"เข้ามา" เขาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เฉียนอันจึงผลักประตูเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม เขากราบทูลด้วยน้ำเสียงเคารพ "องค์ชาย เกี้ยวเจ้าสาวได้เดินทางมาถึงแคว้นฉินแล้ว ขณะนี้นางกำลังพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ"

ฉินเฉินอวี้เงยหน้าขึ้นและชะงักเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววไม่สนใจ

"เช่นนั้นหรือ" เขาตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับเอกสารที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ในใจไร้ซึ่งความยินดี เพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงพันธะที่ตัวเขานั้นมิได้ต้องการ นางจะอยู่ที่ใดก็มิได้เกี่ยวอะไรกับเขา

หลี่เฉียนอันยืนนิ่งสนิท เพราะไม่รู้ว่าควรกล่าวถึง ว่าที่พระชายาต่อหน้าองค์ชายหรือไม่ ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านเหล้าเมื่อคืนนั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถนิ่งนอนใจได้

"เกี่ยวกับว่าที่พระชายา.." เขากล่าวขึ้นก่อนจะสังเกตเห็นแววตาเย็นชาขององค์ชายหกที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่พอใจ

หลี่เฉียนอันลอบกลืนน้ำลายดังเอือก พลางก้มหน้าหลบสายตาคมกริบคู่นั้นก่อนจะกลั้นใจพูดต่อ "เกี่ยวกับคุณหนูผู้นั้น..นางต่างจากที่กระหม่อมให้คนไปสืบมานักพ่ะย่ะค่ะ ต่างกันราวกับคนละคน"

"อย่างไร" ฉินเฉินอวี้วางพู่กันลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาฟังเรื่องที่องครักษ์หลี่ต้องการจะพูด เพราะเขาเชื่อว่าหลี่เฉียนอันคงไม่เอาเรื่องไร้สาระอย่างนางงดงามอะไรนั่นมาพูดต่อหน้าเขาอย่างแน่นอน

"ว่ากันตามตรงกระหม่อมอธิบายเกี่ยวกับนางไม่ถูกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่มีอย่างหนึ่งที่กระหม่อมสามารถพูดได้คือ ฝีมือการใช้ดาบของนางไม่ธรรมดาเลยพะย่ะค่ะ พระองค์ควรระวังนางไว้ด้วยเพราะเราไม่รู้ว่านางเป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่"

ฉินเฉินอวี้ตั้งใจฟังด้วยใบหน้าครุ่นคิด นางเก่งกล้าถึงขั้นที่หลี่เฉียนอันผู้สุขุมคนนั้นเอ่ยปากให้เขาระวังตัวเชียว หรือจะมีคนจ้างนักฆ่ามาสวมรอยพระชายา เพราะแคว้นหานเองก็เป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ อีกทั้งยังไม่ชำนาญด้านการรบ จะหาบุรุษมากฝีมือก็ยังยากยิ่งสตรียิ่งไม่มีทาง

"ข้าจะระวังตัว"

"เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ"

วันเสกสมรส

ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงสดประดับด้วยผ้าปักลวดลายมงคลเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงฆ้องและกลองที่ดังสะท้อนทั่วถนน ผู้คนต่างจับจ้องด้วยความตื่นเต้น

ภายในเกี้ยวที่ปิดสนิท อวี้หลิงหรงนั่งสงบนิ่งราวกับหุ่นแกะสลัก รูปร่างของนางบอบบางประณีต สวมชุดแต่งงานสีแดงเพลิงปักด้วยลวดลายหงส์อย่างสง่างาม

ผิวพรรณของนางขาวดุจหิมะ ยิ่งตัดกับสีแดงของชุดแต่งงานยิ่งเพิ่มความโดดเด่น เส้นผมของนางถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีต พร้อมประดับปิ่นทองอันหรูหรา แต่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสด อวี้หลิงหรงยังคงไร้ซึ่งรอยยิ้ม..

เมื่อขบวนมาถึงตำหนักของฉินเฉินอวี้ เสียงประทัดก็ดังกึกก้อง ฉินเฉินอวี้ในชุดสีแดงทองสง่างามยืนรออยู่ เขายืนมือออกไปรับเจ้าสาวด้วยท่าทางที่ดูอบอุ่นแต่แววตานั้นกลับเรียบเฉยและว่างเปล่าราวกับไม่ใส่ใจพิธีที่กำลังเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

พิธีการเริ่มขึ้นในโถงใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างอลังการ แขกเหรื่อต่างพากันร่วมแสดงความยินดี

แต่บรรยากาศระหว่างบ่าวสาวนั้นกลับเย็นเยียบ..

คำนับฟ้าดิน เสียงพิธีกรดังขึ้น ขณะที่บ่าวสาวก้มศีรษะลงต่อฟ้าดิน แม้จะทำตามธรรมเนียมอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในใจกลับปราศจากความรู้สึกยินดี

คำนับบิดามารดา ทั้งคู่เคารพต่อบรรพบุรุษด้วยท่าทีสงบนิ่ง

คำนับกันและกัน การคำนับครั้งนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความห่างเหินและเย็นชา

ใบหน้าเจ้าบ่าวอมทุกข์ ใบหน้าเจ้าสาวไร้ซึ่งอารมณ์

แม้พิธีจะเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ แต่บรรยากาศกลับไร้ซึ่งความอบอุ่นหรือความสุขสมรสที่แท้จริง ทุกคนต่างรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้โดยอำนาจ ไม่ใช่ด้วยความรัก

องค์ชายหกมีใจรักใคร่ผู้ใดทุกคนต่างรู้ดี..

ภายในห้องหอที่ถูกประดับด้วยผ้าสีแดง อวี้หลิงหรงนั่งสงบนิ่งอยู่บนเตียงไม้สลักหลังใหญ่เป็นเวลาหลายชั่วยาม ดวงตาของนางมองทอดไปยังแสงเทียนที่พลิ้วไหว เงาสีแดงสะท้อนบนใบหน้าอ่อนโยนแต่ไร้ซึ่งรอยยิ้ม

ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปกปิดดวงหน้าของนางไว้ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดอันซับซ้อน เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนแสงเทียนแทบจะดับแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของเจ้าบ่าว

ความเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัวขึ้น จนนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา อวี้หลิงหรงยกมือขึ้นเตรียมจะปลดผ้าคลุมหน้าสีแดงที่เกะกะและเครื่องหัวที่หนักเสียจนคอของนางแทบหักทิ้ง

แต่ทันใดนั้นประตูห้องหอก็ถูกเปิดออกเสียงดังสนั่น พร้อมกับร่างของเจ้าบ่าวในชุดแต่งงานที่ยับยู่เล็กน้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำและมีกลิ่นสุราตลบอบอวล 

ฉินเฉินอวี้ก้าวเข้ามาด้วยความระแวดระวัง

ดวงตาคมกริบมองผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวราวกับพยายามค้นหาบางอย่าง เขาใช้ปลายดาบตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจนปลิวกระเด็น เผยให้เห็นใบหน้างดงามไร้ที่ติของสตรีที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง

ดวงตาของฉินเฉินอวี้แคบลงทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของนาง ความทรงจำในร้านเหล้าคืนนั้นฉายชัดขึ้นในความคิด 

หญิงสาวผู้เคลื่อนไหวรวดเร็วดุจพยัคฆ์ ใช้เพียงสันดาบจัดการทหารสามนายจนหมดสติ เป็นคนเดียวกันกับเจ้าสาวตรงหน้าอย่างแน่นอน!

"ใครส่งเจ้ามา!" เขาเอ่ยเสียงต่ำด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกดาบขึ้นพาดลำคอระหงของนาง ดาบเล่มนั้นเฉือนผ่านผิวหนังเพียงเบา ๆ ก็เกิดรอยแผล และโลหิตสีแดงสดก็ไหลรินลงมาบนชุดแต่งงาน

คนที่นี่เป็นอะไรกับคอของข้านัก?

อวี้หลิงหรงยังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยของนางไม่มีวี่แววหวาดกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาของนางสบประสานกับเขาอย่างเยือกเย็น ราวกับคำขู่ของเขาเป็นเพียงเรื่องขำขัน

"นี่คือวิธีเข้าหอของแคว้นฉินหรือเพคะ?" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่แฝงความเย้ยหยันเล็กน้อยในประโยค

ฉินเฉินอวี้กัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่ไว้วางใจ

"เจ้าเป็นใครกันแน่" 

เท่าที่เขาสืบรู้มา คุณหนูสามของสกุลอวี้นั้น เป็นสตรีอ่อนแอและโง่เขลา กระทั่งบ่าวไพร่ยังรังแกนางได้ มีหรือที่คนอย่างนางจะกล้าสบตาเขาตรง ๆ

"ข้าก็เป็นเพียงเชลยจากแคว้นหาน จะเป็นใครไปได้เล่า" นางตอบกลับโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนก

ฉินเฉินอวี้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนางราวกับกำลังจับผิด แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร นางก็ดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกเลยแม้แต่น้อย 

"เชลยจากแคว้นหาน.." เขากล่าวเสียงต่ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน "เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำโกหกของเจ้างั้นหรือ?"

อวี้หลิงหรงคลี่ยิ้มบาง พลางยกมือขึ้นแตะแผลเล็ก ๆ ที่ลำคอ ก่อนจะมองโลหิตสีแดงบนปลายนิ้วของตัวเอง "องค์ชาย หากข้าเป็นมือสังหารจริง ๆ ท่านจะทำเช่นไร?"

ฉินเฉินอวี้กระตุกยิ้มเย็น มือที่กุมดาบแน่นขึ้นเล็กน้อย "แน่นอนว่าข้าย่อมสังหารเจ้าโดยไม่ลังเล"

อวี้หลิงหรงแค่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แววตาของนางไม่เพียงแต่เยือกเย็นแต่ยังฉายประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก

"ถ้าเช่นนั้น..ข้าก็คือมือสังหาร"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่64 นับอนันต์ (จบบริบูรณ์)

    หลังเหตุการณ์กบฏสิ้นสุดลง ชะตาชีวิตของหลายคนก็พลิกผัน แต่ชื่อของเว่ยลี่หลินกลับไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีโทษของผู้ใด ด้วยเพราะนางมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องราวทั้งสิ้น นางเป็นเพียงหญิงสาวที่ถูกดึงเข้าสู่กระดานหมากใหญ่แห่งราชสำนัก โดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือเลือกหนทางให้ตนเองราชโองการให้หย่าขาดจากอดีตองค์รัชทายาทฉินจื่อหยวนผู้ล่วงลับ ถูกประกาศออกมาในวันที่ฟ้าครึ้มฝน แม้นางจะรู้ว่าเรื่องนี้คงถูกนำไปนินทาอย่างสนุกปากจากบรรดาบุตรสาวขุนนาง แต่ถึงกระนั้น นางก็ยอมรับมันโดยสงบ แม้จะต้องทิ้งนามพระชายาที่เคยเป็นทั้งเกียรติและพันธนาการ แต่ก็แลกมาด้วยอิสรภาพที่นางโหยหามานานเว่ยลี่หลินกลับไปใช้สกุลเดิม “เว่ย” ตามเดิม บรรดาผู้คนในวังต่างนินทาว่านางคงตกต่ำลงแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรู้สึกเบาใจขึ้นเพียงใด เมื่อไม่ต้องฝืนยิ้ม ไม่ต้องสวมหน้ากากให้ใครมองอีกต่อไปหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เลือกที่จะหันหลังให้กับเมืองหลวงและออกเดินทางไปทั่วแว่นแคว้น โดยไม่มีรถม้าหรูหรา มีเพียงบ่าวรับใช้เก่าแก่สองคนและหีบเสื้อผ้าใบเล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้เท่าที่จำเป็นผู้คนถามว่าสตรีผู้เคยเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท จะไปที่ใด

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่63 บุคคลที่คู่ควรกับความรัก

    หลังจากเหตุการณ์อันเลวร้ายและความสูญเสียผ่านพ้นไป ฤดูร้อนก็เวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมสายลมอบอุ่นและแสงแดดอ่อนที่ราวกับช่วยลบล้างความขมขื่นในหัวใจอวี้หลิงหรงในวัยครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มที ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถม้าโดยมีมือของฉินเฉินอวี้คอยประคอง ดวงตานางทอดมองวังหลวงที่คุ้นเคยอย่างเงียบงัน ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนบางให้พระสวามีของตนวันนี้เป็นวันมงคลของแผ่นดิน..วันแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่ และผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นมารดาแห่งแผ่นดินก็คือพระสนมสวี่ซิงเหยียน พระมารดาขององค์ชายหกภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยขุนนางชั้นสูง องค์ชาย องค์หญิง และเหล่าผู้มีบรรดาศักดิ์ต่างร่วมงานด้วยสีหน้าปีติยินดี เสียงพิณบรรเลงแผ่วเบาประกอบท่วงท่าแห่งพิธีอันสง่างามเมื่อพิธีเสร็จสิ้นลง องค์ฮ่องเต้ฉินเซิ่งหยวนและฮองเฮาสวี่ซิงเหยียนจึงทรงเรียกองค์ชายหกและพระชายาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว“อวี้เอ๋อร์... ข้ากับมารดาของเจ้าต่างเห็นพ้องกัน ว่าเจ้าคือผู้เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งองค์รัชทายาท” เสียงของฮ่องเต้ฉินเซิ่งหยวนดังขึ้นอย่างราบเรียบ ทว่าหนักแน่นและเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นฉินเฉินอวี้นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค้อมกายลงด้วยความเคารพ แล

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่62 บทสรุป

    เมื่อฉินจื่อหยวนตระหนักได้ว่าการดวลกับนางต่อไปมีแต่จะเสียเปรียบ เขาจึงหันสายตาไปยัง ฉินเฉินอวี้ที่ตอนนี้กำลังพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ในจังหวะที่กระบี่ของอวี้หลิงหรงฟาดสวนมาทางเขาอีกครั้ง ฉินจื่อหยวนก็เบี่ยงตัวหลบ แล้วเปลี่ยนทิศทางของดาบในมือ พุ่งออกไปทางฉินเฉินอวี้ แต่ก่อนที่ดาบนั้นจะเข้าถึงตัวของชายผู้ที่บาดเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว สตรีในชุดดำก็รีบเร่งฝีเท้าพุ่งตัวเข้ามาขวางทางอย่างไม่ลังเล"ไม่!!!" อวี้หลิงหรงกรีดร้องสุดเสียง นางพุ่งตัวออกไปเบื้องหน้าโดยไม่คิดชีวิต เพื่อที่จะสกัดกั้นคมดาบนั้นให้ได้ นางรู้ดีว่าตนไม่มีทางปัดป้องได้ทันเวลา และในครรภ์ของนางก็ยังมีชีวิตน้อย ๆ อยู่อีกหนึ่งคน ในชั่วพริบตาแห่งการตัดสินใจ นางปล่อยกระบี่ในมือลงกับพื้น ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับคมดาบด้วยตัวเอง!เสียงฉีกขาดของเนื้อดัง ฉัวะ! โลหิตสีแดงฉานพุ่งกระเซ็นท่วมสองฝ่ามือ“กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องของอวี้หลิงหรงดังก้องสะท้อนทั่วลาน ฉินเฉินอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก สิ่งที่เห็นมีเพียงแผ่นหลังบาง ๆ ของนางที่ยืนขวางเขาเอาไว้ชั่วขณะนั้น..เวลาราวกับหยุดหมุนดวงตาคู่งามสั่นไหวด้วยความปวดร้าว มือทั้งสองที่เปื้

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่61 การก่อกบฏ

    ค่ำคืนมืดครึ้มในวังหลวง ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยเมฆทมิฬ เสียงสายลมหวีดหวิวกรีดผ่านยอดหลังคาตำหนักฟังแล้วชวนขนหัวลุก หิมะยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องขณะที่แสงโคมไฟในวังริบหรี่ลงทุกขณะณ ตำหนักเฉียนชิงอันเป็นที่พำนักขององค์ฮ่องเต้ประตูไม้สลักลายมังกรปิดสนิท แผ่นหิมะเกาะขอบหลังคาเงียบงัน ใต้ผ้าห่มแพรแดงลายมังกรบนเตียงไม้แกะสลัก มีสองร่างนอนแนบชิดกันอย่างสงบนิ่ง ราวกับไม่รับรู้ถึงภัยเงาร้ายที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ทุกขณะเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแทรกผ่านเสียงลม เงาร่างชุดดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นตามเงาเสา เงียบเชียบราวกับเป็นเพียงเงาจันทร์สาดทาบพื้น พวกมันลอบเข้ามาจากทางระเบียงด้านข้าง ดาบในมือแต่ละเล่มยังเปื้อนเลือดสดจากทหารยามเฝ้าเวรหนึ่งในนั้นยกดาบขึ้นสูงเหนือร่างบนเตียง ก่อนจะแทงลงกลางอกด้วยแรงทั้งหมดโดยไร้ซึ่งความลังเลทว่าร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นกับนิ่งเงียบไม่ไหวติง มือสังหารรีบกระชากผ้าห่มผืนใหญ่ออกอย่างรุนแรงภายใต้ผ้าห่ม ไม่ใช่ร่างของฮ่องเต้หรือพระสนมสวี่ แต่เป็นเพียงหมอนข้างที่ซ้อนกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มเท่านั้น“กับดัก..?” เสียงพร่าของมือสังหารเพิ่งหลุดออกจากริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะได้หันไป

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่60 การตัดสินใจ

    หลังจากการประชุมวานนี้ องค์ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักอวี้ฮวา ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่าต้องรอการพิสูจน์ความบริสุทธิ์นาง ในขณะเดียวกัน นางกำนัลคนสนิทของฮองเฮากลับถูกลากตัวไปยังคุกหลวง ถูกทรมานเพื่อหาความจริง นางกรีดร้องปานวิญญาณหลุดจากร่าง เสียงนั้นสะท้อนอยู่ในห้องขังแคบ ๆ ส่วนทางด้านพระสนมสวี่ แม้นางจะเป็นสตรีที่ฮ่องเต้รักยิ่ง แต่ในยามนี้พระพักตร์ขององค์จักรพรรดิกลับเย็นชาดุจน้ำแข็งหลายวันมาแล้วที่พระสนมสวี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ใจของนางเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยามคิดถึงบิดาที่กำลังถูกจองจำในคุกหลวง ด้วยใจระทมทุกข์ นางจึงรวบรวมความกล้าขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อทูลขอพระราชทานอนุญาตให้ตนเข้าเยี่ยมบิดาแต่องค์จักรพรรดิก็หาได้เหลียวแลไม่ “ขอฝ่าบาทเมตตา..” พระนางคุกเข่าท่ามกลางลมหนาว หยดน้ำตาของพระสนมคล้ายหยาดพิรุณตกต้องใจใครบางคน แต่ก็ไม่อาจทะลุม่านเย็นชาของผู้เป็นกษัตริย์ได้หิมะค่อย ๆ โปรยปรายลงมา ท่ามกลางความเงียบงันของลานหน้าพระตำหนักเฉียนชิง สตรีผู้สูงศักดิ์ในชุดแพรบางสีครามยังคุกเข่าอยู่กับพื้น หยดน้ำตาไหลเงียบ ๆ ลงบนแก้มซีดเซียว“ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าน้อยมาทูลว่า

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่59 การประชุมที่ท้องพระโรง

    ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่า บรรยากาศตึงเครียดจนแทบสัมผัสได้ เสนาบดีเจียงยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ สีหน้าเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความมั่นใจ เขากำลังกล่าวถ้อยคำฟังดูหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย“กระหม่อมเห็นว่า...การมีโรงกษาปณ์เถื่อนตั้งอยู่ในหมู่บ้านชิงหลินซึ่งอยู่ในเขตปกครองของสกุลสวี่ ย่อมบ่งชี้ถึงความพยายามในการสะสมกำลังและท้าทายราชอำนาจ เรื่องนี้ไม่อาจมองข้าม หากไม่สอบสวนให้ถึงที่สุด เกรงว่าความมั่นคงของแผ่นดินจะสั่นคลอนพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขุนนางหลายคนพากันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่บางส่วนก็เหลือบมองกันไปมา ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างอำนาจของตระกูลสวี่และความแข็งแกร่งของกลุ่มเจียงระหว่างที่คำกล่าวหายังไม่สิ้นสุด เสียงฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งของขันทีคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น ฝ่าฝืนความเงียบที่กดดันเขาเข้าไปกระซิบอย่างเร่งร้อนกับกงกงคนสนิทขององค์ฮ่องเต้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมากระซิบรายงานเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นตัว“ฝ่าบาท..พระชายาขององค์ชายหก เสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ ทรงกล่าวว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับหมู่บ้านชิงหลิน ที่ต้องทูลต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าขุนนางทั้งหลาย”องค์ฮ่องเต้ชะงักเพียงเล็กน้อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status