ตอนที่1 ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว
เมืองหลวง ยามค่ำในคืนวันลอยโคม เมืองหลวงสว่างไสวไปด้วยแสงของโคมไฟกระดาษลายต่าง ๆ ถนนใหญ่และตรอกเล็กเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาปล่อยโคม ขอพรกันมากมาย ใต้แสงจันทร์เต็มดวง แสงโคมกระดาษสีแดง ส้ม เหลือง แขวนเรียงรายตลอดแนวหลังคาร้านรวงและศาลาเจ้า เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังแว่วมาท่ามกลางเสียงคนขายโคมเรียกลูกค้า เสียงดนตรีแผ่วเบาลอยมาตามสายลมเย็นในยามราตรี จวนเจิ้งอันอ๋อง ภายในเรือนที่ประดับตกแต่งอย่างงดงาม แสงจากโคมแดงส่องสะท้อนโต๊ะไม้ขัดมัน ผ้าม่านบางสีฟ้าอ่อนปลิวแผ่วเมื่อสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามา พระชายาซ่งเหยียนเอ๋อร์ นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง ใบหน้านางงดงามราวภาพวาด มือเล็กค่อย ๆ ทาแป้งบาง ๆ ลงบนใบหน้างามนั้น ก่อนจะแต้มสีแดงระเรื่อลงบนริมฝีปากบางได้รูปของนางอย่างพิถีพิถัน พร้อมเผยรอยยิ้มหวาน เมื่อคิดถึงค่ำคืนนี้ที่นางนั้นรอคอยมาทั้งวันที่จะได้เดินชมโคมในงานเคียงคู่กับสามีตนเองเพราะเมื่อเช้าเขารับปากนางไว้แล้ว ไม่นาน เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นหน้าประตูห้อง พร้อมร่างของสาวใช้คนสนิท ซิงอี ในชุดผ้าฝ้ายสีเข้มรีบเข้ามาด้วยใบหน้ากระวนกระวาย “คุณหนูเจ้าค่ะ เมื่อกี้บ่าวไปซื้อโคม เห็นท่านอ๋องเดินอยู่กับคุณหนูรอง แล้วท่านอ๋องยังซื้อโคมไฟกระต่ายน้อยให้คุณหนูรองด้วยเจ้าค่ะ” คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหยียนเอ๋อร์ค้างอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ หายไป ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือบางกำตลับแป้งหอมแน่นจนมือสั่น “ซ่งหว่านอวี้… ไหนเจ้าสัญญากับข้าว่าจะเลิกยุ่งกับท่านอ๋อง… เจ้าก็เหมือนกับแม่เจ้าไม่มีผิด นางอนุชั้นต่ำ!” น้ำเสียงของนางสั่นด้วยความโกรธ แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ลมหายใจของนางแรงขึ้นจนหน้าอกสั่น ร่างบางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายกระโปรงผ้าต่วนสีชมพูอ่อนพลิ้วไหวตามแรงลมจากการเคลื่อนไหว แววตาเต็มไปด้วยเพลิงโกรธที่พร้อมจะลุกไหม้ “ไป!” สิ้นคำ ก็สะบัดชายกระโปรงเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ด้วยอารมณ์โกรธ ซิงอีรีบก้าวตามนายตนเองไปทันที ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ถือโคมเดินเรียงกันตามสะพานหินอ่อนและริมสระน้ำ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ในชุดชมพูอ่อนเดินฝ่าผู้คนมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ นางทอดสายสายไปยังสะพานกลางน้ำ บนนั้นภาพที่บาดตาก็ปรากฏชัดเต็มสองตา ซ่งหว่านอวี้ในชุดสีขาวนวลกำลังยืนอยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งอันอ๋อง ใบหน้าทั้งสองใกล้กันภายใต้แสงโคมรอบด้าน แสงไฟสะท้อนแววตาเขาที่มองนางช่างอ่อนโยน ภาพนั้นเหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแท่งกลางใจ ซ่งเหยียนเอ๋อร์กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม “ซ่งหว่านอวี้ เจ้าช่างกล้ามายั่วยวนท่านอ๋อง” เอ่ยจบ ก็ก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังสะพานทันที ชิงอี สาวใช้คนสนิทต้องรีบยกชายกระโปรงก้าวเร็วตามติด ไม่นานนัก นางก็มาหยุดตรงหน้าร่างบางที่ถือโคมกระต่ายน้อยในมือ “ซ่งหว่านอวี้!” ซ่งหว่านอวี้หันมาตามเสียงเรียก ใบหน้างดงามของนางแต้มรอยยิ้มบาง ก่อนจะย่อตัวคำนับอย่างนอบน้อม “พี่หญิง…” แค่เพียงเสียงนั้นกับใบหน้าใสซื่อของซ่งหวานอวี้ ความโกรธที่สะสมในใจของซ่งเหยียนเอ๋อร์ก็ระเบิดทันที เพียะ! ฝ่ามือของซ่งเหยียนเอ๋อร์ตวัดฟาดแก้มนวลอย่างแรงจนศีรษะซ่งหว่านอวี้หันไปตามแรงตบนั้น “เจ้าคิดจะแย่งท่านอ๋องกับข้างั้นหรือ!” พูดจบ นางพุ่งเข้าไป บีบคอซ่งหว่านอวี้ทันที มือทั้งสองบีบแน่นจนร่างบางดิ้นรน มือของซ่งหวานอวี้ยกขึ้นจับแขนพี่สาวด้วยความตกใจ ผู้คนรอบข้างเริ่มแตกตื่น แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ ชิงอี เห็นเจ้านายเสียเปรียบจึงรีบเข้าไปช่วยแยกออก แต่ความวุ่นวายทำให้ทั้งสามเสียหลัก ตูม! เสียงน้ำแตกกระจาย ร่างทั้งสาม ตกลงไปในสระน้ำลึก น้ำเย็นจัดโอบรัดร่างทันที ร่างทั้งสามจมหายไปใต้ผิวน้ำที่แตกกระเพื่อม ถิงหลัน สาวใช้ของซ่งหว่านอวี้ ที่ยืนอยู่ไม่ไกล เห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งไปตามเจิ้งอันอ๋อง ที่กำลังซื้อผลไม้เชื่อมอยู่ เพียงชั่วพริบตา เจิ้งอันอ๋องที่ทราบเรื่องจากสาวใช้ก็รีบวิ่งตรงไปยังสระน้ำ แล้วกระโดดลงน้ำโดยไม่ลังเล น้ำเย็นบาดร่าง แต่เขาว่ายน้ำตรงไปยังร่างบางของซ่งหว่านอวี้ที่กำลังจมลงสู่ความมืดในน้ำ ลำแสงจากโคมรอบ ๆ สะท้อนบนผิวน้ำเหมือนประกายไฟที่แตกกระจาย เจิ้งอันอ๋องโอบร่างบางของนางไว้ในอ้อมแขนแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอ่อนโยนและเป็นห่วง ซ่งเหยียนเอ๋อร์ ที่กำลังดิ้นรนในน้ำมองภาพนั้นอย่างชัดเจน เขา… ช่วยผู้หญิงอีกคน โดยไม่แม้แต่จะมองนางเลยแม้แต่น้อย หัวใจของซ่งเหยียนเอ๋อร์บีบรัดแน่นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่ร้อนผ่าวไหลออกมาแต่กลับหายไปกับสายน้ำเย็นเฉียบ “หลี่เหวินซู่… ชาตินี้ ข้าช่างโง่เขลาที่หลงรักท่าน…” มือเย็นเฉียบของนางค่อย ๆ คลายออกจากการดิ้นรน ดวงตาที่เคยสว่างค่อย ๆ มืดลง “จากนี้… สตรีร้ายกาจผู้นี้จะไม่รักท่านอีก…” เสียงในใจแผ่วเบาราวสายลมยามราตรี ก่อนร่างของนางจะค่อย ๆ จมลงสู่ความมืดเบื้องล่าง ปล่อยให้แสงโคมลอยอยู่เหนือผิวน้ำท่ามกลางเสียงโคมแตกดับตอนที่ 24 ซ่งหว่านอี้แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าจนเกิดแสงสีทองตกกระทบลงบนใบหน้าของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตนเองกับหานอี้ถูกมัดแน่นไว้กับเสาไม้ ร่างกายอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงหานอี้ที่เพิ่งได้สติก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนเปล่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… ”ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมองเด็กชายข้างกายแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน หากน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ไม่ต้องกลัว… ท่านอ๋องต้องมาช่วยเราแน่”หานอี้พยักหน้าเบา ๆ ในขณะนั้น ซ่งหว่านอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างดูแคลนไม่ใยดีซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมาทางนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ซ่งหว่านอี้… เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”ซ่งหว่านอี้มิได้ตอบในทันที หากยกมีดเล่มเล็กขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบคมมีดช้า ๆ ใบหน้าราบเรียบ แววตาแฝงไปด้วยความอำมหิต นางก้าวอ้อมมายืนตรงหน้าของทั้งสองหานอี้จ้องมองนาง เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วพี่ชายข้าล่ะ… หานมู่ เขาอยู่ที่ใด!”ซ่งหว่านอี้คลี่ยิ้มจาง สีหน้าเย็นชาจนน่าสะพรึง“หานมู่หรือ”นางพึมพำชื่อออกมา ก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ ก่อนจ
ตอนที่23 กลับเมืองหลวง จวนเจิ้งอันอ๋องณ สวนหลังจวน ดอกโบตั๋นผลิบานละลานตา สีชมพูแดงอร่ามราวเนรมิตขึ้นจากภาพวาด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม โดยมีชิงอีสาวใช้คนสนิทติดตามไม่ห่าง นางเดินตรงไปยังศาลาไม้กลางสวน ภายในศาลานั้นมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาก้มหน้าก้มตา วาดภาพอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างตัวเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้า มองภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเป็นเค้าโครงใบหน้าใครบางคน นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ“เจ้ากำลังวาดรูปผู้ใดอยู่หรือ”ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวเข้ามายกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่ถ้วยชาใบเล็ก แล้ววางถ้วยชานั้นอย่างนุ่มนวลลงเบื้องหน้าซ่งเหยียนเอ๋อร์หานอี้เงยหน้า ตอบอย่างตั้งใจ“ข้ากำลังวาดรูปพี่ชายข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ยังหาเขาไม่พบ ข้าคิดว่าถ้าวาดรูปเขาออกมาชัด ๆ เวลาออกตามหาอาจง่ายขึ้นกว่าเดิม”ซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“อืม”หานอี้วางพู่กันลง ก่อนจะหยิบภาพขึ้นยื่นให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว“พี่เหยียนเอ๋อร์ ท่านลองดูหน่อย… คุ้นหรือไม่”ซ่งเหยียนเอ
ตอนที่ 22 ทำลายโรคระบาดเจิ้งอันอ๋องก้าวเข้าสู่โรงหมอ โดยมีเจ้าเมืองต้าเฉิง หมอหลวงหยางซุน และทหารองค์รักษ์อีกสามนายติดตามมาด้วยเมื่อก้าวล่วงถึงประตูด้านใน กลิ่นอสมุนไพรขมปร่าก็ลอยมาแตะจมูก ผู้ป่วยต่างต่อแถวยาวเพื่อรอลงอ่างน้ำยาสมุนไพรต้ม ชาวบ้านต่างช่วยกันยกถังยาสมุนไพรและตัดแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้นซ่งเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่โต๊ะไม้ เงยหน้ามาเห็นพระสวามีของตนก็ยกมือเล็กขึ้นโบกเบา ๆ ดวงหน้ายิ้มระเรื่อ“ท่านอ๋อง”เจิ้งอันอ๋องได้ยินเสียงนั้นจึงหันไป ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้างามที่กำลังยิ้มแย้มของชายาตน แล้วก้าวตรงไปหานาง เพียงไม่นานร่างสูงของเขาก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางซ่งเหยียนเอ๋อร์ส่งยิ้มบางให้พลางยื่นใบสั่งยาที่เขียนมาใหม่ให้แก่เขา“ท่านดูสิ… ตำรับยาใหม่นี้ ใช้ได้ผลดีทีเดียว”กล่าวจบ นางหันไปมองเด็กชายด้านข้างที่กำลังแยกสมุนไพร เจิ้งอันอ๋องเหลือบสายตามองตามสายตาของนางก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ“เขาเป็นใคร?”“หานอี้”นางตอบพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ท่านนั่งลงก่อนเถิด”เจิ้งอันอ๋องจึงนั่งลงเบื้องหน้านาง ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปสบสาย
ตอนที่ 21 ยาแก้รถม้าค่อย ๆ ชะลอล้อ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าป้ายไม้เก่า ที่เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำ โรงหมอเมืองต้าเฉิงซ่งเหยียนเอ๋อร์แหวกผ้าม่านก้าวลงจากรถม้า ชิงอีรีบก้าวมารับประคองร่างบางของคุณหนูของตนหานอี้ก้าวตามมาชิดด้านหลัง ดวงตากลมโตของเด็กชายกวาดมองรอบ ๆ อย่างสนใจทันทีที่ก้าวล่วงเข้าประตูไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรต้มปนกลิ่นเหงื่อชื้นก็โถมเข้าโสตประสาท เหล่าชาวบ้านนอนเรียงรายบนฟูกฟาง บ้างตัวร้อนจัดจนใบหน้าแดงก่ำ บ้างไอหอบจนหน้าเขียวคล้ำหมอหลวงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นและหมอชาวบ้านในเสื้อผ้าซีดสีเก่า ต่างถือถ้วยยาสมุนไพรเดินส่งให้ผู้ป่วยทีละคน เสียงกระซิบปลอบโยนและเสียงช้อนกระทบถ้วยดังแทรกอยู่ในความวุ่นวายหานอี้กวาดตามองภาพเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดก้าว มือเล็กดึงชายแขนเสื้อซ่งเหยียนเอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… นี่คือโรคไข้พิษจากแมลง”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าลง หันมามองด้วยแววตาสงสัยเด็กชายพยักหน้าช้า ๆ เพื่อย้ำความแน่ใจ“เจ้ารู้จักหรือ”นางเอ่ยถาม“อืม รู้จักสิ ข้าเคยเห็นในตำราของท่านแม่”“แม่!”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ย้ำด้วยใบหน้าแปลกใจ ก่อนจะเ
ตอนที่ 20 โรคระบาดยามซวีจวนเจ้าเมืองต้าเฉิงบานประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแผ่วเบา เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาในห้องของชายาตน กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามสายลมเย็น ภาพเบื้องหน้าคือ ร่างบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ข้างตัวมีตระกร้าไม้เล็กบรรจุผ้าผืนเล็กจำนวนหนึ่งไว้อย่างเป็นระเบียบเขาขยับปิดประตู ก่อนจะก้าวตรงไปหาร่างของนาง เขาหยุดยืนเคียงข้าง ยื่นมือใหญ่หยิบผืนผ้าที่ค้างอยู่ในมือเล็กของนางออกอย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ร่างบางค่อย ๆ ขยับ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงซ่งเหยียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงใหญ่ข้างกายตน แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมชัดของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอุ่นใจ“ท่านอ๋อง… ”นางค่อย ๆ นั่งตัวตรง เก็บผ้าผืนเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะใส่ในตระกร้าอย่างเรียบร้อยเจิ้งอันอ๋องยกผ้าในมือขึ้น ทอดมองก่อนจะเอ่ยถาม“นี่คืออะไร”ซ่งเหยียนเอ๋อร์มองเขา แววตาครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในชาติก่อน ที่นางติดโรคระบาดและได้หมอเทวดาหานซิ่วอิงช่วยไว้ หมอเทวดาผู้นั้นส่วมผ้าปิดครึ่งหน้านี้ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคนางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาผูกที่ใบหน้าตนเอง แล้
ตอนที่19 เมืองต้าเฉิง สายลมอ่อนพัดแผ่ว กระทบผิวกายบอบบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ ผู้ยังหลับอยู่บนรถม้า เสียงล้อบดกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาแลรอบด้วยความฉงนทันใดนั้น ม่านประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงใสของชิงอีสาวใช้คนสนิทดังขึ้นซ่งเหยียนเอ๋อร์เพียงมองนาง ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นปัดม่านหน้าต่างรถม้าออก แล้วทอดสายตาออกไปสำรวจทิวทัศน์ด้านนอก เห็นเรือนชาวบ้านเรียงรายเงียบสงบ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังเดินผ่านไปมา ร้านค้าต่างก็ปิดประตูแน่นนางหันกลับมาถามสาวใช้ของตน“ท่านอ๋องเล่า?”ชิงอีขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง แล้วยื่นห่อผ้าในมือซึ่งอุ่นด้วยกลิ่นซาลาเปาให้คุณหนูของตน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่ให้บ่าวพาท่านกลับมาพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอีก“ที่นี่… คือเมืองต้าเฉิงหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ… เมืองนี้มีผู้ติดโรคระบาดเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”ชิงอีตอบเสียงแผ่วซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ แล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นแล้วยื่นให้ชิ