ปฐมบท ตอน ราชโองการ
จวนเสนาบดีซ่ง เสียงฆ้องดังก้องกังวานจากหน้าประตูจวน บ่าวรับใช้ที่กำลังทำงานต่างพากันหยุดชะงัก รีบวิ่งกรูออกมาดูด้วยความตื่นตระหนก เสียงกระซิบกระซาบดังไม่ขาดสาย “ขันทีจากวังหลวง” ประตูใหญ่ถูกผลักเปิดกว้าง ขันทีอาวุโสในชุดผ้าไหมสีเหลืองทอง ก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม เบื้องหลังเป็นทหารราชองครักษ์สวมชุดเกาะเงินแวววาวเรียงรายสองข้าง ขบวนทหารอีกหลายคนแบกหีบบรรจุของกำนัลและสินสอด ขันทีอาวุโสยืนอยู่โถงใหญ่หน้าจวน เอ่ยเสียงดังกังวาน “ราชโองการจากฝ่าบาท” ไม่นาน เสนาบดีซ่ง ซ่งฮูหยิน และบุตรสาวทั้งสอง ซ่งเหยียนเอ๋อร์และ ซ่งหว่านอวี้ ก็พากันก้าวออกตากเรือนใหญ่ เข้ามาหยุดยืนเรียงกันในห้องโถงรอรับราชโองการ ขันทีอาวุโสซูแผ่นราชโองการสีเหลืองทองเหนือศีรษะ ทุกคนในห้องโถงต่างคุกเข่าลงพร้อมกัน ขันทีอาวุโสกางแผ่นราชโองการสีเหลืองทองออก แล้วเริ่มอ่านด้วยน้ำเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะชัดเจน “ราชโองการจากฝ่าบาท ด้วยใต้หล้าสงบสุข ข้าปรารถนาจะเชิดชูคุณงามความดีของสตรีตระกูลซ่ง ซ่งเหยียนเอ๋อร์ บุตรีเสนาบดีซ่ง ผู้ได้ช่วยเหลือเจิ้งอันอ๋องให้รอดพ้นจากเภทภัย จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานสมรสให้กับเจิ้งอันอ๋องและ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ เพื่อเป็นเกียรติและสืบสายสัมพันธ์แห่งราชสำนัก ให้เข้าพิธีมงคลในวันที่สิบห้าค่ำ เดือนหน้า จบราชโองการ” เมื่ออ่านจบ ขันทีอาวุโสก็ม้วนแผ่นราชโองการเก็บอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม “ซ่งเหยียนเอ๋อร์ รับราชโองการ” ซ่งเหยียนเอ๋อร์ยื่นมือขึ้นรับม้วนราชโองการ ดวงหน้างามผ่องฉายรอยยิ้มอ่อนหวาน เอ่ยเสียงใส “ขอบพระทัยฝ่าบาท” ขันทีอาวุโสหันไปสบตาเสนาบดีซ่ง พร้อมยิ้มอย่างยินดี “ยินดีด้วย ท่านเสนาบดีซ่ง” เสนาบดีซ่ง ยิ้มตอบพลางเอ่ยขึ้น “ขอบคุณท่านมาก จางกงกง” ขันทีอาวุโสพยักหน้ารับ ก่อนจะประสานมือโค้งกายคารวะอย่างนอบน้อมพลางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น ข้าขอตัวกลับก่อน” “เชิญ… เชิญ…” เสนาบดีซ่งเอ่ยพลางผ่ายมือ กำลังจะก้าวไปส่ง แต่เสียงประกาศก้องจากหน้าจวนทำให้ทุกคนชะงัก “เจิ้งอันอ๋องเสด็จ!” สิ้นเสียง ร่างสูงในอาภรณ์หรูหราสีน้ำเงินเข้มปักลายมังกรทองก็ปรากฏกายขึ้นที่ประตูจวน เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม แผ่รัศมีเย็นขรึมจนผู้คนต่างก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม ซ่งหว่านอวี้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง ถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น เมื่อมองเห็นใบหน้าคมที่คุ้นเคยนั้นชัดเจน ใบหน้านางซีดเผือด ริมฝีปากกัดแน่นด้วยความริษยา ดวงตาแดงเรื่อ “เจิ้งอันอ๋องงั้นหรือ…” มือเล็กกำแน่นจนข้อมือขาวซีด ความเจ็บปวดและความอิจฉาสุมอยู่เต็มอก “เหตุใด… นางถึงเหนือข้าไปเสียทุกอย่าง!” เสียงในใจผุดขึ้นอย่างเจ็บใจ เจิ้งอันอ๋องก้าวผ่านแถวบ่าวไพร่และผู้คนในจวน สายตาคมสบเข้ากับ สายตาของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนยิ้มบางรอเขาอยู่ ขณะที่เขากำลังก้าวเข้าใกล้ ซ่งหว่านอวี้ที่กำลังลุกขึ้นยืนช้า ๆ อยู่ข้างทาง ประหนึ่งจะหลบทางให้ แต่ทันใดนั้น ร่างบางกับโอนเอนเซถลามาข้างหน้า ล้มลงตรงหน้าราวบุปผาต้องลม มือแกร่งของเจิ้งอันอ๋องยื่นออกไปคว้าร่างบางตามสัญชาตญาณ คว้าเอวบางของนางไว้แน่น ก่อนจะประคองนางขึ้นมายืนอย่างมั่นคง ถิงหลันรีบถลาเข้ามาประคองร่างของคุณหนูของตนทันที ซ่งหว่านอวี้ก้มหน้าย่อกายเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอบพระทัยเพคะ… ท่านอ๋อง” เจิ้งอันอ๋องเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่เอ่ยคำใด จากนั้นทั้งสองก็หันหลังก้าวออกไปทันที ทันใดนั้น ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเนียนก็ร่วงหล่นจากมือ ซ่งหว่านอวี้ ลอยร่วงลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา ซ่งเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบก้าวตรงไปเก็บขึ้นมาก่อนที่เจิ้งอันอ๋องจะก้มลง มือเล็กบีบผ้าผืนนั้นแน่นเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าสบตากับเขา แววตาของนางแฝงไปด้วยความน้อยใจ เจิ้งอันอ๋องเพิ่งจะอ้าปากเอ่ย แต่ซ่งเหยียนเอ๋อร์กลับตัดบททันที น้ำเสียงเรียบเย็น “เชิญท่านอ๋องตามสบายเพคะ… หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายขอตัวไปพักก่อน” กล่าวจบ นางก็หมุนกายก้าวออกไปโดยมิได้เหลียวหลัง …… ยามซวี ณ ห้องของ ซ่งหว่านอวี้ ภายในเรือนที่เงียบสงบ แสงตะเกียงน้ำมันส่องวาววับเพียงริบหรี่ ซ่งหว่านอวี้นั่งอยู่กลางห้อง มือเรียวถือถ้วยชาจิบช้า ๆ กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง ถิงหลันยืนอยู่ข้างกายนาง เสียงฝีเท้าแผ่วแต่หนักแน่นค่อย ๆ ใกล้เข้ามา เพียงครู่ ร่างของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาใบหน้านิ่งเย็นเยียบ ซ่งหว่านอวี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เปล่งเสียงอ่อนหวาน “พี่หญิง…” แต่แววตาของซ่งเหยียนเอ๋อร์กลับฉายแววดุดันดังคมมีด นางก้าวตรงมาหยุดเบื้องหน้า มือเล็กดึงผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกจากแขนเสื้อ วางกระแทกลงบนโต๊ะไม้ด้วยแรงเต็มฝ่ามือ “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ… เขาเป็นของข้า อย่าคิดจะยั่วยวนเขาอีก” ซ่งหว่านอวี้ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ ฝ่ามือเล็กกลับฟาดลงบนแก้มงามของนางอย่างแรงสองคราเสียงดังชัดก้องในห้องเงียบ “เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!” “คุณหนู!!” ถิงหลันรีบประคองร่างคุณหนูของตน ซ่งหว่านอวี้รีบยกมือกุมแก้ม ดวงตาสั่นระริกด้วยความโกรธ “สีหน้าแสร้งของเจ้าช่างน่ารำคาญเสียจริง” ซ่งเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพลางหยิบถ้วยชาขึ้น มองน้ำชาสีอำพันในถ้วยด้วยแววตาคมเฉียบ เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หากข้ายังเห็นเจ้ายั่วยวนท่านอ๋องอีก สิ่งที่เจ้าปกปิดไว้… ข้าจะบอกท่านพ่อเอง ลองดูเถิด ว่าเมื่อความสกปรกของเจ้าถูกเปิดเผย เจ้ายังแสร้งทำหน้าซื่อเช่นนี้ได้หรือไม่” สิ้นคำ นางสะบัดข้อมือ สาดน้ำชาใส่หน้าซ่งหว่านอวี้อย่างไม่ลังเล น้ำชาไหลรินลงแก้ม ซ่งหว่านอวี้ยืนนิ่ง แววตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่น ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันกายก้าวออกจากห้องอย่างไม่เหลียวหลัง ก้าวออกอย่างเยือกเย็น ซ่งหว่านอวี้กำมือแน่น สายตามองตามแผ่นหลังนั้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและริษยา … ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ🙏🥰 และฝากกดเข้าชั้นเวลาไรท์อัพนิยาย จะได้ไม่พลาดตอนใหม่กันนะ ฝากกดหัวใจ❤️ให้ไรท์ด้วยนะตอนที่ 24 ซ่งหว่านอี้แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าจนเกิดแสงสีทองตกกระทบลงบนใบหน้าของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตนเองกับหานอี้ถูกมัดแน่นไว้กับเสาไม้ ร่างกายอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงหานอี้ที่เพิ่งได้สติก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนเปล่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… ”ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมองเด็กชายข้างกายแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน หากน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ไม่ต้องกลัว… ท่านอ๋องต้องมาช่วยเราแน่”หานอี้พยักหน้าเบา ๆ ในขณะนั้น ซ่งหว่านอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างดูแคลนไม่ใยดีซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมาทางนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ซ่งหว่านอี้… เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”ซ่งหว่านอี้มิได้ตอบในทันที หากยกมีดเล่มเล็กขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบคมมีดช้า ๆ ใบหน้าราบเรียบ แววตาแฝงไปด้วยความอำมหิต นางก้าวอ้อมมายืนตรงหน้าของทั้งสองหานอี้จ้องมองนาง เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วพี่ชายข้าล่ะ… หานมู่ เขาอยู่ที่ใด!”ซ่งหว่านอี้คลี่ยิ้มจาง สีหน้าเย็นชาจนน่าสะพรึง“หานมู่หรือ”นางพึมพำชื่อออกมา ก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ ก่อนจ
ตอนที่23 กลับเมืองหลวง จวนเจิ้งอันอ๋องณ สวนหลังจวน ดอกโบตั๋นผลิบานละลานตา สีชมพูแดงอร่ามราวเนรมิตขึ้นจากภาพวาด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม โดยมีชิงอีสาวใช้คนสนิทติดตามไม่ห่าง นางเดินตรงไปยังศาลาไม้กลางสวน ภายในศาลานั้นมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาก้มหน้าก้มตา วาดภาพอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างตัวเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้า มองภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเป็นเค้าโครงใบหน้าใครบางคน นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ“เจ้ากำลังวาดรูปผู้ใดอยู่หรือ”ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวเข้ามายกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่ถ้วยชาใบเล็ก แล้ววางถ้วยชานั้นอย่างนุ่มนวลลงเบื้องหน้าซ่งเหยียนเอ๋อร์หานอี้เงยหน้า ตอบอย่างตั้งใจ“ข้ากำลังวาดรูปพี่ชายข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ยังหาเขาไม่พบ ข้าคิดว่าถ้าวาดรูปเขาออกมาชัด ๆ เวลาออกตามหาอาจง่ายขึ้นกว่าเดิม”ซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“อืม”หานอี้วางพู่กันลง ก่อนจะหยิบภาพขึ้นยื่นให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว“พี่เหยียนเอ๋อร์ ท่านลองดูหน่อย… คุ้นหรือไม่”ซ่งเหยียนเอ
ตอนที่ 22 ทำลายโรคระบาดเจิ้งอันอ๋องก้าวเข้าสู่โรงหมอ โดยมีเจ้าเมืองต้าเฉิง หมอหลวงหยางซุน และทหารองค์รักษ์อีกสามนายติดตามมาด้วยเมื่อก้าวล่วงถึงประตูด้านใน กลิ่นอสมุนไพรขมปร่าก็ลอยมาแตะจมูก ผู้ป่วยต่างต่อแถวยาวเพื่อรอลงอ่างน้ำยาสมุนไพรต้ม ชาวบ้านต่างช่วยกันยกถังยาสมุนไพรและตัดแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้นซ่งเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่โต๊ะไม้ เงยหน้ามาเห็นพระสวามีของตนก็ยกมือเล็กขึ้นโบกเบา ๆ ดวงหน้ายิ้มระเรื่อ“ท่านอ๋อง”เจิ้งอันอ๋องได้ยินเสียงนั้นจึงหันไป ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้างามที่กำลังยิ้มแย้มของชายาตน แล้วก้าวตรงไปหานาง เพียงไม่นานร่างสูงของเขาก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางซ่งเหยียนเอ๋อร์ส่งยิ้มบางให้พลางยื่นใบสั่งยาที่เขียนมาใหม่ให้แก่เขา“ท่านดูสิ… ตำรับยาใหม่นี้ ใช้ได้ผลดีทีเดียว”กล่าวจบ นางหันไปมองเด็กชายด้านข้างที่กำลังแยกสมุนไพร เจิ้งอันอ๋องเหลือบสายตามองตามสายตาของนางก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ“เขาเป็นใคร?”“หานอี้”นางตอบพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ท่านนั่งลงก่อนเถิด”เจิ้งอันอ๋องจึงนั่งลงเบื้องหน้านาง ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปสบสาย
ตอนที่ 21 ยาแก้รถม้าค่อย ๆ ชะลอล้อ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าป้ายไม้เก่า ที่เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำ โรงหมอเมืองต้าเฉิงซ่งเหยียนเอ๋อร์แหวกผ้าม่านก้าวลงจากรถม้า ชิงอีรีบก้าวมารับประคองร่างบางของคุณหนูของตนหานอี้ก้าวตามมาชิดด้านหลัง ดวงตากลมโตของเด็กชายกวาดมองรอบ ๆ อย่างสนใจทันทีที่ก้าวล่วงเข้าประตูไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรต้มปนกลิ่นเหงื่อชื้นก็โถมเข้าโสตประสาท เหล่าชาวบ้านนอนเรียงรายบนฟูกฟาง บ้างตัวร้อนจัดจนใบหน้าแดงก่ำ บ้างไอหอบจนหน้าเขียวคล้ำหมอหลวงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นและหมอชาวบ้านในเสื้อผ้าซีดสีเก่า ต่างถือถ้วยยาสมุนไพรเดินส่งให้ผู้ป่วยทีละคน เสียงกระซิบปลอบโยนและเสียงช้อนกระทบถ้วยดังแทรกอยู่ในความวุ่นวายหานอี้กวาดตามองภาพเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดก้าว มือเล็กดึงชายแขนเสื้อซ่งเหยียนเอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… นี่คือโรคไข้พิษจากแมลง”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าลง หันมามองด้วยแววตาสงสัยเด็กชายพยักหน้าช้า ๆ เพื่อย้ำความแน่ใจ“เจ้ารู้จักหรือ”นางเอ่ยถาม“อืม รู้จักสิ ข้าเคยเห็นในตำราของท่านแม่”“แม่!”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ย้ำด้วยใบหน้าแปลกใจ ก่อนจะเ
ตอนที่ 20 โรคระบาดยามซวีจวนเจ้าเมืองต้าเฉิงบานประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแผ่วเบา เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาในห้องของชายาตน กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามสายลมเย็น ภาพเบื้องหน้าคือ ร่างบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ข้างตัวมีตระกร้าไม้เล็กบรรจุผ้าผืนเล็กจำนวนหนึ่งไว้อย่างเป็นระเบียบเขาขยับปิดประตู ก่อนจะก้าวตรงไปหาร่างของนาง เขาหยุดยืนเคียงข้าง ยื่นมือใหญ่หยิบผืนผ้าที่ค้างอยู่ในมือเล็กของนางออกอย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ร่างบางค่อย ๆ ขยับ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงซ่งเหยียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงใหญ่ข้างกายตน แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมชัดของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอุ่นใจ“ท่านอ๋อง… ”นางค่อย ๆ นั่งตัวตรง เก็บผ้าผืนเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะใส่ในตระกร้าอย่างเรียบร้อยเจิ้งอันอ๋องยกผ้าในมือขึ้น ทอดมองก่อนจะเอ่ยถาม“นี่คืออะไร”ซ่งเหยียนเอ๋อร์มองเขา แววตาครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในชาติก่อน ที่นางติดโรคระบาดและได้หมอเทวดาหานซิ่วอิงช่วยไว้ หมอเทวดาผู้นั้นส่วมผ้าปิดครึ่งหน้านี้ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคนางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาผูกที่ใบหน้าตนเอง แล้
ตอนที่19 เมืองต้าเฉิง สายลมอ่อนพัดแผ่ว กระทบผิวกายบอบบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ ผู้ยังหลับอยู่บนรถม้า เสียงล้อบดกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาแลรอบด้วยความฉงนทันใดนั้น ม่านประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงใสของชิงอีสาวใช้คนสนิทดังขึ้นซ่งเหยียนเอ๋อร์เพียงมองนาง ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นปัดม่านหน้าต่างรถม้าออก แล้วทอดสายตาออกไปสำรวจทิวทัศน์ด้านนอก เห็นเรือนชาวบ้านเรียงรายเงียบสงบ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังเดินผ่านไปมา ร้านค้าต่างก็ปิดประตูแน่นนางหันกลับมาถามสาวใช้ของตน“ท่านอ๋องเล่า?”ชิงอีขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง แล้วยื่นห่อผ้าในมือซึ่งอุ่นด้วยกลิ่นซาลาเปาให้คุณหนูของตน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่ให้บ่าวพาท่านกลับมาพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอีก“ที่นี่… คือเมืองต้าเฉิงหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ… เมืองนี้มีผู้ติดโรคระบาดเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”ชิงอีตอบเสียงแผ่วซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ แล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นแล้วยื่นให้ชิ