ตอนที่2 ข้าจะคืนท่าน
จวนตระกูลซ่ง “ซ่งหว่านอวี้!!” เสียงของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ ดังขึ้นอย่างโกรธจัด เพี๊ยะ! ฝ่ามือของนางฟาดลงบนใบหน้าของ ซ่งหว่านอวี้ อย่างแรงจนร่างบางนั้นเซล้มลงกับพื้น แต่ทันใดนั้นเอง ซ่งเหยียนเอ๋อร์พลันชะงัก สะดุ้งเฮือก มือที่เงื้อกลางอากาศค้างอยู่เช่นนั้น แววตานางสั่นระริกด้วยความงุนงง ความคิดและภาพเหตุการณ์กลับไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็ว “นี่… อะไรกัน ข้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ… ” นางกวาดสายตามองรอบตัว เห็นลานในเรือนใหญ่ที่คุ้นเคย ต้นท้อที่เรียงรายริมกำแพง สายลมเย็นพัดโชยมากระทบผิวหน้าอุ่นของตน… ก่อนที่นางจะทันได้ตั้งสติ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “คุณหนู! ท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ!” เสียงนั้นใสแจ๋วและสั่นเล็กน้อยเพราะความรีบร้อน ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันขวับไปตามเสียงนั้น ก่อนจะเห็นใบหน้าสาวใช้น้อยที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ชิงอี… ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในหัวทันที สาวใช้ผู้ภักดีที่ทำเพื่อนาง ถึงกับใช้แรงเฮือกสุดท้ายดันร่างของนางขึ้นจากน้ำลึก แต่พอร่างนางพ้นความมืดใต้น้ำภาพแรกที่เห็นคือสามีที่ตนรักกำลังช่วยสตรีอีกคนอย่างไม่ใยดีนาง น้ำตาร้อนผ่าวรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ชิงอี… ” นางเปล่งออกมาด้วยเสียงสั่น ก่อนจะพุ่งเข้ากอดสาวใช้คนสนิทแน่น น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตางาม “ค… คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ… ” เสียงของชิงอีเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นคุณหนูของตนเองร้องให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วมองรอบตัวอีกครั้ง พลันคิดในใจดูเหมือนนางจะได้ย้อนกลับมา ในวันที่กลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากอภิเษกสมรสกับเจิ้งอันอ๋อง “ท่านอ๋อง!” เสียงใสของชิงอี ดังขึ้นอย่างร้อนรน นางรีบย่อตัวลงคำนับอย่างนอบน้อม ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เจิ้งอันอ๋อง (หลี่เหวินซู่) เดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสงบ เขาก้มตัวประคอง ซ่งหว่านอวี้ ที่ยังอยู่ล้มอยู่ขึ้นมาเบา ๆ มือใหญ่ของเขาช่วยพยุงร่างบางให้ยืนขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อทั้งสองยืนขึ้นแล้ว สายตาคมนั้นก็หันมามอง ซ่งเหยียนเอ๋อร์ แววตานิ่งสงบ แต่ก็มีความตำหนินางอยู่ในนั้น “ซ่งเหยียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายน้องสาวเจ้าถึงเพียงนี้?” ซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ยังไม่ทันพูด เสียงของ ซ่งหว่านอวี้ ก็ดังขึ้นก่อน “ท่านอ๋อง… เป็นความผิดของข้าเอง อย่าตำหนิพี่หญิงเลยเพคะ… ” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยน ริมฝีปากนางเม้มเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ซ่งเหยียนเอ๋อร์ปลายตามองทั้งสอง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วพลางพึมพำเสียงแผ่วเบา “คำพูด แววตา ท่าทางยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด… เฮ่อ… ช่างเถอะ… ” นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจิ้งอันอ๋องตรง ๆ ด้วยแววตาสงบนิ่ง ริมฝีปากเล็กค่อย ๆ ขยับพูดช้า ๆ “ท่านอ๋อง… เราหย่ากันเถอะ… ” เจิ้งอันอ๋องชะงักไปเล็กน้อย มือที่ประคองซ่งหว่านอวี้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาคมนั้นสั่นไหวเล็กน้อยแต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยคำใด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ ก็หันไปหาสาวใช้คนสนิทของตนเองโดยไม่ได้ใส่พวกเขาสองคนอีก “ไปกันเถอะ” นางเปล่งเสียงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ชายกระโปรงสีชมพูอ่อนพลิ้วตามแรงเดิน ชิงอี ที่ยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบพยักหน้า ก่อนจะย่อตัวลงคำนับเจิ้งอันอ๋องอย่างร้อนรนแล้วก้าวตามไปอย่างรีบเร่ง …. ซ่งเหยียนเอ๋อร์ ก้าวเข้ามาในห้องของตนด้วยท่าทีเร่งรีบ เมื่อก้าวพ้นขอบประตูก็เดินตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งทันที มือเล็กรีบเปิดกล่องเครื่องประดับ ค้นหาของบางอย่างอย่างร้อนรน ชิงอีก้าวตามเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นท่าทางของคุณหนูของตน ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “คุณหนู ท่านกำลังหาอะไรหรือเจ้าคะ?” “หยกคู่… ” ซ่งเหยียนเอ๋อร์ตอบโดยไม่หันกลับไปมอง มือเล็กยังคงค้นในกล่องเครื่องประดับที่วางเรียงราย เสียงเครื่องประดับกระทบกันดังขึ้นแผ่วเบา ซ่งเหยียนเอ๋อร์ ถอนหายใจออกมาอย่างครุ่นคิด เมื่อไม่พบสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ สายตาพลันเหลือบไปมองที่เตียงนอนแล้วแล้วก็ก้าวตรงไปทันที มือเล็กค่อย ๆ ยกหมอนขึ้นดู แล้วค้นหาบริเวณรอบ ๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างครุ่นคิดแล้วทรุดกายลงนั่งบนขอบเตียง ใบหน้างามเต็มไปด้วยความร้อนใจ ริมฝีปากขยับพึมพำเบา ๆ “หายไปไหนนะ… ” ชิงอี ยกกาน้ำชา รินน้ำชาอุ่นใส่ถ้วยชาเบา ๆ กลิ่นชาหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่วห้อง ก่อนที่นางจะยื่นถ้วยชาไปให้คุณหนูของตนเอง ซ่งเหยียนเอ๋อร์รับถ้วยชาเล็กมา ดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะส่งถ้วยคืนให้ ชิงอีรับถ้วยมา ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว “หรือ ท่านเก็บไว้ที่จวนอ๋องหรือไม่เจ้าคะ… ” ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อืม… จริงด้วย… ที่จวนอ๋อง… ” นางพึมพำเสียงแผ่ว ก่อนจะลุกขึ้นทันที มือเรียวยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย เตรียมก้าวออกจากห้อง “งั้น… กลับจวนอ๋องกัน… ” สิ้นคำพูด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก็หมุนตัวก้าวออกจากห้องทันที ชิงอียืนชะงักด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ แล้วก้าวตามไปอย่างรีบร้อน “คุณหนู รอด้วยเจ้าค่ะ… ”ตอนที่ 24 ซ่งหว่านอี้แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าจนเกิดแสงสีทองตกกระทบลงบนใบหน้าของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตนเองกับหานอี้ถูกมัดแน่นไว้กับเสาไม้ ร่างกายอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงหานอี้ที่เพิ่งได้สติก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนเปล่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… ”ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมองเด็กชายข้างกายแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน หากน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ไม่ต้องกลัว… ท่านอ๋องต้องมาช่วยเราแน่”หานอี้พยักหน้าเบา ๆ ในขณะนั้น ซ่งหว่านอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างดูแคลนไม่ใยดีซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมาทางนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ซ่งหว่านอี้… เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”ซ่งหว่านอี้มิได้ตอบในทันที หากยกมีดเล่มเล็กขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบคมมีดช้า ๆ ใบหน้าราบเรียบ แววตาแฝงไปด้วยความอำมหิต นางก้าวอ้อมมายืนตรงหน้าของทั้งสองหานอี้จ้องมองนาง เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วพี่ชายข้าล่ะ… หานมู่ เขาอยู่ที่ใด!”ซ่งหว่านอี้คลี่ยิ้มจาง สีหน้าเย็นชาจนน่าสะพรึง“หานมู่หรือ”นางพึมพำชื่อออกมา ก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ ก่อนจ
ตอนที่23 กลับเมืองหลวง จวนเจิ้งอันอ๋องณ สวนหลังจวน ดอกโบตั๋นผลิบานละลานตา สีชมพูแดงอร่ามราวเนรมิตขึ้นจากภาพวาด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม โดยมีชิงอีสาวใช้คนสนิทติดตามไม่ห่าง นางเดินตรงไปยังศาลาไม้กลางสวน ภายในศาลานั้นมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาก้มหน้าก้มตา วาดภาพอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างตัวเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้า มองภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเป็นเค้าโครงใบหน้าใครบางคน นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ“เจ้ากำลังวาดรูปผู้ใดอยู่หรือ”ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวเข้ามายกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่ถ้วยชาใบเล็ก แล้ววางถ้วยชานั้นอย่างนุ่มนวลลงเบื้องหน้าซ่งเหยียนเอ๋อร์หานอี้เงยหน้า ตอบอย่างตั้งใจ“ข้ากำลังวาดรูปพี่ชายข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ยังหาเขาไม่พบ ข้าคิดว่าถ้าวาดรูปเขาออกมาชัด ๆ เวลาออกตามหาอาจง่ายขึ้นกว่าเดิม”ซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“อืม”หานอี้วางพู่กันลง ก่อนจะหยิบภาพขึ้นยื่นให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว“พี่เหยียนเอ๋อร์ ท่านลองดูหน่อย… คุ้นหรือไม่”ซ่งเหยียนเอ
ตอนที่ 22 ทำลายโรคระบาดเจิ้งอันอ๋องก้าวเข้าสู่โรงหมอ โดยมีเจ้าเมืองต้าเฉิง หมอหลวงหยางซุน และทหารองค์รักษ์อีกสามนายติดตามมาด้วยเมื่อก้าวล่วงถึงประตูด้านใน กลิ่นอสมุนไพรขมปร่าก็ลอยมาแตะจมูก ผู้ป่วยต่างต่อแถวยาวเพื่อรอลงอ่างน้ำยาสมุนไพรต้ม ชาวบ้านต่างช่วยกันยกถังยาสมุนไพรและตัดแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้นซ่งเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่โต๊ะไม้ เงยหน้ามาเห็นพระสวามีของตนก็ยกมือเล็กขึ้นโบกเบา ๆ ดวงหน้ายิ้มระเรื่อ“ท่านอ๋อง”เจิ้งอันอ๋องได้ยินเสียงนั้นจึงหันไป ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้างามที่กำลังยิ้มแย้มของชายาตน แล้วก้าวตรงไปหานาง เพียงไม่นานร่างสูงของเขาก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางซ่งเหยียนเอ๋อร์ส่งยิ้มบางให้พลางยื่นใบสั่งยาที่เขียนมาใหม่ให้แก่เขา“ท่านดูสิ… ตำรับยาใหม่นี้ ใช้ได้ผลดีทีเดียว”กล่าวจบ นางหันไปมองเด็กชายด้านข้างที่กำลังแยกสมุนไพร เจิ้งอันอ๋องเหลือบสายตามองตามสายตาของนางก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ“เขาเป็นใคร?”“หานอี้”นางตอบพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ท่านนั่งลงก่อนเถิด”เจิ้งอันอ๋องจึงนั่งลงเบื้องหน้านาง ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปสบสาย
ตอนที่ 21 ยาแก้รถม้าค่อย ๆ ชะลอล้อ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าป้ายไม้เก่า ที่เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำ โรงหมอเมืองต้าเฉิงซ่งเหยียนเอ๋อร์แหวกผ้าม่านก้าวลงจากรถม้า ชิงอีรีบก้าวมารับประคองร่างบางของคุณหนูของตนหานอี้ก้าวตามมาชิดด้านหลัง ดวงตากลมโตของเด็กชายกวาดมองรอบ ๆ อย่างสนใจทันทีที่ก้าวล่วงเข้าประตูไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรต้มปนกลิ่นเหงื่อชื้นก็โถมเข้าโสตประสาท เหล่าชาวบ้านนอนเรียงรายบนฟูกฟาง บ้างตัวร้อนจัดจนใบหน้าแดงก่ำ บ้างไอหอบจนหน้าเขียวคล้ำหมอหลวงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นและหมอชาวบ้านในเสื้อผ้าซีดสีเก่า ต่างถือถ้วยยาสมุนไพรเดินส่งให้ผู้ป่วยทีละคน เสียงกระซิบปลอบโยนและเสียงช้อนกระทบถ้วยดังแทรกอยู่ในความวุ่นวายหานอี้กวาดตามองภาพเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดก้าว มือเล็กดึงชายแขนเสื้อซ่งเหยียนเอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… นี่คือโรคไข้พิษจากแมลง”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าลง หันมามองด้วยแววตาสงสัยเด็กชายพยักหน้าช้า ๆ เพื่อย้ำความแน่ใจ“เจ้ารู้จักหรือ”นางเอ่ยถาม“อืม รู้จักสิ ข้าเคยเห็นในตำราของท่านแม่”“แม่!”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ย้ำด้วยใบหน้าแปลกใจ ก่อนจะเ
ตอนที่ 20 โรคระบาดยามซวีจวนเจ้าเมืองต้าเฉิงบานประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแผ่วเบา เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาในห้องของชายาตน กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามสายลมเย็น ภาพเบื้องหน้าคือ ร่างบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ข้างตัวมีตระกร้าไม้เล็กบรรจุผ้าผืนเล็กจำนวนหนึ่งไว้อย่างเป็นระเบียบเขาขยับปิดประตู ก่อนจะก้าวตรงไปหาร่างของนาง เขาหยุดยืนเคียงข้าง ยื่นมือใหญ่หยิบผืนผ้าที่ค้างอยู่ในมือเล็กของนางออกอย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ร่างบางค่อย ๆ ขยับ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงซ่งเหยียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงใหญ่ข้างกายตน แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมชัดของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอุ่นใจ“ท่านอ๋อง… ”นางค่อย ๆ นั่งตัวตรง เก็บผ้าผืนเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะใส่ในตระกร้าอย่างเรียบร้อยเจิ้งอันอ๋องยกผ้าในมือขึ้น ทอดมองก่อนจะเอ่ยถาม“นี่คืออะไร”ซ่งเหยียนเอ๋อร์มองเขา แววตาครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในชาติก่อน ที่นางติดโรคระบาดและได้หมอเทวดาหานซิ่วอิงช่วยไว้ หมอเทวดาผู้นั้นส่วมผ้าปิดครึ่งหน้านี้ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคนางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาผูกที่ใบหน้าตนเอง แล้
ตอนที่19 เมืองต้าเฉิง สายลมอ่อนพัดแผ่ว กระทบผิวกายบอบบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ ผู้ยังหลับอยู่บนรถม้า เสียงล้อบดกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาแลรอบด้วยความฉงนทันใดนั้น ม่านประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงใสของชิงอีสาวใช้คนสนิทดังขึ้นซ่งเหยียนเอ๋อร์เพียงมองนาง ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นปัดม่านหน้าต่างรถม้าออก แล้วทอดสายตาออกไปสำรวจทิวทัศน์ด้านนอก เห็นเรือนชาวบ้านเรียงรายเงียบสงบ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังเดินผ่านไปมา ร้านค้าต่างก็ปิดประตูแน่นนางหันกลับมาถามสาวใช้ของตน“ท่านอ๋องเล่า?”ชิงอีขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง แล้วยื่นห่อผ้าในมือซึ่งอุ่นด้วยกลิ่นซาลาเปาให้คุณหนูของตน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่ให้บ่าวพาท่านกลับมาพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอีก“ที่นี่… คือเมืองต้าเฉิงหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ… เมืองนี้มีผู้ติดโรคระบาดเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”ชิงอีตอบเสียงแผ่วซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ แล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นแล้วยื่นให้ชิ