ลั่วจินหยางรีบวิ่งเข้ามาหาลั่วหนิงฮวาด้วยความดีใจ เขาสำรวจดูน้องสาวของตนอย่างพิจารณา คล้าย ๆ กับว่านางจะผอมลงไปไม่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้น ใจของลั่วจินหยางก็ให้เจ็บปวดยิ่งนัก
แต่ไหนแต่ไรมาเขามิค่อยได้อยู่จวนเท่าใดนัก จึงอาจจะดูห่างเหินกับน้องสาวผู้นี้ไปไม่น้อย แต่ถึงแม้จะใช้ชีวิตอยู่นอกจวนเป็นส่วนมาก แต่เขาเองก็รู้เรื่องที่ลั่วหนิงฮวาถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง เขานึกเจ็บใจไม่น้อย หากเขาได้สืบทอดจวนต่อจากท่านพ่อเมื่อใด เขาจะต้องปกป้องลั่วหนิงฮวาให้จงได้
"พี่ใหญ่"
"หนิงเอ๋อร์ พี่ผิดต่อเจ้ายิ่งนัก พี่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้"
ลั่วจินหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างจริงใจ ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป
นางสัมผัสได้ถึงความห่างเหินระหว่างพี่น้องคู่นี้ แต่จะไปว่าลั่วจินหยางอยู่ในสนามสงครามเสียส่วนใหญ่ เรื่องนี้นางเข้าใจดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย อย่างไรเสียนางก็ยังมีพี่ชายร่วมมารดาหลงเหลืออยู่ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไปเถิด
นางมิใช่สตรีที่เย่อหยิ่งจองหองอันใดเหล่านั้น
"ช่างเถิด ว่าแต่พี่ใหญ่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ"
ลั่วจินหยางที่ได้ยินน้องสาวของตนเอ่ยถามเช่นนี้ก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวให้นางฟัง เขาเพียงเล่าแค่บางส่วนเท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องที่ถูกนักฆ่าตามเอาชีวิตเขาไม่มีทางเล่าให้นางฟัง
โจวอวี้หลันเห็นว่ารถม้าจอดนานเกินไปแล้ว นางจึงก้าวเดินลงมาจากรถม้า ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ลั่วจินหยางและลั่วหนิงฮวาเล็กน้อย
"ที่นี่น่ะหรือ?"
โจวอวี้หลันมองบ้านสภาพเก่าตรงหน้าก่อนจะทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย
"หนิงเอ๋อร์ นี่คือองค์หญิงโจวอวี้หลัน"
"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"
ลั่วหนิงฮวาทำความเคารพโจวอวี้หลันอย่างนอบน้อม แต่ทว่าใบหน้ากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม มีเพียงความเฉยชาและไร้ความรู้สึกบนใบหน้าสวยของนาง
โจวอวี้หลันมิใช่คนที่ถือตนอันใด นางจึงไม่ใส่ใจมากนัก เมื่อหันไปมองเหล่าจางสงที่กำลังเดินกลับมาจากไปฝังสุรา ก็ขมวดคิ้วมุ่น
"นี่เป็นคนของเจ้าหรือ?"
"เพคะ ลูกน้องหม่อมฉันเอง"
"ลูกน้อง?"
"เพคะ พวกเขามาช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงอย่าทรงใส่พระทัยเลยเพคะ ยามนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เชิญเสด็จประทับด้านในก่อนเถอะเพคะ ข้างในอาจจะคับแคบไปบ้าง ขออย่าทรงถือสานะเพคะ"
"ไม่เป็นไร ข้าอยู่ได้ รองแม่ทัพลั่ว ไปพาอาเฉินลงมาเถิด"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ลั่วหนิงฮวาสั่งให้แม่นมหยางและซือลี่พาองค์หญิงเข้าไปพักผ่อนด้านในเสียก่อน ส่วนนางกำลังจ้องมองไปที่ร่างของบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นก็มองมาที่นางเช่นกัน
เขาสวมชุดสีเขียวทั้งชุด ดูทรงเสน่ห์และน่าค้นหาไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาแฝงเอาไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาเจาะหูทั้งสองข้าง ยิ่งขับให้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับเซียนสวรรค์
จะว่าผีก็มิใช่ วิญญาณก็ไม่เชิง
เมื่อได้เห็นร่างของบุรุษที่ลั่วจินหยางและทหารอีกสามนายนำลงมาจากรถม้า ลั่วหนิงฮวาก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง
บุรุษผู้นั้นวิญญาณหลุดออกมาจากร่างสินะ!!!
เฮ้อ!!! นี่นางเจอผีอีกแล้ว ดูนั่นสิ นั่นคงเป็นเหล่าทหารที่ตายระหว่างทางเป็นแน่ สภาพแต่ละคนช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่ยังคงจงรักภักดีตามมาส่งนายของตนอีก
น่าเวทนายิ่งนัก!
ลั่วจินหยางไม่ได้บอกนางทั้งหมดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ทว่าดูจากสภาพวิญญาณทหารพวกนั้นแล้ว ระหว่างทางคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่
โจวอี้เฉินจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก นางรวบผมเก็บอย่างลวก ๆ ใบหน้าสวยหวานแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชา ชุดสีเขียวไม้ไผ่ยิ่งขับเน้นให้นางดูงดงามสบายตากว่าสตรีใดที่เขาเคยเจอเสียอีก
โจวอี้เฉินในยามที่ยังมีชีวิต เขาหลงมัวเมาในสตรีอย่างไม่ลืมหูลืมตา สตรีใดที่ว่างดงามล่มเมืองเขาล้วนเคยเห็นมาจนหมด
แต่กลับไม่มีใครงดงามเท่านางเลย
ลั่วหนิงฮวาเมื่อรู้ตัวว่าถูกโจวอี้เฉินจ้องมองก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่ทว่าใจของนางกลับเต้นไม่เป็นส่ำ
เกิดมาเพิ่งเคยเจอผีหล่อขนาดนี้!
โจวอี้เฉินยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก ก่อนจะพุ่งเข้าไปปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของลั่วหนิงฮวาอย่างรวดเร็ว ลั่วหนิงฮวาสะดุ้งตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าว
"น้องสาวเห็นพี่ชายด้วยหรือ?"
ลั่วหนิงฮวา "..."
"น้องสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ข้ามิเคยเห็นสตรีใดงดงามเท่าเจ้ามาก่อน"
ลั่วหนิงฮวานึกยิ้มเยาะในใจ ช่างหน้าหม้อหน้าด้านยิ่งนัก ขนาดกลายเป็นผีแล้วยังไม่ละตัณหา
"ดูท่าแล้ว ท่านคงจะตายเพราะสตรีมาสินะ"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปในทันที ดวงตาคมฉายแววเย็นชา ก่อนจะเอ่ยกับลั่วหนิงฮวาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
"เจ้ารู้ได้เช่นไร?"
"เหอะ เจ้าชู้ตัณหากลับเช่นนี้ ส่วนมากจะตายเพราะสตรีทั้งนั้น ข้าเดาถูกหรือไม่?"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นความโกรธเคืองในคราแรกก็หายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่ยั่วเย้า
"พี่ชายยังไม่ตาย เพียงแค่ออกมาเที่ยวเล่นชั่วคราวเท่านั้น หากน้องสาวไม่รังเกียจ..."
"ข้ารังเกียจ ข้าไม่ชอบผีตัณหากลับ"
"น้องสาวอย่าเพิ่งไป พี่ชายไม่กวนใจเจ้าก็ได้ แต่พี่ชายมีข้อแลกเปลี่ยน"
"แลกเปลี่ยนสิ่งใด"
"พี่ชายเป็นถึงองค์รัชทายาท ในเมื่อน้องสาวเห็นพี่ชายแล้ว ก็เมตตาช่วยเหลือพี่ชายสักคราเถิด"
"ช่วยเช่นใด?"
"ช่วยข้าให้หาทางกลับเข้าร่างให้ได้ หากเจ้าทำได้ พี่ชายจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วหนิงฮวาก็จ้องมองโจวอี้เฉินอย่างพิจารณา
ตอบแทนอย่างงาม?
เอาจริง ๆ นางก็มิใช่คิดจะหวังผลตอบแทนอะไรจากเขา
แต่ถ้าได้ตั๋วเงินสักหมื่นตำลึงก็คงจะดีไม่น้อย ยามนี้นางขาดแคลนเงินทองยิ่งนัก
"น้องสาว"
"ข้าไม่รับปากว่าจะช่วยได้หรือไม่?"
"ห้าพันตำลึง"
"เฮ้อ เริ่มเห็นเค้าราง ๆ แล้ว แต่ยังนึกวิธีไม่ออก"
"หมื่นตำลึง"
"โอ๊ย อย่ากดดันข้า แต่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว"
โจวอี้เฉินรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สตรีน้อยนางนี้ช่างหน้าเงินยิ่งนัก
"ห้าหมื่นตำลึง!!!"
"ก็ได้ แต่ขอข้าคิดหาวิธีก่อนนะ ยามนี้ข้ายังต้องรักษาใบหน้าอัมพาตของตนอีก คงช่วยท่านได้ไม่มากนัก"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจเรื่องราวตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
ที่แท้แล้วที่นางไม่ยิ้มแย้มไม่แสดงท่าทีใดใดก็เพราะนางเป็นโรคอัมพาตที่ใบหน้าหรอกหรือ
ช่างเถิด ตรงนั้นไม่เป็นอัมพาตก็ดีมากแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงส่งยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ยตอบ
"เอาเถิด ข้ารอได้ พี่ชายเชื่อว่าที่เราได้พานพบกันในครานี้เป็นเพราะมีวาสนาร่วมกัน"
วาสนากับผีน่ะสิ!!!
"ก็ดี อย่าลืมเล่า หากข้าทำสำเร็จแล้วเจ้าไม่ยอมทำตามที่พูด ต่อให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาท ข้าก็ไม่ละเว้น!!!"
"พี่ชายรู้แล้ว รบกวนน้องสาวด้วย"
"เลิกเรียกข้าแบบนี้เสียที"
"เช่นนั้นให้เรียกเช่นไร?"
"หนิงเอ๋อร์"
"ข้าชื่อโจวอี้เฉิน เรียกอาเฉินก็ได้ หรือเจ้าอยากจะเรียก สามี ก็ได้"
มารดามันเถอะ!!!
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองโจวอี้เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา โจวอี้เฉินเองก็ส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย
ยามนี้มีคนที่สามารถสื่อสารกับเขาได้แล้ว อย่างไรเสียการผูกมิตรกับนางย่อมเป็นประโยชน์กับเขา
อากาศเริ่มเย็นลงทุกขณะ ลั่วหนิงฮวาสวมเพียงเสื้อผ้าบางเบา นางก้มลงไปปัดเศษใบหญ้าที่ติดตรงชายกระโปรง ทำให้โจวอี้เฉินที่ยืนอยู่มองเห็นหน้าอกที่ใหญ่ทะลักของนางได้เต็มสายตา
โจวอี้เฉินซู้ดปากด้วยความเสียวสะท้าน เขาจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งลั่วหนิงฮวาเงยหน้าขึ้นมาพอดี จึงรู้ว่าเขากำลังมองหน้าอกของนางอยู่
ผีทะเล!!!
เพราะโจวอี้เฉินเพ่งมองหน้าอกของลั่วหนิงฮวาอย่างตั้งใจ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจึงหลุดออกมาจากเบ้าทันที
ลั่วหนิงฮวาที่เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไม่น้อย แต่กลับแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูโจวอี้เฉินหยิบลูกตาของตนเองทั้งสองข้างยัดเข้าเบ้าตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บัดซบ!!! นี่นางกำลังเจอสิ่งใดอยู่กัน
อีกด้านหนึ่ง โจวอวี้หลันกับลั่วจินหยางกำลังช่วยกันประคองโจวอี้เฉินลงบนเตียง ทันทีที่วางร่างของโจวอี้เฉินลง ท่อนเอ็นลำมังกรของโจวอี้เฉินก็พลันแข็งชูชันขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
โจวอวี้หลันและลั่วจินหยางต่างหันมาสบตากันด้วยความเลิ่กลั่ก
โจวอวี้หลันทำได้เพียงครุ่นคิดในใจ
ขนาดป่วยปางตายยังแข็งขนาดนี้ได้อีกหรือ?
นางพยายามไล่ความคิดบ้า ๆ นี้ออกไป ก่อนจะหันไปพบกับลั่วจินหยางที่ยืนหนีบขาอยู่ โจวอวี้หลันขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"รองแม่ทัพลั่ว ท่านเป็นอันใดหรือ เหตุใดจึงยืนหนีบขาเช่นนั้นเล่า?"
"เอ่อ..."
"รองแม่ทัพลั่ว"
"กระหม่อมแข็งพ่ะย่ะค่ะ"
"สิ่งใดแข็ง?"
ลั่วจินหยางใบหน้าแดงระเรื่อ เมื่อถูกโจวอวี้หลันคาดคั้น เขาจึงถอดกางเกงให้นางดูทันที
"สิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ"
โจวอวี้หลัน "..."
ปัง!!!
เสียงประตูดังคล้ายถูกบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง เมื่อลั่วหนิงฮวาหันไปมองก็พบกับลั่วจินหยางที่กระเด็นออกมาจากเรือนของนาง
แน่นอนว่าโจวอวี้หลันเป็นคนถีบเขาออกมาเอง
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้