เกือบค่อนคืนที่แม่นมหยางและซือลี่ร่ำไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ ร่างของลั่วหนิงฮวายังคงนอนอยู่บนเตียง เนื้อกายของนางยังคงอุ่นราวกับยังไม่ได้เสียชีวิต แม้ใบหน้าสวยซีดเผือดลงไปไม่น้อย แต่ทว่ามิอาจทำให้ความงามของนางลดลงไปได้เลยแม้แต่น้อย
"แม่นม ข้าจะไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้คุณหนู ฮือ"
"เจ้าไปเถิด"
แต่ทว่าซือลี่ยังไม่ทันจะก้าวเดินออกไป นางก็หันไปพบกับร่างของลั่วหนิงฮวาที่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนเสียก่อน
"ผะ ผี คุณหนู!!!"
ซือลี่กรีดร้องออกมาสุดเสียงจนแม่นมหยางที่นั่งเหม่อลอยสะดุ้งตัวโยน
ภาพที่นางเห็นคือลั่วหนิงฮวาลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ใบหน้าของนางเรียบเฉยอีกทั้งยังไร้สีเลือด ริมฝีปากขาวซีด ดวงตาที่เรียบเฉยจ้องมองแม่นมหยางและซือลี่อย่างไร้แวว
"อ๊า อย่าหลอกบ่าวเลยเจ้าค่ะคุณหนู!!!"
แม่นมหยางและซือลี่ขยับไปนั่งกอดกันที่มุมห้อง ด้านลั่วหนิงฮวาที่เพิ่งจะตั้งสติได้ จึงหันไปมองโดยรอบคราหนึ่ง ก่อนจะมองมาที่แม่นมหยางและซือลี่อีกครา
ภาพที่นางค่อย ๆ หันหน้ามาช้า ๆ ทำให้แม่นมหยางและซือลี่แทบจะหยุดหายใจ
คุณหนูช่างน่ากลัวยิ่งนัก!!!
"อ๊าาาาาา!!! ผี คุณหนู!!!"
ซือลี่ตะโกนจนสุดเสียง ลั่วหนิงฮวาถึงกับขมวดคิ้วมุ่น นางพยายามตั้งสติ ก่อนจะทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาให้ชัด ๆ
นางขับรถตกน้ำแล้วก็ตาย หลังจากนั้นก็ได้พบกับผีสาวที่พุ่งเข้ามาหานาง จากนั้นนางก็ตื่นมาอยู่ที่นี่
ที่ไหนวะ?
นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!!!
เดี๋ยวก่อนใครเป็นผี?
ลั่วหนิงฮวาก้มลงมองร่างกายของตนเอง ยามนี้นางสวมชุดสีเขียวไม้ไผ่บางเบาเฉกเช่นเดียวกับสตรีผีนางนั้น
ภาพความทรงจำของร่างเดิมหมุนวนปรากฏขึ้นมาอีกครา ในห้วงความคิดของลั่วหนิงฮวา ยามนี้นางจึงได้สติชัดเจน
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ลั่วหนิงฮวา สตรีที่มีใบหน้าและชื่อคล้ายกับนางไม่มีผิดแม้แต่ตัวอักษรเดียว อีกทั้งยังมีชีวิตรันทดอย่างน่าอนาถ
เจ้า แก้แค้นให้ข้าด้วย!!!
เสียงพูดของลั่วหนิงฮวาคนเก่ายังวนเวียนอยู่ในความคิดของนาง ลั่วหนิงฮวาหลับตาลงก่อนจะสบถออกมาอย่างสุดจะทน
"ให้มีชีวิตอีกรอบ ทำไมเฮงซวยแบบนี้วะ!!!"
แม่นมหยางและซือลี่ที่ได้ยินคำพูดแปลกประหลาดจากปากของนายตนก็หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาได้
คุณหนูยังไม่ตายหรือ!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแม่นมหยางและซือลี่จึงรีบวิ่งเข้าไปกอดลั่วหนิงฮวาพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาทันที
ลั่วหนิงฮวาไม่ได้ต่อต้านใดใด ความรู้สึกของร่างเดิมบอกกับนางว่า สตรีชราและสตรีน้อยนางนี้หวังดีกับนางยิ่งนัก
ลั่วหนิงฮวาถอนหายใจออกมาอย่างคนปลงไม่ตก จะให้ทำเช่นใดได้เล่า ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ไปแล้ว คงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม แล้วค่อย ๆ คิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสภาพทุเรศนี่ให้ได้
"แม่นม ข้าหิวแล้ว"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า ร่างกายนี่อ่อนแอเกินไป คงต้องเพิ่มกำลังเสียหน่อย จะปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ต่อไปคงจะไม่ดีเท่าใดนัก
แม่นมหยางและซือลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นไปหาอาหารมาให้นางกินทันที
ผ่านไปครู่หนึ่งถ้วยชามอาหารก็มาถึง
อาหารตรงหน้าทำให้ลั่วหนิงฮวาอยากกลั้นใจตายอีกรอบ
ข้าวต้มเกลือ?
แม่นมหยางที่เห็นสีหน้าของลั่วหนิงฮวาไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"เอ่อ คุณหนู บ่าวมิได้นำงานปักไปขายจึงมีให้กินเพียงเท่านี้ เอ่อ..."
"ช่างเถิด!!! ข้ากินได้ แต่ชามนี้มันน้อยไป เอามาหมดหม้อเลย"
แม่นมหยางที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันขวับไปมองลั่วหนิง ฮวาทันที
แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูมักจะกินน้อยมาโดยตลอด
ลั่วหนิงฮวารับรู้ได้ถึงสายตาของแม่นมหยางจึงหันไปมองนางทันที
"ข้ากินเยอะไม่ดีหรือ?"
"ดีเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ ซือลี่ดูแลคุณหนูด้วย!!!'
"เจ้าค่ะ"
ไม่นานนักข้าวต้มเกลือก็หมดหม้อเพราะลั่วหนิงฮวากินเข้าไปด้วยความหิวโหย นางเรอออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
กินประทังชีวิตไปก่อนเถิด ดีกว่าต้องตายอีกรอบ!!!
ลั่วหนิงฮวาล้มตัวลงนอนเอาแรงอีกครั้ง ก่อนจะคิดถึงช่วงชีวิตในชาติภพก่อน
แม้นางจะเป็นลูกสาวตระกูลร่ำรวย แต่กลับเป็นคนที่ไม่ถือตน กินง่ายอยู่ง่าย อีกทั้งยังเก่งกาจฉลาดหลักแหลม วิชาการต่อสู้ก็เรียนมาครบ เพราะเป็นลูกสาวคนโตเพียงคนเดียว พ่อแม่จึงส่งนางไปเรียนรู้ทุกอย่าง นางจึงค่อนข้างเข้าใจการใช้ชีวิตกว่าผู้หญิงในวัยเดียวกันมากนัก
เฮ้อ! คิดแล้วจะได้สิ่งใดขึ้นมากันเล่า ยามนี้สิ่งที่นางจะต้องทำ ก็คือรักษาร่างกายนี้ให้แข็งแรง และหาทางกลับไปยังจวนตระกูลลั่ว เพื่อแก้แค้นให้สตรีผีนางนั้นตามที่สัญญากันเอาไว้ เผื่อว่านางจะได้มีหนทางกลับโลกปัจจุบันสักวันหนึ่ง
เหตุใดนางจึงยอมตกลงน่ะหรือ ก็เพราะยามนี้ร่างนี้เป็นของนางแล้ว และนางจะไม่ยอมลำบากเป็นแน่
ลั่วหนิงฮวารู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงหลับตาลง ยามนี้อากาศค่อนข้างหนาว แต่ทว่าลั่วหนิงฮวากลับชื่นชอบยิ่งนัก แม้ร่างนี้จะอ่อนแอไปบ้าง แต่อีกไม่นานคงจะปรับชินกับนางได้
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้