เกือบหนึ่งคืนเต็มที่ลั่วหนิงฮวานอนพักเอาแรง ยามตื่นเช้ามาในอีกวันหนึ่ง นางก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
แม่นมหยางนำยาต้มที่มีรสชาติขมมาให้นางดื่ม ลั่วหนิง ฮวาพยายามกลั้นใจกลืนยาถ้วยนั้นลงคอไปอย่างยากลำบากและสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกเวทนาตนเองยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ
นางเพิ่งรู้ว่าร่างนี้มีใบหน้าเป็นอัมพาตเพราะถูกวางยาพิษ ไม่ว่านางจะหัวเราะ ดีใจ ร้องไห้ ก็มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น นั่นก็คือใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด
มารดามันเถอะ!!! อย่างกับเพิ่งฉีดโบท็อกมาใหม่ ๆ
เอ๊ะ? อะไร ถอก ถอก นะ?
ช่างเถิด!
ลั่วหนิงฮวาไล่ความคิดบ้าบอนี่ออกจากหัว แล้วจึงเดินออกมาจากนอกเรือนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ยามนี้สีหน้าของนางดีขึ้นมากแล้ว นางเดินออกมาสำรวจสถานที่ภายนอก ก่อนจะหรี่ตาจ้องมองลำธารสายน้ำใสเบื้องหน้า ฉับพลันแววตาคู่สวยก็ทอประกาย
ในน้ำมีปลา
ลั่วหนิงฮวายกยิ้มที่มุมปาก แต่เพราะใบหน้าของนางตายด้านไปแล้ว ยามยิ้มจึงเหมือนคนกำลังแสยะยิ้มในขณะที่สีหน้านิ่งเฉย
บัดซบ!!! รู้สึกน่าเกลียดอะไรเช่นนี้
"คุณหนูจะทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ"
ซือลี่กำลังจะนำผ้าออกมาซัก แต่กลับเห็นลั่วหนิงฮวากำลังใช้มีดเหลาไม้ให้เป็นปลายแหลม นางจึงรีบวิ่งเข้าไปถามทันที ลั่วหนิงฮวาเอ่ยตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามามองซือลี่เลยแม้แต่น้อย
"ข้าจะจับปลา"
"จับปลา!!!"
ซือลี่รู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก คุณหนูน่ะหรือจะมีความสามารถจับปลาได้ นางบอบบางยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
ลั่วหนิงฮวาไม่ได้ใส่ใจสายตาของซือลี่ที่มองมาเท่าใดนัก นางถือไม้ปลายแหลมเดินไปที่แม่น้ำ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นสูง ดวงตาคู่สวยที่แสนจะเย็นชาจ้องมองไปยังใต้ผืนน้ำเบื้องหน้า ก่อนจะใช้ไม้ปักลงไปใต้ผิวน้ำ ฉับพลันก็ยกขึ้นมา ปรากฏว่ามีปลาตัวใหญ่ติดไม้มาด้วย ซือลี่ที่เห็นเช่นนั้นก็ตบมือดีใจยกใหญ่
ลั่วหนิงฮวารู้สึกพึงพอใจไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมานางชอบท่องเที่ยวในป่า วิชาเอาตัวรอดนางก็มีไม่น้อย เรื่องเพียงเท่านี้ไม่น่าตื่นเต้นสำหรับนางเท่าใดนัก
"ซือลี่ เจ้าไปบอกแม่นมหยางให้นำถาดมาใส่ปลาพวกนี้เร็วเข้า"
"เจ้าค่ะ!!!"
ซือลี่วิ่งออกไปแล้ว ยามนี้จึงเหลือเพียงลั่วหนิงฮวาที่ยืนมองปลาหลายสิบตัวที่นางจับมาได้บนพื้นหญ้า
ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงหัวเราะเย็นเยียบของใครบางคนลอยมาตามสายลม ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นแม้จะนึกสงสัย แต่ทว่าใบหน้ายังคงเรียบเฉย
"ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ เจ้าเห็นข้าใช่หรือไม่?"
อยู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของสตรีผีนางหนึ่งตรงหน้าของลั่วหนิง ฮวา ใบหน้าของมันซีดขาว ไม่มีดวงตาสีดำมีเพียงตาสีขาวโพลน มันแสยะยิ้มให้ลั่วหนิงฮวาราวกับต้องการจะหลอกหลอนให้นางตกใจ แล้วจึงแลบลิ้นยาว ๆ ออกมาตรงหน้านาง
ลั่วหนิงฮวาถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นางเจอผีแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน จากแรกเริ่มเดิมทีที่หวาดกลัวจนจิตตก ยามนี้กลับมิสนใจเสียแล้ว
"มีเรื่องอันใดหรือ?"
ผีสาวชะงักไปคราหนึ่ง ก่อนจะมองลั่วหนิงฮวาด้วยสายตาครุ่นคิด
"เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?"
ลั่วหนิงฮวาปรายตามองผีตนนั้นอย่างเบื่อหน่าย
"ผีอย่างเจ้าข้าเห็นจนชินตาแล้ว กรุณาเก็บลิ้นของเจ้าเสีย น่าขยะแขยงที่สุดแล้วไสหัวไปไกล ๆ ข้าเสีย อย่ามารบกวนข้า มิเช่นนั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกมาทิ้งเสีย!!!"
"แม่นาง"
"อย่าให้ข้าโมโห!!!"
ข้าโมโหข้าวิ่งนะ!!!
ผีสาวสะดุ้งตกใจจนตัวโยน ให้ตายเถิด แทนที่สตรีน้อยนางนี้จะกลัวผี กลับเป็นผีที่กลัวนางแทน
"ข้าเพียงเห็นว่าเจ้ามองเห็นข้าจึงแวะมาทักทาย"
"ไสหัวไป! ข้าไม่ชอบคบผีเป็นเพื่อน"
"ก็ได้ ก็ได้ ข้าอยู่แถว ๆ นี้ หากเจ้าต้องการ..."
"ไม่ต้องการ"
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผีตนนั้นด้วยความเย็นชา ผีสาวไม่กล้าโต้เถียงกับนางอีกจึงหายไปโดยเร็ว
แม่นมหยางที่เดินเข้ามาพร้อมกับภาชนะใส่ปลา เมื่อมองเห็นปลาตรงหน้าก็ตกใจไม่น้อย
คุณหนูของนางจับปลาเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน?
"คุณหนู ข้างนอกอากาศหนาวยิ่งนัก เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเจ้าคะ"
"แม่นมหยางมิต้องเป็นกังวล ข้าชอบอากาศหนาวยิ่งนัก"
"เอ๋?"
แม่นมหยางจ้องมองลั่วหนิงฮวาด้วยความสงสัย คุณหนูของนางตั้งแต่ฟื้นคืนมาก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูเย็นชาและเข้าถึงยากกว่าแต่ก่อนเสียอีก
ลั่วหนิงฮวามิชอบถูกผู้ใดจ้องมองเช่นนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"แม่นมไม่ต้องสงสัยสิ่งใด รู้เพียงแค่ว่านับจากวันนี้ไป ข้าคือลั่วหนิงฮวาคนใหม่ ใครที่มันคิดจะรังแกข้า ข้าจะเอาคืนให้สาสม"
แม่นมหยางที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาชราก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา คุณหนูโตแล้ว คุณหนูของนางเติบโตรู้ความแล้วจริง ๆ สินะ
ลั่วหนิงฮวาจัดการให้แม่นมหยางและซือลี่หั่นปลาเป็นชิ้น ๆ ตามที่นางสอน แล้วแบ่งเก็บไว้กินส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนางจะนำไปขายที่ตลาดเพื่อแลกเป็นอีแปะประทังชีวิต
อดทนไว้ก่อนเถิดลั่วหนิงฮวา อีกไม่นานเจ้าจะต้องสบาย ข้าจะต้องทวงทุกอย่างที่สมควรเป็นของเจ้าคืนมาให้หมด
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้