กองทัพทหารกลับหยางโจวอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางการรอต้อนรับจากราษฎรที่มารอคอย ทันทีที่กลับถึงวังหลวง โจวอี้เฉินก็ได้เข้าเฝ้าบิดาของตนเอง และเรื่องที่เขาต้องการมาตลอดนั่นคือการได้ป้ายสั่งการทางทหารกลับคืนกำลังจะเป็นจริงแล้ว แต่ทว่าเมื่อกลับถึงวังหลวง เสด็จพ่อกลับบอกเขาว่า เซียวฮองเฮาล้มป่วยมาหลายวันแล้ว อย่างไรเสียเรื่องนี้คงต้องรอท่าไปอีกสักระยะโจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอคราหนึ่ง คิดว่าเขาไม่รู้หรือ สตรีต่ำช้านางนั้นคงแกล้งล้มป่วยเพื่อจะยื้อเวลาในการคืนป้ายสั่งการทางทหารกับเขาสินะหึ!!! น่าเจ็บใจนัก แต่ช่างเถิด อีกไม่นานเขาจะต้องหาทางบีบคั้นให้นางยอมคืนป้ายสั่งการทางทหารมาให้เขาได้อย่างแน่นอนโจวอี้เฉินออกจากตำหนักมังกรก่อนจะมุ่งหน้าไปยังอุทยานหลวง ยามนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย เขาเองอยู่ชายแดนมาร่วมสามเดือน ที่นั่นทั้งแห้งแล้งและกันดารเขาเองมิชอบเท่าใดนักการออกรบครานี้ทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังสังเกตได้ถึงความผิดปกติของเสด็จอาเสด็จอาจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เย็นชา ในบางคราก็คล้ายต้องการจะเอ่ยถามบางเรื่องกับเขา แน่นอนเขาย่อมรู้ว่าเป็นเรื่องของลั่วหน
ลั่วหนิงฮวาตรงกลับมาที่เรือนดอกเหมย เมื่อเข้าไปในห้องก็พบกับโจวอี้เฉินที่นอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง พร้อมกับส่งยิ้มมาให้นาง "ภรรยาสุดที่รัก มาให้ข้ากอดเร็วเข้า" ลั่วหนิงฮวารีบปิดประตูทันที ก่อนจะหันไปถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง แต่เมื่อสายตาของนางเลื่อนต่ำลงไปที่ลำแท่งแก่นกายของเขาก็รู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่เจอตั้งนานดูเหมือนจะยาวขึ้น ถ้าได้อมคงจะทิ่มคอดี บ้าจริง!!! นางต้องใจเย็นสิ "มาแก้ผ้าเช่นนี้ด้วยเหตุอันใดกัน หน้าไม่อายยิ่งนัก!" "กับเจ้าไม่มีสิ่งใดต้องอายเลยแม้แต่น้อย เจ้าดูสิมันใหญ่มาก หากไม่เชื่อข้าจะลองชักให้ดู""หยุด!!! หน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก!!!" โจวอี้เฉินมิได้ใส่ใจกับคำต่อว่าของนาง เขายื่นมือไปดึงร่างบางมากอดเอาไว้และพลิกกายของนางลงไปนอนบนเตียงแล้วจึงลุกขึ้นมานอนคร่อมร่างของนางเอาไว้ ลั่วหนิงฮวายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของบุรุษผู้เป็นที่รักด้วยความอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขาจะคล้ำลงไม่น้อย "อยู่ชายแดนคงลำบากมากสินะ""ก็ไม่เท่าไหร่" "ท่านดูหล่อเข้มกว่าแต่ก่อนยิ่งนัก" "เจ้าชอบหรือไม่?" "ชอบมาก ไม่สิ รักมากคิดถึงมากเหลือเกิน" ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ตั้งแต่จากกัน
ด้านโจวอี้เฉินเมื่อเข้าร่วมประชุมยามเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปที่ใด จึงรั้งขอเข้าเฝ้าผู้เป็นบิดาเสียก่อน ฮ่องเต้โจวเหลียนรู้สึกชื่นชมพระโอรสผู้นี้มากขึ้นทุกวัน"อาเฉิน เจ้ามีสิ่งใดอีกหรือ" "ทูลเสด็จพ่อ ลูกอยากขอพระราชทานสมรสพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็วางฎีกาในมือลง ก่อนจะจ้องมองโจวอี้เฉินด้วยความสงสัย "เป็นบุตรีจากตระกูลใดกัน" "ทูลเสด็จพ่อ นางมีนามว่าลั่วหนิงฮวา เป็นบุตรีจากจวนท่านแม่ทัพตระกูลลั่วพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจวเหลียนครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น บุตรสาวจากจวนท่านแม่ทัพตระกูลลั่วเช่นนั้นหรือ ได้ยินว่าเคยถูกโจวเหวินกวงถอนหมั้นไปแล้วมิใช่หรือ? ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะได้เอ่ยสิ่งใด ขันทีก็เข้ามารายงานเสียก่อน "ทูลฝ่าบาท ชินอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นหว่างคิ้วก็ขมวดเป็นปม แต่ทว่าใบหน้ายังคงเรียบเฉย โจวเหวินกวงก้าวเดินเข้ามาในตำหนักก่อนจะทำความเคารพฮ่องเต้โจวเหลียน และหันมาส่งยิ้มให้โจวอี้เฉิน โจวอี้เฉินไม่ได้แสดงท่าทีใดใดออกมาเลยแม้แต่น้อย "เหวินกวง ยามปกติเจ้ามิค่อยจะเข้าวังหลวง เหตุใดวันนี้จึงมาเข้า
ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินว่ามีขันทีมารอรับนางเข้าวังหลวงตามรับสั่งของฝ่าบาทก็ให้งุนงงเป็นอย่างยิ่ง แม่นมหยางและซือลี่ช่วยจัดแจงเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางใหม่ด้วยความรีบร้อน เมื่อมาถึงก็พบกับขันทีผู้หนึ่งที่รออยู่ด้านหน้าจวนตระกูลลั่ว นางหันไปพยักหน้าให้แม่นมหยางนำถุงเงินมามอบให้ขันที ก่อนจะเอ่ยขออภัยอย่างนอบน้อม"ขออภัยท่านขันทีเจ้าค่ะ ทำให้ท่านต้องรอนานแล้ว" "มิกล้ามิกล้า เชิญคุณหนูขอรับ" ขันทีเดินนำลั่วหนิงฮวาไปที่เกี้ยวหรูหราหลังหนึ่งซึ่งรอท่าอยู่หน้าประตูจวน ลั่วหนิงฮวายิ้มแย้มอ่อนน้อมก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในเกี้ยวและมุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวงโดยเร็ว แม้ในใจจะครุ่นคิดสงสัย แต่ทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยถามขันทีผู้นั้นออกไป เมื่อมาถึงหน้าประตูวังหลวง เกี้ยวก็วางลง ลั่วหนิงฮวาเดินออกมาจากเกี้ยวและเดินตามขันทีเข้าไปในวังหลวงทันที ลั่วหนิงฮวาปรายตามองกำแพงสูงตระหง่านขนาดใหญ่ที่คล้ายกับสถานที่กักขังผู้คนมากมาย ผ่านเข้าไปยังพระราชฐานด้านในก็ปรากฏสวนดอกไม้ที่แสนจะงดงามราวแดนสวรรค์ โดยรอบมีเหล่าทหารคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา "แม่นางโปรดรอสักครู่" "รบกวนท่านขันทีแล้ว" "มิกล้ามิกล้า" ขันทีน้อยเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อ
โจวเหวินกวงที่กลับมาถึงจวนอ๋องของตนนั้น ยามนี้เขานำโทสะทั้งหมดมาระบายกับบ่าวไพร่ในจวนอย่างเดือดดาล "หนิงฮวา!!! เจ้าไม่มีวันหนีข้าพ้น!!!" "ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะด้วย!!!" "ไสหัวไปให้หมด!!!" พ่อบ้านที่เห็นว่าท่านอ๋องของตนในยามนี้น่าหวาดกลัวเพียงใดก็ไม่รอช้า รีบไล่เหล่าข้ารับใช้ออกไปด้านนอกจนหมด โจวเหวินกวงทิ้งกายนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ ดวงตาคมฉายแววเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง แต่ไหนแต่ไรมาเขาเองต้องทนแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างมาโดยจำยอมตลอด เพื่อคำว่าจงรักภักดี เขาต้องแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มอ่อนโยน สิ่งใดที่เขาอยากได้ย่อมต้องรอให้เสด็จพี่เอ่ยปากเสียก่อน ทั้งที่เขาเองก็เก่งกาจไม่แพ้ผู้ใด โจวอี้เฉินเจ้าเด็กหนุ่มเสเพลผู้นั้น แต่ก่อนมิได้เก่งกาจน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ เขาเองก็ไม่เคยใส่ใจมันเช่นกัน แต่เหตุใดลั่วหนิงฮวาจึงไปสนใจคนเช่นโจวอี้เฉิน ทั้งที่เขาเพียบพร้อมกว่าโจวอี้เฉินตั้งหลายเท่า เขาตั้งตนอยู่ในกรอบประเพณี ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยแม้แต่น้อย เหตุใดพออยู่ข้างกายโจวอี้เฉิน นางกลับดูน่าค้นหาและเย้ายวนกว่ายามที่ยังหมั้นหมายกับเขา!!! หลายวันก่อนเขาส่งคนไปตามสืบเรื่องการตายของลั่วซูซู แต่จนแล้วจนรอดก็ไ
ต้นฤดูใบไม้ผลิ ลั่วจินหยางและโจวอวี้หลันก็แต่งงานกัน พิธีถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ตระกูลลั่วต้อนรับโจวอวี้หลันอย่างสมเกียรติ โจวอวี้หลันเองก็ค่อนข้างพึงพอใจไม่น้อย ลั่วหนิงฮวามองดูวิญญาณฮูหยินที่ยืนเช็ดน้ำตาด้วยความห่วงใย "ท่านแม่ พี่ใหญ่แต่งงานแล้ว ท่านจะร้องไห้ไปไยกันเจ้าคะ" "ข้าดีใจน่ะ หนิงเอ๋อร์ อีกไม่นานเจ้าก็ต้องแต่งเข้าตำหนักบูรพาแล้วใช่หรือไม่?" "ใช่เจ้าค่ะ อีกสามเดือนข้างหน้าเจ้าค่ะ" "แม่ดีใจยิ่งนัก ที่พวกเจ้าได้คู่ครองที่ดีเช่นนี้ สงสารแค่หนิงเอ๋อร์ของข้าที่ยามนี้มิรู้ว่าวิญญาณล่องลอยไปที่ใด" ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็นึกถึงลั่วหนิงฮวาคนเก่าขึ้นมาได้ เด็กสาวผู้นั้นไม่เคยมาให้นางพบเจอเลยแม้แต่ครั้งเดียว "ท่านแม่ ข้าเชื่อว่านางย่อมสุขสบายดีในปรโลกเจ้าค่ะ" "แม่ก็คิดเช่นนั้น เอาเถิด หนิงเอ๋อร์ เจ้าต้องระวังให้มาก ในวังหลวงเล่ห์เหลี่ยมพิษภัยมิใช่น้อย แม่เองก็ตามเจ้าไปไม่ได้ พลังวิญญาณของแม่มีไม่มากพอถึงเพียงนั้น" "ท่านแม่โปรดวางใจเจ้าค่ะ ข้าจะต้องมีชีวิตรอดปลอดภัยเป็นแน่" "อืม แม่เชื่อเจ้า" ตำหนักบูรพา โจวอี้เฉินที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในตำหนัก ก็ได้เห็นว่าขันทีกำล
โจวอี้เฉินมาหาลั่วหนิงฮวาในยามดึกของคืนนั้น ลั่วหนิงฮวามองดูชายยอดรักที่ยามนี้มีสีหน้าบึ้งตึงก็นึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง "เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้" "หนิงฮวา เจ้าเคยพบกับหลิงหวางน้องชายข้าหรือ?""หลิงหวาง เอ๋ ไม่นี่เจ้าคะ" "เขาบอกว่าเจอเจ้ากำลังถูกบุรุษผู้หนึ่งลวนลาม จึงเข้าไปช่วยเอาไว้" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วหนิงฮวาก็ร้องอ๋อขึ้นในใจ ก่อนจะเอ่ยตอบโจวอี้เฉิน "อ้อ ข้าจำได้แล้วเจ้าค่ะ เขาช่วยข้าไว้แต่ข้าไม่ได้จำ เพราะไม่สำคัญ ที่แท้ก็เป็นน้องชายของท่านนี่เอง" "มันบอกว่ารักเจ้า" "แต่ข้าไม่ได้รักเขานี่ เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น" ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะดึงนางเข้ามากอดแนบอก "ภรรยาข้างดงามจนบุรุษถึงกับหลงรักเช่นนี้ ข้าไม่วางใจเอาเสียเลย" "ท่านหึงหวงข้าหรือ?" "แน่นอนอยู่แล้ว" "เช่นนั้นก็รีบแต่งกับข้าเสียสิ มิใช่แวะมาเอาเปรียบข้าเช่นนี้" "หนิงฮวา อีกเพียงสามเดือนเท่านั้น เจ้ารอหน่อยนะ" "ข้าย่อมรอได้อยู่แล้ว" "อืม ส่วนเรื่องบุตรสาวตระกูลเซียวเจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ามีวิธีจัดการนางด้วยตนเองแล้ว"
วังหลวงหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า "หึ!!! คนสารเลวเช่นพวกเจ้า สุดท้ายก็มาถึงวันที่ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ไม่ไหว ถึงกับกล้าบีบบังคับข้าเช่นนี้!!!" ฮ่องเต้โจวเหลียนจ้องมองโจวเหวินกวงและเซียวฮองเฮาด้วยแววตาที่เกลียดชัง เดิมทีเขาเองก็ไม่ไว้ใจผู้ใดมาก่อนอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่กล้าคิดฆ่าเขาจะเป็นเมียรักและน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกัน พวกมันวางยาเขาจนกลายเป็นอัมพาต อีกทั้งยังปลอมแปลงพระราชโองการขึ้นมาอีกด้วย ช่างใจกล้าเทียมฟ้าเหลือเกิน!!! "ฝ่าบาท หม่อมฉันสัญญาว่าจะส่งโจวอี้เฉินไปอยู่เป็นเพื่อนพระองค์ในไม่ช้านี้เพคะ พระองค์ไม่ต้องทรงกังวลพระทัยอีก แผ่นดินนี้ โจวหลิงหวางจะต้องดูแลต่อจากพระองค์ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง" "นังสารเลว!!!" "พระองค์สิเพคะที่สารเลว ทรงรักแต่ลูกของนังแพศยาตระกูลกู้จนละเลยพวกเราสองแม่ลูก!!!" "ข้าเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเจ้าจิตใจหยาบช้าถึงเพียงนี้!!!" "รู้ก็ดี จงตายเสีย ข้ากับลูกจะได้สุขสบายเสียที!!!" "นังแพศยา!!!" ฮ่องเต้โจวเหลียนเคียดแค้นชิงชังเสียจนกระอักโลหิตออกมาคำโต เขาปรายตามองโจวเหวินกวงด้วยความเสียใจ "เจ้าก็อีกคน ร่วมมือกับนังแพศยานี่มานานเท่าใดแล้ว!!!"
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้
คุกหลวง ลั่วหนิงฮวาจ้องมองอาหารตรงหน้าก่อนจะก่นด่าโจวเหวินกวงในใจ นี่เท่ากับบีบคั้นนางชัด ๆ แม่ทัพลั่วมองข้าวเปล่าถ้วยเล็ก ๆ ตรงหน้าและผัดผักหนึ่งอย่าง ก่อนจะเลื่อนอาหารตรงหน้ามาให้ลั่วหนิงฮวา "เจ้ากินเถิด" "ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านหิว ท่านกินเถิด ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ" บิดานางแก่ชรามากแล้ว ย่อมอยู่อย่างลำบากเช่นนี้ไม่ไหว อาหารเพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอที่จะกินกันถึงสองคน แม่ทัพลั่วสิ่งยิ้มให้ลั่วหนิงฮวาก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางด้วยความรักใคร่ "หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่ทำให้พ่อรู้สึกผิดมาโดยตลอด นั่นก็คือการละเลยเจ้า พ่อไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี ทำให้เจ้าถูกคนชั่วรังแกมาโดยตลอด" "ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ เรื่องราวมันผ่านไปนานแล้วนะเจ้าคะ ยามนั้นท่านเองก็ออกรบเพื่อบ้านเมือง ข้าเข้าใจท่านพ่อเจ้าค่ะ" "ฟังพ่อ เจ้ากินข้าวเสีย เจ้าจะต้องมีชีวิตรอดออกไป พวกเจ้าสองคนพี่น้องจะต้องมีชีวิตรอดต่อไป" "ท่านพ่อ ท่านหมายความเช่นไร!!!" "ต่อให้ฝ่าบาทจะบีบบังคับเจ้าด้วยวิธีใด จงอย่ายอมรับคำของเขาเด็ดขาด เจ้าสัญญากับพ่อสิ" "ไม่!!! ท่านพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด!!!" "ลูกเอ๋ย พ่อแก่ชรามาก
ด้านโจวอี้เฉินและลั่วจินหยางนั้น พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงได้ไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ เพียงผ่านหมู่บ้านชนบทที่ลั่วหนิงฮวาเคยอยู่มาก่อน เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพของเหล่าทหารราวแสนนายอยู่ตรงหน้า เมื่อมองให้ดีดีจึงได้พบว่า ผู้คุมกองทัพทหารเรือนแสนนั้นก็คือเยี่ยนอ๋อง ซึ่งโจวอี้เฉินเคยได้พบกับเยี่ยนอ๋องในสนามรบเมื่อคราก่อน โจวอี้เฉินละสายตาจากเยี่ยนอ๋องไปหยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่งที่อยู่บนหลังม้าร่วมทัพกับเยี่ยนอ๋องก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น นั่นคือผู้ใด?"องค์รัชทายาท นั่นคือฉู่อ๋องพ่ะย่ะค่ะ" "ฉู่อ๋องหรือ?" "ท่านลุงรู้จักเขาหรือ?" "สมัยก่อน เมื่อครั้งที่อดีตฮองเฮายังมีพระชนม์ชีพ ยามที่ตระกูลกู้ยังเรืองอำนาจ กระหม่อมเคยตามท่านพ่อมาร่วมรบกับสองแคว้น กระหม่อมจำเขาได้พ่ะย่ะค่ะ" "เช่นนั้นพวกมัน?""เหตุใดพวกมันจึงล่วงล้ำเข้าสู่เขตดินแดนของหยางโจวได้!!!"กู้เฉวียน ผู้เป็นท่านลุงของโจวอี้เฉินรับรู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ปกติเสียแล้ว "องค์รัชทายาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เหตุใดคนของแคว้นเยี่ยนและแคว้นฉู่จึงกล้ารุกรานผ่านประตูชายแดนเข้ามาในเขตหยางโจวได้ง่ายดายเช่นนี้!!!" ลั่วจินห
"พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครองข้าด้วย ขอให้ข้าเดินทางโดยปลอดภัยด้วยเถิด ขอให้ข้าได้พบกับเสด็จพี่ด้วยเถิด!!!" ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วท้องนภา ปรากฏร่างของโจวหลิงหวางที่ควบม้าอย่างรวดเร็วโดยมิหยุดพักท่ามกลางแสงจันทร์ที่ให้แสงสว่างเลือนราง เป้าหมายของเขาคือชายแดนทางทิศใต้ ป้ายทางการทหารนี้จะต้องถึงมือของโจวอี้เฉินให้ได้เขาร้องไห้ไม่หยุดระหว่างเดินทาง ภาพที่เสด็จแม่วางยาพิษเสด็จพ่อยังคงติดตาของเขา เขาเสียใจทุกข์ใจยิ่งนัก ที่มิอาจช่วยเสด็จพ่อได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งภาพที่เสด็จแม่ถูกเสด็จอาสังหารก็สร้างรอยแผลลึกในใจให้แก่เขา เขาเกลียดเสด็จอายิ่งนัก!!!ยิ่งนึกถึงเสด็จพ่อที่ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ใจของเขาก็บีบรัดจนแน่น"เสด็จพ่อได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย" โจวหลิงหวางใช้แส้ฟาดตีไปที่ท้องม้าเพื่อเร่งให้มันวิ่งให้เร็วขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ด้านหลังของตนนั้นมีร่างของชายชราสวมชุดมังกรสีทองกำลังติดตามเขาออกเดินทางไปด้วยเช่นกันโปรดวางใจเถิดลูกพ่อ ตลอดเส้นทางจะไร้ซึ่งภัยร้ายมากล้ำกรายเจ้า ด้านลั่วหนิงฮวาและแม่ทัพลั่วในยามนี้นั้น ถูกควบคุมตัวมายังคุกหลวงใต้ดินพร้อมกัน ส่วนโจวอวี้หลันเอง