แชร์

5. ไม่สมปรารถนา (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 14:28:29

หลังจากที่เจี้ยนอี้โจวประกาศกร้าวว่าจะไม่ตบแต่งกับลี่อิ่ง นางก็นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันว่าจะทำเช่นไร เพราะแม้จะอ้างเรื่องหมั้นหมาย ให้ได้ตบแต่งเข้าไปอยู่ในจวนอ๋อง

เจี้ยนอี้โจวคงแต่งเสี่ยวปิงเป็นฮูหยินรองในทันที หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงครองคู่กันอย่างชื่นมื่น ทิ้งให้นางต้องช้ำใจ

“อิ่งเอ๋อร์ เสร็จหรือยังลูก ประเดี๋ยวจะไม่ทัน”

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” สวีลี่อิ่งหมุนตัว สำรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายอีกครั้ง

เนื่องจากวันนี้นางต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง วันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ชายน้อยของราชวงศ์

แคว้นเจี้ยนในยามนี้ ปกครองโดยองค์ฮ่องเต้เจี้ยนเฟยหลง วังหลังมีฮองเฮาเซียวเลี่ยงซูเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด รองลงมาก็คงไม่พ้นสนมขั้นหวงกุ้ยเฟย ไป่ฟางชิน และมีสนมขั้นกุ้ยเฟยอีกสองพระองค์ คือ สนมเติ้งลู่ซือ สนมถานเจียวลู่ นอกจากนี้ก็เป็นเพียงสนมปลายแถว

โอรสธิดาของฮ่องเต้ก็มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ก็มีเพียงเจ็ดพระองค์เท่านั้นที่มีบทบาทในราชสำนัก

คนแรกคงหนีไม่พ้น องค์รัชทายาทเจี้ยนหลิวเหว่ยหรือองค์ชายรอง ต่อมาเป็นองค์หญิงใหญ่เจี้ยนอันหรานที่แต่งเชื่อมสัมพันธ์ให้กับแคว้นหยาง ทำให้ทั้งสองแคว้นทำสัญญาไม่ก่อสงครามกัน และองค์ชายน้อยเจี้ยนหลี่เฉียงที่พึ่งมีอายุเพียงสามชันษา ทั้งสามพระองค์ประสูติจากฮองเฮาของแผ่นดิน

นอกจากนี้องค์ชายสาม เจี้ยนหลงเหยี่ยนที่พระสูติจากหวงกุ้ยเฟย ไป่ฟางซิน ก็มีบทบาทในการบริหารบ้านเมืองไม่น้อย ทั้งท่านตาขององค์ชายยังเป็นถึงขุนนางอาวุโส ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง

องค์หญิงรองเจี้ยนฟางฟางและองค์หญิงเล็กเจี้ยนฉู่หงที่ประสูติจากสนมขั้นกุ้ยเฟย สนมถานเจียวลู่ ก็ถูกทาบทามจากต่างแคว้นแล้วเช่นกัน หากได้แต่งเชื่อมสัมพันธ์กับต่างแคว้น คงทำให้มารดาและสกุลถานมีหน้ามีตามากขึ้น

และคนที่มีบาทบาทน้อยที่สุดคงเป็นองค์ชายใหญ่ เจี้ยนซ่งอวิ๋น เนื่องด้วยอาการป่วยอดๆ แอดๆ อยู่ตลอดเวลา ฝ่าบาทและมารดาอย่างกุ้ยเฟยเติ้งลู่ซือ จึงพยายามหาหมอมารักษา แต่ทำอย่างไรก็ไม่หายขาด ฝ่าบาทจึงมิค่อยอยากให้โอรสทำงานหนัก

“ท่านพี่ให้เสี่ยวปิงไปด้วยมิได้หรือเจ้าคะ อย่างน้อยก็ให้นางไปปรนนิบัติท่านพี่” เหลียงอี้ถงพูดไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจอยากให้บุตรสาวได้มีโอกาสได้พบบุรุษยศสูง

เพราะแม้ท่านชายอี้โจวมียศศักดิ์ แต่ก็เป็นเพียงบุตรชายชินอ๋อง หากมีเชื้อพระวงศ์สายตรง อย่างองค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายมาสนใจเสี่ยวปิงของนาง ก็คงเป็นเรื่องดี

“เหลียงอี้ถง นับวันเจ้ายิ่งจะไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติ กลับเข้าห้องตนเองไปเสีย อย่าทำให้ข้าปวดหัวนักเลย” ท่านราชครูถือเรื่องกฎเกณฑ์เป็นที่สุด แต่อนุของเขาผู้นี้ กลับคะยั้นคะยอให้เขาพาบุตรสาวคนโตไปด้วย

หากเสี่ยวปิงเป็นบุตรฮูหยินเอก ไหนเลยเขาจะไม่ให้นางไป แต่งานเลี้ยงเหล่านี้ มีเพียงบุตรที่เกิดจากฮูหยินเอกเท่านั้น ที่สามารถออกงานได้

“ท่านพี่ก็เป็นเช่นนี้ทุกที เสี่ยวปิงมิใช่ลูกท่านหรืออย่างไรกัน”

“เฮ้อ! อาหัว พาน้องสาวเจ้าขึ้นรถม้า ประเดี๋ยวจะไม่ทัน” ท่านราชครูสวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยุงภรรยาเอกขึ้นรถม้าไป

ไม่นานนักรถม้าของสกุลสวี ก็เดินทางมาถึงลานพิธีในพระราชวัง เนื่องด้วยสวีเหมิงซานเป็นถึงราชครูขององค์ฮ่องเต้และชินอ๋อง จึงมีผู้คนเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย

ลี่อิ่งเองก็นั่งพูดคุยกับเหล่าคุณหนูหลายสกุลที่เคยรู้จัก กระทั่งฮ่องเต้และฮองเฮาพาองค์ชายน้อยเข้ามาในลานพิธี งานเลี้ยงจึงเริ่มขึ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   12. น่าแปลก (3)

    “คุณหนูใหญ่คงอิจฉาคุณหนูของบ่าวจนมิอาจทนดูได้”“จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือมี่มี่ สายตาของนางตอนที่พูดเรื่องเครื่องประดับติดรำคาญเสียมากกว่า” แทนที่จะเป็นแววตาที่โศกเศร้า น้อยเนื้อต่ำใจ หรือไม่ยินดี“แต่เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ก็ดูจะไม่พอใจนะเจ้าคะ”“นั่นเป็นเพราะข้าพูดถึงเรื่องข่าวลือเสียหายของนาง” ตอนขอให้ช่วยเลือกเครื่องประดับงานสมรส แสดงท่าทีรำคาญ แต่พอพูดเรื่องข่าวลือจึงเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด โมโห“…”“หมายความว่านางไม่สนใจการสมรสของข้ากับท่านชายหรือ” เด็กสาววัยสิบหกพึมพำกับตัวเอง“…”“มี่มี่ ไปเรียกป้าเถากับอาซิวมา ข้ามีเรื่องจะสอบถามพวกเขา” เรื่องการเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับถูกพักไว้ เพราะสายตาติดรำคาญของเสี่ยวปิงหรือชายหญิงคู่นั้นจะแอบวางแผนบางอย่างเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่เจี้ยนอี้โจวมาที่เรือน ก็มิได้ขอพบสวีเสี่ยวปิงเลยสักครั้ง หากไม่มาพูดคุยเรื่องการทหารกับพี่ใหญ่ ก็นำของจากจวนอ๋องมามอบให้“คุณหนู”“ท่านป้าเถา อาซิว นั่งลงก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะสอบถาม”“มีเรื่องอันใดหรือขอรับคุณหนู” บ่าวชายในเรือนเอ่ยถาม“ช่วงนี้พวกท่านทั้งสองเห็นพี่หญิงทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบออกไปที่ใดหรือไม่”“เห็นออกไปนอกเรื

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   11. น่าแปลก (2)

    “ท่านแม่ทัพ ข้ามารับตัวน้องสาวขอรับ ไม่ทราบว่านางอยู่ด้านในหรือไม่”“พี่ใหญ่! ข้าอยู่ด้านใน” สวีลี่อิ่งตะโกนตอบราวกับกลัวว่าจะมีใครแย่ง เจ้าของกระโจมจึงได้แต่ส่ายหัว“เข้ามา”“ข้ามารับ-” สวีต้าหัวอ้าปากค้าง เมื่อเห็นท่านชายที่พ่วงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นกำลังคุกเข่า พันข้อเท้าให้น้องสาวของเขา ทั้งที่บอกว่าจะถอนหมั้น และไม่ยินดีจะแต่งงานด้วยแต่การกระทำเช่นนี้ มันน่าแปลกนัก“น้องสาวเจ้าบาดเจ็บที่ข้อเท้า หากคราหน้าจะให้นางขี่ม้า เจ้าก็ควรหาคนที่ไว้ใจได้ไปดูแลนาง”“ขอรับ อิ่งเอ๋อร์เจ้าเจ็บมากหรือไม่”“ไม่มากเจ้าค่ะ ข้าอยากกลับเรือนแล้ว” เมื่อน้องสาวว่าดังนั้น ต้าหัวก็รีบย่อตัวให้น้องสาวขึ้นหลัง แล้วพาขึ้นรถม้า กลับเรือนทันทีหลังจากวันนั้น สวีลี่อิ่งก็ยังนึกแปลกใจกับการกระทำของเจี้ยนอี้โจว ทั้งที่คิดว่าเขาจะต้องโมโหและโกรธเรื่องที่นางขอกับฝ่าบาทมากกว่านี้ แต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ค่อยทุกข์ร้อนเท่าที่ควร“หรือข้าจะวางแผนการผิดมาโดยตลอด”คงมิใช่กระมัง เขาก็ยังตะคอกดุด่านาง เจอกับเสี่ยวปิงเมื่อใดก็ยังส่งสายตาหวานซึ้งให้กันอยู่ตลอด คงต้องเจ็บปวดทรมานอยู่บ้าง ที่มิอาจสมรสกับคนที่รักได้“คุณหนูเจ้า

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   10. น่าแปลก (1)

    “ท่านแม่ทัพ คือคุณหนูสวีนาง-” ยังไม่ทันที่นายกองไห่จะได้เอ่ยอธิบาย เจี้ยนอี้โจวอุ้มลี่อิ่งออกมาจากตรงนั้น“ทะ ท่านจะพาข้าไปที่ใด พี่ไห่ฉงไปบอกพี่ใหญ่เร็วเข้า”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านปล่อยคุณหนูลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” มี่มี่วิ่งตามผู้เป็นนายไป ส่วนนายกองไห่ก็รีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งรองแม่ทัพสวีลี่อิ่งมองสีหน้าถมึงทึงของชายหนุ่มก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แต่แทนที่หญิงสาวควรกลัว กลับนึกสนุก ทั้งผลัก ทั้งดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่ง“อยู่นิ่งๆ หากตกลงไปจะเจ็บตัว”“เช่นนั้นท่านก็ปล่อยข้า ข้าฝึกม้ากับพี่ไห่ฉงอยู่ดีๆ ท่านจะมายุ่งทำไมกัน”“มี่มี่ เจ้ารออยู่ด้านนอก!” ร่างใหญ่หันมาสั่งเสียงเข้ม จนบ่าวสาวขาแข็ง มิอาจก้าวเดินตามนาย ที่ถูกพาเข้าไปในกระโจมส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่ได้ร่างเล็กถูกวางลงบนเก้าอี้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะมายืนปักหลัก กอดอกอยู่ตรงหน้าว่าที่ภรรยา“เหตุใดจึงไปกอดรัดกับนายกองไห่ ชายหญิงไม่ควรเข้าใกล้กัน หรือเจ้าไม่รู้”“เช่นนั้นท่านอุ้มข้าเข้ามาในกระโจมทำไมกัน ชายหญิงมิควรเข้าใกล้กัน ท่านก็รู้อยู่แล้ว”“อย่ายอกย้อน! เจ้าเป็นคู่หมั้นข้าจะทำสิ่งใดก็ไตร่ตรองให้ดี อ่อ หรือว่าเจ้าคิดใช้แผนการทำให้ข้า

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   9. ขอความเป็นธรรม (3)

    “อิ่งเอ๋อร์ ช่วงนี้พี่ใหญ่มีงานวุ่นวาย จึงมิได้สนทนากับเจ้าบ่อยนัก หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาพี่ ก็อย่าได้เกรงใจ พูดคุยมาได้ อย่าเก็บเรื่องที่อัดอั้นตันใจไว้เพียงผู้เดียว” ระหว่างทางกลับเรือน รองแม่ทัพของแคว้นก็ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับนาง เพราะบนรถม้ามีเพียงพวกเขาสองพี่น้อง“พี่ใหญ่อย่าได้เป็นห่วงไปเลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้เป็นอันใด”“พี่เป็นห่วงเจ้ามาก ยิ่งช่วงนี้เจ้าเปลี่ยนไป มิร่าเริงเหมือนเคย พี่ก็ยิ่งห่วง”“ข้าเพียงรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เลยอยากเอาคืนพวกเขาบ้าง หรือท่านคิดว่าไม่ควร”“…” ต้าหัวได้แต่ลูบศีรษะเล็กเพื่อปลอบใจ“ทั้งที่ข้าดีกับพวกเขา ไว้ใจพวกเขา แต่กลับถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น ท่านไม่คิดว่าข้าควรเอาคืนบ้างหรือ”“เหตุใดจะไม่ควรเล่า พี่ใหญ่เองก็เตือนเจ้าหลายครา เจ้ามีสิ่งใดก็ให้เสี่ยวปิงไปหมด ขนาดของที่พี่ซื้อให้ เจ้าก็ให้นางโดยไม่นึกเสียดาย”“พี่ใหญ่ เหตุใดกลายเป็นท่านน้อยใจข้าเสียได้เล่า” ลี่อิ่งหัวเราะเบาๆ กับการกอดอก เชิดหน้าของพี่ชาย“หึๆ อิ่งเอ๋อร์ มีเรื่องใดอยากให้พี่ชายคนนี้ช่วย อย่าได้ลังเล ในเมื่อเจ้าอยากเอาคืนพวกเขา พี่ก็จะช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด”“ข้ารักพี่ใหญ

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   8. ขอความเป็นธรรม (2)

    หลังจากผ่านงานเลี้ยงคืนนั้นไป ผู้คนในท้องตลาดก็ลือกันสนั่น ว่าคุณหนูน้อยสกุลสวีใจจืดใจดำ มิเห็นแก่ความรักของท่านชายเจี้ยนอี้โจวกับพี่สาว ยืนยันจะไม่ถอนหมั้น ทั้งยังร้องขอต่อฝ่าบาท มิให้ท่านชายแต่งสตรีอื่นเข้ามา“นางคงต้องการกันท่า ไม่ให้พี่สาวได้แต่งเข้าจวนอ๋องเป็นแน่”“ข้าก็คิดเช่นนั้น เหตุใดสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน จึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้”“สงสารก็แต่ท่านชายกับคุณหนูใหญ่สวี มีใจต่อกันแต่กลับไม่ได้ครองคู่”ปัง! เสียงตบโต๊ะดังลั่นไปทั่วเหลาอาหาร จนทุกคนต้องหันไปต้นเสียง ก็พบว่าผู้ที่นั่งทานอาหารอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน เป็นบุคคลที่กำลังถูกนินทา“ปากมากนักนะ มิอยากทานข้าวเสียแล้วกระมัง”“พี่ใหญ่ใจเย็นไว้” ลี่อิ่งห้ามปรามพี่ชาย เพราะไม่อยากให้ผู้อื่นมองเขาไม่ดี“แต่-”“ให้ข้าจัดการเถิดเจ้าค่ะ” ลี่อิ่งเดินไปหาสตรีสองคนที่พูดถึงนางเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร“คุณหนูมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือยัง”“เอ่อ ข้ายังไม่มี” สาวร่างอวบอ้วนเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นๆ แต่ก็ยังรักษากิริยาเอาไว้ได้“เพราะท่านไม่มีคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ท่านจึงไม่เข้าใจความรู้สึกของข้า”“…” พอเป็นเรื่อง

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   7. ขอความเป็นธรรม (1)

    “หม่อมฉันมิอยากให้ท่านชายแต่งสตรีใดเข้ามา นับจากนี้ไปอีกสามปี” ตากลมชำเลืองไปมองใบหน้าของอี้โจวอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มตกใจจนเสียกิริยา ก็รู้สึกสนุกไม่น้อยป่านนี้ในใจคงเดือดพล่านแล้วกระมัง หึ!“จะเป็นไปได้อย่างไร! อี้โจวไม่มีพี่น้อง อย่างไรก็ต้องมีทายาสืบสกุลให้มาก เจ้าจะแต่งเป็นฮูหยินเอก อย่างไรก็ต้องใจกว้างเข้าไว้”“…”“เจ้าขออย่างอื่นเถิด แล้วข้าจะมิขัด” ฮ่องเต้ยื่นข้อเสนอให้สาวงามที่ยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง“ในใจของหม่อมฉันประสงค์เพียงเรื่องนี้ จึงไม่รู้จะกล่าวขอสิ่งใด ในเมื่อเรื่องที่ขอมิอาจเป็นจริงได้ หม่อมฉันก็มิอยากรบกวนฝ่าบาทเพคะ”“…”“เดิมทีหม่อมฉันไม่ได้ทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน เพียงมิอยากเห็นองค์ชายประชวรก็เท่านั้น ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาเพคะ” ลี่อิ่งก้มคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะหันหลังกลับ แต่เสียงของมารดาแผ่นดินก็ขัดขึ้นเสียก่อน“ฝ่าบาท คุณหนูสวีรักษาชีวิตของเชื้อพระวงศ์ ถือเป็นความดีใหญ่หลวง อีกอย่างสิ่งที่นางขอก็มิได้เหลือบ่ากว่าแรง นางขอเพียงสามปีเท่านั้น”“…”“ฝ่าบาท กษัตริย์ตรัสแล้วมิอาจคืนคำนะเพคะ” หงส์เคียงบัลลังก์กระซิบเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนพระนางพอจะทราบข่าวเรื่องของ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status