แชร์

4. ไม่สมปรารถนา (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 14:28:24

“เกิดสิ่งใดขึ้น!”

“ทะ ท่านชายเจ้าคะ อย่าได้ถือโทษอิ่งเอ๋อร์เลย นางคงยังทำใจเรื่องของเราไม่ได้”

น้ำเสียงหวานของเสี่ยวปิงมิได้ดังเข้าหูลี่อิ่งเลยสักนิด ตากลมปักอยู่กับใบหน้าของเจี้ยนอี้โจว ความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดอัดแน่นเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะทนไม่ไหว

สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นทำให้อี้โจวชะงักไปชั่วขณะ เพราะก่อนหน้าแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้รักใคร่ลี่อิ่ง แต่ก็มองนางเป็นน้องสาวที่น่ารัก จิตใจดีมาโดยตลอด ถึงจะถูกเขาแกล้งหยอกมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองเลยสักครั้ง

ทว่าคราวนี้…ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

“อิ่ง- ลี่อิ่ง เหตุใดเจ้ามองข้าเช่นนั้น แล้วนี่ทำสิ่งใดกัน ควันโขมงไปถึงนอกเรือน” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถาม

แต่นอกจากจะไม่ตอบแล้ว ลี่อิ่งยังโยนอาภรณ์ผืนงามใส่กองไฟต่อ

“ฮึก พอเถิดอิ่งเอ๋อร์ เจ้าอย่าเผาชุดของพี่เลย”

“พอได้แล้ว ทำลายของส่วนตัวของผู้อื่น มิใช่เรื่องที่ดีนัก” อี้โจวออกปากแทนคนรัก

“ของพวกนี้ล้วนเป็นของข้า ไม่คิดว่าพี่หญิงจะความจำเลอะเลือน ถึงขั้นมองของของข้า เป็นของตนเอง…ช่างหน้าไม่อายเสียจริง” คำพูดของลี่อิ่ง ทำเอาชายหญิงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรู้ดีว่าหญิงสาววัยสิบหกหนาวกล่าวถึงเรื่องใด

“ฮึก!”

“พวกเจ้า! พาคุณหนูใหญ่ไปพักในห้องก่อน” เมื่อเห็นว่าคนรักทำท่าจะเป็นลม อี้โจวจึงเรียกให้สาวใช้พาเสี่ยวปิงออกไป ส่วนเขาก็หันมาพูดคุยกับสวีลี่อิ่งให้เข้าใจ

“หยุดได้แล้ว แม้ว่าของพวกนี้จะเป็นของเจ้า ก็ต้องรู้จักคุณค่าของมัน นำมาเผาเช่นนี้คงไม่ดีนัก”

“…ท่านไม่อยากให้ข้าเผาหรือ” แววตาแข็งกระด้าง และใบหน้าเรียบเฉยของลี่อิ่ง เป็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน

หรือนางจะโกรธเคืองเรื่องถอนหมั้น…แต่ต้องเป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ

“ใช่ สู้เจ้าเก็บไว้-”

พรึบ! ยังพูดไม่จนประโยค เสื้อผ้าอาภรณ์เหล่านั้นก็ถูกโยนลงกองไฟทั้งหมด ทั้งริมฝีปากบางยังกระตุกยิ้มอย่างท้าทาย

“เฮ้อ เจ้านี่มัน! เหตุใดจึงกลายเป็นคนว่ายากไปได้ น้องสาวที่เชื่อฟังข้าหายไปอยู่ที่ใด จึงเหลือเพียงสตรีดื้อด้าน”

“ตายไปแล้ว! นางตายไปแล้ว” ไม่ผิดเลยสักนิด สวีลี่อิ่งคนก่อนได้ตายไปพร้อมกับบุตรในครรภ์แล้ว บัดนี้เหลือเพียงสวีลี่อิ่งที่จะไม่ยอมให้บุรุษตรงหน้าสมหวังแม้เพียงเรื่องเดียว

“เจ้า…”

“เรื่องหมั้นหมาย ท่านอยากให้ข้ายอมถอนหมั้นใช่หรือไม่”

“เอ่อ อืม” อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

“เช่นนั้นข้าไม่ตกลง ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่าน กำหนดการวันสมรสยังคงเป็นเช่นเดิม ในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าจะแต่งเข้าเป็นฮูหยินของท่านชายเจี้ยนอี้โจว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้ยน”

“เจ้า! เรื่องนี้เราพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วมิใช่หรือ วันนั้นเจ้ายังเอ่ยว่าจะไม่ขวางทางรักของข้า เหตุใดวันนี้จึงพลิกลิ้นได้หน้าตาเฉย” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังใบหน้างามอย่างเหลืออด ดูที! ขนาดตอนนี้นางยังเหยียดยิ้มยั่วโมโหเขาได้อีก

“เพราะข้าจะทำทุกอย่างไม่ให้ท่านสมปรารถนา ข้าจะทำทุกอย่างให้ท่านเจ็บปวดเช่นข้า”

“ที่แท้ในใจเจ้าก็มืดดำราวกับมารร้าย ข้าไม่คิดเลยว่าที่ผ่านมา เจ้าจะแสร้งทำตัวดีต่อหน้าข้ามาโดยตลอด น่าผิดหวังจริงๆ”

“…” ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกรู้สากับอีกฝ่าย แต่ลี่อิ่งก็ยังสะอึกกับคำพูดเหล่านั้นจนได้

“เรื่องถอนหมั้น เจ้าไม่ยินยอมก็ตามแต่ใจเจ้า เพราะอย่างไรเสียข้าก็จะไม่แต่งเจ้าเป็นฮูหยิน” ว่าเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็เดินออกไปนอกเรือนด้วยท่าทางไม่พอใจ

“คุณหนู”

“เจ้าอย่าได้ทำเสียงเศร้าไปเลย อย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอมให้พวกเขาทั้งสองได้ตบแต่งกัน”

“…”

“ในเมื่อเขารังเกียจข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้แต่งเข้าจวนอ๋อง ดูทีว่าเขาจะอกแตกตายเมื่อใด” สาวงามยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ กระนั้นมี่มี่ที่ตามรับใช้มานาน ย่อมเห็นสายตาเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ใน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   12. น่าแปลก (3)

    “คุณหนูใหญ่คงอิจฉาคุณหนูของบ่าวจนมิอาจทนดูได้”“จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือมี่มี่ สายตาของนางตอนที่พูดเรื่องเครื่องประดับติดรำคาญเสียมากกว่า” แทนที่จะเป็นแววตาที่โศกเศร้า น้อยเนื้อต่ำใจ หรือไม่ยินดี“แต่เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ก็ดูจะไม่พอใจนะเจ้าคะ”“นั่นเป็นเพราะข้าพูดถึงเรื่องข่าวลือเสียหายของนาง” ตอนขอให้ช่วยเลือกเครื่องประดับงานสมรส แสดงท่าทีรำคาญ แต่พอพูดเรื่องข่าวลือจึงเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด โมโห“…”“หมายความว่านางไม่สนใจการสมรสของข้ากับท่านชายหรือ” เด็กสาววัยสิบหกพึมพำกับตัวเอง“…”“มี่มี่ ไปเรียกป้าเถากับอาซิวมา ข้ามีเรื่องจะสอบถามพวกเขา” เรื่องการเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับถูกพักไว้ เพราะสายตาติดรำคาญของเสี่ยวปิงหรือชายหญิงคู่นั้นจะแอบวางแผนบางอย่างเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่เจี้ยนอี้โจวมาที่เรือน ก็มิได้ขอพบสวีเสี่ยวปิงเลยสักครั้ง หากไม่มาพูดคุยเรื่องการทหารกับพี่ใหญ่ ก็นำของจากจวนอ๋องมามอบให้“คุณหนู”“ท่านป้าเถา อาซิว นั่งลงก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะสอบถาม”“มีเรื่องอันใดหรือขอรับคุณหนู” บ่าวชายในเรือนเอ่ยถาม“ช่วงนี้พวกท่านทั้งสองเห็นพี่หญิงทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบออกไปที่ใดหรือไม่”“เห็นออกไปนอกเรื

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   11. น่าแปลก (2)

    “ท่านแม่ทัพ ข้ามารับตัวน้องสาวขอรับ ไม่ทราบว่านางอยู่ด้านในหรือไม่”“พี่ใหญ่! ข้าอยู่ด้านใน” สวีลี่อิ่งตะโกนตอบราวกับกลัวว่าจะมีใครแย่ง เจ้าของกระโจมจึงได้แต่ส่ายหัว“เข้ามา”“ข้ามารับ-” สวีต้าหัวอ้าปากค้าง เมื่อเห็นท่านชายที่พ่วงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นกำลังคุกเข่า พันข้อเท้าให้น้องสาวของเขา ทั้งที่บอกว่าจะถอนหมั้น และไม่ยินดีจะแต่งงานด้วยแต่การกระทำเช่นนี้ มันน่าแปลกนัก“น้องสาวเจ้าบาดเจ็บที่ข้อเท้า หากคราหน้าจะให้นางขี่ม้า เจ้าก็ควรหาคนที่ไว้ใจได้ไปดูแลนาง”“ขอรับ อิ่งเอ๋อร์เจ้าเจ็บมากหรือไม่”“ไม่มากเจ้าค่ะ ข้าอยากกลับเรือนแล้ว” เมื่อน้องสาวว่าดังนั้น ต้าหัวก็รีบย่อตัวให้น้องสาวขึ้นหลัง แล้วพาขึ้นรถม้า กลับเรือนทันทีหลังจากวันนั้น สวีลี่อิ่งก็ยังนึกแปลกใจกับการกระทำของเจี้ยนอี้โจว ทั้งที่คิดว่าเขาจะต้องโมโหและโกรธเรื่องที่นางขอกับฝ่าบาทมากกว่านี้ แต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ค่อยทุกข์ร้อนเท่าที่ควร“หรือข้าจะวางแผนการผิดมาโดยตลอด”คงมิใช่กระมัง เขาก็ยังตะคอกดุด่านาง เจอกับเสี่ยวปิงเมื่อใดก็ยังส่งสายตาหวานซึ้งให้กันอยู่ตลอด คงต้องเจ็บปวดทรมานอยู่บ้าง ที่มิอาจสมรสกับคนที่รักได้“คุณหนูเจ้า

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   10. น่าแปลก (1)

    “ท่านแม่ทัพ คือคุณหนูสวีนาง-” ยังไม่ทันที่นายกองไห่จะได้เอ่ยอธิบาย เจี้ยนอี้โจวอุ้มลี่อิ่งออกมาจากตรงนั้น“ทะ ท่านจะพาข้าไปที่ใด พี่ไห่ฉงไปบอกพี่ใหญ่เร็วเข้า”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านปล่อยคุณหนูลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” มี่มี่วิ่งตามผู้เป็นนายไป ส่วนนายกองไห่ก็รีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งรองแม่ทัพสวีลี่อิ่งมองสีหน้าถมึงทึงของชายหนุ่มก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แต่แทนที่หญิงสาวควรกลัว กลับนึกสนุก ทั้งผลัก ทั้งดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่ง“อยู่นิ่งๆ หากตกลงไปจะเจ็บตัว”“เช่นนั้นท่านก็ปล่อยข้า ข้าฝึกม้ากับพี่ไห่ฉงอยู่ดีๆ ท่านจะมายุ่งทำไมกัน”“มี่มี่ เจ้ารออยู่ด้านนอก!” ร่างใหญ่หันมาสั่งเสียงเข้ม จนบ่าวสาวขาแข็ง มิอาจก้าวเดินตามนาย ที่ถูกพาเข้าไปในกระโจมส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่ได้ร่างเล็กถูกวางลงบนเก้าอี้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะมายืนปักหลัก กอดอกอยู่ตรงหน้าว่าที่ภรรยา“เหตุใดจึงไปกอดรัดกับนายกองไห่ ชายหญิงไม่ควรเข้าใกล้กัน หรือเจ้าไม่รู้”“เช่นนั้นท่านอุ้มข้าเข้ามาในกระโจมทำไมกัน ชายหญิงมิควรเข้าใกล้กัน ท่านก็รู้อยู่แล้ว”“อย่ายอกย้อน! เจ้าเป็นคู่หมั้นข้าจะทำสิ่งใดก็ไตร่ตรองให้ดี อ่อ หรือว่าเจ้าคิดใช้แผนการทำให้ข้า

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   9. ขอความเป็นธรรม (3)

    “อิ่งเอ๋อร์ ช่วงนี้พี่ใหญ่มีงานวุ่นวาย จึงมิได้สนทนากับเจ้าบ่อยนัก หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาพี่ ก็อย่าได้เกรงใจ พูดคุยมาได้ อย่าเก็บเรื่องที่อัดอั้นตันใจไว้เพียงผู้เดียว” ระหว่างทางกลับเรือน รองแม่ทัพของแคว้นก็ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับนาง เพราะบนรถม้ามีเพียงพวกเขาสองพี่น้อง“พี่ใหญ่อย่าได้เป็นห่วงไปเลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้เป็นอันใด”“พี่เป็นห่วงเจ้ามาก ยิ่งช่วงนี้เจ้าเปลี่ยนไป มิร่าเริงเหมือนเคย พี่ก็ยิ่งห่วง”“ข้าเพียงรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เลยอยากเอาคืนพวกเขาบ้าง หรือท่านคิดว่าไม่ควร”“…” ต้าหัวได้แต่ลูบศีรษะเล็กเพื่อปลอบใจ“ทั้งที่ข้าดีกับพวกเขา ไว้ใจพวกเขา แต่กลับถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น ท่านไม่คิดว่าข้าควรเอาคืนบ้างหรือ”“เหตุใดจะไม่ควรเล่า พี่ใหญ่เองก็เตือนเจ้าหลายครา เจ้ามีสิ่งใดก็ให้เสี่ยวปิงไปหมด ขนาดของที่พี่ซื้อให้ เจ้าก็ให้นางโดยไม่นึกเสียดาย”“พี่ใหญ่ เหตุใดกลายเป็นท่านน้อยใจข้าเสียได้เล่า” ลี่อิ่งหัวเราะเบาๆ กับการกอดอก เชิดหน้าของพี่ชาย“หึๆ อิ่งเอ๋อร์ มีเรื่องใดอยากให้พี่ชายคนนี้ช่วย อย่าได้ลังเล ในเมื่อเจ้าอยากเอาคืนพวกเขา พี่ก็จะช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด”“ข้ารักพี่ใหญ

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   8. ขอความเป็นธรรม (2)

    หลังจากผ่านงานเลี้ยงคืนนั้นไป ผู้คนในท้องตลาดก็ลือกันสนั่น ว่าคุณหนูน้อยสกุลสวีใจจืดใจดำ มิเห็นแก่ความรักของท่านชายเจี้ยนอี้โจวกับพี่สาว ยืนยันจะไม่ถอนหมั้น ทั้งยังร้องขอต่อฝ่าบาท มิให้ท่านชายแต่งสตรีอื่นเข้ามา“นางคงต้องการกันท่า ไม่ให้พี่สาวได้แต่งเข้าจวนอ๋องเป็นแน่”“ข้าก็คิดเช่นนั้น เหตุใดสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน จึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้”“สงสารก็แต่ท่านชายกับคุณหนูใหญ่สวี มีใจต่อกันแต่กลับไม่ได้ครองคู่”ปัง! เสียงตบโต๊ะดังลั่นไปทั่วเหลาอาหาร จนทุกคนต้องหันไปต้นเสียง ก็พบว่าผู้ที่นั่งทานอาหารอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน เป็นบุคคลที่กำลังถูกนินทา“ปากมากนักนะ มิอยากทานข้าวเสียแล้วกระมัง”“พี่ใหญ่ใจเย็นไว้” ลี่อิ่งห้ามปรามพี่ชาย เพราะไม่อยากให้ผู้อื่นมองเขาไม่ดี“แต่-”“ให้ข้าจัดการเถิดเจ้าค่ะ” ลี่อิ่งเดินไปหาสตรีสองคนที่พูดถึงนางเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร“คุณหนูมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือยัง”“เอ่อ ข้ายังไม่มี” สาวร่างอวบอ้วนเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นๆ แต่ก็ยังรักษากิริยาเอาไว้ได้“เพราะท่านไม่มีคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ท่านจึงไม่เข้าใจความรู้สึกของข้า”“…” พอเป็นเรื่อง

  • สตรีแสนดีผู้นั้น ได้ตายไปแล้ว   7. ขอความเป็นธรรม (1)

    “หม่อมฉันมิอยากให้ท่านชายแต่งสตรีใดเข้ามา นับจากนี้ไปอีกสามปี” ตากลมชำเลืองไปมองใบหน้าของอี้โจวอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มตกใจจนเสียกิริยา ก็รู้สึกสนุกไม่น้อยป่านนี้ในใจคงเดือดพล่านแล้วกระมัง หึ!“จะเป็นไปได้อย่างไร! อี้โจวไม่มีพี่น้อง อย่างไรก็ต้องมีทายาสืบสกุลให้มาก เจ้าจะแต่งเป็นฮูหยินเอก อย่างไรก็ต้องใจกว้างเข้าไว้”“…”“เจ้าขออย่างอื่นเถิด แล้วข้าจะมิขัด” ฮ่องเต้ยื่นข้อเสนอให้สาวงามที่ยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง“ในใจของหม่อมฉันประสงค์เพียงเรื่องนี้ จึงไม่รู้จะกล่าวขอสิ่งใด ในเมื่อเรื่องที่ขอมิอาจเป็นจริงได้ หม่อมฉันก็มิอยากรบกวนฝ่าบาทเพคะ”“…”“เดิมทีหม่อมฉันไม่ได้ทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน เพียงมิอยากเห็นองค์ชายประชวรก็เท่านั้น ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาเพคะ” ลี่อิ่งก้มคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะหันหลังกลับ แต่เสียงของมารดาแผ่นดินก็ขัดขึ้นเสียก่อน“ฝ่าบาท คุณหนูสวีรักษาชีวิตของเชื้อพระวงศ์ ถือเป็นความดีใหญ่หลวง อีกอย่างสิ่งที่นางขอก็มิได้เหลือบ่ากว่าแรง นางขอเพียงสามปีเท่านั้น”“…”“ฝ่าบาท กษัตริย์ตรัสแล้วมิอาจคืนคำนะเพคะ” หงส์เคียงบัลลังก์กระซิบเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนพระนางพอจะทราบข่าวเรื่องของ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status